เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 191
< < 132 Sec3 > >
“คนๆนั้นเขานั่งทำอะไรอยู่น่ะ”
“รู้สึกว่าจะเป็นคนของแขกจากฟัฟนิร์นะ”
บริเวณจุดวาร์ปไปยังงานประชุมนั้นมีมังกรสวรรค์อยู่ตนหนึ่ง แต่ไม่มีใครทราบว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นเพราะเธอเก็บซ่อนออร่าของตัวเองเอาไว้เพื่อไม่ให้พวกมนุษย์พากันสติแตกโดยไม่จำเป็น ..เพราะอย่างนั้นความน่ากลัวในฐานะสิ่งมีชีวิตของเธอจึงหายไป เหลือแต่ความงดงามประหนึ่งว่าถูกปั้นโดยพระเจ้าโดยตรง
‘เทียนหลง’ ที่อยู่ในชุดสูทสีขาวกำลังเดินวนไปมา โดยที่ความงามของเธอได้สาดส่องจนไม่มีใครสามารถบังอาจละสายตาจากเธอไปได้
แน่นอนว่าต่อหน้าสิ่งที่สวยงามขนาดนี้ ย่อมมีคนที่อยากจะจับต้อง
“ขออนุญาตินะครับคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่–”
“มีธุระอะไรเจ้าลิง”
“ละ ลิง!?”
“ใช่สิ พวกสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำไม่สมประกอบอย่างพวกแก เอาไปเทียบกับลิงถือว่าเสียมารยาทเสียด้วยซ้ำ ..ที่เรียกว่าลิงนี่เพราะคิดว่าตลกดีนั่นแหละนะ” เทียนหลงหัวเราะขึ้นลำคอ “พูดถึงข้อดีเดียวของมนุษย์ก็เป็นความตลก เหมือนกับลิง”
“…ขอตัว”
คนที่จะเข้ามาจีบเทียนหลงรีบผละตัวหนีก่อนจะไม่ทันการ–ในใจคิดอย่างดีใจว่ารอดตัวไป
เทียนหลงเห็นลิงตนนั้นเดินหนีไปก็ยิ้มได้ใจ สำหรับเธอ การได้ด่าพวกมนุษย์คือความสุข การกระทำแย่ๆทุกรูปแบบถ้ามนุษย์ถูกกระทำเธอจะไร้ซึ่งความเห็นใจใดๆที่เธอมีให้ทวยเทพหรือทูตสวรรค์
จะว่าเป็นตัวตนที่ทั้งแย่ ทั้งน่ารำคาญ แถมยังพูดมากในเรื่องเหยียดหยามคนอื่นจนน่ารำคาญอีก แต่ว่าในมุมของเธอนั้น—มนุษย์คือตัวร้าย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องสนใจใยดี เธอต่างหากที่ต้องได้รับคำขอโทษจากพวกมนุษย์
แค่หายใจที่ที่เดียวกันก็แทบจะอ้วก เวลาเห็นพวกมันทำตัวอวดดีก็รู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะบีบคอให้ตายๆไปซะ ที่เธอยังอดทนอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเพราะยูจิ นายเหนือหัวของเธอที่กำซับไม่ให้เธอฆ่ามนุษย์อย่างเด็ดขาด ..คำสั่ง ไม่สิ นายเหนือหัวของเธอสำคัญที่สุด
จริงๆแล้วเทียนหลงก็อยากไปปกป้องยูจิถึงงานประชุมโลกเลย เพียงแต่เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปได้ จึงต้องคอยดูแลจากหน้าทางเข้าจุดวาร์ป ในกรณีนี้หากเกิดเหตุฉุกเฉินใดๆคงไปช่วยได้ไม่ทัน เธอจึงเพ่งสมาธิเต็มที่เพื่ออย่างน้อยๆก็จะช่วยให้ได้เร็วที่สุด
“..หืม?”
