เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 21: ทางเลือก
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 21: ทางเลือก
< < 19 > >
———–ไม่ผิดแน่
ใบหน้าของผมพลันเปลี่ยนสีเป็นสีขาวซีก สีที่บ่งบอกถึงความบรรลัยเท่าที่โลกใบนี้จะแสวงหาได้
เธอตรงหน้า ไม่ผิดแน่ เธอคือ ‘หนิง’ นางเอกแห่งนิยายต้นฉบับ ภรรเมียหลวงของยูจิ! หล่อนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าและพบรักกับเด็กหนุ่มในโชคชะตา————— ‘ยูจิ mask2!!!’
บ้าเอ้ย เนื้อเรื่องผิดเพี้ยนไปซะแล้ว! ยูจิ ถูก ยูจิmask2รุ่นลิมิเต็ดขโมยไปแล้ว!!!
ผมปากสั่นพะงาบๆ ไม่หยุด และพฤติกรรมนั่นคงทำให้คุณนางเอกหลักกลัว
“…”
เธอมองผมอย่างระแวงและพยายามก้าวเท้าเว้นระยะห่าง ยูจิสังเกตุถึงจุดนั้นได้
“คุณเรเซอร์ไม่ทำร้ายใครหรอกนะครับ”
แม้จะเจอกันได้ไม่ถึงวัน แต่ยูจิก็พยายามช่วยไม่ให้ผมถูกเกลียด น่าซึ้งใจะชมัดเขาเป็นคนดีเหมือนกับยูจิต้นฉบับเลย
…แล้วคุณนางเอกต้นฉบับจะกลัวอะไรผมหนักหนานั่น ว่าแล้วเธอก็ไปหลบหลังยูจิ
‘ขอตอบค่ะ’
ครับ
‘อย่างที่มาสเตอร์รู้ดี ว่านางเอกต้นฉบับอะไรนั่นครอบครองสายเลือดของฟัฟนิร์ซึ่งจะสืบต่อกันให้เจ้าหญิงรุ่นสู่รุ่นก่อนจะสิ้นใจไป เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลก’
ไม่แปลกยังไง?
‘มาสเตอร์ครอบครองตัวฉันไว้อยู่——-ไอคนที่ตบกระบาลฟัฟนิร์ก็คือฉันไงคะ? ดูเหมือนว่าฟัฟนิร์ จะกลัวฉันขนานหนักจนถึงขั้นอยู่ในสายเลือดไปแล้วละคะ เด็กตรงหน้าตอนนี้เลยกลัวมาสเตอร์ซึ่งครอบครองวิญญาณฉันไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ค่ะ กล่าวก็คือศัตรูโดยธรรมชาติ’ ยูนาหัวเราะ หึๆ ‘ได้กลิ่นเลือดแล้วคะ’
…ตายละแบบนี้
เมื่อเข้าใจถึงเหตุผลได้แล้ว ผมจึงทำเมินพฤติกรรมหวาดกลัวผมของหนิงได้
เธอน่าสงสาร
ผมยื่นมือไปให้
“มา ม๊ะ มานี่ม๊ะ จุ๊ๆ”
“—–ตั้งใจดูถูกกันหรือไง!?”
เจ้าหล่อน เพรียะ! ใส่มือผมสุดแรง ยูจิรีบเข้ามาขวางไว้ ไม่เช่นนั้นได้เกิดการนองเลือดระหว่างสายเลือดฟัฟนิร์ กับศิษย์เอกยูนาแหง
“-จ ใจเย็นก่อนนะครับคุณริน เอ่อ แล้วคุณเรเซอร์เองก็ใจเย็นๆ นะครับ”
ผมก่ายหน้าผากตัวเอง
“เมื่อกี้ผมแค่สร้างความไว้วางใจเองนะ”
“…หรือครับ?”
“ใช่”
ริน—–หนิงส่ายหัวให้ผับ
“ท่าทางอย่างนั้นมันไว้ใช้กับสิ่งมีชีวิตที่ต่ำด้อยกว่าเท่านั้น -จ เจ้าคนมารยาททรามตรงหน้าตั้งใจก่อกวนใจเราแน่นอน”
“อะไรของหล่อนเนี่ย? อย่าถือตัวว่าอยู่เหนือกว่าหมาแมวเชียวละ”
“ก็รู้นี่น่าว่ามันเป็นท่าไว้ใช้กับหมาแมวน่ะ!”
