เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 211
< < 138 Sec1 > >
ทางฝั่งของวินดาฟนั้น เจ้าตัววินดาฟยังคงนั่งควบคุมก้อนน้ำอยู่อย่างใจจดใจจ่อ ทำเอาคนของเรนไม่กล้าไปขัดขวาง เลยเลือกจะยืนนิ่งจนกว่าแผนจะสำเร็จ
ทว่า
“หะ หัวหน้า!”
ลูกน้องจอมเวทย์คนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
“อะไร?”
“พะ พลาด—”
ตู้ม!!!!!!
ไม่ทันที่จะพูดจนจบประโยค เขตุแดนก็ถูกระเบิดจนกระจุยเกิดเป็นรูโหว๋ขนาดราวสามเมตรทรงกลม—ผมเดินเข้ามาภายในห้องส่วนกลาง และชำเลืองตามองไปทั่วทั้งห้อง
“คุณวินดาฟนี่ ..กำลังเล่นอะไรอยู่หรือครับ”
“เล่น? อ๋อ นี่กำลังวอร์มการควบคุมมานาให้เข้าที่อยู่น่ะนะ เพราะแก่แล้วหลายๆอย่างก็แย่ลงน่ะนะ ถ้าไม่วอร์มซะก่อนฟอร์มจะไม่เข้าที่เอา”
“แบบนี้นี่เอง ลำบากแย่เลยนะครับ” ผมมองไปที่เขตุแดนที่ขวางกั้นไว้ตรงหน้าอีกที่ “ถึงยังไงก็เถอะ รีบๆหน่อยนะครับ พวกเราต้องไปช่วยพวกราเมียร์ต่อ”
“เข้าที่พอดีเลยละ”
วินดาฟสลายน้ำในมือก่อนจะลุกขึ้นยืน และใช้ [เซปเตอร์เดธ] ชี้ไปที่ศัตรูทั้งหมด
“[เคิร์ต ออฟ ดาร์ค(คำสาปแห่งความมืด)]”
ก้อนคำสาปซึ่งเป็นเวทมนตร์ตระกูลคำสาปปรากฏขึ้นที่ปลายคทาเวทย์
นี่มัน เวทมนตร์ขั้นบรรลุนี่นา
คำสาปสีดำแตกย่อยออกเป็นสิบส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่ร่างของสิบชีวิตที่เหลืออยู่ แม้จะพยายามขัดขืนโดยหนีหรือว่ายิงเวทย์สวนก็ไม่ได้ผล คำสาปทะลุผ่านทุกอย่างและกัดกินหัวใจของทุกชีวิตจนสิ้น
เพียงพริบตาเดียวทั้งหมดก็นอนตายอยู่กับพื้น
วิธีแก้ทางเวทมนตร์นี่คือการหักล้างเวทมนตร์ ไม่ก็ใช้พลังเชิงคอนเซปต์ทำลาย หรืออย่างแย่สุดก็คือการวิ่งไปฆ่าผู้ใช้ให้ตายก่อนที่คำสาปจะถึงตัวเรา และอีกอย่างนั่นคือการใช้เวทมนตร์รักษาตัวเองในจังหวะที่โดนคำสาปไปแล้ว
ถ้าทำทันก็จะรอด เป็นวิธีแก้ทางที่ไม่ยาก แต่น่าเสียดาย
“ฮะ ..[ฮิล]..”