ในชั่วพริบตาเดียวสมาธิของเทียนหลงก็ถูกดึงไปจนหมด เธอหันไปมองข้างหลังซึ่งมีคนๆหนึ่งยืนอยู่
ไม่ทราบเพศที่แน่ชัด มุมหนึ่งก็ดูเป็นผู้ชาย มุมหนึ่งก็ดูเป็นผู้หญิง เขาหรือเธอคนนั้นมีเลือนผมสีฟ้าเป็นประกายรวบไว้บริเวณไหล่ซ้าย มีดวงตาสีฟ้าใสและนัยน์ตาคล้ายกับมังกร สวมชุดสูทสีขาวและหน้าอกที่แบนราบชนิดที่ว่าไม่ต่างกับผู้ชายเลย ทำให้พอทราบว่ามีแนวโน้วจะเป็นผู้ชายมากกว่า
“..สัมผัสเดียวกับท่านเทียแมธ”
เทียนหลงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เหมือนกับ ‘เทพมังกร’ จากตัวของเด็กหนุ่มหน้าสวยตรงหน้า—เด็กหนุ่มเมื่อสบตาเข้ากับเทียนหลงก็ขมวดคิ้วและมองแรงใส่ในทันที
ไม่ใช่แบบหนิงที่ได้มาเพียงแค่พลัง แต่ตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเธอมีสัมผัสและบรรยากาศเดียวกับเทียแมธทุกประการ
“..นี่น่ะเหรอมังกรสวรรค์ ทรงพลังอย่างที่ตำนานว่าไว้เลยนะ”
“..ท่านคือมหามังกรสินะ รูปร่างที่คล้ายจะเป็นครึ่งชายหญิง บรรยากาศที่เย็นยะเยือกรวมถึงเลือนผมสีฟ้านั่นด้วย คงจะเป็น ‘มหามังกรวารี เนลยอน’” เทียนหลงวิเคราะห์เนลยอนอย่างจริงจัง “หนึ่งในสี่ของท่านเทียแมธ ..อาจเป็นการเสียมารยาทต่อท่านผู้นั้น แต่ช่วยตายเพื่อท่านเทียแมธซะ”
กล่าวจบออร่าดั่งเดิมก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเทียนหลง ผู้คนรอบๆพากันหน้าซีดเผือก บ้างก็ถึงกับล้มทั้งยืน บ้างก็สลบไปเลย
“ไม่จำเป็นต้องลงมือเองหรอก ฉันตั้งใจจะตายเองตั้งแต่แรกแล้ว”
“ตายเองตั้งแต่แรก”
“ถ้าเป้าหมายของแกคือการคืนชีพให้เทพมังกรก็พอดีเลย ฉันจะให้ความร่วมมือด้วย และแน่นอนทางเจ้าก็จงให้ความร่วมมือกับข้าด้วย”
“จะให้ข้าทำอะไร”
“แน่นอนว่าต้องเป็นการลากหัวมหามังกรอีกสามตนมาให้ฉัน” เนลยอนกล่าวต่อ “วันนี้มีเหยือตัวใหญ่ด้วยพอดี”
****
หลังจากที่แยกทางกับผู้กล้าและพวกยูจิแล้วผมก็เดินตามวินมาตามคำร้องที่ว่า ‘มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย’ ด้วยความที่ไม่สามารถปล่อยเรื่องใหญ่ไปได้ผมจึงตามมา แต่…เจ้าตัวกลับ
หักหลังความคาดหวังของผม
“ทั้งสองคนนี้คือผู้ใช้วิญญาณระดับเทพแหละ”
วินยืนผายมือผมไปทางผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ด้วยท่าทางเข็มขรึม
คนหนึ่งเป็นผู้ชายผมยาวสีน้ำตาล ตัวค่อนข้างบางแต่สูงราวๆร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรได้ และเพราะสวมแว่นอยู่ทำให้ไม่สามารถเห็นดวงตาได้โดยตรง สวมใส่ชุดเครื่องแบบแอบคล้ายกับพวกนักวิทยาศาสตร์เล็กน้อย
อีกคนเป็นผู้ชายผมสั้นสีแดงที่ย้อมมา ร่างสูงเกือบๆร้อยเก้าสิบและตัวใหญ่มาก ทั้งตัวมีแต่บาดแผล สวมเสื้อกล้ามและกางเกงขายาว บริเวณไหล่เหน็บดาบไว้หนึ่งเล่มและเอวก็เหน็บไว้อีกเล่ม ตัวดาบเป็นดาบสีแดงและสีขาวซึ่งดูดีขัดกับการแต่งกายของชายคนนี้
…
“ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ?”
