< < 126 Sec2 > >
โลกสีแดง โลกสีเขียว โลกสีฟ้า โลกสีเหลือง โลกสี ..ให้พูดเป็นวันก็คงไม่หมด เพราะโลกแห่งเหล่าภูตนั้นถูกสร้างขึ้นโดยสีสันต์ที่หลากหลาย เสมือนกับโลกของเรา เพียงแต่โลกใบนี้มีเพียงแก่นแท้เท่านั้น
หลากสีสันต์ก็จริง แต่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือรำคาญตาอะไรเลย กลับกัน รู้สึกชอบเสียด้วยซ้ำ เพราะมันช่างสวยงามเหลือเกิน
นอกเสียจากหลากสีแล้วรอบๆก็ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดยักษ์ที่ม้วนเป็นเกลียวลอยขึ้นไปจนลับสายตาอยู่กว่าสิบต้น บนพื้นถูกตกแต่งด้วยหญ้าสีเขียวเป็นประกาย และมีธารน้ำใสสะอาดไหลผ่านมา
ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลาย แม้จะเคยเห็นภาพนี้ในอนิเมชั่นจากนิยายเรื่องโปรดมาแล้ว แต่พอมาเจอเองกับตัวก็พบเลยว่าอนิเมที่ดูมันห่วยแตกสิ้นดี
โลกแห่งเหล่าภูตมันงดงามราวกับงานศิลปะ นั่นไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงเลย
“..สวยจัง”
เบลลามีถึงกับหลุดพึมพำขึ้นมา เธอจับจ้องที่โลกหลากสีแห่งนี้ด้วยแววตาที่เป็นประกาย คนอื่นๆก็ไม่ต่างมากนัก
“อย่าไปหลงกลกับของราคาถูกพวกนี้สิคะ มาสเตอร์”
เสียงของยูนาดังขั้น แต่ไม่ได้ดังจากในหัวผมแต่ดังมาจากข้างหลัง–ผมหันหลังกลับไปและพบกับยูนาตัวเป็นๆในชุดฝึก
เหมือนกับตอนนั่งในมิติที่เซเนียสร้างขึ้น ร่างวิญญาณของยูนาโผล่มาเดินตามปกติโดยที่ทุกคนสามารถเห็นเธอได้
คงเพราะก่อนหน้านั้นยังตกใจกับเซเนียกัน หลายคนจึงไม่ได้สังเกตุยูนาสักเท่าไหร่ พอมาตอนนี้ทำให้ทุกคนพากันตาค้าง แน่นอนมีหรือที่เพื่อนพระเอกของเราจะไม่โวยวาย
“โว้ยยยยยยย สวยเป็นบ้าเลยวีรสตรีเนี่ย!!”
สวยสินะ จะว่าไปก็จริง อยู่กันมานานเลยไม่ได้รับรู้ถึงความสวยของยูนาเลย
เธอเป็นผู้หญิงที่มีแววตาดุดัน ค่อนข้างสูงในหมู่ผู้หญิงด้วยกัน มีผิวสีขาวอ่อน เลือนผมสีม่วงและดวงตาสีเดียวกัน ไว้ผมทรงไซส์ทวินเทลที่รวบด้วยที่รวบผมสีโทนไข่ดูจืดๆ สวมชุดฝึกดาบสีขาว
ภาพลักษณ์แม้จะดูเป็นสาวแกร่ง แต่ก็มีความงามที่ดูมีราคาแฝงอยู่สมชื่อวีรสตรี
นั่นละ ยูนา วิญญาณระดับเทพผู้เป็นคู่หูของผม
“ได้ยินเสียงเล่าลือเกี่ยวกับวีรสตรีผู้โค่นมหามังกรมาไม่น้อย ได้เจอตัวจริงแล้วข้าก็ขอยอมรับเลย”
เทียนหลงไม่ได้หมายถึงรูปโฉม แต่หมายถึงร่างกายที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักของยูนา เธอชื่นชมในจุดนั้นจากใจจริง ถึงจะชมแบบวางท่าหน่อยๆก็เถอะ
“ขอบพระคุณที่กล่าวชม แต่ไม่จำเป็น”
“เป็นแค่มนุษย์ชั้นต่ำแท้ๆอย่ามาอวดดีหน่อยเลย”
“หยุดเลยครับเทียนหลง ไม่เอา”
“เธอก็ด้วยยูนาจู่ๆจะเข้าไปกัดทำไมเนี่ย”
จู่ๆสองคนนี้ก็หาเรื่องทะเลาะกันเฉยเลย ผมกับยูจิผู้เป็น เจ้าของ? ไม่เชิง เอาเป็นว่ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบจึงต้องคอยดูแล
ทว่าระหว่างนั้น
‘ไม่อยากได้คำชมจากคนที่เป็นศัตรูกับมาสเตอร์หรอกค่ะ’
..เสียงประหลาดในหัวของยูนาดันดังขึ้นมาในหัวผมซะอย่างนั้น
“..เอ่อ”
อะไรฟร้ะเนี่ย—แน่นอนยูนารับรู้ความคิดในหัวผมได้ในทันที หล่อนหันควับมาทางผมด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น
..
..