นักเวทย์ที่ยังเหลือสติอยู่เรียกใช้เวทย์รักษาแต่ก็ไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆขึ้นทั้งนั้น และเมื่อไม่ได้ผล สุดท้ายก็สิ้นใจตายไปอย่างรวดเร็ว ..ไม่ได้ผล ใช่แล้ว ต่อหน้า [เซปเตอร์เดธ] ทุกการรักษาไม่สามาถใช้งานได้ อย่างที่รู้กันว่านี่คือคทาแห่งความตาย
ถ้าหากถูกเซปเตอร์เดธจู่โจม ผู้ถูกโจมตีจะไม่สามารถรักษาร่างกายตัวเองได้ ทั้งเวทมนตร์ฮิล หรือว่าพลังเชิงคอนเซปต์ที่ช่วยรักษาตัวเองได้ หรือร่างกายชั้นยอดที่ฟื้นฟูตัวเองได้ ทั้งหมดจะไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเซปเตอร์เดธ เพราะอย่างนั้นเวทมนตร์คำสาปนั้นจึงทรงพลังมาก เพราะถ้าโดนเข้าไปก็หมดหนทางมีชีวิตรอด
ถ้าเป็นพวกกึ่งอมตะ พลังอมตะจะใช้ไม่ได้ผลทันที แต่ถ้าเป็นพวกอมตะที่แท้จริงอย่างมหามังกร การฟื้นฟูก็จะหายไปพักหนึ่งและจะอยู่ในสภาพที่ฟื้นฟูตัวเองไม่ได้จนกว่าจะตาย แน่นอนต่อให้มหามังกรตายไป พวกนั้นก็จะรวบรวมมานาสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ได้เสมอจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่มันจะมีปัญหาทันทีถ้าเกิดว่าผู้ใช้เซปเตอร์เดธเล่นเหลี่ยม ไม่รีบฆ่ามหามังกรให้ไปเกิดใหม่ แต่ทำให้อยู่ในสภาพรักษาตัวเองไม่ได้ค้างไว้อย่างนั้น ..ว่าง่ายๆ ต่อให้เป็นมหามังกร มันก็ยังเป็นอาวุธสุดทรงพลังที่มหามังกรยังต้องแหยงถ้าต้องเจอตรงๆ
นอกจากมหามังกร มันก็ฆ่าพวกเทพรึว่ายูจิที่เป็นอมตะอย่างแท้จริงโดยเด็ดขาดไม่ได้เช่นกัน แต่ก็เหมือนกับกรณีมหามังกร การที่ถูกสั่งไม่ให้รักษาตัวเองได้มันเป็นปัญหาสุดๆอยู่ดี ..อย่างผมรึจอมมาร หรือว่าเอเธอร์ ถ้าโดนโจมตีก็จะรักษาตัวเองไม่ได้ตามพลังของคทานี่ก็ลำบากยิ่งกว่าพวกอมตะอีก แต่จอมมารมีของมาแก้ทางอย่างดาบแห่งโซโลม่อนสุดขี้โกงนั่น เอเธอร์นั้นก็..ไม่ค่อยรู้ความสามารถเบื้องลึกเท่าไหร่ แต่คิดว่ายังไงก็ไม่มีทางตายหรอก คนๆนั้นน่ะ
ส่วนผมนั้น ..
“เสร็จเรียบร้อยแล้วละ”
“อ๊ะ นั่นสินะครับ เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก”
ผมกล่าวชมไปตามมารยาท วินดาฟยิ้มตอบผมก่อนหันเซปเตอร์เดธชี้ไปที่เขตุแดนอีกที่
“[แคนน่อนเอิร์ธ]”
กระสุนหินทะลุผ่านเขตุแดนไปอย่างง่ายดาย เขตุแดนค่อยๆสลายจากการทำลายและเผยให้เห็น–ราเมียร์ โทมิเรีย และมิร่าที่กำลังสู้กับมนุษย์ต้นไม้อย่างเอาเป็นเอาตาย
“อ๊ะ” มิร่าสังเกตุเห็นผม “เรเซอร์!”
“ไม่ต้องห่วง มาช่วยแล้ว”
ผมเดินเข้ามาแบบชิลๆ
มนุษย์ต้นไม้ จากที่สังเกตุดูแล้วมันมีพลังในการดูดซับความเสียหายและเอามาเป็นพลังให้ตัวเองได้ การโจมตีใส่โดยตรงจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนัก และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวมันดูดซับความเสียหายได้ขนาดไหน ถ้าเกิดว่ายัดเวทมนตร์แรงๆใส่เข้าไป แล้วมันเกิดดูดซับได้อยู่ดีละก็—ยิ่งสร้างหายนะเข้าไปใหญ่