——แทะแฮะ ผมแลบลิ้นแก้เขินให้
ให้เดาตอนนี้หล่อนคงกำลังโกรธจัด
‘ไม่เห็นต้องแกล้งเลยนี่คะ? น่าสงสารแย่’
นึกว่าหล่อนที่เกลียดฟัฟนิร์เข้าไส้จะชอบใจซะอีก
‘ฉันแยกแยะได้ค่ะ’
นั่นสินา
ว่าแล้วผมจึงส่งยิ้มให้หนิง
“…อะไร?”
เธอคงจะเกลียดผมเข้าให้แล้ว
“น่าๆ ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันเลยครับ ..ว่าแต่คุณเรเซอร์เองก็อย่ายุคุณรินสิครับ”
ยูจิปรามเสร็จจึงเข้ามากระซิบกับผม
“อ่า เข้าใจแล้ว”
ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรให้หนิง
“…อย่าเข้ามานะ”
“โทษทีละกัน”
ยูจิยิ้มเจื่อนๆ
“ถ้านั้นก็”
ก่อนที่เขาจะมาอยู่ตรงหน้าหนิง พลางส่งยิ้มสดใสไร้เดียงสาให้
“ถ้าไม่รังเกียจสนใจเดินเล่นกับพวกผมมั้ยครับ?”
ยูจิกล่าวออกมาอย่างซื่อตรง——หนิงพยักหน้ารับเบาๆ
“อืม”
“เป็นอันตกลงนะครับ”
เขากล่าวทั้งรอยยิ้ม—–ชั่งคล้ายกับยูจิคนนั้น ยูจิที่ผมคุ้นเคย
….ยูจิคนนั้น แล้วยูจิ mask2 เหมือนกันทุกอย่างเลย
******
แสงไฟงดงามทั้งหมดล้วนงดงาม หาใช่เพราะความสามารถของผู้จัดทำหรือว่าความดีของตัวนำแสง หากแต่เป็นมุมมองของสาวน้อยเท่านั้น
เธอคล้ายคลึงกับนก ซึ่งถูกขังไว้ในกรง
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เธอก็อยู่แต่ในกรงเสียแล้ว ตั้งแต่จำความได้ เธอก็ลืมเลืองกระทั่งใบหน้าของแม่ผู้ให้กำเนิดไปเสียแล้ว หน้าของผู้เป็นพ่อก็เช่นกัน ..เธอมักเฝ้าถามกันตัวเองเสมอว่าทุกคนต้องการอะไรจากเธอ? ทำไมต้องทำให้เธอเกิดมาด้วยในโลกซึ่งแสนจะว่างเปล่าแห่งนี้
ตายไปอาจจะดีกว่า——-เธอคิดเช่นนั้น
สีของใบหญ้าซึ่งเกิดโดยธรรมชาติ จากพื้นดินแท้ๆ เธอยังไม่เคยได้เห็น น้ำทะเลหรือน้ำคลองก็ไม่เคยได้เห็น แต่แน่นอนว่าเธอรู้จักธรรมชาติ สิ่งที่เธอไม่เคยเห็น เธอรับรู้ได้จากหนังสือซึ่งถูกยัดเยียดให้อ่านเป็นประจำวันละไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง
นั่นคือจุดแรกเริ่มของความโหยหวนที่ ‘อยากจะหนี’ ไปของเธอ
เมื่ออายุได้ราว 6 ขวบ เธอก็สัมผัสได้ถึงความสุขจากการกิน
อาหารไม่ว่าจะสิ่งใดล้วนอร่อย อาจเป็นเพราะเธอเป็นถึงเจ้าหญิงก็ได้ แต่ความจริงไม่ใช่เหตุนั้น เหตุผลจริงๆ คือมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอสามารถลิ้มรสชาติได้
การกินจึงกลายเป็นความสุขเพียงอย่างเดียวของเธอไป—-น่าเสียดาย ทุกการกินมักถูกจำกัดไว้อย่างพอดีตามหลักโภชนาการ แม้อยากจะกินเพิ่ม แต่ไม่มีผู้ใดมอบความสุขเพียงอย่างเดียวให้เธอเลย
ความโหยหวนที่ 2 มาจากความคิดที่ว่า ‘อยากกินอะไรใหม่ๆ บ้างจัง’
ในคราว 10 ขวบ จากที่เกลียดเธอเริ่มชอบการอ่านหนังสือ อาจจะเป็นเพราะมีเมดคนหนึ่งแอบเอาหนังสือนวนิยายมาให้เธออ่าน
ตอนแรกเธอคิดว่าถูกสั่งให้ทำตามหน้าที่ อ่านและเข้าใจกับมันเหมือนทุกที แต่เมื่อได้อ่านมันไปแล้วเธอก็เข้าใจแจ่มแจ้ง เธอนึกขอบคุณเมดคนนั้นอย่างสุดใจและอ่านมันซ้ำไปมาเป็นร้อยๆ ครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ ภายในเวลาไม่ถึงปี
