< < 136 Sec5 >
หนี ต้องหนี ต้องหนีจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด—-เรนคิดเช่นนั้นพร้อมกับวิ่งสุดฝีเท้าไปด้วย
“ไอ้บ้าเอ้ยๆๆๆๆๆๆๆ!!!! ไม่ยอมพลาดอีหรอบเดิ—-อ๊ากกกกกกก!!!!!”
วิ่งอยู่ดีๆขาก็ถูกผ่าออกโดยมีเพียงลอยตัดเส้นตรงเดี่ยวๆ ที่เกิดขึ้นกล่าวได้ว่ามีเฉพาะยอดฝีมือเท่านั้นที่ทำได้
ร่างของเรนกลิ้งกับพื้นสองสามตลบ ด้วยความตกใจสุดขีดไปผนวกกับนิสัยส่วนตัวของตัวเองก็ทำให้เรนไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยๆ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่คน ‘อ่อนแอ’
ไรเดน อาคาสะ ผู้ล่าปรากฏอยู่ข้างหลังของเรนภายในการก้าวเท้าสองสามจังหวะ
เขายืนอยู่ข้างหลังและกำลังจะลงดาบปริบชีพเล่นอีกครา ทว่าจังหวะเดียวกันดาบมาสก็ถูกเคียวบาคุนาว่าจับเหวี่ยง
ดาบมารหลุดออกจากมือของไรเดนอย่างง่ายดาย อลิซาเบธอาศัยจังหวะที่ไรเดนไร้ดาบพุ่งโจมตีเป็นจังหวะที่สองและสาม—เคียวถูกเหวี่ยงเข้าใส่กลางลำตัวของไรเดนโดยที่เจ้าตัวไม่สามารถหลบหลีกมันได้
เปร้ง!!!!!!!!!!!!! เสียงปะทะกันของโลหะดังสนั่น
ไรเดนได้ใช้โล่ขนาดเล็กที่ติดกับมือมาป้องกันเคียวเอาไว้ แต่แน่นอนว่าคุณภาพของอาวุธนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว โล่จึงเกิดรอยร้าวทั้งๆที่ผ่านการป้องกันมาเพียงครั้งเดียว
“—ชิ!”
อลิซาเบธไม่ยอมแพ้ เธอกระหน่ำฟาดเคียวใส่ไรเดนรัวๆ ด้วยมุมที่ได้เปรียบทำให้ไรเดนไม่สามารถหนีการโจมตีนี้ได้
“บะ แบบนั้นแหละอลิซาเบธ!”
เรนลุกขึ้นยืนอย่างสะเปะสะปะหลังจากรักษาขาของตัวเองเสร็จ และทำท่าจะวิ่งหนีต่อ—ไรเดน อาคาสะ เอียงตัวหลบ
แน่นอนว่าไม่สามารถหนีเคียวพ้น
ตุ้บ!!!!! เคียวเฉียดแทงเข้าไปภายในร่างกายของไรเดนจงสร้างความเสียหายอย่างมารยาท …
“..เอ๊ะ”
ควรจะเป็นอย่างนั้น
แต่เคียวกลับถูกตรึงไว้ก่อนจะมาถึงตัวของไรเดน
เคียวถูกหยุดเอาไว้โดยที่ไม่ได้มีอะไรมากั้นไว้เลยเนี่ยนะ? เพียงพริบตาเดียวอลิซาเบธก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
“เทคนิค ‘เซนต์’!?”
อลิซาเบธตั้งใจจะกระโดดหนีแต่ช้าเกินไป ไรเดนก้าวเท้าไปหนึ่งจังหวะ ทำการขัดขาของอลิซาเบธในจุดที่ได้เปรียบ จากนั้นก็เหวี่ยงร่างของอลิซาเบธกระแทกลงกับพื้น พร้อมกันนั้นเคียวก็ลอยหลุดจากมือขึ้นไปอยู่บนฟ้าและ—ไรเดนก็รับเคียวมาอยู่ในกำมือของตัวเอง
ใช้เวลาราวหนึ่งวิในการควงวัดขนาด จากนั้นก็ทำการเขวี้ยงเคียวไปทางเรน
“ทะ ท่านเรน!!!! ระวัง!!!”
