< < 134 Sec1 > >
“..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกส่งตัวมาที่ไหนไม่รู้ เป็นห้องสีดำไร้แสงสว่าง ..
“[ไลท์]”
ทันทีที่จุดแสงขึ้นก็ปรากฏให้เห็นว่ารอบๆมีเพียงแค่กำแพงสีขาวและรากไม้สีดำน่าหยะแหยงเท่านั้น
..ดันเจี้ยน? คล้ายอยู่นิดหน่อยแฮะ แต่ไม่น่าใช่ ก่อนหน้านี้ก็พึ่งจะอยู่ในงานประชุมโลกอยู่เลย
หรือว่าโดนวาร์ปมา? เป็นไปไม่ได้ เพราะสัมผัสพื้นเหมือนกับของงานประชุมโลก ถ้าจะวาร์ปก็ต้องวาร์ปมาทั้งงานประชุม และนั่นก็เป็นไปไม่ได้อีก เพราะคนที่มีมานาจะทำได้ขนาดนั้นบนโลกมีแค่ เบลลามีและยูจิสองคนเท่านั้น
ไอเทมวิเศษ? มีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องได้รับการพิสูจน์เสียก่อน เพราะอย่างนั้นลำดับแรก
“ต้องลากหัวคนทำมาก่อนสินะ”
ในขณะที่ผมกำลังจะก้าวเท้า ผมก็สัมผัสได้ถึงการเดินของใครสักคนจากข้างหลังผม—
“อย่าขยับ!”
“เดี่ยวสิๆ ฉันเองๆ ราเมียร์”
..ผมใช้เวทย์แสงส่องหน้าอีกฝ่าย ทำให้กระจ่างว่าอีกฝ่ายคือราเมียร์
ไม่ได้โดนวาร์ปมาคนเดียวนี่เอง
ผมดีดนิ้ว ใช้เวทย์แสงส่องพื้นที่โดยรอบให้เยอะกว่าเดิม เพียงพริบตาเดียวก็พบว่าที่ๆยืนอยู่คือห้องที่โดนคลุมด้วยรากไม้ขนาดไม้ และมีคนอยู่ในห้องตอนนี้ประมาณห้าคนรวมผม
คนแรก ผู้หญิงที่แต่งตัวคล้ายเจ้าหญิงญี่ปุ่น บนหัวสวมที่ปกคลุมใบหน้าเอาไว้
คนสอง ..
“มิร่านี่”
“ระ เรเซอร์เหรอ ที่นี่ที่ไหน!?”
ก่อนที่ผมจะได้ตอบก็มีคนชิงตอบคำถามมิร่าเสียก่อน
“เรื่องนั้นกระผมก็กำลังหาเบาะแสอยู่ครับ เจ้าหญิงมิร่า”
ส่วนอีกคนก็คือ ..ชายชราในชุดคลุมสีแดง ผมรับรู้ได้ทันทีเพราะจำใบหน้าของเขาได้จากนิยายต้นฉบับ เขาคือ ‘วินดาฟ’ ราชาจอมเวทย์แห่งฟัฟนิร์
วินดาฟจ้องหน้าผมสักพักก่อนยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง แทนที่จะดูน่าเกรงขามสมฉายา เขากลับดูคล้ายกับคุณลุงใจดีซะมากกว่า
วินดาฟชายตามองทุกคนในที่แห่งนี้ ก่อนจะทักทายผม
“ไม่ได้พบกันนานนะ บุตรชายของเอล็กซ์” วินดาฟหันไปมองราเมียร์ตามด้วยผู้หญิงในชุดเจ้าหญิงญี่ปุ่น “อีกสองคนก็–บุตรสาวของราชามังกร แล้วก็เจ้าหญิงโทมิเรียจากเนลยอนสินะ”
เอล็กซ์ชื่อพ่อแท้ๆของผมเอง
ว่าแต่ว่าเจ้าหญิงแห่งเนลยอน โทมิเรียสินะ ในนิยายต้นฉบับไม่ได้ปรากฏใบหน้า เห็นว่าเป็นสาวงามที่สุดคนหนึ่งบนโลกด้วย น่าเสียดายแฮ—อ่า เจ้าตัวตอนนี้ก็ปิดหน้าอยู่ด้วยแหละ
อดเห็นใบหน้าที่ว่าไว้ว่างดงามพอๆกับหนิงเลย น่าเสียดาย
โทมิเรียถอยหลังราวสองก้าว เธอมองซ้ายมองขวาอย่างเป็นกังวล