เมื่อเมดเห็นจึงได้นำนวนิยายเล่มอื่นๆ มาให้เธออีกมากมาย
แน่นอนว่าจากหนังสือที่มากมายเหล่านั้น ย่อมมีเรื่องที่เธอชื่นชอบมากที่สุด อย่าง ‘การเปิดร้านอาหารในใจกลางสี่ทวีป’ เป็นเรื่องราวของนักผจญภัยในตำนานซึ่งพลันตัวมาเป็นคนทำอาหารตามสั่งธรรมดา เพียงแต่ที่ตั้งของเขาอยู่ตรงเมืองใจกลางระหว่างสี่ทวีป ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่อสู้ ตลกโปกฮา และดราม่าไปในตัวด้วยกัน
เธอซึ่ง ณ เวลานั้นอาหารเป็นความสุขเดียวในชีวิตด้วย จึงเกิดการชอบนิยายเรื่องนี้ไปโดยปริยาย และตกหลุมรักตัวละครหลักในเรื่องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเป็นตาลุงอายุ 40 กว่าก็ตาม
การมอบความสุขเพียงชั่ววูบให้เด็กสาวผู้ว่างเปล่านั้น—ไม่แปลกที่เธอจะรักเมดเยี่ยงคนสำคัญ
ทว่าไม่กี่เดือนต่อมา เธอก็ไม่พบเมดคนนั้นอีกเลย และพอตื่นนอนจากวันถัดมานวนิยายที่แอบเอาไว้ก็หายไปจนหมด—-นั่นคือความโหยหวนที่ 3 ‘อยากเจอคนคนนั้นอีกสักครั้ง’
…เธอรู้ดีว่าเกิดอะไรขั้น
ทำไมกันนะ? แค่ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ก็มอบให้หน่อยไม่ได้หรือไงกัน?
เธอได้แต่เฝ้าถามตัวเองทุกวันกับสิ่งที่ถูกกระทำ และไม่กี่วันเธอก็ร้องไห้———-เมื่อได้รู้ว่าเมดผู้แอบมอบความสุขให้เธอถูกส่งไปทำงานที่ชนบท แสนไกล เพราะถูกจำได้ว่าแอบลักลอบนิยายให้เธออ่าน
แม้จะรู้อยู่แก่ใจ แต่เมื่อได้ยืนยันความจริงนั้นมันทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวด และร่ำน้ำตา
‘ทุกคนต้องการอะไรจากเธอกันนะ?’ เธออยากจะรู้มัน—-แม้จะเป็นเหตุผลที่น่าเศร้าก็ตาม——-นั่นคือความโหยหวนที่ 4
จนแล้วจนรอด ชีวิตของเธอดำเนินมาถึง 13 ปี เธอก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมทุกคนถึงทำให้เธอมีชีวิตอย่างนั้น
…อยู่มาวันหนึ่ง—–จู่ๆ เธอก็มีพลังวิเศษ ประจวบเหมาะกับสถานการณ์ เธอจึงหนีไปในงานฉลองวันเกิดของตัวเอง
เธอวิ่ง วิ่ง และวิ่ง จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากชายสองคน
..และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความโหยหวนที่ 5 ของเธอ ..อย่าง ‘—————‘
*****
‘หนิง’ เธอคือตัวละครยอดนิยมประจำเรื่อง แม้จะแพ้เบลลามีด้านผลโหวต แต่ก็เป็นตัวละครที่ยอดนิยมอยู่ดี
ในทุกๆ ครั้งของการจัดอันดับเธอไม่เคยตกจากท็อบ 5 ได้เลย แม้จะไม่เคยขึ้นที่ 1 เพราะช่วยพีคของตัวเองดันถูก ยูจิร่างแต่งหญิง กับเบลลามีเผยปมจอมมาร พุ่งแซงตกอันดับเอาประจำ เบลลามีไม่เท่าไหร่ แต่แพ้ยูจิแต่งหญิงที่เป็นเพียงตอนขำๆ ได้นั่นสร้างความอับอายให้กลุ่มแฟนคลับเธอเอาการ
ถึงขั้นที่พวกชอบเบียดเรือเอามาล้อและกดหนิงเอายกใหญ่ ก่อนที่พวกนั้นจะขำไม่ออกเมื่อเบลลามีตายในตอนจบ (ฮา)
น่าแปลกที่เธอเป็นตัวละคร ซึ่งอยู่เส้นแบ่งของความชอบกับเกลียดพอตัว คนที่ชอบเธอจะรักเธอมากๆ แต่คนที่เกลียดจะรำคาญทุกการกระทำของเธอ สัดส่วนคนชอบคนเกลียดก็พอกันด้วย เป็นเรื่องน่าแปลก