“–หา?–อั้ก…อ๊ากกกกกกก!!!”
แรงโยนที่มหาศาล และความแม่นยำราวกับจับวาง สองสิ่งที่ไรเดนมีทำให้ตัวของเรนถูกเคียวพุ่งแทงผ่านหน้าท้องทะลุไปเกี่ยวกับรากไม้แถวๆนั้น
ทุกอย่างอยู่ในการคำนวณ
อลิซาเบธร่ายเวทมนตร์จากพื้นหมายจะระเบิดร่างของไรเดนด้วยเวทมนตร์โจมตีขั้นสูง และแน่นอนว่าไรเดนสามารถอ่านการเคลื่อนไหวทั้งหมดได้
ดาบมารลอยกลับเข้ามาในมือของไรเดน ทั้งที่อยู่ห่างจากผู้ใช้ตั้งหลายเมตร—เพียงพริบตาเดียวเวทมนตร์ถูกทำลายโดยที่ยังไม่เกิดผลลัพธ์
“ท่านเรนนนนนนนน!!!!!”
อลิซาเบธรีดมานาสุดตัว พยายามใช้เวทมนตร์โจมตีทุกอย่างที่ตัวเองมีแต่ทั้งหมดก็ถูกทำลายพร้อมกันในคราเดียวด้วยดาบมารในมือของนักรบผู้แข็งแกร่งที่สุด
‘ดาบมาร มุรามาสะ’ ดาบปริศนาที่มีพลังในการตัดการทำงานของมานาได้ ต่อให้มันจะเป็นวิชาไสยศาสตร์ขั้นบรรลุหรือการเล่นแร่แปรธาตุที่ใช้เวลากว่าร้อยปี ทุกอย่างก็จะถูกสะบั้นทิ้งภายในการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว
ต่อหน้าดาบเล่มนี้ ต่อหน้าภูมิปัญญาและประสบการณ์ของ ไรเดน อาคาสะ น้อยคนนักที่จะสามารถสู้กับชายคนนี้ได้อย่างเท่าเทียม เงื่อนไขของพลังคืออะไร? เรื่องนี้คงมีแค่ตัวตนชั้นสูงที่สามารถเอาตัวรอดจากชายคนนี้ไปได้เท่านั้น หรือถ้าต้องการโค่น ไรเดน อาคาสะ ก็ต้องเรียกเอเธอร์มาจัดการซะ–อลิซาเบธรู้ซึ้งถึงความจริงข้อนี้ก็ตอนที่สายไปแล้ว ถ้าหากรู้เร็วกว่านี้ว่าชายคนนี้แข็งแกร่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเอเธอร์เลยอย่างที่ลือกัน—ทั้งเรนและเธอควรระวังตัวมากกว่านี้
ระวังตัวน้อยเกินไป เพราะระดับของเอเธอร์มันสูงจนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนที่แกร่งถึงขนาดนี้อยู่บนโลกแท้ๆ—ในขณะที่ไรเดนกำลังจะลงมือสังหารอลิซาเบธ
‘อวากวกวไกไวกไวกกไกไกไกไววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!’