จำไม่ผิด ในงานมีอยู่สองคนที่ไม่รู้จัก
‘ปัญญาพระเจ้า มาเจล’ และ ‘นักดาบอมตะ เวฟ’
ผมมองรูปร่างของทั้งสองและสามารถแยกได้โดยสามัญสำนึกเลยว่าใครเป็นคนไหน แล้ว?
“แล้วจะลากฉันมาทำไมเนี่ย”
“ก็แนะนำตัวกันไง เป็นถึงผู้ใช้วิญญาณระดับเทพด้วยกันแท้ๆ สนิทกันเข้าไว้สิพวก”
บ้าอะเปล่า? แล้วนี่ถือว่าเป็นการเปิดเผยตัวตนผมโดยไม่จำเป็นด้วยไม่ใช่รึไง?
วินหัวเราะร่าเริง—ถึงจะบ๊อง แต่ก็มีขอบเขตุที่ชัดเจน ..ไม่ได้บ้าถึงขนาดเปิดเผยตัวตนให้คนอื่นโต้งๆแล้วไม่ได้อะไรหรอก น่าจะมีเป้าหมายบางอย่างอยู่แน่นอน ก็อยากจะบ่นอยู่หรอก แต่ก็เอาเถอะ
ถือว่าช่วยให้ผมสะดวกในการตามตัวขึ้นเยอะเลย
“ยินดีที่ได้รู้จัก อย่างที่วินบอกนั่นแหละ ฉัน ‘เรเซอร์ ดราแคล์’”
“ฉายาละ?”
….เพื่อ
ผู้ชายผมยาวทักผมเรื่องฉายาซะอย่างนั้น คิดว่าไม่ได้จำเป็นหรอกนะ ..
“ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ”
ส่วนหนึ่งเพราะผมไม่ได้ออกตัวสู่สาธารณะสักเท่าไหร่
“มือใหม่สินะ หึ ..พาปลาซิวปลาสร้อยมาเทียบรัศมีกับพวกเราได้ไงกัน วิน”
ให้เดาไอ้เบื้อกนี่น่าจะชื่อ ‘มาเจล’ ฉายา ‘ปัญญาพระเจ้า’ ไม่ค่อยเข้าใจที่มาฉายาเท่าไหร่ แต่ที่รู้ๆปากไอหมอนี่ผมให้ระดับพระเจ้าเลย
“น่าๆ อย่าพูดอย่างนั้นเลยน่า แนะนำตัวกันดีๆกันดีกว่าเนอะ”
“บอกไว้เลยว่าคนที่ฉันยอมรับในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับเทพมีแค่วินเท่านั้น ที่เหลือก็แค่เศษสวะ ทั้งไอคนไม่มีชื่ออย่างแก และไอลิงป่าไร้อารยธรรมอย่างแกด้วย”
ไอ้คุณน่าจะชื่อมาเจลด่ากราดใส่ผมและผู้ใช้วิญญาณระดับเทพร่างยักษ์ข้างๆอย่างไม่เกรงกลัวเลย
โง่ชะมัด
ในระยะนี้เอ็งตายได้ง่ายๆเลยนะเห้ย อยากจะทักอย่างนั้นแต่ไม่เอาดีกว่า มีความเป็นไปได้ที่พลังของไอ้คนน่าจะชื่อมาเจลมันจะป้องกันการโจมตีทีเผลอได้ด้วยเหมือนกัน
“วินขอให้แนะนำ ฉันคนนี้ก็จะแนะนำตัวให้ฟัง ..นามของฉันคือ ‘มาเจล’ ‘มาเจลปัญญาพระเจ้า’ ชายผู้มีชะตากรรมจะต้องเป็นใหญ่บนโลกใบนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ในวันนี้อาจจะยังไม่อาจก้าวข้ามวินได้ แต่อีกไม่นานฉันจะก้าวข้ามให้ดู ส่วนพวกแกก็อยู่ดูวันที่ฉันจะขึ้นอยู่เหนือกว่าทุกสรรพสิ่งเสียซะนะ เจ้าพวกไร้อารยธรรม”