ถ้าให้เดา เหตุผลอาจคือนิสัยของเธอ เธอเป็นแนวพี่สาวผู้นำ แต่กลับมีนิสัยโดดๆ ในบางครั้ง เมื่อมีโอกาสในงานเลี้ยง เธอมักจะวิ่งกินอาหารทั่วงานจนหมดเกลี้ยงในไม่กี่นาทีประจำ และบ่อยครั้งเมื่อสบโอกาสก็มักขโมยอาหารชาวบ้านไปทั่ว และตีเนียน ‘ไม่ได้ทำค่ะ’ ซะอย่างนั้น
นั่นไม่เท่าไหร่ แต่ตัวละครตัวอื่นนอกจากยูจิ—-เธอมักจะไม่แคร์ชาวบ้านประจำ ไม่เว้นเพื่อนด้วยกัน ไม่รู้อะไรหล่อหลอมแต่เธอเหมือนไม่ไว้ใจใครนอกจากคนที่เธอรักเลย แม้จะเป็นเพื่อนซึ่งอยู่ด้วยกันมา
นั่นทำให้หลายคนไม่ชอบเธอ ในส่วนนี้ผมก็แอบหงุดหงิด
แต่อย่างไรซะ ผมไม่ได้เข้าขั้นเกลียดเธอหรอกนะ เพราะปมในใจของเธอมันคือหลุมแผนในใจขนาดยักษ์ เธอน่าสงสารไม่ต่างกับตัวละครหญิงอย่างเบลลามี หรือเรเซลเลย หรือแม้กระทั่งเรเซอร์อย่างผม
ผมรู้ดีถึงทุกอย่างในใจเธอ เพราะผมคือแฟนคลับไงนิยายเรื่องนี้ไงละ
‘หนิงเป็นเพียงเด็กมีปมเท่านั้น และในตอบจนของเรื่องราวปมในใจนั้นก็ยังไม่หายไป หลักฐานก็คือเธอยังคงหวาดระแวงผู้อื่นอยู่ ท่านนักเขียน t7t3t2t4 คุณคิดอะไรอยู่?’ นักวิจารย์ท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้
เค้าพูดเกี่ยวกับตัวของหนิง และเสียใจกับตอนจบของตัวละครอย่างหนิง แม้ว่าเธอจะสมหวังกับยูจิ และได้เป็นภรรยาหลวงของยูจิตามต้องการ แต่นอกจากนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย หนิงในสิบปีต่อมาก็ยังเป็นหนิงเมื่อสิบปีก่อนเหมือนเดิม ตัวหนิงผู้ที่ถูกกักขัง เธอยังคงเหมือนเดิมตลอด
เพื่อน—ไม่ใช่เพื่อนของเธอ นั่นคือเพื่อนของยูจิ และเธอจนจบเรื่องก็ไม่เคยคิดจะไว้ใจเพื่อนของยูจิที่ว่าเลย
การเติบโต—อาจดูเหมือนว่าเธอเติบโตตลอดเวลา แต่ท้ายที่สุดไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนเลย เธอไม่แคร์เบลลามีแม้ว่าเธอจะตายไปต่อหน้า แต่เธอก็ตะโกนหาแต่ยูจิ เธอไม่สนเรย์ (เพื่อนพระเอกน้องของชิน) ซึ่งตายจากการโจมตีของจอมมารดิลุค ในตอนนั้นเธอวิ่งไปเช็กความปลอดภัยของยูจิ คราวเรเซอร์อาละวาดในโรงเรียน—-เธอปกป้องแต่ยูจิเท่านั้น …ไม่ว่าจะเหตุการณ์ไหนๆ เธอก็พร่ำหาแต่ชื่อของยูจิ
บทสรุป—สุดท้ายเธอก็จมปลักอยู่กับยูจิ และไม่สามารถมีโลกของตัวเองดั่งที่ต้องการได้จริงๆ ในตอนจบเธอเพียงแค่อยู่กับยูจิในบ้านเท่านั้น เหมือนกับแต่ก่อนซึ่งอยู่ในกรงนก—แต่ครั้งนี้เธอกลับเป็นผู้ไม่เลือกเปิดประตูไปเอง ทั้งๆ ที่มันต่างกับกรงนกซึ่งนกไม่สามารถเปิดมันได้
บทวิจารย์นั้นได้รับการแชร์ไปทั่ว จนถึงขั้นที่นักเขียนต้องออกมาเขียนแก้ แน่นอนว่าเป็นการแถ—-แม้ในตอนจบ เธอก็ยังคงเหมือนดั้งเดิม
อย่างที่ว่าผมไม่ได้เกลียดเธอ กลับกันออกไปในทางสงสารมากกว่า …เอาเถอะ
ยังไงซะมันก็ไม่ใช่กงการของผม——ในตอนนี้ละนะ
ตรงหน้าของผม—-นางเอกต้นฉบับ หล่อนกำลังวิ่งเล่ห์จับอาหารตามโต๊ะเข้าปากอย่างไม่อายสื่อ
“-ค คุณรินใจเย็นๆ นะครับ!”
