< < 136 Sec7 > >
“..หายไปไหนกันหมดนะ”
หนิงถอนหายใจเฮือกโต จากนั้นจึงค่อยๆเดินไปและคอยค้นหาคนสองคนจากฝูงชนไปด้วย
ระหว่างนั้นเองก็มีคนที่เดินเข้าหาหนิงจากข้างหลัง หนิงรู้สึกถึงฝีเท้าได้จึงหันกลับไปมองและตกใจกับคนที่เดินมาหา
“..เอ๊ะ เธอเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
‘เทียนหลง’ ผู้ถูกสั่งให้ประจำการอยู่นอกงานประชุมโลกกลับโผล่มาภายในงานเสียอย่างนั้น
คนที่รู้ทางเข้าออกน่าจะมีแต่พวกผู้นำชั้นสูงเท่านั้นไม่ใช่หรือไง—ขณะที่หนิงเอาแต่สับสนนั้น เทียนหลงก็เดินเข้ามาใกล้ตัวหนิงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่พูดไม่จาอะไร
“เดี่ยวสิ เป็นอะไรไป”
เพราะท่าทีของเทียนหลงแปลกไปเลยรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นศัตรูหัวใจทางอ้อมก็ตาม ..สุดท้ายเทียนหลงก็เข้าประชิดตัวหนิงได้
“เทียนหล–เอ๊ะ”
เทียนหลงใช้หมัดอัดเข้าที่หน้าท้องของหนิงด้วยแรงที่เบาหวิว ..ทว่าจากนั้นแค่ไม่กี่วิ
“นี่เธอ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน—!!!!”
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เกิดระเบิดเพลิงขนาดยักษ์ขึ้นท่ามกลางฝูงชน
หนิงในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสได้รักษาตัวเองด้วยเปลวไฟ แต่ทั้งหมดช้าเกินไป เทียนหลงพุ่งตัวมาจับหนิงเหวี่ยงลงกับพื้นโดยไม่สนผู้คนรอบตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
เปลวเพลิงจำนวนมหาศาลที่พวยพุ่งมาจากการโจมตีของเทียนหลง มากพอจะฆ่าทุกคนในที่แห่งนี้ภายในไม่กี่วินาที ทว่า–มันกลับถูกยับยั้งไว้โดยหนิง เพราะหนิงใช้พลังของตัวเองอย่างเต็มที่ในการหยุดเพลิงของเทียนหลง ทำให้ผู้คนหรอก แต่ก็แลกมากับการที่ตัวเองฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเชื่องช้าต่างกับทุกที
แผลเพลิงไหม้และการปะทะที่รุนแรงยังปรากฏอยู่ทั่วบริเวณร่างกายของหนิง แผลทั้งหมดล้วนน่าหวาดกลัว เป็นแผลที่น่าสยองถึงขนาดที่ทำให้คนจิตอ่อนคนหนึ่งมองแล้วสลบไปได้เลย
“ถามจริงเถอะ ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
“ไม่จำเป็นต้องพูดคุยอะไรทั้งนั้น”
เทียนหลงยกมือขึ้นฟ้า กำลังรวบรวมเพลิงให้มากที่สุด—หนิงมองไปที่ชีวิตนับร้อยๆชีวิตที่อยู่รอบตัวเอง
“บัดซบเอ้ย!!!”
หนิงระเบิดเปลวเพลิงออกมาเป็นเส้นตรง และพุ่งเข้าใส่เทียนหลง—
“อึก!”