“ไม่อยากสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็นหรอกวางใจได้ ถึงจะเป็นอาณาจักรฟัฟนิร์ที่เคยเป็นอริด้วยก็เถอะ”
ไม่ได้โง่พอจะไปทำลายสัญญาสงบศึกหรอกนะ พวกผมน่ะ
มิร่ากับวินดาฟพยักหน้าเห็นด้วย ในฐานะรายใหญ่ผู้ขับเคลื่อนอาณาจักรก็คงไม่อยากสร้างปัญหาให้อาณาจักรโดยไม่จำเป็น กลับกันต้องสร้างบุญคุณต่างหาก ในสถานการณ์ที่วิกฤตตอนนี้ จำเป็นต้องช่วยโทมิเรียด้วยคน
เอาเป็นว่าตอนนี้ต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก่อน
“เอ่อ คุณวินดาฟ พอจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้รึเปล่าครับ”
“ยากเหมือนกันนา ..แต่คาดว่าเราน่าจะถูกวาร์ปมาที่ไหนสักแห่งภายในงานประชุมแน่นอน”
วินดาฟคิดเหมือนกับผม
“เอาเป็นว่า ตอนนี้มานั่งวิเคราะห์สถานการณ์กันก่อนเถอะครับ”
“คงต้องอย่างนั้น”
วินดาฟนั่งพิงกำแพง ผมกับราเมียร์ลงไปนั่งด้วย จากนั้นมิร่าและโทมิเรียก็ค่อยๆนั่งแบบกล้าๆกลัวๆ พวกเรานั่งกันเป็นวงกลม มีเพียงแค่แสงจากเวทมนตร์ตรงกลางวงเท่านั้นที่คอยมอบวิสัยทัศน์ให้
“ลำดับแรก”
–การหาลือเริ่มขึ้น โดยมีผมและวินดาฟเป็นแกนนำ
****
“ร่วมมือกับผมซะ”
เรื่องราวที่พูดประหนึ่งว่าเป็นคำเชื้อเชิญจากปีศาจ หมอนั่นจ้องหน้าฉันตรงๆ ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ได้โกหก ทั้งหมดที่พูดคือความจริง ความจริงที่ว่าหากร่วมมือกับหมอนี่แล้วความฝันของฉันจะเป็นจริง โลกในฝัน โลกที่ปารถนามาตลอดมันอยู่เพียงแค่เอื้อมมือด้วย
ถึงจะเป็นเศษสวะ แต่หมอนี่เชื่อใจได้ อย่างน้อยก็มีเป้าหมายเดียวกัน
ฉันคิดอย่างนั้นจึงตอบรับคำเชื้อชวนของปีศาจ—และเปลี่ยนตัวเองเป็นปีศาจไปด้วยคน
ถ้าเพื่อโลกในฝันแล้ว ต่อให้ต้องมือเปื้อนเลือดก็ไม่เป็นไร ทั้งหมดก็เพื่อโลกที่ถูกต้อง—-จะไม่โทษโชคชะตาที่ทำให้ฉันต้องเดินมาทางนี้ แต่จะโทษตัวเองที่อ่อนแอจงยอมแพ้ต่อทุกอย่างและเลือกจะใช้วิธีนี้
ทั้งหมด ฉันผิดเอง ขอยอมรับความผิดและ–กระทำความผิดต่อไปจนถึงจุดจบของเรื่องราว
ฉันซีดเข็มเข้าที่วงจรเวทย์บริเวณลำคอของตัวเอง จากนั้นก็โยนเข็มที่ไร้ซึ่งสารใดๆลงพื้น
สิ่งนี้จะช่วยเร่งการทำงานของร่างกายอย่างมหาศาล ทำให้ฉันมีพลังพอจะต่อกรกับผู้เป็นถึงเทพกลับมาเกิดใหม่
ตัวฉันเวลานี้ แม้แต่ราชาจอมเวทย์ก็ไม่ใช่คู่มือ!!
“ยูจิ!!”
จะสังหารเทพ—จะสังหารยูจิให้ได้ภายในเวลาเพียงน้อยนิดให้ดู จะไม่ลังเล จะไม่หวาดกลัว แบบนี้ดีแล้วใช่มั้ย เรน!!!!!!