ส่วนยูจิก็วิ่งตามหลังไปปรามเธอซึ่งไม่สนหน้าอินหน้าพรหม
….สมกับเป็นหนิงดีแฮะ
ผมเดินเข้าไปช่วยแบกหนิงหนีสื่อ
“-ย อย่ามาห้ามนะ! ตรงหน้านั่นมันอาหารนะ! อาหารที่กินได้ไม่อั้นน่ะ!”
“ก็ปกตินิครับ!”
“นั่นสินา”
ลูกคนรวยแบบพวกผมนี่สบายจริง ..พอคิดแบบนั้นแล้วความจริงก็ช่างโหดร้าย เด็กบางคนไม่ได้กินได้ไม่อั้นเหมือนเราๆซะหน่อย ใจร้ายชะมัดโลกใบนี้
“—ไม่ใช่! เอาเป็นว่าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“น่าๆ ใจเย็นก่อนเถอะหล่อน เดี่ยวฉันจัดการเอง”
ผมยิ้มน่ากลัวแบบจงใจให้ และคิดเล่นพิเรนทร์
‘จัดการที ยูนา’
‘ช่วยอย่าใช้พลังของฉันกับเรื่องไร้สาระทีเถอะค่ะ’
เพียงพริบตาเดียวอาหารเส้นจากเบ้อเร่อก็ปรากฏบนฝ่ามือ ผมตัดมิติของอาหารให้มาอยู่มิติเดียวกับผมในชั่วพริบตา
“..ขอละ”
หนิงพึมพำพลางมองอย่างหวั่นๆ ก่อนจะรับอาหารไป และตัดเข้าปากรัวๆ
ยูจิถอนหายใจโล่ง พลางหันมายิ้มร่าให้ผม
“คุณเรเซอร์ใจดีจังเลยครับ”
“จริงๆ แล้วฉันโดนคนเกลียดเพียบเลยละครับ”
“ไหงนั้นละครับ!?”
ดูเป็นห่วงสุดๆ เหมือนกับยูจิ (ต้นฉบับ)
“เรื่องเมื่อก่อนน่ะครับ”
ผมว่าอย่างไม่ใส่ใจอะไร
ยูจิมองผมอย่างห่วงๆ
“..พอดีเลยครับ”
เขายิ้มออกมาเหมือนนึกอะไรได้
“จริงๆ แล้วผมมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้วละครับ และรีบถ่อมาที่นี่เลยเมื่อเช้าเผอิญว่าคุณพ่อกับคุณแม่มีธุระน่ะครับ แล้วทีนี้ผมดันบังเอิญไปเจอสถานที่แถวนอกตัวเมืองนิดเดียวด้วย ..สนใจไปดูด้วยกันมั้ยครับ?”
—มาแล้ว
เหตุการณ์ดั่งเดียวกับในหน้าประวัติศาสตร์นิยาย ..เพียงแต่ผู้เชื้อเชิญไม่ใช่ยูจิ (ต้นฉบับ) และไม่ควรมีตัวร้ายอย่างผมไปด้วย
แต่..เอาเถอะ
ผมมองไปทางหนิง ผมรู้เกี่ยวกับเธอมากมาย และรู้ดีว่าจุดเปลี่ยนแปลงแรกของเธอคือที่แห่งนั้น
แม้ตอนจบจะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอหาวิธีไปโรงเรียนเวทมนตร์ได้ก็คือที่แห่งนั้น
ถึงจะไม่ใช่ยูจิ (ต้นฉบับ) พาเธอไป แต่มันคือที่แห่งการเติบโตของเธอ ผมไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวาง ไม่ว่าจะทางใด ..ฝากด้วยล่ะ ‘ยูจิ mask2 True Ver.Unlimited Build King God END OF เวริล lnwza000 Reset World lass boss’
มุกน่ะมุก ทั้งหมดเป็นแค่มุกชื่อยาวโดยไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น—
“ก็ดีนะ”
“จริงหรือครับ!?”