มนุษย์ต้นไม้กว่าสิบตนได้วิ่งเข้ามาจากข้างหลัง ในจังหวะที่ไรเดนหันหน้าไปมองเพราะแอบตกใจกับการมาที่ไร้ซึ่งกลิ่นอายนี้นั้น—เรนก็ยิงเวทมนตร์ขั้นสูงเข้าใส่
ไรเดน ปัดการโจมตีขั้นสูงออกภายในฉับเดียว แต่นั่นก็ช่วยสร้างจังหวะให้อลิซาเบธดีดตัวออกจากความตายได้ทัน
“…”
ไรเดนคิดจะจัดการอลิซาเบธ แต่ทำไม่ได้แล้ว จึงหันกลับไป
“[ดาบประกายแสง]”
มุรามาสะถูกฟันออกไปเป็นวงกว้างและพุ่งเข้าใส่มนุษย์ต้นไม้
แรงออกดาบของไรเดนนั้นมีปริมาณที่เหนือกว่าดาบประกายแสงทั่วๆไปหลายเท่าตัว หากให้เปรียบเทียบก็มีความรุนแรงทัดเทียมกับเทพดาบเลยทีเดียว
เรนเห็นสิ่งนั้นเข้าไปก็ถึงกับหน้าซีด
ทว่า
รอยยิ้มของเรนกลับมาอีกครั้ง
มนุษย์ต้นไม้ยังคงวิ่งเข้าใส่โดยไม่มีทีท่าว่าได้รับความเสียหายใดๆอะไรเลย ไรเดนตัดสินใจใช้วิชาเดิมฟันอีกรอบแต่ก็ไม่ได้ผล
“ต่อให้เป็นแกหรือว่าเอเธอร์ก็เถอะ แต่ทันทีที่สิ่งนี้ปรากฏตัวออกมาพวกแกมันก็เป็นได้แค่มดเท่านั้นแหละโว้ย!!!! ทันทีที่ต้นไม้โลกได้กลืนกินที่แห่งนี้จนหมดสิ้นก็ไม่มีที่อยู่ให้พวกแกอยู่อีกต่อไปแล้ว!!! ชัยชนะเป็นของฉันคนนี้แล้วโว้ย!!! ตั้งแต่แรก ฉันนี่แหละผู้ชนะ!! อย่าบังอาจคิดว่าแผนตลอดพันปีของฉันมันเป็นแค่การเสี่ยงดวงนะโว้ย!!!”
พูดตะโกนจบเรนก็กระอักเลือดออกมามาก จนน่าเหลือเชื่อที่คนๆหนึ่งจะสามารถยืนพูดโวยวายได้ตามปกติในสภาวะเสียเลือดมาก นั่นเป็นเพราะการฟื้นฟูร่างกายอัตโนมัติที่เรนใช้ได้ ไม่ได้ถึงขั้นพวกอมตะอย่างมหามังกรหรือเทพ แต่เรนก็ถูกนับเป็นหนึ่งในตัวตน ‘กึ่งอมตะ’
หากวัดแค่ความสามารถที่มีทั้งหมด เรนจัดว่าเป็นบุคคลที่อันตรายของจริงเลย ทั้งด้านพลังและมันสมองอยู่ในระดับที่อาจเหนือกว่าพวกท็อปโลกก็เป็นได้ ทว่าความไร้พรสวรรค์ในด้านการต่อสู้ของตัวเองมันเข้าขั้นบรรลัย อย่างน้อยถ้าเรนรู้จักวิธีต่อสู้ในระดับทั่วๆไปคงยากที่ตัวเองจะสามารถเอาชนะได้—ไรเดนวิเคราะห์เช่นนั้น
“..ฉันยังอ่อนหัดสินะ”
แล้วยังมนุษย์ต้นไม้ประหลาดที่ทนการโจมตีเมื่อครู่ได้อีก
เป็นปกติไรเดนควรจะถอยไปตั้งหลักก่อน แต่ว่า—จะปล่อยคนๆนี้ให้มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้เด็ดขาด
ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่ก็ทำอะไรได้ไม่มาก
‘ ‘ ‘ ‘อวาากาไกไกไกวววววววววววววว’ ’ ’ ’
มนุษย์ต้นไม้นับสิบวิ่งเข้าใส่ไรเดน ทางด้านเรนและอลิซาเบธที่ได้โอกาสจากจังหวะนี้ก็พากันวิ่งหนีทันที
****
เรนกับอลิซาเบธวิ่งภายในสถานที่แห่งนี้อย่างเชี่ยวชาญ เพราะก่อนจะบุกพวกเขาได้วางแบบแปลนของการบิดเบือนทั้งหมดไว้แล้ว
“อลิซาเบธ แผนสำรองที่เผื่อไว้มีอะไรบ้าง”
เรนลืมหมดแล้ว เรนเป็นมนุษย์ที่สามารถสั่งให้ตัวเองจำและลืมทุกอย่างได้ตามใจชอบ เมื่อเห็นว่าบางอย่างไม่จำเป็นต้องจำอีกต่อไปเขาก็จะเลิกจำมันทันที–จึงเป็นหน้าที่ของมือขวาอย่างอลิซาเบธที่ต้องคอยจดจำสิ่งที่เรนเลือกจะลืม
“ต้องไปหาที่ซ่อนตัวใหม่ค่ะ โดยจะไปในจุดๆที่มีการรวมกันของมานาน้อยที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงตัวอันตราย”
“แล้วแกนต้นไม้โลก?”