…
…
เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าตบมือให้กับการแนะนำตัวสุดอวดเก่งนี่ได้
เอาละ มาเจลจบแล้วต่อไปก็—
“ฟังซะนะ ตัวฉันตอนนี้ทำงานให้กับอาณาจักรเกรลอยู่ และได้รับคำชื่นชมมากมายถึงสติปัญญาระดับพระเจ้าอันเป็นพลังของวิญญาณระดับเทพของฉัน อายุเพียงแค่นี้ฉันก็มีสิทธิ์จะขึ้นเป็นใหญ่ในเกรลแล้ว ไม่สิ พูดให้ถูก ได้ขึ้นเป็นใหญ่แล้วต่างหาก แต่ก็แค่ในอาณาจักรเกรล ฉันไม่ได้ต้องการแค่นั้น ฉันอยากจะเหนือกว่านั้น ใช่ ..คนอย่างฉันน่ะ คู่ควรกับตำแหน่งราชาเป็นที่สุด ราชาอันเป็นที่หนึ่งบนโลก ราชาผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ..แล้วราชาก็ต้องคู่ควรกับราชินีที่คู่ควร วิน เธอสนใจจะ—”
“จ้าๆๆๆ ต่อไปเวฟน้า เชิญเลย”
โดนตัดบททิ้งซะ ..แต่ก็ดีแล้วละ
ไอ้มาเจลปัญญาพระเจ้านั่นปากดีไม่พอยังขี้โม้อีก ..แล้วก็แอบเล็งวินไว้สินะ
เด็กน้อยชะมัด เล็งผู้หญิงที่เป็นศัตรูต่างอาณาจักรแบบนี้เนี่ย ให้เดา ไอหมอนี่น่าจะตายเร็วๆนี้แหละ อย่างมันน่าจะกระดิกหางให้วินง่ายๆหากวินต้องการล่อลวง แค่นั้นก็หมายถึงหนทางตายแล้ว
แล้วก็ราชาอันดับหนึ่งบ้าอะไร? การรวมอำนาจไว้ที่จุดๆหนึ่งจุดเดียวช่างโง่เขลา ในประวัติศาสตร์ก็มีเคสของราชาผู้พิชิตโอลิเวอร์ให้เห็นกันบ่อยๆแล้วว่าจุดจบหลังจากที่โอลิเวอร์ตายโลกมันโกลาหลแค่ไหน กว่าที่การคานอำนาจจะคงที่ก็ปาไปเป็นร้อยปีเลยนะ ..ช่างเถอะ คนต่อไปดีกว่า
“ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ วิน ..คิดว่าการฟังข้าคือการยกระดับปัญญาตัวเองเถอะ ปัญญาพระเจ้า มาเจลคนนี้จะช่วยให้พวกนายทุกคนฉลาดขึ้นเอง คิดซะว่าเป็นความเมตตาของว่าที่ราชาอันดับหนึ่งบนโลก”
“..อ่า เดี่ยวฉันฟังให้ทีหลังนะ ขอให้อีกคนแนะนำตัวก่อนนะ”
“ว่าไงนะ นี่เธอกล้าให้ไอ้ไร้อารยธรรมจากแซร์อิซนั่นเหนือกว่าฉันเหรอ”
วินทำหน้าขยาดใส่แต่ก็เก็บสีหน้าได้ในพริบตาเดียว หล่อนยิ้มปลอมๆให้มาเจล
“นะ มาเจล”
รอยยิ้มที่ดูน่ารักต่างกับรอยยิ้มกวนประสาทนั่นทำให้มาเจลถึงกับเคลิ้ม
“..หึ คิดซะว่าเป็นความเมตตาของว่าที่ราชาอับหนึ่ง”
“ไชโย มาเจลใจดีที่สุดเย้ย”
ปลอมสุดๆ
ผมถอนหายใจเฮือกโตและหันไปมองคนที่น่าจะชื่อเวฟแทน