ทางเลือกที่ฉลาดที่สุดเลยเป็นการผนึก
ผมเหวี่ยงดาบออกไปหกจังหวะ—ตัวดาบถูกเคลือยไว้ด้วยรังสีสีม่วง ซึ่งเป็นพลังในการสะบั้นมิติของยูนา แสงสีม่วงพุ่งเข้าไปล้อมรอบตัวมนุษย์ต้นไม้ไว้ จากนั้นผมก็ทำการตัดมิติอีกสิบครั้ง ทำให้เกิดเป็นมิติที่ถูกตัดแยกกับมิติปกติขึ้นมา–พร้อมกับรอยกระจกแตกที่แสนน่าคิดถึง
รอบตัวมนุษย์ต้นไม้ถูกคลุมไว้ด้วยผนึกสีม่วงที่โปร่งใสจนเห็นทุกอย่างทะลุเหมือนกระจก และแม้มนุษย์จะพยายามทุบกระจกนี่ให้แตกยังไงมันก็ไม่ได้ผล
ผมเก็บดาบคู่ใจเข้าฝัก เป็นอันจบเรื่องจบราว
โทมิเรียและราเมียร์จับจ้องตัวผนึกด้วยใบหน้าที่ดูเหวอ วินดาฟมองอย่างสนอกสนใจพลางลูบหนวดไปด้วย ส่วนมิร่านั้นมองเหมือนเป็นเรื่องปกติ เพราะเธอรู้อยู่แล้ว
“ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพนั้นรึ ..” ราเมียร์พึมพำขึ้น “นายเป็นใครกันแน่”
“ก็แค่นักศึกษาทั่วๆไป–อยากพูดประโยคเท่ๆแบบนี้อยู่หรอก แต่คงไม่ได้สินะ ก็อย่างที่เห็นแหละ เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับเทพที่ถูกชวนมาร่วมงานประชุมโลก ในฐานะผู้คุ้มครอง แค่นี้แหละ แต่แปลกนะ ไม่ใช่ว่าสถานที่อย่างงานประชุมโลก ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพจะมีให้เห็นจนเกลื่อนรึไงกัน”
ก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสไปร่วมวงสนทนากับผู้ใช้วิญญาณระดับเทพอีกตั้งสามคนเชียวนะ แล้วยังมียูจิอีก
“การทำสัญญากับวิญญาณระดับเทพไม่ได้ง่ายขนาดนั้นสักหน่อย ไม่ใช่แค่คุณสมบัติต้องตรง แต่ต้องถูกยอมรับจากตัววิญญาณระดับเทพด้วย แม้จะมีวิญญาณระดับเทพถึงสิบแปดตน แต่ก็ใช่ว่าในทุกยุคสมัยจะมีผู้ครอบครองสิบแปดคนนะ”
อย่างไรซะ เกณฑ์ในการได้รับเลือกก็คือเป็นที่ถูกใจของวิญญาณระดับเทพ ซึ่งยากที่จะหาคนอย่างนั้นได้ แถมยังโชคดีมีโอกาสเจอวิญญาณระดับเทพอีก
“ช่างเรื่องนั้นก่อนดีกว่านะ ราเมียร์ สนใจเรื่องที่ต้องเคลียร์ตอนนี้ก่อนดีกว่า”
โทมิเรียเดินมาคุยกับผมแทน
“พวกเรากำลังถูกหมายหัวสินะคะ”
“..อืม ตามนั้นแหละ”
ผมไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่ว่าคนที่โดนหมายหัวมันผมต่างหาก พวกเธอเลยซวยไปด้วย แต่ก็เอาเถอะ
ผมกระแอ่มปรับอารมณ์ก่อนพูดต่อ
“ผนึกจะอยู่ได้ประมาณยี่สิบนาที” ผมหันไปมองศพที่สภาพยังดูดีอยู่ “ก่อนอื่น ต้องรู้เป้าหมายของเรนก่อน”
แน่นอนว่าเป็นการล่าผม แต่เป้าหมายสูงสุดที่กล้าถึงขนาดบุกงานประชุมโลกไม่น่าใช่ผมหรอก ถ้าเป้าหมายคือตัวผมเดี่ยวๆ หมอนั่นน่าจะดักฆ่าผมคนเดียว แบบนั้นง่ายกว่าเยอะ
ผมเดินไปนั่งชันเข่าข้างศพคนที่น่าจะเป็นหัวหน้า จากนั้นก็ใช้มือสัมผัสที่หัวของอีกฝ่าย
“นี่มัน”
วินดาฟพึมพำขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ—ผมทำการตัดมิติ
รอยกระจกแตกเกิดขึ้นทั่วทั้งร่างของศพ จากนั้นแสงสีม่วงก็พุ่งเข้าใส่ในหัวของผม