ยูจิร่าเริงเมื่อเห็นว่าผมเห็นด้วย
ยังไงซะสถานที่ตรงหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยวด้วย ยังคงครึกครื้นไปด้วยผู้คนแม้จะนอกตัวเมือง
ทางหนิงเอง…
“ไปค่ะ ไปค่ะ!”
ดูตื่นเต้นกว่ายูจิอีก
ผมยิ้มเอ็นดูให้กับเด็กสองคน—พลอยมีความสุขไปด้วยเลย
“นำทางทีนะ”
“แน่นอนครับ”
ไม่นานจึงมาถึง
ตรงหน้าเป็นสะพานเห็นอ่อนเล็กๆ ซึ่งลอยเหนือแม่น้ำซึ่งอยู่ข้างใต้เพียงเมตรเดียว โดยรอบสะพานเป็นผืนหญ้าสีเขียวเข้มถอดยาวไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ผู้คนมากมายหลายสิบคนต่างชมเชยความสวยงามซึ่งหาได้ยาก
เมื่อผนวกเข้ากับยามค่ำซึ่งมีแสงของหิ่งห้อยล่องลอย—มันก็ยิ่งงดงาม
“..สุด..ยอด”
ดวงตาของหนิงเบิ่งกว้าง เธอยิ้มออกมาเฉกเช่นเด็กวัยเดียวกัน
“มันสวยยิ่งกว่าตอนเช้าอีกนะครับ”
“แต่ตอนเช้าคงจะสวยไปอีกแบบสินะ อืม น่าสนใจดี”
ยูจิพยักหน้าตอบผม
“ถ้าไม่รังเกียจคุณเรเซอร์ก็มาดูกับผมตอนเช้าอีกสิครับ คุณหนิงด้วยนะครับ”
เขายิ้มอย่างสดใส
…
“….ได้สิ”
หนิงตอบรับโดยไม่คิดอะไร—-เธออยากจะมาอีก ไม่ว่าทางใดก็ตาม เพราะภาพตรงหน้า สำหรับเธอแล้วต่อให้ยืนมองทั้งวันก็ไม่มีวันเบื่อ ไม่ใช่เพราะมันสวยงามแต่เป็นเพราะมีคนยืนอยู่ด้วยต่างหาก
“ถ้าพวกนายยังอยู่ดี ก็เข้าใจละ”
“ตกลงตามนี้นะครับ”
“-ช ใช่!”
อันเป็นการเริ่มพันธสัญญา สักวันเราสามคนจะมาที่แห่งนี้อีกครั้ง ..ฮึ
ยูจินำทางพวกเรา พาชมต้นไม้มากมาย และชมน้ำซึ่งไหลผ่านถอดยาวไปจนลับสายตา ทั้งหมดล้วนสวยราวกับภาพจากจิตกรชั้นยอด
เมื่อชินกับสภาพโดยรอบแล้ว จึงเป็นการเดินเล่นขำๆ —
“-จ เจ้าแสงนี่จับได้มั้ยนะ?”
หมายถึงแสงจากหิ่งห้อย
“ผมแนะนำอย่าจับเลยนะครับ”
“..เห้ย หล่อนฟังยูจิหน่อยส—-”
“—-กรี๊ด!!!!!!!”
ไม่ทันได้กล่าวหล่อนก็วิ่งหนีเจ้าของแสงพลางร้องห่มร้องไห้
ยูจิรีบวิ่งตามไปลูบหลังปลอบใจหล่อน ส่วนไอตัวร้ายแบบผมก็ยื่นมองแบบล้าใจ
“ฟังหน่อยสิ”
“ก็มัน…ก็มันยั่วกันอะ”
อีท่าไหนเนี่ย?