แก่นแท้ของสมบัติสวรรค์ เป็นจุดกึ่งกลางของหายนะทั้งหมดในตอนนี้
“ท่านเรนบอกให้ปล่อยไว้ค่ะ เพราะในที่แห่งนี้ไม่มีใครที่สามารถทำลายแกนได้ ที่ต้องทำจึงมีแค่พาท่านเรนไปที่ที่ปลอดภัย”
เพราะนอกจากแกนโลก วิธีเดียวที่จะหยุดต้นไม้โลกได้มีแค่ฆ่าเรนให้ตายอย่างแท้จริงเท่านั้น …
“เข้าใจแล้ว ..ให้ตายสิ ไรเดน อาคาสะ หมอนั่นอันตรายกว่าที่คาดไว้มาก อุตส่าห์ตัดตัวปัญหาอย่างเอเธอร์ไปแล้วแท้ๆยังมีมันเข้ามาอีก” เรนถอนหายใจเฮือกโต “แต่ก็เอาเถอะ สั่งให้พวกมนุษย์ต้นไม้หยุดมันไว้แล้ว มันก็คงเคลื่อนไหวไม่ได้ไปอีกนานพอสมควร ..พูดถึงตัวปัญหา”
จู่ๆเรนก็หยุดเดิน
“..ไอตัวร้ายกระจอกนั่นมันมาด้วยรึเปล่านะ”
เรเซอร์ ดราแคล์ ข้อผิดพลาดของโลก ตัวตนที่อยู่นอกแผนทั้งหมด
เรื่องราวในงานเทศกาลโลหิตมังกร หรือเรื่องบนเกาะวาเรอร์ ทั้งหมดไม่เป็นไปตามแผนเพราะเรเซอร์ อาจมีปัญหาจากคนอื่นด้วยเหมือนกัน แต่ตัวหลักที่ทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมดเป็นเพราะหมอนั่น ..ยิ่งกว่านั้น ยังมีสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจของเรน
“พี่ยูนา..การตัดมิติของพี่ยูนา”
พลังทำลายล้างที่ราวกับการแยกโลกออกจากกัน พลังการตัดมิติที่น่าหวาดกลัวในตอนนั้นมันยังวนเวียนอยู่ในหัวของเรน
หากได้เจอสิ่งนั้นเข้าไป ต่อให้เป็นเรนที่มีชีวิตอยู่เป็นสิบๆชีวิตก็คงจะไม่ไหว
“ถ้าเป็นการตัดมิติของพี่ยูนาอาจจะทำลายแกนของต้นไม้โลกได้ก็ได้”
…ถ้าเกิดหมอนั่นมาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยจะเกิดอะไรขึ้น? อย่างมันคงไม่ไปพลาดท่าให้มนุษย์ต้นไม้หรอก ..
“..อลิซาเบธเปลี่ยนแผน—สั่งให้พวกที่ประจำการอยู่ออกค้นหา เรเซอร์ ดราแคล์ ซะ” เรนหันไปมองอลิซาเบธ “ถ้าเกิดไม่เจอก็ดีไป แต่ถ้าเกิดเจอให้รีบแจ้งมาทางนี้เลย
“รับทราบค่ะ ถ้าเจอแล้วท่านเรนคิดจะทำอะไรต่อหรือคะ?”