ตัดมิติ เพื่อที่จะอ่านความทรงจำ นี่คือหนึ่งในความสามารถของยูนา
ความทรงจำช่วงก่อนเริ่มแผนไหลเข้ามาในหัวของผม ถึงกระนั้นก็น่าเศร้าที่ผมไม่อาจทราบเป้าหมายของเรนได้ ที่รู้ก็มีแค่เรื่องที่เรนใช้ของประหลาดๆครอบครองทั่วทั้งงานประชุมโลก และเรื่องของสิ่งที่เรนใช้โดยระเอียด
แต่ก็ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่ามันคืออะไร แต่ทุกคนเรียกกันปากต่อปากว่า– ‘ต้นไม้โลก’
พูดถึงต้นไม้โลกแล้ว ถ้าจำไม่ผิด ก่อนที่อลันจะกลายเป็นวิญญาณระดับเทพ เขาคือผู้ใช้พลังของต้นไม้โลกนี่นะ ในนิยายต้นฉบับก็พอทราบข้อมูลอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ได้มากมายอะไร เหมือนคนแต่งไม่อยากเล่าถึงต้นไม้โลกอย่างไรอย่างนั้นเลย ไม่รู้ว่าขี้เกียจหรือยังไงกันแน่
เอาเป็นว่า ผมรู้วิธีกู้สถานการณ์ทั้งหมดแล้ว เพียงแค่เดินหมากครั้งเดียว แผนของเรนก็จะพังในทันที
ก่อนอื่นก็ต้องรีบจัดการให้จบๆไป เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานกว่านี้–หายนะได้มาเยือนแน่
ผมมองมือของตัวเอง และกำมันไว้ ไร้ซึ่งความลังเล พยายามทำตัวเองให้ไม่ลังเลต่อทุกสรรพสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ ที่ต้องทำก็แค่..สะบั้นทั้งหมดให้สิ้นภายในอึดใจเดียว
ขอยืมพลังหน่อยนะ ยูนา
“ออกมาซะ”
รอยกระจกแตกเกิดขึ้นทั่วทั้งห้อง อากาศเกิดการสั่นไหว และพริบตาเดียวทั้งการสั่นไหวและรอยกระจกแตกก็หายไปจนหมด และปรากฏให้เห็นดาบสีม่วงที่ลอยอยู่บนฟ้าความสูงทัดกับหน้าอกของผม
ผมคว้าดาบเล่มนั้นเอาไว้—ใช่ มันคือ [ดาบสะบั้นมิติ] พลังที่ได้จากการผสานยูนาเข้ากับข้อผิดพลาดของโลกในตัวผม
พลังของดาบเล่มนี้ มากพอจะทำลายต้นไม้โลกให้หายไปได้อย่างง่ายดาย ง่ายพอจะลบตัวตนบางสิ่งบางอย่างบนโลก และมากพอจะแยกโลกออกจากกันได้ มันคือพลังที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุดเท่าที่ผมจะมีได้ แต่แน่นอน ทุกอย่างย่อมมีข้อเสีย
ทุกครั้งที่ใช้ อายุขัยผมจะถูกลดลงอย่างมหาศาล และก็ติดต่อสื่อสารกับยูนาได้ยากขึ้นด้วย ในการใช้ครั้งที่สอง ผมไม่อาจทราบได้เลยว่าจะมีผลค้างเคียงอย่างอื่นอีกหรือเปล่า แต่ว่าเพื่อเอาชนะเรนให้ได้ ผมจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้
ผมกำดาบไว้แน่น จากนั้นก็เหวี่ยงมันใส่พื้นทันที
แสงสีม่วงพวยพุ่งออกมาตามมาด้วยรอยกระจกแตกที่เกิดขึ้นทั่วทั้งงานประชุมโลก—กระจกค่อยๆระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับแสงสีม่วงที่ปกคลุมทุกสรรพสิ่ง
เอาละโลกที่บิดเบือนเอ๋ย จงแยกออกจากกันเสีย
****
เรลันต้าเหวี่ยงดาบเข้าใส่ลีออนอย่างรุนแรง ลีออนตอบโต้โดยการใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุ แต่เพราะมันไม่ใช่วิชาสำหรับต่อสู้โดยตรงทำให้พลาดถูกอัดจนกระเด็น
“ละ ลีออน!”