เทียนหลงถูกลากไปอย่างง่ายดาย ยากที่จะต่อกรกับมหามังกรที่ปลดปล่อยพลังที่แทบจะไร้ขีดจำกัดได้ หากปะทะกันตรงๆไม่มีทางที่เทียนหลงจะชนะอยู่แล้ว เพราะรู้ถึงข้อนั้นดี เทียนหลงถึงได้เตรียมแผนการณ์เอาไว้สำหรับโค่นหนิง
หนิงลากเทียนหลงออกจากภายในจุดรวมพลได้แล้วก็จริง แต่ว่าเพราะจดจ่ออยู่กับแค่เรื่องเดียวทำให้พลาดให้เทียนหลงในฉากต่อไป
“หลับไปเสียเถิด—”
เพลิงที่เทียนหลงรวมรวมไว้ก่อนหน้านี้ถูกอัดเข้าใส่หนิงในระยะเผาขน—-ไม่สามารถตอบโต้ได้ทัน ไม่สามารถรวบรวมมานาไว้ได้อย่างทันท่วงที หนิงอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบโต้ได้และต้องรับการโจมตีขนาดยักษ์ไปตรงๆเพียงคนเดียว
แม้ในทีแรกจะตั้งใจยื้อเอาไว้สุดขีด แต่ก็ไม่ไหว เพลิงค่อยๆจางหายไปพร้อมกับสติของหนิง
…..
…..
สุดท้ายเพลิงของหนิงก็หมดไป ร่างที่ลอยอยู่บนฟ้าได้ตรงดิ่งลงพื้นไปโดยไร้การป้องกันใดๆ
เทียนหลงบินลงพื้นอย่างช้าๆไปหยุดอยู่ตรงหน้าของหนิง
“เพราะตั้งใจจะปกป้องพวกมนุษย์ เจ้าถึงได้พ่ายแพ้ ช่างโง่เขลา–ทั้งที่เป็นถึงหนึ่งในผู้ถือครองพลังของท่านเทียแมทแท้ๆ ..น่าเสียดาย”
เทียนหลงมองใบหน้าของหนิงอยู่พักหนึ่งก่อนที่คนที่กำลังรอจะมาถึง
“ไม่เลว”
เขาคนนั้น หรือเนลยอนเอ่ยชมด้วยท่าทีที่ดูอวดดีอย่างบอกไม่ถูก
“ฟัฟนิร์กับมนุษย์นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ตัวปัญหาจริงๆคือมนุษย์ที่ถือครองพลังของฟัฟนิร์ถึงเก้าส่วนต่างหาก ..ว่าตามตรง ข้าประเมินเจ้าไว้ค่อนข้างต่ำ คิดว่าอย่างน้อยๆก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยถึงจะชนะได้สิวเสียดซะอีก”
“ขอขอบคุณที่กล่ามชม บุตรแห่งท่านเทียแมท” เทียนหลงหรี่ตาลง “ในเมื่อข้าทำตามที่วานไว้แล้ว สิ่งที่ท่านจะทำต่อจากนี้คืออะไรกัน?”
“..ข้าจะคืนพลังทั้งหมดให้กับฟัฟนิร์ จากนั้นก็ชิงแก่นแท้ของฟัฟนิร์มาเพื่อคืนชีพท่านผู้สร้าง เพื่อการนั้นแล้วต้องสังหารมนุษย์ตัวเมียนี่ก่อน”
แม้ตามหลักแล้วจะไม่สามารถฆ่าหนิงให้ตายได้ เพราะเจ้าตัวก็เป็นอมตะเช่นกัน แต่ว่าเนลยอนมีวิธีพิเศษที่ได้มาจากการค้นคว้าตลอดพันปีอยู่ ..แต่ก่อนหน้านั้น เนลยอนตั้งใจบันดาลโทสะของตัวเองใส่ผู้หญิงคนนี้ก่อน
เนลยอนเดินไปเหยียบหน้าของหนิงและขยี้เท้าบนใบหน้า
“มนุษย์ชั้นต่ำที่บังอาจมาแตะต้องพลังของท่านผู้สร้าง จักต้องถูกทลายให้สิ้น ..แกคงจะไม่มีปัญหา เทียนหลง”
เทียนหลงมองไปที่หนิงครู่หนึ่งก่อนตบ
“..เป็นไปได้ข้าอยากให้ไว้ชีวิตผู้หญิงคนนี้”
“หา?”
“โปรดอย่าได้เข้าใจข้าผิดไป นายแห่งข้าได้สั่งไว้ว่าให้ปกป้องเธอ อย่างน้อยๆก็อยากจะให้ผู้หญิงคนนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป”
“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
“เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา”
….