****
(มุมมองยูจิ)
อาจารย์บลาซกระหน่ำเวทมนตร์แห่งแสงใส่ผม ทุกนัดที่ยิงออกมาไร้ซึ่งความลังเล ทำให้ทราบได้โดยอัตโนมัติว่าผมกำลังจะถูกฆ่าโดยอาจารย์ของตัวเอง
ทำไม?
ในหัวมีแค่คำๆนี้ รู้สึกว่าร่างกายตัวเองลอยไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ สติเลืองลางไปหมด—ถึงอย่างนั้น ร่างกายก็ตอบโต้การโจมตีเองตามสัญชาตญาณ แม้ว่าในหัวจะไม่ได้คิดอะไรเลยก็ตาม
[หักล้าง] ปัดกระสุนแสงทุกนัดจนกระเจิง พร้อมๆกันนั้นก็วิ่งเข้าใส่อาจารย์บลาซ
เพียงพริบตาเดียวผมก็เคลื่อนตัวมาอยู่ตรงหน้าแล้ว อาจารย์บลาซหน้าถอดสีเล็กน้อย กำลังจะกระโดดหลบแต่ก็ไม่ทัน ถูกอัดเข้าที่ลิ้นปี่เสียก่อน
“ชิ!!!!”
“[ไฟลเยอ–”
เวทย์เพลิงถูกหักล้างโดยการร่ายซ้ำของอาจารย์บลาซ ทำให้เวทมนตร์ไม่ปรากฏขึ้น และเขาก็อาศัยแรงกระแทกในการหนีจากผม ขณะเดียวก็ก็ชี้คทาเวทย์ใส่ผมด้วย
“[แคนน่อนไลท์]”
กระสุนแสงพุ่งออกมา ผมยกมือขึ้นมาร่ายเวทย์สวน
“[ชาโดว์บล็อค]”
กล่องสีดำกางออกมารับกระสุนแสงกว่าสิบนัด จากนั้นผมก็นำนิ้วก้อยกับนิ้วโป้งประสานกัน และย่อตัวลงให้อยู่ในระดับอกของอีกฝ่าย
วิชาไสยศาสตร์
“[ภาพมายา]”
บริเวณเส้นตรงตามพื้นที่มีลอยสีขาวจากการลากเท้าของผมเลืองแสง และผุดเป็นงูสีขาวที่ยาวกว่าสองเมตร
งูมายาเลื้อยขึ้นมาเกาะบริเวณไหล่ของผม และทำท่าจะชกอีกฝ่ายทุกเมื่อ
ระยะโจมตีสองเมตรไม่รวมตัวเอง ถ้าอาจารย์บลาซเข้าระยะสี่เมตรเมื่อไหร่ งูมายาพร้อมจะชกอาจารย์บลาซและลากเขามาประชิดผมได้ทันที แต่เพราะเข็มประหลาดเมื่อครู่ เหมือนมันจะกระตุ้นให้อาจารย์บลาซใช้เวทมนตร์ได้เร็วกว่าปกติเกือบสิบเท่าได้ ทำให้ยากต่อการจัดการ มีความเป็นไปได้ที่งูมายาจะถูกกำจัดก่อนได้ชกอาจารย์
ข้อเสียตรงนั้น ผมจะกลบด้วยความสามารถของตัวเอง
“[ชาโดว์บล็อค] ..”