“..ฉัน ‘เวฟ’ ก็อย่างที่วินบอกนั่นแหละว่าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ พูดถึงผลงานก็ถูกเรียกว่า ‘นักดาบอมตะ’ ปัจจุบันเป็นทหารรับจ้างที่ทำงานให้แซร์อิซอยู่ แค่นั้นแหละ”
สบายหูกว่าไอคุณมาเจลผู้มีปัญญาพระเจ้านั่นเยอะเลยแฮะ
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อ่า”
ผมชำเลืองมองดาบคู่ของมาเจล
“..ดาบเล่มนั้นมัน”
ดาบโลหิตหรือดาบสีเหลือง ดาบฮิกันบานะ แล้วแต่จะเรียก มันคือหนึ่งในดาบที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลก และเป็นอาวุธดาบคู่ที่ถูกจับรวมกันเป็นอาวุธชื่อเดียว เพราะทั้งสองอย่างจำเป็นต้องใช้คู่กัน
“รู้จักรึ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในดาบทลายโลกาเชียวนะ”
ดาบคู่นั่นถูกเรียกขานว่า ‘หนึ่งในเจ็ดสิบสองอาวุธทลายโลกา’ เหล่าอาวุธที่มีพลังมากพอจะถล่มกองทัพหรืออาณาจักรด้วยตัวของมันเองได้ ถือว่าเป็นดาบที่อยู่ในเกรดเดียวกับดาบแห่งผู้กล้ารึดาบบรามุนต์เลยละ เพราะสองดาบข้างต้นก็อยู่ในกลุ่มเจ็ดสิบสองอาวุธนี่ด้วย
เวฟมีดาบระดับนี้ไม่พอยังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับเทพที่มีเงื่อนไขในการจัดการยากที่สุดอีก
ค่อนข้างอันตรายทีเดียว
วินมองไปที่ดาบตามผมและเลียริมฝีปาก คล้ายว่ากำลังสนใจสุดๆอยู่ ..ในที่นี้มีแค่มาเจลเท่านั้นที่มองไปมาแบบไม่รู้อะไร
“เจ็ดสิบสองอาวุธทลายโลกา? อะไรละนั่น ตั้งชื่อซะเว่อร์เลย”
“นี่แกไม่รู้จริงๆเหรอเนี่ย”
มาเจลเอียงคอใส่ เล่นเอาผมได้แต่กุมขมับ ท่าทางเช่นนี้ของมาเจลทำให้ผมคิดเป็นตุเป็นตะจริงๆแล้วละว่า–หมอนี่ได้ตายในเร็วๆนี้แน่นอน ที่รอดถึงทุกวันนี้ได้น่าจะเป็นบารมีของวิญญาณระดับเทพกระมัง
อยากจับเข่าคุยกับวิญญาณระดับเทพของหมอนี่ชะมัดว่าเหตุอันใดถึงกล้าเลือกไอนี่เป็นเจ้านาย
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก็เหมือนกับตัวตนที่แข็งแกร่งเข้าขั้นสัตว์ประหลาดจนถูกบันทึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ อย่างราชาผู้พิชิตโอลิเวอร์ ผู้กล้ารุ่นแรก ..จอมมารอะไรพวกนี้”
“ถ้าชื่อคนพวกนั้นรู้จักอยู่ ยังไงก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฉันคนนี้คิดว่าทัดเทียมกัน”
ถามจริง?