“คำสั่งนายของข้าสำคัญก็จริง ทว่า—การคืนชีพท่านเทียแมทคือสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ ท่านผู้นั้นย่อมเข้าใจข้าอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วเนลยอนก็ลงมือฆ่าหนิงทันที—แขนพุ่งออกไปแต่มันกลับไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ดั่งใจ
“ทำอะไรตามใจชอบเกินไปแล้ว เทียนหลง”
เสียงของผู้เป็นนายคนปัจจุบันดังขึ้น เทียนหลงผู้ฝ่าฝืนคำสั่งได้แต่ยืนนิ่ง ..ยูจิจับแขนของเนลยอนเอาไว้ไม่ให้ทำมากไปกว่านี้ ในตอนนี้ยูจิมีสีหน้าที่ดูเย็นชาขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนๆเดียวกัน
แม้จะเปลี่ยนไปตั้งแต่เรื่องบนเกาะวาเรอร์ แต่ยูจิก็ยังไม่ได้สูญเสียตัวตนของตัวเองไปเท่ากับตอนนี้ ..
“..มนุษย์?..กลิ่นอายต่างกันมากทีเดียว แกเป็นใครกันแน่”
“..”
ยูจิยื่นมือมาสัมผัสที่หัวของเนลยอน จากนั้นก็—ระเบิดมันทิ้ง
เลือดพุ่งออกจากร่าง—และถูกสายน้ำเข้ามาโอบเอาไว้ กำลังจะรักษาหัวคืน แต่ยูจิก็ทำการระเบิดร่างของเนลยอนทิ้งซ้ำอีกครั้ง จนไม่สามารถรักษาตัวเองได้ทัน ..สุดท้ายเนลยอนก็กลายเป็นเศษเนื้อตามพื้น รอเวลาสำหรับการฟื้นฟูใหม่อีกครั้ง
“..ท่านยูจิ”
ยูจิชำเลืองมองเทียนหลงด้วยแววตาที่มีน้ำโห เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้นเทียนหลงก็รีบล้มไปนั่งคุกเข่ากับพื้นทันที
“เธอทำเกินหน้าที่เกินไปแล้ว”
“..ขออภัยด้วยค่ะ”
“..เพราะออร่าบอกว่าผมจำเป็นต้องมีพลังของเธอหรอกนะ ..เงยหน้าขึ้นเถอะเทียนหลง”
เทียนหลงทำตามที่ยูจิสั่งอย่างว่าง่าย ยูจิเองก็เดินมาอุ้มหนิงในท่าเจ้าหญิงและพูดกับเทียนหลงทั้งๆที่หันหลังให้อยู่
“จะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้นต่อหรือคะ? ข้าคิดว่าใช้เธอเพื่อฟื้นคืนชีพท่านเทียแมทตามที่มหามังกรเยลยอนกล่าวไว้ ข้าคิดว่าท่านควรจะร่วมมือกับมหามังกรตนนี้”
“ผมจะไม่ฆ่าคุณหนิงหรอก และจะไม่ร่วมมือกับเนลยอนอะไรนั่นด้วย”
“แต่ว่าท่านยูจิ เพื่อคืนชีพท่านเทียแมทแล้ว-”
“คิดจะทรยศผมนั้นเหรอ?”
เทียนหลงส่ายหัวให้รัวๆ
“ให้อภัยข้าด้วยท่านยูจิ ข้าเล็งเห็นหนทางในการฟื้นคืนชัพท่านเทียแมทจึงตกลงร่วมมือกับมหามังกรเนลยอน มิได้มีเจตนาร้ายๆใดๆต่อท่านทั้งนั้น หากท่านปารถนาให้ข้าไม่ทำตามกับมหามังกรตนนี้ข้าก็ย่อมเชื่อฟังท่านเป็นที่หนึ่ง”
“ถ้านั้นก็ฟังให้ดีละเทียนหลง ..อันดับหนึ่งคือชีวิตของเธอคนนี้ อย่าได้แตะต้องโดยพลการเด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืน–ผมเอาเธอตายแน่”
“น้อมรับบัญชาค่ะ!”