“เย็นไว้นะครับคุณริน ..ผมเข้าใจดีครับถึงความงดงามของหิ่งห้อย แต่ผมแนะนำว่าอย่าจับนะครับ อย่างที่บอก”
ยูจิยิ้มท่ามกลางแสงจากหิ่งห้อยตามต้นไม้
“ไม่ใช่เพราะพวกเขานั้นน่ากลัวหรือน่าขยะแขยงนะครับ เพราะว่าพวกเขาอุตส่าห์มอบแสงสว่างดีๆ เหล่านี้ให้ต่างหาก พวกเราจึงต้องไม่รบกวนเขา—ไม่มีใครอยากถูกทำเหมือนนกในกรงหรอกครับ”
ยูจิยิ้มอย่างงดงาม—–หนิงถูกรอยยิ้มนั้นตราตรึงไว้ในใจ
ผมพูดเสริม
“นั่นสินะ ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนงดงามเพราะเป็นตัวของตัวเอง”
“ใช่ครับ เพราะแบบนั้นผมถึงชอบคุณเรเซอร์กับคุณรินในตอนนี้มากๆ ครับ”
—–หะ?
“-ย อย่ามาหยอกกันแบบนี้สิ!” ผมถึงกับหน้าแดงแจ๋
“..ไม่ว่าหรอกนะ” หนิงยินยอมแต่โดยดี
“ฮะๆ ขอบคุณทั้งสองมากนะครับ วันนี้สนุกมากเลย ไปที่ต่อไปกันเถอะครับ”
——การคุยกับยูจิ และหนิงสนุกสนานเกินคาด
แน่นอนว่าเมื่อมีงานเลี้ยงย่อมมีเลิกงาน
รถม้าวิ่งผ่านพวกเราไปก่อนจะหยุดลง ยูจิเห็นรถม้านั้นจึงกล่าวทักในทันที
“ท่านพ่อเสร็จธุระแล้วหรือครับ?”
—-กระจกถูกเปิดออก ใบหน้าของชายที่ผมคุ้นเคยดีปรากฏออกมา …พ่อของยูจิ ..ยูจิต้นฉบับ
พลันใดนั้นหัวสมองของผมก็นิ่งลง
—-ยูจิตัวจริง?
“อืม ว่าแต่ว่าลูกกำลังเล่นกันอยู่รึ?”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ ..ถ้านั้นก็”
ยูจิหันหลังมายิ้มให้พวกผมทั้งสอง
“ขอตัวก่อนนะครับ คุณเรเซอร์ คุณรินหวังว่าจะได้พบกันอีกนะครับ” เขากล่าวก่อนจะขึ้นรถม้าและหายไปตามทางรถ
…แบบนี้นี่เอง ยูจิตัวจริงสินะ แค่หน้าตาต่างไปจากเดิม ..ขอถือวิสาสะตั้งชื่อให้ว่า ‘ยูจิ mask2’ ละกัน
ท่าทางของหนิงดูอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนจะพยายามรั้งยูจิไว้แต่ก็ไม่ทันการแล้ว
“พับผ่าสิ ..”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อได้พบความเป็นจริงนี้——โลกใบนี้ต่างกับนวนิยายต้นฉบับ
‘พบความจริงที่น่าเหลือเชื่อเข้าให้แล้วนะคะ ..อาจเป็นเพราะการมาของวิญญาณมาสเตอร์ก็ได้จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบนโลกใบนี้ หรือไม่ก็อีกหลายๆ กรณีคะ’
คงนั้น
ผมเหลือบมองไปทางหนิง เธอยังคงกระวนกระวายไม่หยุด—-หลังจากนี้จะมีทหารมาจับตัวหนิงกลับไป ถ้าตามเนื้อเรื่องละนะ
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะจากกันไป..
“หนิง”
“..-ช ช่วยพาไปหายูจิหน่อยสิ!”
“ไม่ได้”
ผมจับไหล่สองข้างของหล่อน แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการให้ผมจับก็ตาม
“ฉันจะไม่ทิ้งเธอแน่นอน—–จะไม่ปล่อยให้เธอต้องเจอกับชะตาที่น่าเศร้าจนจบของเรื่องราวแน่นอน”
“-พ พูดอะไรของนายน่ะ!? ปล่อยนะ” หนิงทำทีจะกัดนิ้วผม “ถ้าไม่ปล่อยจะกัดแล้วนะ!”
“ฟังไว้ซะหนิง!”