“อ่า อาวุธก็เหมือนกัน แต่อาวุธไม่มีวันสลายโดยธรรมชาติดั่งชีวิต ทำให้เกิดเป็นเจ็ดสิบสองอาวุธที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลกขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นไอเท็มระดับตำนานที่หากได้ครอบครองและใช้มันได้อย่างบรรลุก็จะนำพาไปสู่พลังที่ไร้ใครเทียบ ..ว่าง่ายๆ อาวุธพวกนี้ส่วนใหญ่ที่ได้รับชื่อว่าสามารถทลายโลกาได้ ก็มาจากพวกผู้ใช้ที่แกร่งเข้าขั้นสัตว์ประหลาดกันนี่แหละนะ”
ไม่ใช่แค่มีอาวุธก็เก่ง ผู้ใช้เองก็มีส่วนมากเหมือนกัน
ผมชี้ไปที่ดาบโลหิต
“ดาบเล่มนั้นก็คือหนึ่งในดาบที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างตำนานเอาไว้ ..รู้จักรึเปล่า? ราชาแวมไพร์ ‘ดรากูล’ น่ะ”
“แวมไพร์คลั่งที่ทำลายอาณาจักรไปกว่ายี่สิบแห่งภายในเวลาแค่สามวัน ..ว่ากันว่าพระจันทร์ได้ถูกย้อมเป็นสีแดงด้วย ..แต่ก็นั่นแหละ มันก็แค่เรื่องราวในอดีต ปัจจุบันไม่ต่างกับนิทานเท่าไหร่หรอก”
เวฟช่วยเสริมให้ วินทำเสียง เห๋ อย่างสนอกสนใจ ส่วนมาเจลนั้น–
“อยากได้แฮะ ส่งมันมาซะ ไอ้ไร้อารยธรรมอย่างแกไม่คู่ควรดาบของราชันย์เล่มนั้นหรอก”
มาเจลพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ชิลๆไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรกับการขอโด้ของชาวบ้านเลย ..เวฟจับที่ด้ามดาบทันทีที่มาเจลพูดจบ–จิตสังหารพวยพุ่งออกมาอย่างมหาศาล
..โฮ
ผมรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เวฟส่งออกมาเล็กน้อย วินเองก็ด้วย กลับกันมาเจลก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
“อะไร ทำไม มองแรงแบบนั้นมีอะไร ให้ตายสิ พวกไร้อารยธรรมก็เป็นซะแบบนี้”
“..”
น่าสงสัย มาเจลไม่เอะใจกับจิตสังหารนั่นเลยเหรอ? หรือว่าไม่ได้เกรงกลัวเลย? แม้แต่ผมถ้าโดนของระดับนั้นเข้าไปก็ต้องมีระแวงและตั้งท่าสู้บ้างแล้วแท้ๆ
อย่าบอกนะว่าแกร่งจนไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ไม่ใช่แค่พวกขี้โม้แต่เก่งจริงๆน่ะเหรอ? ไม่สิ ..ดูๆแล้วยังไงก็
“เห้ย เวฟสินะ เห้ นายเวฟ เลิกมองแรงกันได้แล้ว ถ้ายังไม่หยุดจะได้เจอพลังของ มาเจล มาเจลปัญญาพระเจ้า ชายผู้มีชะตากรรมจะเป็นราชาแห่งโลกเอานะ บอกเลยว่าไม่คุ้ม อันตรายนะจะบอกให้”
…อ่า
ดูยังไงก็น่าจะเป็นพวกอ่านบรรยากาศไม่เป็นเท่านั้นแหละ แถมยังขี้โม้ล่อตีนเป็นพิเศษอีก–ผมอดไม่ไหว แอบไปซุบซิบกับวิน
“เล่นอ่านบรรยากาศชาวบ้านไม่เป็นนี่ตายได้ง่ายๆเลยนะเห้ย”
“ตอนฉันเจอกับเวฟครั้งแรกก็เกือบพลั้งมือฆ่าเขาไปแล้วอ่ะนะ คือว่าไงดี ..เขาเป็นพวกไม่สนโลกเท่าไหร่น่ะ แบบว่า สมมุตินะ ถ้าหน้าบ้านมีฝูงออร์คอยู่ แทนที่จะวางแผนไล่พวกมันออกไปรึหาทางหนี เขาจะเป็นคนที่เดินไปด่าหัวหน้าออร์คก่อนจะหาทางแก้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะโดนตีหัวก่อนได้หนีแน่นอน”
แบบนี้นี่เอง เข้าใจอย่างท่องแท้เลย
พอได้ยินแบบนี้ผมก็ยิ่งตอดย้ำความคิดที่ว่า—ไอหมอนี่น่าจะได้ตายในเร็วๆนี้ เข้าไปใหญ่
“แล้วเอาไง ปล่อยไว้มันได้โดนเวฟสะบั้นคอหลุดออกจากหัวแหงๆ”
“ก็ต้องจับแยกอยู่แล้วสิ เห็นแบบนี้แต่มาเจลก็เป็นคนสำคัญของอาณาจักรเกรลนะ ..อ๊ะ พูดให้ถูกวิญญาณระดับเทพที่อยู่ในตัวเขาต่างหาก”
นั่นสิเนอะ