“ฉันจะตามไปฆ่ามันเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดที่แสนกล้าหาญของผู้เป็นนาย อลิซาเบธก็ถึงกับน้ำตาไหลออกมาพร้อมกับคุกเข่าลงกับพื้น
“รับทราบค่ะ!”
“ดีมาก เอาละ อลิซาเบธ รีบไปกันเถอ—”
ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างหลัง
เมื่อหันไปมองก็พบเข้ากับ—นักรบที่แข็งแกร่งที่สุด
“หะ หา!? หา!!? เชี่ยไรเนี่ย!!!? มาได้ยังไงกัน นี่แกไม่ใช่ว่าพวกมนุษย์ต้นไม้คอยรั้งแกไว้อยู่เรอะ!!”
ไรเดนไม่ตอบสักคำ ทำเพียงวิ่งเข้าใส่เรนให้เร็วที่สุด อลิซาเบธพุ่งสวนใส่ไรเดน
บาคุนาว่ากับมุรามาสะ ได้ชนกันเกิดเป็นเสียงกระแทกกันของโลหะ
หลังจากเข้าปะทะได้เพียงเชี่ยววิเดียว ไรเดนกับอลิซาเบธก็พากันโหมกระหน่ำการโจมตีระดับที่ยากจะมองให้ทันได้เข้าใส่กัน
“อึก!”
แม้จะสูสีในระยะแรก แต่จังหวะปะทะต่อมาความเร็วและแรงของอลิซาเบธก็เริ่มผ่อนลง ต่างจากไรเดนที่แรงไม่ผ่อนลงเลย
อลิซาเบธรู้ดีว่าไม่สามารถวัดด้วยตรงๆได้เลยเลือกจะกระโดดหนีมา แต่นั่นก็เป็นไปตามแผนของไรเดน—มีดพุ่งจากเท้าของไรเดน พุ่งเข้าใส่สีข้างของอลิซาเบธในจังหวะลอยตัว และจากนั้นตัวมีดก็สลายกลายเป็นไฟฟ้าที่พุ่งแล่นเข้าไปภายในร่างกาย
“อ้าาาา!!!!”
ในจังหวะที่อลิซาเบธไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ไรเดนก็ตั้งใจจะใช้ดาบมารฆ่าอลิซาเบธทิ้ง ทว่าเคียวบาคุนาว่าก็ส่องแสงขึ้นก่อน
พลังในการช่วงชิงพลังของอีกฝ่ายได้เปิดใช้งาน บาคุนาว่าได้เรียกหลุมดำออกมาตรงหน้าของไรเดน
“..”
ไม่เคยเห็นมาก่อน ดาบมารจึงไม่สามารถตัดได้
ไรเดนตั้งสินใจกระโดดถอย แต่ก็ไม่อาจต้านแรงดูดของหลุมดำได้
“บะ แบบนั้นแหละอลิซาเบธ”
ไรเดนผสานนิ้วเข้าหากัน—-
“[สลับ]”
ฟุ้บ!!!!! เกิดสายฟ้าสีดำขึ้นมาหนึ่งจังหวะ ร่างของไรเดนกับเรนถูกสลับกัน
เรนเป็นฝ่ายถูกหลุมดำดูดแทน
“เป็นไปไมไ่ด้ ตะ ตั้งแต่ตอนไหน”
วิชาไสยศาสตร์ไม่สามารถใช้ได้หากไร้การเตรียมพิธีก่อน เรนในฐานะผู้บรรลุในวิชาไสยศาสตร์ย่อมรู้ทุกซอกทุกมุม
“—อย่าบอกนะว่าแกติดไว้บนตัวฉันตั้งแต่แรก!!”