จูเลียสตกใจรีบวิ่งไปหาลีออนพร้อมกับคนในชุดคลุม
อัลเบโด้วิ่งเข้าใส่เรลันต้า เมื่อเข้าระยะโจมตีก็ใช้วิชาหมัดผสมกับเวทย์ประเภทเพลิงที่ตัวเองถนัดเข้าต่อสู้ แต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ถูกอ่านจนหมดเปลือก และหลบหลีกทุกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ฮิโรชิยิงเวทมนตร์จากระยะไกลช่วยซัพพอร์ตแต่ทั้งหมดก็ถูกสายลมรอบตัวของเรลันต้าเป่าจนกระเจิง–เรลันต้าก้าวเท้าหลบทุกหมัดอย่างง่ายดาย ก่อนจะสวนโดยการใช้ขาถีบเข้าที่หน้าท้องของอัลเบโด้จนปลิวไปชนกับฮิโรชิอีกที
“อ่อนแอเป็นบ้า เป็นถึงผู้นำของผู้คน อย่างน้อยก็ต้องมีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าข้าไม่ใช่หรือไงกัน เหล่าราชาเอ๋ย”
“โทษทีนะ ราชาแห่งแซร์อิซ กระผมเป็นเพียงรัฐมนตรี อีกสองปีก็ครบวาระแล้วต้องลงจากตำแหน่งแล้ว–อีกอย่าง ผู้นำใช่ว่าจะต้องมาสู้เองสักหน่อย ที่ต้องการคือผู้มีวิสัยทัศน์ต่างหาก ราชาที่รบเป็นอย่างเดียวน่ะสร้างสันติสุขที่แท้จริงไม่ได้หรอกนะ จุดนี้ท่านหัดเอาอย่างท่านอัลเบโด้บ้างก็ดีนะ”
ฮิโรชิตอบกลับด้วยใบหน้าที่ปั้นรอยยิ้มเอาไว้ พร้อมกับแซะไปเบาๆ เรลันได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้สนไม่ได้แคร์อะไร
“จะยังไงก็ช่าง! อ่อนแอเกินไปมันก็ไม่ดีละนะ” เรลันต้าหันไปมองทางลีออนและคนในชุดคลุม “แล้วเอายังไงลีออน เมื่อไหร่จะสั่งให้เจ้านั่นมาสู้กับข้าเสียที”
“..ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเกินจำเป็น ..ก็แค่นั้นครับ”
ลีออนปัดเลือดที่ไหลออกจากปากออก และลุกขึ้นยืนอย่างห้าวหาญ
“ดีมาก อย่างเจ้านี่แหละถึงจะเติบใหญ่ไปเป็น—ราชาที่ดีได้!”
เรลันต้าเดินเข้าใส่ลีออน–ลีออนหยิบดาบออกมาปะทะแทน เพราะเตรียมวิชาเล่นแร่แปรธาตุไม่ทัน
แน่นอนว่าสู้ไม่ได้เลย เพียงการแลกดาบจังหวะเดียว ดาบของลีออนก็ขาดสะบั้นและตัวลีออนก็ปลิวไปกับแรงกระแทกเอาดื้อๆ
เมื่อเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว คนในชุดคลุมจึงออกหน้าชนกับเรลันต้าตรงๆ
เรลันต้าแสยะยิ้มและเหวี่ยงดาบเข้าใส่สุดแรงเกิด—ทว่าก็ต้องยั้งดาบไว้และกระโดดถอยหลังไปตั้งหลักก่อน เพราะมีอะไรบางอย่างลอยมา เมื่อหันไปมองดีๆก็พบกับร่างของเด็กหนุ่มสวมแว่นผลสีน้ำตาลที่ดูผอมแห้งแรงน้อยแต่ดูฉลาดเป็นพิเศษ
ร่างนั้นกระแทกกับพื้นและกลิ้งราวๆสามตลบก่อนจะนิ่ง …จูเลียสเห็นก็หน้าซีด
“มะ มาเจลไม่ใช่เหรอ!? มาเจลของพวกเรา” จูเลียสวิ่งไปเงี่ยหูฟังเสียงหัวใจ “โชคดีไปยังไม่ตาย ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพเพียงคนเดียวของอาณาจักรเรา”
เรลันต้ามองมาเจล ก่อนจะถอนหายใจเฮือกโต
“ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ? ดูไม่มีรังศีเอาซะเลยนะ เทียบกับเวฟของอาณาจักรข้าไม่ได้เลยไม่ใช่รึไง”
“วะ ว่าไงนะ! มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นแหละที่ข้ายอมไม่ได้ อย่าบังอาจมาว่าร้ายมาเจลของเรานะ!”
ดูรักกันเหมือนพ่อลูกเลยแฮะสองคนนี้..อัลเบโด้แอบคิดในใจเช่นนั้น
“จะยังไงก็ช่าง ..มาเร็วเหมือนกันนี่ ราชันย์มังกรกลอเลียส”
เรลันต้าหันไปมองผู้มาเยือนที่โยนร่างไร้สติของมาเจลมา นั่นก็คือราชามังกร จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิราชันย์มังกร ‘กลอเลียส’
กลอเลียสเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่เงียบสงบ พร้อมกันชายตามองไปทั่วทั้งห้อง
“ข้าสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ มันหมายความว่ายังไงกันเรลันต้า เหตุใดราชาของแต่ละอาณาจักรถึงได้เข้าห้ำหั่นกันเอง”
“ง่ายๆเลยกลอเลียส มันมีคนทรยศอยู่ในหมู่พวกเรา จำเป็นต้องกำจัดให้เร็วที่สุด”
“โดยการสุ่มจัดการทุกคนจนกว่ามณีวายุของเจ้าจะไม่ส่งเสียงร้องรึ?”