ยูจิถอนหายใจเบาหวิวและก้มมองร่างของหนิงที่เต็มไปด้วยบาดแผล
“…ฝากทีนะ อลัน”
หัตถ์แห่งอลันพุ่งไปหักล้างร่างกายที่สาหัสของหนิง และช่วยให้กลับมาปลอดภัยดีตามเดิม เมื่อเห็นว่าหนิงปลอดภัยแล้วยูจิจึงโล่งอก
“ผมจะพาเธอไปส่งที่จุดรวมพลก่อน เธอยืนเฝ้าเนลยอนอยู่ตรงนี้ซะ ถ้าเกิดเนลยอนคืนชีพมาก่อนก็ฆ่าซ้ำอีกรอบ”
“รับทราบค่ะ”
กล่าวจบยูจิก็เดินโดยที่แบกหนิงไว้ในแขนทั้งสองข้าง
ระหว่างทางยูจิเอาแต่มองหน้าของหนิงที่อ่อนล้า และได้แต่กัดฟันกรามแน่น รู้สึกเจ็บใจ ยูจิเจ็บใจที่ตัวเองไม่สามารถช่วยคนสำคัญของตัวเองได้ทัน รู้สึกทรมานยิ่งกว่าตอนที่ต้องต่อสู้และได้รับบาดแผลมากมายเป็นไหนๆ มันเจ็บยิ่งกว่าความตายที่ตัวเองเคยเผชิญมาแล้วเป็นไหนๆ
ระยะทางที่ไม่ไกล ไม่ไกลแท้ๆแต่เวลาในตอนนี้ช้าประหนึ่งว่าผ่านมาเป็นสิบๆปีแล้ว—แต่ก็แสนย้อนแย้ง เพราะเวลาที่แสนยาวนานกลับหมดลงอย่างรวดเร็ว
เพียงครู่เดียวยูจิก็มาถึงจุดพักของผู้บาดเจ็บ ยูจิวางหนิงลงบนเตียงและปัดเส้นผมที่บดบังใบหน้าของเธอออก
“..ไม่ต้องห่วงนะครับ ..ที่เหลือผมจะจัดการเอง พวกคุณหนิงไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรอีกแล้ว” ยูจิแอบยิ้ม “ออร่าเองก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องฆ่าทุกคนก็ได้ ..ทุกอย่างไปได้ด้วยดีครับ ทุกอย่างจะจบลงอย่างสวยงาม ถึงตอนนั้นผมจะกลับไปหาทุกคน และใช้ชีวิตประจำวันด้วยกันเหมือนทุกที”
…
“สัญญาเลยครับ”
****
“อ๊ากกกกกกไกไกไกไก ขอร้อง!!!! ขอร้อ—หยุดที!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงร้องโหยหวนที่แสนน่าสงสารดังกังวาลไปทั่วโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“เจ็บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ไหวแล้ว!!!! ขอร้องละ ปล่อยผมไปทีเถอะ!!!!! ไม่เอาแล้ว กลัวแล้ว!!!”