ถึงตรงนี้เรนก็พึ่งจะสังเกตุว่าบนปากแผลของตัวเองที่ได้มาจากเคียวบาคุนาว่ามีอักขระขนาดเล็ก อันเป็นวิชาไสยศาสตร์ [สลับ] อยู่ ในช่วงที่วัดระยะของเคียว ไรเดนไม่ได้ทำแค่นั้น เขายังเตรียมวิชาไสยศาสตร์เอาไว้เผื่อกรณีนี้ด้วย
อักขระนั่นละลายหายไปทันทีเมื่อหมดการใช้งาน ..
“แม่งเอ้ยย อลิซาเบธยกเลิกหลุมดำซะ!”
“—เอ๊ะ”
ไม่ทันที่จะได้ทำอะไร
ดาบมารก็พุ่งผ่านท้องของอลิซาเบธไป ..เลือดพุ่งออกจากปากของอลิซาเบธ จากนั้นสติก็เลืองหายไปในทันที
ไรเดนดึงดาบออกจากร่าง และปล่อยร่างของอลิซาเบธล้มลงกับพื้น จากนั้นก็หยิบบาคุนาว่าที่ยังคงเลืองแสงขึ้นมาดู
“แบบนี้นี่เอง จำเป็นต้องปิดเพื่อใช้งานสินะ ..แต่ว่าอันตรายไม่ใช่น้อยเลย สามารถเรียกก้อนสีดำประหลาดที่มีแรงดูดมหาศาลขนาดนี้ขึ้นมาได้น่ะ” ไรเดนชำเลืองมองอย่างเย็นชา “ต่อไปก็ ภัยพิบัติเรน”
“…”
เรนหน้าซีดเผือก เขาพยายามจับต้นไม้แถวนั้นไม่ให้ตัวเองถูกหลุมดำดูดเข้าไป
“จากนี้จะเริ่มทำการประหาร มีอะไรอยากจะสั่งเสียหรือไม่”
“…ขะ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ จะไม่ทำอีกแล้ว สัญญาเลย ขอร้องละ ใช่สิ เอาเข้าคุกก็ได้ แต่ขอร้องอย่าฆ่าผมเลยนะ”
“ภัยพิบัติเรน ตัวแกมีอยู่กี่ชีวิต ตอบมาซะ”
“..ชะ ช่างเรื่องนั้นเถอะน่า ทางนี้หมดหนทางชนะแล้ว เข้าใจสถานการณ์ดีแล้วละ ยอมแพ้แล้ว อยากได้ข้อมูลอะไรก็ถามได้เลย จะตอบทุกอย่างเลย”
จู่ๆท่าทีของเรนก็ดูอ่อนน้อมต่างกับตอนคุยกันทีแรก ..
“เลี่ยงไม่ให้คำตอบ คำตอบที่ได้จากแกต่อจากนี้ก็คงไม่มีความน่าเชื่อถืออะไร”
“ยะ อย่ามาล้อเล่นนะ ก็บอกอยู่นี่ไงว่าผมยอมแพ้แล้ว นายเป็นฝ่ายชนะ!!”