“ง่ายดีใช่มั้ยล่ะ”
กลอเลียสเดินไปประชิดตัวเรลันต้าโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว
“เป็นวิธีที่ได้ผล แต่สอบตก ในฐานะราชาแล้ว–คนอย่างเจ้าน่ะ เป็นแค่นักรบก็พอแล้ว เรลันต้า”
“พูดมากน่า!!”
เรลันต้าเหวี่ยงดาบในระยะประชิด กลอเลียสสวดหมัดเข้าที่หน้าท้องของเรลันต้า
“อึก!”
หมัดของกลอเลียสทะลุผ่านวายุคุ้มครองของเรลันต้าไปอย่างง่ายดาย และอัดเข้าเต็มแรงที่หน้าท้อง ถึงกระนั้นแรงที่ส่งก็ไม่มากพอจะส่งให้เรลันต้าปลิวหรือว่าหมดสติ—เรลันต้าถอยหลังไปช้าๆก่อนจะทรุดลงกับพื้น
“ได้ข่าวว่าอ่อนแอลงเพราะแก่แล้วไม่ใช่รึไง แรงยังดีอยู่เลยไม่ใช่รึไง”
“มันหมายความว่าแต่ก่อนแรงเยอะกว่านี้ต่างหาก เรลันต้า”
“เหอะ! จะอวดกันรึไง—ก็ได้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วซัดเจ้าให้เละไปด้วยคนด้วยเลยจะเป็นไง!”
เรลันต้ายกดาบขึ้นฟ้า กลอเลียสรีบพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง พร้อมกับออกหมัดที่มีความรุนแรงมหาศาลใส่–เรลันต้าใช้แขนอีกข้างแลกหมัดกับกลอเลียส
จังหวะแรกสูสี จังหวะปะทะต่อๆไปก็สูสีเพราะว่ากลอเลียสใช้แขนเพียงข้างเดียวเช่นกัน
การแลกหมัดของทั้งสองคนนั้นสูสี ทั้งความเร็วและความรุนแรง จึงกล่าวได้ว่า-เรลันต้านั้นมีพลังกายระดับเดียวกับราชามังกร
“ย๊ากกกกก!!!!”
“!”
เมื่อรวบรวมสายลมได้มากพอแล้ว เรลันต้าก็เหวี่ยงดาบใส่กลอเลียสทันที ทางด้านกลอเลียสนั้นก็ใช้งานแขนอีกข้างที่ชาร์จแรงเอาไว้เช่นกัน
ดาบราชันแห่งแซร์อิซ และหมัดของราชันมังกร ในวินาทีที่กำลังจะปะทะกันนั้น—-รอยกระจกแตกเกิดขึ้นทั่วทั้งบริเวณ และตามมาด้วยแสงสีม่วงที่แล่นผ่านหน้าไปในเวลาเพียงเชี่ยววินาทีเดียว
“ “..” ”
ทั้งสองได้ยั้งมือเอาไว้ก่อน ..เพราะว่าจู่ๆมิติที่ถูกบิดเบือนก็หายไป กลายเป็นพื้นที่โล่งกลางเวทีโลกเปล่าๆเสียอย่างนั้น
อัลเบโด้มองไปรอบๆอย่างแปลกใจ
“กลับมาเหมือนเดิมแล้ว ..”
ไม่ใช่แค่พวกตัวเอง คนอื่นๆก็ด้วย แน่นอนรวมถึง..เรนและอลิซาเบธที่ยืนเหวออยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน
“..เห้ยๆ เรื่องอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จังหวะพอดีเลยวะ”
เรลันต้าตรงดิ่งไปหาเรน—เรนที่สังเกตุเห็นเรลันต้าก็รีบวิ่งไปทันที พร้อมกับแบกอลิซาเบธที่เจ็บหนักไปด้วย
“จะหนีไปไห—น!!!!!”
เรลันต้าเหวี่ยงดาบที่อัดด้วยลมเข้าใส่ร่างของเรน จนเรนล้มลงกับพื้นอย่างหมดรูป อลิซาเบธที่อุ้มเอาไว้ก็ล่วงลงพื้นอย่างจังๆจนแผลเปิด
“อะไรนักหนาวะเนี่ย!!? ไอ้พวกเวรเอ้ยย!!! ทำไมจู่ๆต้นไม้โลกที่ผมอุตส่าห์สะสมพลังงานมาตั้งเป็นพันๆปีถึงหายไปได้วะ!! แม่งเอ้ย บัดซบที่สุดเลย แม่งเอ้ย!!!!”