และผู้ที่ส่งเสียงร้องได้ไม่มีแผ่วก็คือเรน เป็นคนอวดดีที่กล้าพอจะบุกรุกงานประชุมโลกแห่งนี้ และต้องเจอดีแทบจะทันที และผู้ที่กำลังพิพากษาเรนอยู่ก็คือ ไรเดน อาคาสะ สุดยอดนักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดจากอาณาจักรเนลยอน
ชายคนนี้ได้ทำการเอาชนะภัยพิบัติของโลกภายในเวลาอันน้อยนิดอย่างขาดลอย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไรเดนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ..หมอนี่ชนะเอเธอร์ได้จริงๆเหรอ? กับคนที่ต่อกรกับเอเธอร์คนนั้นมานับสิบปีย่อมเข้าใจถึงพลังที่ไร้ก้นบึ้งของเอเธอร์ดี จึงรู้ได้ง่ายๆว่าไม่มีทางที่เอเธอร์จะแพ้ให้คนไร้น้ำยาอย่างเรน
แต่พอคิดดูดีๆ ปัจจัยในการโค่นเอเธอร์ก็ไม่ได้มีแค่การต่อสู้ตัวต่อตัวหรือรุมเสียหน่อย ..ใช่แล้ว อย่างตอนนี้เองก็มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในงานประชุมโลก มันก็คือ—มนุษย์ต้นไม้ที่กำลังออกอาละวาดในบางพื้นที่
สิ่งนั้นอันตราย แม้แต่ไรเดนก็คิดเช่นนั้น เจ้ามนุษย์ต้นไม้ที่โผล่มาขวางไรเดน ไรเดนไม่สามารถเอาชนะได้ก็แค่ทำการผนึกการเคลื่อนไหวเอาไว้ และตามเรนตามวิชาไสยศาสตร์ที่ติดตั้งไว้ก็แค่นั้น ถ้าให้สู้ตรงๆก็ยากที่จะชนะได้ เพราะพวกมนุษย์ต้นไม้มีพลังป้องกันที่น่าหวาดกลัวอยู่ แค่นั้นไม่พอ ยังสามารถเลียนแบบการโจมตีที่ตัวเองโดนและใช้งานวิชาเดียวกันในคุณภาพที่พอๆกันได้เหมือนกันอีก
ถ้าเกิดจงใจปั้นมนุษย์ต้นไม้ดีๆโดยใช้ไรเดนเป็นตัวช่วยกระตุ้นละก็—มนุษย์ต้นไม้ก็มีโอกาสที่จะเติบโตในระยะสั้นๆขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงตัวเองได้ และที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือพวกมันไม่ได้มีแค่ตัวสองตัว แต่มีเป็นสิบหรืออาจมีมากกว่านี้ด้วย
“..ภัยพิบัติเรน ตอบคำถามมาซะ”
“หะ หา!!!? คำถาม??? อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ไรเดนพยักหน้าและเริ่มถามทันที
“พวกมนุษย์ต้นไม้พวกนั้นคือสิ่งใดกันแน่”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ไรเดนดึงแขนที่ขาดของเรนขึ้นมาจากหลุมดำ ใช้แรงแขนของตัวเองดึงไม่ให้ตัวเรนปลิวไปกับหลุมดำ
“ตอบมาซะ”
“มะ มนุษย์ต้นไม้มันก็แค่ทหารโง่ๆทั่วไปนั่นแหละ ไม่มีอะไรดีเลยนอกจากความถึ—-อ๊ากกกกกก”
ร่างของเรนถูกไฟฟ้าช็อตเข้าจนร้องเสียงหลง
“อะ อะไรวะเนี่ย นี่มัน..”
“วิชาไสยศาสตร์ [จับโกหก]”
“ของแบบนั้นไปเรียนมาจากไหนกันว—-อ๊ากกกกกก”
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจ ที่สำคัญตอบมาตรงๆอย่าได้โกหกเด็ดขาด”
เรนตั่วสั่นพอหันไปมองหลุมดำที่กำลังดูดตัวเองและแขนของไรเดนที่ทำท่าจะปล่อยมือ เจ้าตัวก็ร้องไห้ออกมา และใช้สายตาแสนจะไร้เดียงสาจับจ้องไปทางไรเดน
“ถ้าบอกแล้วจะไม่ฆ่ากันได้มั้ย..ครับ”
“จะเก็บเอาไปคิดดู”
“พะ พวกมนุษย์ต้นไม้มันคืออุปกรณ์วิเศษของพวกเทพในอดีต เป็นสิ่งที่เกิดมาจากต้นไม้โลก ยะ ยะ อย่างที่คุณไรเดนรู้นั่นแหละ มันทั้งถึกและสามารถดูดซับความสามารถมานาคนอื่นมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นของสุดอันตรายที่ถ้ามีเวลาให้พวกมันฝึกฝนก็จะไร้เทียมทาน”
ไรเดนพยักหน้ารับที่เรนพูด เพราะเนื้อหาที่กล่าวไม่มีคำโกหกอยู่เลย
“แล้วมีวิธีกำจัดมันรึเปล่า”
“…”
“พูดสิ”