“ผิดแล้ว ..อาณาจักรเนลยอนจะยังไม่ชนะจนกว่าแกจะตาย” ไรเดนมองเหยียดใส่เรน “..ไม่มีอะไรจะสั่งเสียสินะ”
“..ขอร้อง..ขอร้องละ..ชีวิตนี้มีค่ามากน–”
ไรเดนทำการตัดมือของเรนที่เกาะรากไม้ไว้สุดแรงทิ้ง และปล่อยให้ร่างของเรนถูกหลุมดำดูดเข้าไป
“อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เสียงร้องโหยหวนของเรนแม้จะดูน่าสงสารถึงเพียงใด แต่ก็ไม่มีสีหน้าที่เห็นใจใดๆมาจากใบหน้าของ ไรเดน อาคาสะ คนนี้เลย ดูโหดร้ายไปหน่อย แต่ไรเดนก็อาศัยจังหวะนี้ในการวิเคราะห์การทำงานของหลุมดำไปด้วย ..พร้อมกับเรนที่ร้องเสียงดังไม่มีแผ่ว
****
ตัดมาทางด้านหนิงที่เผอิญเจอกับชินและฟัฟนิร์เข้าในตอนที่กำลังพาเด็กสองคนไปส่งที่ปลอดภัย
ทั้งสามมหามังกรเพลิงใช้เวลากว่าสิบนาทีในการเดินมาถึงจุดรวมพล
ภายในจุดรวมพลชั่วคราวนั้นเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีรากไม้อยู่น้อย แต่ตัวห้องก็ใหญ่พอจะบรรจุคนได้เป็นพันคน ภายในห้องมีคนเจ็บอยู่มากมาย ในขณะเดียวกันก็มีทหารและแพทย์หลายคนวิ่งไปมาเนื่องจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน
หนิง ชิน และฟัฟนิร์เดินผ่านคนหลายชีวิต บ้างก็โกรธ บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็หมดอาลัยตายอยาก ..เมื่อพบกับความสิ้นหวังนี้ ดาเนียลกับมาริก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หนิงก็รู้สึกหดหู่ขึ้นนิดหน่อย ชินเองก็ด้วยแต่ไม่ได้มีอาการอะไรมากเพราะชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว ส่วนฟัฟนิร์เป็นคนเดียวที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
“สถานการณ์กึ่งสงครามก็ประมาณนี้แหละนะ”
ฟัฟนิร์กล่าวอย่างเรียบเฉย ..กับคนที่เคยเป็นต้นเหตุของสงคราม กลับแสดงความรู้สึกออกมาเพียงแค่นี้ จะบอกว่าไร้ความรู้สึกหรือหน้าด้านดีนะ ..หนิงเผลอคิดขึ้นมาแวบหนึ่งแต่ก็เลิกคิดทันทีที่เห็นฟัฟนิร์คอยชำเลืองมองผู้คนตลอด ..ดวงตาสีเหลืองหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่ออดีต
ถึงจะไม่ได้แสดงออกอะไร แต่ฟัฟนิร์ก็ไม่ใช่ว่าไม่เห็นใจเลย
“แล้วพ่อแม่ของเด็กคนนี้จะอยู่ที่นี่จริงๆรึ?”
ไม่ใช่ว่าตายที่ไหนสักแห่งไปแล้วเหรอ?
หนิงหันไปมองทางเด็กสองคนที่มีสีหน้าไม่สู้ดี จากนั้นก็ส่ายหัวไปมา
“จะลองหาดูก่อน”
“ที่นี่มีคนอยู่ตั้งเยอะ จะทำยังไงล่ะ?”
หนิงร่ายเวทย์ลม มันเป็นเวทย์สำหรับกระจายเสียง จากนั้นก็แหกปากทันที
“มีเด็กหลงอยู่สองคนค่ะ ชื่อดาเนียล กับมาริ เป็นแฝดชายหญิง!!! ผู้ปกครองอยู่ทางไหนเหรอคะ!!!!?”
เมื่อเริ่มตะโกนแล้ว หนิงก็ตะโกนหาผู้ปกครองของเด็กสองคนไม่หยุด ฟัฟนิร์เล่ห์มองหนิงครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น
“ต้าวชิน”
“ขอรับ?”