กล่องสีดำปรากฏขึ้น มันอ้าปากค้าง และข้างในก็มีกระสุนแสงของอาจารย์บลาซอยู่ ผมสามารถสั่งการให้ชาโดว์บล็อคยิงกระสุนแสงใส่อาจารย์บลาซได้ทันทีตามใจต้องการ ในส่วนนี้จะขอเก็บไว้ใช้ระหว่างบุกโจมตี
โจมตีสี่ทาง
ตัวผม หักล้างของอลัน งูมายา และชาโดว์บล็อค ทั้งหมดจะโจมตีอาจารย์บลาซพร้อมกัน และถ้าอีกฝ่ายร่ายเวทย์ใส่มั่วชั่ว ผมก็จะเรียกชาโดว์บล็อคมาสะสมพลังเอาไว้อีกเรื่อยๆ
“..กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้วสินะ ยูจิ”
อาจารย์บลาซเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“แค่ไม่กี่เดือนเปลี่ยนเธอได้ขนาดนี้เลยน่ะเหรอ ..ทีแรกก็สงสัยอยู่แรก ที่เรนบอกว่าเธอมีพรสวรรค์เกินกว่าใครๆ บอกตามตรงว่าสงสัย แต่ตอนนี้ไม่แล้วละ ตัวเธอมีคุณสมบัติในการเหนือกว่าเอเธอร์ไม่ผิดแน่..[ชาโดว์บล็อค] เวทมนตร์ขั้นบรรลุ มีความสามารถในการดูดกลืนเวทมนตร์ของอีกฝ่าย และสามารถตั้งโจมตีกลับได้ ข้อดีมีมากมายก็จริง แต่ข้อเสียคือมันกินมานามหาศาล ในขณะที่ชาโดว์บล็อคเปิดปากพร้อมโจมตี ผู้ใช้จะเสียมานาตลอด แถมยังไม่ใช่จำนวนน้อยๆด้วย ทำให้ไม่มีคนใช้”
…
“วิชาไสยศาสตร์มายานั่นอีก การจะสร้างงูที่ใช้ต่อสู้จริงได้มันกินมานามหาศาล อย่างน้อยๆถ้าเป็นฉัน ถ้าเกิดต้องใช้ชาโดว์บล็อคกับสร้างงูมายาออกมาพร้อมกันละก็–มานาคงจะหมดตัวไปนานแล้ว” บลาซหรี่ตามอง “นี่น่ะเหรอ วิธีสู้ของคนที่มีมานาเข้าขั้นอนันต์ …เป็นวิธีต่อสู้ที่คล้ายจะเหยียดหยามมนุษย์ทุกคนจริงๆนะ ยูจิ”
“เหยียดหยาม?”
“ใช่สิ ไม่คิดว่านี่เป็นวิธีสู้ของพวกขี้ขลาดหน่อยเหรอ? คนอื่นฝึกแทบตาย ลำบากเผชิญกับมานาที่มีขีดจำกัด แต่ว่านายกลับไร้ข้อจำกัดเรื่องมานา สามารถใส่เต็มกับทุกอย่างได้ พวกเทคนิคมากมายที่มนุษย์ช่วยพัฒนากันหายไปไหนแล้วล่ะ? แบบนี้ไม่นับว่าปฏิเสธความเป็นมนุษย์ของตัวเองนั้นรึ นี่ไม่ใช่วิธีสู้ของมนุษย์ ..มันคือขอบเขตุของเทพชัดๆ ..นายในฐานะเทพ คงใช้วิธีสู้แบบนี้และมองต่ำลงมาที่มนุษย์สินะ หึหึ ช่างน่าเศร้าอะไรขนาดนี้”
อาจารย์บลาซ …
“โกหกไม่เนียนเลยนะครับ”
“..”
“ที่พูดคงตั้งใจปั่นหัวผมสินะครับ วิธีที่ใช้อย่างกับตั้งใจให้ผมจับไต๋ได้อย่างไรอย่างนั้นเลยนะครับ ..แต่ก่อนอื่น ขอถามอะไรสักอย่างหน่อยสิครับ”
ผมมองด้วยแววตาที่เศร้าใจ
“รู้ได้ยังไงว่าผมเป็นเทพกลับมาเกิดใหม่หรือครับ”
“..เรื่องนั้นบอกไม่ได้หรอก”
“จาก เรน คนนั้นสินะครับ จริงๆรู้อยู่แล้วละครับ”
ผมถอนหายใจเฮือกโต จากนั้นจึงยิ้มให้อาจารย์บลาซ
“ผมไม่ตั้งใจจะเหยียดหยามใครทั้งนั้น ไม่เคยภาคภูมิใจพลังของตัวเองเลยสักนิด ..นี่คือใจจริงของผมครับ” ผมเริ่มร่ายเวทย์ “วิธีที่ใช้อาจจะไม่ถูกใจบ้าง แต่ก็ขอโทษด้วยนะครับ ..ผมจำเป็นต้องชนะ”
โดยที่ไม่ฆ่าอาจารย์บลาซไปด้วย—-ผมดีดนิ้ว
“[ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์]”
กล่องสีดำใบที่สองกลืนกินกระสุนแสง
“[ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ]”
กล่องสีดำใบที่สามได้กลืนกินกระสุนหิน