“คะ ครับ จะไม่ฆ่ากันใช่มั้ย ไม่ฆ่าจริงๆใช่มั้ย จะไม่ทำให้ผมเจ็บอีกแล้วใช่มั้ยครับ ได้มั้ยครับ อย่าทำกันเลยนะ”
“จะเก็บไปคิดดู”
ได้ยินอย่างนั้นเรนก็เบาใจและยิ้มร่าออกมา ก่อนจะพูดข้อมูลมาหมดเปลือด
“ถึงพวกมันจะรับความเสียหายได้มหาศาล แต่จุดอ่อนเดียวก็คือตัวรับมานา ถ้าเกิดได้รับความเสียหายที่อัดแน่นด้วยพลังทำลายล้างและปริมาณมานาเข้าไป พวกมันก็สามารถตายได้เหมือนกัน”
“ต้องเป็นพลังทำลายล้างระดับไหน”
“ถะ ถ้าตอนพึ่งเกิดแค่ระดับถล่มเมืองทั้งเมืองได้ก็พอแล้ว”
ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่ระดับก็สูงเกินไป บนโลกนี้คนที่มีพลังทำลายระดับนั้นมีไม่ถึงร้อยคนหรอก แม้แต่ไรเดนหรือเอเธอร์ก็ทำขนาดนั้นไม่ได้ ..ราชาจอมเวทย์ก็ไม่ไหว ถึงพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่สเกลพลังทำลายล้างไม่ได้สูงเว่อร์ถึงเพียงนั้น
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
“..ผะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับพวกมนุษย์ต้นไม้”
“เอาขีดสุดที่มันสามารถไปถึงได้ ต้องใช้พลังทำลายล้างเท่าไหร่”
“ทะ ทวีป ระดับเขย่าทวีปได้ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ทวีปบนโลก”
ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ ..ไม่สิ
ถ้าปืนใหญ่เนลยอน ยังพอมีหวัง
ถึงอย่างนั้นจะใช้วิธีไหนในการลากปืนใหญ่นั่นมาใช้ในสถานการณ์นี้กัน—ไรเดนหรี่ตาลง และตัดสินใจลำดับแรกว่าควรเอาเรื่องนี้ไปรายงานให้รัฐมนตรีฮิโรชิทราบก่อน
“ทำได้ดีมาก”
“จะ จะยอมปล่อยกันจริงๆใช่มั้ยครับ!?”
“แน่นอน”
กล่าวจบไรเดนก็ปล่อยมือ—ให้ร่างของเรนถูกหลุมดำดูดเข้าไปอีกครั้ง—–
“นะ นี่แก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! อย่ามาล้อเล่ยนะโว้ย—-อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”
เสียงร้องกลับมาอีกครั้ง ไรเดนลงไปนั่งบนหินก้อนยักษ์และครุ่นคิดกับตัวเอง
“ภัยพิบัติน่าจะเหมาะกับชื่อของแกแล้วละนะ เอาเถอะ”
หลังจากปรับอารมณ์เสร็จแล้วไรเดนก็ชักดาบมารออกมา และใช้ดาบฟันใส่เรนทันที
“ยะ อย่—”
“ท่าน—เรน!!!!!!!!!”
อลิซาเบธโผล่มาใช้มือของตัวเองรับดาบมารเอาไว้—แขนแหว่งออกเป็นสองส่วน อลิซาเบธกัดฟันแน่นและข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เคียวบาคุนาว่าลอยกลับมาเข้ามือข้างที่ยังดีของอลิซาเบธ จากนั้นเธอก็เหวี่ยงเคียวใส่ไรเดนแลกกับดาบมารทันที
แรงปะทะที่มหาศาลทำให้อลิซาเบธและเรนปลิวไปราวสามเมตร
“ยังมีชีวิตอยู่อีกนั้นหรือ”
เคียวบาคุนาว่าได้ดูดกลืนหลุมดำกลับเข้าไปภายในเคียว จากนั้นตัวเคียวก็เลือนแสงสีเขียวขึ้น
แขนที่ถูกสะบั้นจนเละถูกฟื้นฟูกลับมาเหมือนใหม่
“ไม่ใช่แค่สร้างก้อนสีดำประหลาดอย่างเดียว แต่ยังสามารถรักษาได้อีกนั้นรึ” ไรเดนวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ความเป็นไปได้ที่เคียวนั่นจะมีพลังอื่นอยู่อีกก็มีด้วย”
ถือว่าเป็นความสามารถที่สร้างปัญหาให้มากทีเดียว แต่ก็ไม่ได้เกินกว่าบ่า
“ทางนี้รีบอยู่”
จะรีบจัดการให้เร็วที่สุด
“ “อึก!!!!” ”
จิตสังหารที่มากมายพุ่งเข้าใส่เรนและอลิซาเบธพร้อมๆกัน ทั้งสองแทบจะล้มทั้งยืนที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งๆนี้—ไรเดนเดินเข้ามาโดยที่มือข้างหนึ่งถือดาบ และมืออีกข้างนั้น—ถือหอก
หอก?