“ช่วยไปบอกยัยหัวขโมยนั่นให้เงียบหน่อยได้รึไม่ ข้ารู้สึกอับอาย”
“เกรงว่าต้องขอปฏิเสธครับผม”
ฟัฟนิร์หัวเราะขึ้นจมูก
“ช่างเถอะ ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
ชินถอนหายใจเล็กน้อย และเฝ้ามองหนิงที่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อคนอื่น
ปกติหนิงไม่ใช่คนแบบนี้ ด้วยนิสัยที่ได้จากฟัฟนิร์ส่วนหนึ่งก็ดี ด้วยนิสัยของตัวเองแต่แรกก็ดี หนิงเป็นคนที่ไม่สนใจใครเลย ไม่เห็นใจใครเลย ทั้งชีวิตมีอยู่แค่คนๆเดียวเท่านั้นที่เป็นทุกอย่าง ..แต่หลายอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อพบเจอกับคนอื่น
“ต้าวชิน คิดว่าสิ่งที่งดงามที่สุดของมนุษย์คืออะไรรึ”
“..สติปัญญาหรือครับ”
“ผิดแล้วละ” ฟัฟนิร์อมยิ้มเล็กน้อย “มนุษย์คนแรกที่ออกเดินทางร่วมกับข้าเคยบอกไว้น่ะนะ ว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์งดงามที่สุดคือ ..ความปารถนาที่อยากจะช่วยใครสักคน”
อย่างน้อยๆก็ความรู้สึกเห็นใจ ตอนนี้หนิงมีมันอยู่ในตัวต่างกับเมื่อไม่นานมานี้ และต่างกับนิยายต้นฉบับลิบลับ
“ก็จริงที่ความรู้สึกนั้น บางทีมันก็บิดเบี้ยวจนน่ากลัว แต่ความจริงที่ว่ามนุษย์ได้ทำบางอย่างเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อตัวเองมันก็ยังงดงามอยู่ดี”
“คนๆนั้นพูดหรือครับ”
“ใช่แล้ว แต่แน่นอนข้าไม่เห็นด้วย สุดท้ายการช่วยคนอื่นมันก็เป็นการทำเพื่อตัวเองอยู่ดี สุดท้ายก็เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ เพื่อเติมเต็มบางอย่างในใจ พอบอกไปอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้เถียงอะไรข้า ยังไงมันก็เป็นความจริงอยู่ดีที่สุดท้ายมนุษย์ก็ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ..ทว่า ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่ข้าถูกความคิดของมนุษย์นั่นกลืนกิน”
ฟัฟนิร์หัวเราะขึ้นจมูกอีกครั้ง
“ส่วนหนึ่งที่ข้ากลายเป็นมหามังกรแสนดีก็เพราะคนๆนั้นนั่นแหละนะ ต้าวชิน”
..มหามังกรแสนดีสินะ..ชินยิ้มเจื่อนๆ
ฟัฟนิร์ยืนกอดอกทั้งรอยยิ้ม ท่ามกลางฝูงชนที่เดินผ่านไปมา ฟัฟนิร์ได้เห็นคนๆหนึ่งที่เดินผ่านไป แม้จะสวมผ้าคลุม แม้จะปกปิดตัวตนถึงขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะรอดพ้นจากสายตาของฟัฟนิร์ไปได้ เพราะอย่างไรซะ..ก็คือพี่น้องกันอยู่ดี—รอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้า
“..ท่านฟัฟนิร์”
“ต้าวชิน”
ฟัฟนิร์หันไปพูดกับชินตรงๆ
“เนลยอนอยู่ที่นี่แหละ”
..ชินนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้ารับที่ฟัฟนิร์บอก
****
“ดาเนียล แล้วก็มาริ แฝดชายหญิงค่ะ!!!—-”
“ดาเนียล!!!! มาริ!!!!”
เสียงของผู้หญิงในชุดเดรสเปื้อนดินวิ่งมาหาเด็กๆทั้งสองคน เด็กสองคนผู้ถูกเรียกพากันยิ้มและวิ่งไปกอดผู้หญิงคนนั้น
“คุณแม่!”
เหมือนจะเป็นแม่เด็กที่หนิงตามหาอยู่
เมื่อเห็นอย่างนั้นหนิงก็ยิ้มอย่างโล่งอก แล้วทำท่าจะเดินไปแต่ก็ถูกมาริวิ่งมาจับชายกระโปรงไว้ก่อน
“..ขะ” มาริที่ไม่คิดจะคุยกับหนิงเลยรวบรวมความกล้า “ขอบคุณนะคะ พี่สาว”
….
“ด้วยความยินดีจ๊ะ”
หนิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
จากนั้นจึงหันกลับไปหาฟัฟนิร์กับชิน ทว่า..
“เอ๊ะ ..หายไปไหนกันหมดละเนี่ย”
ทั้งสองหายไปราวกับกลีบเมฆซะอย่างนั้น
MANGA DISCUSSION