“หนวกหูโว้ย!”
เรลันต้าเหยียบหลังของเรนสุดแรงจนกระดูกถึงกับหัก
“อ๊ากกกกกกกกกก”
“บอกว่าหนวกหูไง!!”
“เจ็บๆๆๆๆๆๆๆ อลิซาเบธช่วยด้วย อลิซาเบธ”
“ท่านเรน!”
ในจังหวะแห่งความเป็นความตายครั้งที่ไม่รู้เท่าไหร่ของเรนนั้น—มนุษย์ต้นไม้นับสิบก็วิ่งกรูขึ้นมาบนเวที
‘อวากกไกไกกกกกกกกกกกกกกก!!!’
“ตัวอะไรวะเนี่ย พูดภาษาอะไร ฟังไม่รู้เรื่องโว้ย!”
เรลันต้าเหวี่ยงดาบใส่มนุษย์ต้นไม้จนปลิวไปไกลหนึ่งตัว จากนั้นก็กะจะกระทืบตัวที่สองต่อ แต่ตัวที่สองมีทักษะในการหลบเป็นพิเศษทำให้ฟันไม่โดนสักที
เรลันต้าที่หัวร้อนไม่ไหวทำท่าจะระเบิดสายลมออกมาอยู่ร่ำไร แต่ก็หยุดไว้ก่อนเพราะได้ยินคำเตือบจากกลอเลียส
“อย่าจู่โจมใส่พวกมนุษย์ต้นไม้โดยไม่จำเป็น!”
“หา?”
แม้จะแปลกใจกับคำสั่ง แต่เรลันต้าก็เลือกจะเชื่อกลอเลียส และเอียงตัวหลบการโจมตีเด็กเล่นของพวกมนุษย์ต้นไม้แทน
เรนและอลิซาเบธที่เห็นว่าได้จังหวะก็หยิบคริสตัลออกมาจากกระเป๋า และทำการบีบมันจนแตก—แสงสีฟ้าปกคลุมทั่วตัวทั้งสองคน จากนั้นทั้งสองก็หายตัวไปพร้อมกับแสงสีฟ้า
“ชิ ประมาทให้พวกมันเกินไป”
เรลันต้าหันไปมองทางมนุษย์ต้นไม้ ก่อนจะเบิกตาโพลงกว้าง
“เจ้าพวกนี้มันทหารของข้าไม่ใช่รึไง”
“ถูกต้นไม้โลกกลืนกินไปแล้วสินะ”
“ต้นไม้โลก? กลืนกิน?”
กลอเลียสพยักหน้ารับ
“เดี่ยวข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลัง ตอนนี้รับมือพวกมนุษย์ต้นไม้กันก่อน”
“เร็วๆหน่อยละกัน”
****
ภายในเรือรบขนาดยักษ์ เรนและอลิซาเบธล่วงลงพื้นอย่างหมดรูปในห้องพักของตัวเอง
“เหมือนว่าจะหนีออกมาได้ทัน..”
“ค่ะ ..เพราะคริสตัลที่เตรียมไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน”
เรนลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลเพราะบาดเจ็บสาหัส เขาลงไปนั่งบนเก้าอี้และทุบโต๊ะดังลั่น
“บัดซบเอ้ย..แผนพังหมดแล้ว..ต้นไม้โลก..ต้นไม้โลกที่ผมคนนี้พยายามรักษามาตลอดสองพันปี ละลายหายไปแล้ว” เรนขยี้ผมตัวเอง และพบว่าตัวเองมีอาการผมล่วงอย่างหนัก “..ไปตายให้หมดซะ ไปตายให้หมดซะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เรนทุบโต๊ะรัวๆด้วยอาการหัวเสีย อลิซาเบธค่อยๆลุกขึ้นยืน พร้อมกับบาคุนาว่าที่ยังโชคดีเก็บกู้มาได้
“พวกเรารีบไปสินะคะ”
“ไม่ใช่ ..พวกเราไม่ได้ทำอะไรพลาดทั้งนั้น ถ้าเกิดไม่มีไอบ้าคนไหนมาทำลายต้นไม้โลก แผนการณ์ก็คงสำเร็จไปได้ด้วยดีแท้ๆ ..แผนพังหมดแล้ว..ความพยายามตลอดสองพันปีมันจบแล้ว …”
….