หอกสีฟ้าที่ไร้ซึ่งโลหะและเครื่องตกแต่งใดๆถูกเขวี้ยงเข้าใส่ทางเรน อลิซาเบธใช้บาคุนาว่าปัดป้องหอกนั้นไว้ ทว่าทันทีที่ตัวหอกและเคียวได้สัมผัสกัน หอกก็ได้ละลายเปลี่ยนทรงกลางเป็นโซ่ที่ตรึงตัวของอลิซาเบธเอาไว้
พร้อมกับที่ปาหอกไป ไรเดนก็หายไปจากที่แห่งนี้แล้ว—-ไรเดนโผล่มาที่ข้างตัวเรน
ดาบมารพุ่งออกไปเป็นแนว เรนกระโดดหลบสุดชีวิต พ้นระยะดาบแล้วทว่า—-
“เคล็ดวิชาดาบ [ดาบไร้รูป]”
ดาบที่มองไม่เห็นพุ่งผ่าหน้าท้องของเรนเป็นแนว—ชีวิตของเรนถูกทำลายอีกหนึ่งครา ..เรนล่วงลงพิ้นและร่างกายก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยชีวิตของคนอื่น
“..เจ็บ..ทรมานไม่ไหวแล้ว ขอร้องละ ปล่อยไปทีเถอะ”
ไรเดนไม่ได้ตอบกลับอะไร ทำเพียงใช้ดาบแทงเข้าไปที่หัวใจของเรนอีกครั้ง อลิซาเบธกรี๊ดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เธอทำลายโซ่สีฟ้าทิ้ง และวิ่งเข้าใส่ไรเดนแทบจะทันที
ช่องว่างปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“อะ อลิซาเบธ อย่าเข้าม–”
ไรเดนเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นอลิซาเบธแทน–ครั้งนี้ไรเดนรู้แล้วว่าเคียวมีพลังในการรักษา จะไม่มีทางยอมให้อลิซาเบธได้จับต้องเคียวอีกเป็นอันขาด จะฆ่าให้ตายอย่างแท้จริงเลย
ชะตากรรมของอลิซาเบธจบแล้ว เธอจะต้องตายด้วยน้ำมือของนักรบคนนี้ ต่อจากเธอก็จะเป็นเรน—ในห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง แสงสีเขียวได้แล่นเข้าใส่ร่างของไรเดน และลากไรเดนไปชนกับกำแพงเข้าจังๆ
ไรเดนที่ตัวติดกำแพงได้ใช้โล่กันเอาไว้ได้ก็จริง แต่ตัวโล่ก็แตกและตัวเองก็ถูกแรงกระแทกนั่นสร้างความเสียหายกับร่างกายเล็กน้อย
“หมายความว่ายังไงกัน”
ไรเดนเอ่ยถามผู้ที่เข้าร่วมการต่อสู้อีกคน ..
“..ผู้กล้าแอสทอเรียส ตั้งใจทำอะไรกันแน่”
ผู้กล้าแห่งโลก ‘แอสทอเรียส’ ปรากฏตัวมาช่วยเรนกับอลิซาเบธเอาไว้เสียอย่างนั้น
MANGA DISCUSSION