เธอเงียบลง เธอมองมาอย่างไม่ไว้วางใจ
“ฟังไว้ซะ ..ยูจิและฉัน พวกเราจะไปเจอกันอีกทีที่โรงเรียนเวทมนตร์ของนครหลวง ฉันขอสัญญาว่าไม่ว่าทางใดพวกเราต้องได้เจอกันอีกแน่ และแหงละ เธอคงอยากจะเจอแค่กับยูจิ แต่ว่านะหนิง ฉันจะให้คำแนะนำเธอหนึ่งอย่าง”
ผมยกนิ้ว ‘1’ ขึ้น อันเป็นลำดับแรกแรก
“ฉันและคนที่แห่งนั้นอีกหลายคนคือเพื่อนของเธอ ..ในอนาคตอย่าได้เมินความสัมพันธุ์เหล่านี้เลยนะ อย่าได้ขังใจตัวเองเลยนะ …คิดซะว่าเป็นการยัดเยียดของไอตัวร้ายก็ได้ แต่ขอให้อย่าลืมไว้เป็นพอ”
ผมยิ้มให้เธออย่างจริงใจ
ผมไม่ชอบเรื่องราวของเธอในตอนจบเลยสักนิด ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลยจากตัวเธอ นอกจากการย้ายกรง—–สุดท้ายเธอก็ว่างเปล่าอยู่ดี ตัวเธอที่ว่างเปล่าไม่ใช่มนุษย์ ดูคิดเองเออเองไปหน่อยแต่ผมไม่ต้องการอย่างนั้น
“ฉันอยากให้เธอเป็น ‘หนิงเพื่อตัวเอง’ ‘ไม่ใช่เพื่อยูจิ’”
“…พล่ามอะไรของนายกัน?”
เธอสับสนทำอะไรไม่ถูกนอกจากด่าว่าผม น่าจะอย่างนั้นแหละ
“คำขอร้องของฉันน่ะ”
กล่าวจบผมก็ละมือทั้งสองข้างของตัวเอง และโบกมือให้
“ไว้เจอกัน”
“—-ด เดี่ยวก่อน! —–”
ตามคาด—ทหารรักษาวิ่งมากุมตัวหนิงไว้ก่อนที่เธอจะพูดจบ
“ขออภัยขอรับเจ้าหญิง!”
“ช่วยสงบสติด้วยนะครับ!”
“-ย หยุดนะ ปล่อยนะ! อย่ามายุ่งกับฉันนะ!!”
เธอร้องโหยหวน พยายามดิ้นให้หลุดจากทหารและส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากผม—แต่ไร้ซึ่งการช่วยเหลือ
ผมมองเธอซึ่งถูกทหารมากมายมาจับตัวไว้….
‘มาสเตอร์คุณไม่ได้ตัดสินใจผิดไปหรอกคะ’
รู้อยู่แล้วละ…สักวันพวกเราจะได้พบกันอีกแน่นอน และในครั้งนั้นฉัน และยูจิจะร่วมมือกันช่วยเธอให้ได้ ฉันไม่คิดว่าตัวเองเลือกทางที่ผิดหรอก เพียงแต่—-ทุกทางเลือกมันย่อมมีข้อดีและข้อเสียในตัวอยู่แล้ว
ผมกุมหน้าอกของตัวเอง ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองแน่น
มันต่างกับเมื่อคราวทำพันธสัญญายูนาตอนไหนกัน? ผม..ผมเลือกไม่ช่วยหนิงตอนนี้มันถูกแล้วหรือเปล่า? …ผมเลือกมาเจอกันอีกครั้งในอีกสามปีให้หลัง
เธอจะเติบโตขึ้นจากเหตุการณ์นี้แน่นอน ..ผมเลือกถูกแล้ว ผมไม่ควรเลือกตามอารมณ์ของตัวเอง ทั้งเกี่ยวกับยูจิและหนิง ผมควรเลือกตามสมเหตุสมผล แม้ในใจตอนนี้ผมอยากจะช่วยเธอหนีออกไป แต่เด็กอย่างผมจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน? —–ผมรู้ดีว่าคิดถูกแล้ว แต่ว่า…
“ทางเลือกนี้เจ็บอกเกิดคาดเลยละ ยูนา”
ผมก้มศรีษะลงพื้น
“..ฉันไม่อยากปล่อยเธอไปเลย ..หลังจากนี้เธอคงเจอกับปัญหามากมายอันน่าสลดไม่ผิดแน่ ..เพราะนั้นจึงไม่อยากปล่อยไปเลย แต่มันไม่มีทางเลือก ..ฉันมันไม่ไหวเลย”
‘รับทราบแล้วค่ะ มาสเตอร์’
ราวกับผมถูกยูนาลูบหัว สัมผัสที่เบาหวิวนั้นอ่อนโยนมาก
‘เมื่อเจอกันอีกครั้ง ก็ช่วยเหลือเธอ ทดแทนในบาปนี้ด้วย แค่นี้พอคะ’
…อ่า