ในห้วงแห่งความสิ้นหวังของเรนนั้น จู่ๆประตูห้องก็เปิดออก
“..ท่านลูซิเฟอร์”
‘ลูซิเฟอร์’ ปีศาจบาปแห่งความเย่อหยิ่ง เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับแมวนาม ‘อาซาเซล’ ที่เกาะอยู่บนไหล่
“สภาพไม่น่าดูเลยนะ”
“หนวกหู!”
เรนปาหนังสือเล่มใหญ่ใส่ลูซิเฟอร์–ลูซิเฟอร์เดินหลบ ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไปทันที แต่ก่อนจะปิดประตูลูซิเฟอร์ได้พูดทิ้งท้ายไว้
“ไปกันเถอะ อาซาเซล”
….
…
แล้วจะเข้ามาทำซากไรตั้งแต่แรกฟร้ะ?
****
รู้สึกตัวอีกที งานประชุมโลกก็กลับมาเหมือนดั่งเดิม..ผมยืนอยู่บนโคลอสเซียม พร้อมกับวินดาฟ โทมิเรีย มิร่า แล้วก็ราเมียร์
“ฝีมือของท่านสุภาพบุรุษเพลิงสังหารหรือคะ?”
ผมพยักหน้ารับส่งท้าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
ทุกคนต่างไม่พูดอะไรทั้งนั้น ต่างคนต่างเงียบ คงจะตกใจในหลายๆเรื่องนั่นแหละ ..เพราะปัญหาดูจบง่ายพิลึก
ถึงอย่างไรก็เถอะ ตอนนี้ผมรู้สึกหนักร่างกายมาก มานาหมดตูด วงจรเวทย์แทบจะขาด กล้ามเนื้ออ่อนล้าสุดขีด ผมหลังจากใช้การสะบั้นมิติอยู่ในสภาพที่ไร้การป้องกัน ตอนนี้แค่คนทั่วๆไปก็คงฆ่าผมได้ไม่ยากเลยแหละ ..
“แบบนี้นี่เอง เรนถึงได้หวาดกลัว”
…?
ใครพูดกัน–ผมหันไปทางเจ้าของเสียง ซึ่งเป็นวินดาฟที่พูดขึ้น
“..เรนเหรอครับ?”
“ใช่สิ”
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ท่าทางของวินดาฟแปลกไป ..สีหน้าจู่ๆก็ดูเย็นชาขึ้นมาต่างกับทุกทีที่เป็นคุณลุงใจดี
ว่ายังไงดี วินดาฟตอนนี้ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ
“ข้อผิดพลาดของฉันคือการไม่รีบตระหนักรู้ถึงความอันตรายของเธอสินะ”
“..พูดอะไรน่ะครับ คุณวินดา—”
เซปเตอร์เดธชี้ใส่ผม—เอ๊ะ
เรื่องอะไรกัน?
หา?
อย่าบอกนะว่า—คนทรยศที่ว่าคือ ..ราชาจอมเวทย์? วินดาฟน่ะเหรอ?
คุณลุงใจดีที่ดูไม่มีพิษภัยคนนั้นเนี่ยนะ
ต้องรีบตอบโต้ให้เร็วที่สุด แต่ว่าช้าไป ร่างกายผมไม่ไหว ตอบโต้ความเร็วของวินดาฟไม่ทัน ผมตอนนี้—ไม่ต่างกับเป้านิ่ง
เปลวเพลิงพุ่งออกจากปลายคทาเวทย์ เพียงแค่เวทย์เพลิงทั่วๆไปตอนนี้ก็เผาผมให้ตายได้ง่ายๆ—-ราเมียร์วิ่งมาซัดเพลิงทิ้ง พร้อมกันนั้นโทมิเรียและมิร่าก็หันมือที่ตั้งท่าร่ายเวทย์เข้าใส่วินดาฟ
วินดาฟควงเซปเตอร์เดธสามจังหวะ ก่อนจะกระแทกลงพื้น—-
“–[อาณาจักรแห่งสายลม]”
เวทมนตร์ตระกูลอาณาจักร—เปรียบได้ดั่งพื้นที่ปิดตายที่ไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้
พวกเราทุกคนถูกลากมายันที่แห่งนั้นเพื่อฆ่าทิ้งไม่ผิดแน่
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งในอาณาจักรแห่งสายลม การต่อสู้กับราชาจอมเวทย์ก็ได้เริ่มขึ้น