มานาไหลออกจากร่างกายมหาศาลก็จริง แต่สัมผัสไม่ได้ถึงความเหนื่อยล้าเลย ตอนนี้รู้สึกว่าต่อให้เรียกชาโดว์บล็อคออกมาค้างไว้อีกเป็นร้อยกล่องก็ไม่ใช่ปัญหา ..ใช่ ไม่ใช่ปัญหาเลย
“[ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนไลท์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวอเธอร์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเฟรม] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนวินธ์] [ชาโดว์บล็อค] [แค่นน่อนเอิร์ธ]”
ชาโดว์บล็อคปรากฏขึ้นบนฟ้ากว่าร้อยอัน ทั้งหมดได้กลืนกินกระสุนนานาชนิดเข้าไป และอ้าปากกล่องค้างพร้อมจะยิงออกมา เพียงแค่สั่งการ พื้นที่ตรงนี้ก็จะเละเป็นหน้ากองจากเวทมนตร์ขั้นกลางร้อยครั้ง
อาจารย์บลาซหน้าซีดเผือก
****
“ตัวตนผู้พิเศษยิ่งกว่าใครๆ มานานับอนันต์ในตัว ร่างกายของเทพ สิทธิพิเศษมากมายที่ได้รับ..นี่น่ะเหรอ..มันทำได้ขนาดนี้เลยนั้นเหรอ”
ไม่มีทางทำได้ ต่อให้มีมานาเยอะแค่ไหน การจะใช้เวทย์พร้อมกันเป็นร้อยอย่าง ร่างกายย่อมรับไม่ไหว วงจรเวทย์พังแน่ๆ แต่ที่ปรากฏคือยูจิที่ร่ายมันออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่ราชาจอมเวทย์ก็ทำไม่ได้ ..ต่อให้มีมานาพอจะทำ แต่วงจรเวทย์ก็รับทั้งหมดไว้ไม่ไหว
ทำไมยูจิถึงทำได้? คำตอบนั้นแสนง่าย
ไม่ใช่แค่มานาที่เป็นอนันต์ วงจรเวทย์ของยูจิ ทุกอย่างในร่างกายของยูจิก็ไร้ขีดจำกัดเช่นกัน
เวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ยูจิสามารถพัฒนาวงจรเวทย์สำหรับการใช้งานเวทมนตร์ได้เหนือยิ่งกว่าราชาจอมเวทย์ไม่รู้กี่ขุม ทั้งอย่างนั้นแท้ๆ ยูจิกลับมีร่างกายที่ยอดเยี่ยม ระดับเคลื่อนที่ในระยะสี่เมตรได้ภายในเชี่ยววิเดียว ซึ่งนี่จัดว่าอยู่ในระดับเดียวกับนักดาบขั้นบรรลุแล้ว
การฝึกฝนอย่างหนักแค่สองสามเดือน ทำให้ยูจิขึ้นมาอยู่ในจุดที่ราชาจอมเวทย์ไม่สามารถเอื้อมถึงได้อย่างหนึ่ง และอยู่ในจุดเดียวกับนักดาบที่หลายคนกว่าจะถึงจุดนี้ได้นั้นใช้เวลาเป็นสิบยี่สิบปี ..แค่ไม่กี่เดือน ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน
แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของยูจิ มีความเป็นไปได้ที่จะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่ ..
หมอนี่มันตัวอะไรกันแน่—
“สักวันเธอคงจะเหนือกว่าเอเธอร์ได้แน่นอน”
กับสิ่งที่ปรากฏ มันเป็นไปได้แน่นอน บางทีอาจจะสี่ปี? ไม่สิ ..แค่ปีเดียวก็เกินพอแล้วกระมัง
ปีเดียวสู่การขึ้นเป็นจุดสูงสุดของโลก ..พรสวรรค์ในตัวมันมหาศาลระดับนั้นเลย
“นี่เธอเห็นสมดุลโลกคืออะไรกันแน่!!!”
****
เขายกคทาขึ้นมาทันที เตรียมร่ายเวทย์ กะจะทำลายชาโดว์บล็อคทิ้งให้มากที่สุด ทว่าก็ช้าเกินไปแล้ว
“ชาโดว์บล็อค–[ยิง]”
พร้อมกับที่ยิง ผมพุ่งตัวเข้าใส่อาจารย์บลาซ—แสงสีเสียงนับร้อยจังหวะพุ่งออกไปพร้อมกัน ห่ากระสุนที่มีปริมาณมากพอจะถล่มกองทัพทั้งกองทัพพุ่งเข้าใส่เพียงคนๆเดียว
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
MANGA DISCUSSION