ผมแสยะยิ้มเบาๆ
ไ ด้ เ ล่ น
เหมือนว่าในโลกแห่งนี้ผมกับยูนาจะเดินแยกออกจากกัน ทำให้สามารถรู้ความคิดในหัวของกันและกันได้ จากที่แต่เดิมมีแค่ผมคนเดียวที่โดนอ่าน แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว จากนี้ถ้าเกิดยูนาคิดอะไรผมก็จะรู้ทันที อย่างเมื่อกี้ที่คิดเรื่องน่าอายอย่างว่า ‘ไม่อยากได้คำชมจากคนที่เป็นศัตรูกับมาสเตอร์หรอกค่าาาา(ทำเสียงแอ็บแบ้ว)’ เองก็อาจจะหลุดมาบ่อยๆ
ต่างกับผม ยูนาไม่ได้มีภูมิต้านทานด้านนี้เลย ไอ้ผมโดนแบบนี้มาตั้งห้าปีจนชินแล้วแต่หล่อนไม่ใช่!!
“มาสเตอร์ถ้ายังคิดแต่อะไรบ้าๆแบบนี้ ฉันจะโกรธจริงๆแล้วนะคะ”
ยูนาบังคับตัวเองเขม็งใส่ผมทั้งๆที่หน้ายังแดงเป็นมะเขือเทศอยู่–เห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ต่อให้ยิ้มแล้วจะโดนยูนางอนก็ตามที
“..มีเรื่องอะไรกันเหรอ”
เบลลามีเอียงคอฉงนให้กับท่าทางแปลกๆของผมกับยูนา
“เหวอๆๆ วีรสตรีสุดยอดเลย ตอนแรกนึกว่าจะเป็นป้าแก่ๆซะอีก ..ฮึย!!! ผมสัญญาจะตั้งใจศึกษาประวัติศาสตร์แล้วครับ ถ้าดูว่าสวยเบิ้ม อ๊ะ ไม่ถึงกับ คะ คือ! ขอลายเซ็นต์หน่อยครับ!!”
“ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยความรู้สึกบ้าบอแบบนั้นอย่างเลยค่ะ บอกเลยว่าเสียเวลา”
“..เอ๊ะ”
จากแก้มแดงแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตาเดียว ยูนามองเรย์ด้วยแววตาที่แสนจะเย็นชา แอบคิดเลยว่าทำตารังเกียจใส่ยังจะดีเสียกว่า
“รู้ตัวรึเปล่าคะว่าที่พูดมันเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ คนที่โดนไม่ได้รู้สึกดีเหมือนโดนชมหรอกนะคะ แล้วก็อะไรกันคะที่บอกว่าป้าเนี่ย มันใช่เรื่องที่ควรพูดตรงๆกับคนที่ไม่รู้จักหรือคะ ..เฮ้อ ถ้าคิดในใจเฉยๆฉันไม่อะไรหรอกนะ แต่ปัญหามันจะมีก็ตอนที่ออกมาจากปากนี่แหละ ทางฉันก็เข้าใจนะคะว่าคุณเป็นคนยังไง คงไม่ได้คิดจริงจังกับที่พูดเท่าไหร่ แต่คนอื่นเขาไม่คิดแบบนั้นหรอกนะคะ รู้ไว้ด้วย”
“เอ่อ”
“นี่ยังดีที่ฉันรู้จักกับคุณโดยพื้นฐานอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทางคุณพึ่งเคยคุยกับฉันหรือคะ จะบอกให้ว่าท่าทางแบบนั้นต่อให้ผู้หญิงเขาใจง่ายแค่ไหนก็ไม่เอาหรอก”
อะ เฮือกกกกกก—รู้สึกเจ็บแทนเรย์เลย
“ปรับปรุงตัวซะนะคะ ถ้าไม่อยากผิดหวังในความรักอีก”
…ยะ ยูนา แรงไปแล้ว เก็บกดมาจากไหนเปล่าเนี่ย? แค่ผมจี้จุดหน่อยก็อารมณ์บ่จอยขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ..อา จะไม่แกล้งยูนาอีกแล้ว ขอโทษนะ ยูนา ด่าเรย์ยังพอทน แต่อย่าด่าผมไปด้วยเลยนะ
‘เชอะ’
เสียงตอบกลับของยูนาแสนจะน่ากลัว
“ครับผม”
“แล้วก็นี่ค่ะ ลายเซ็นต์ ทางฉันขอลายเซ็นต์คุณไว้ด้วย.
“..ลายเซ็นต์จากโรคจิตอย่างผมไม่มีค่าพอหรอกครับผม”
“ไม่หรอกค่ะ อีกไม่นานคุณคงกลายเป็นนักดาบชั้นยอด ในฐานะนักดาบด้วยกันอยากจะทำความรู้จักไว้”
“..ครับ ขอบพระคุณมากครับ!”
เรย์ถึงกับดีใจจนน้ำตาคลอ เพราะโดนตบหัวแล้วก็ลูบหลังเข้ากระมัง–หนิงยืนมองอยู่ห่างๆก็นึกได้
“ท่านวีรสตรีเนี่ยดูหัวสมัยใหม่จังนะ”
เพราะใครกันนะ–ก็ผมเนี่ยแหละ ด้วยความที่ผมเล่าเรื่องในโลกเก่าให้ยูนาฟังบ่อยๆ อย่างสถานะของเพศสตรีในยุคปัจจุบันเราที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม จุดนี้ยูนาน่าจะได้อิทธิพลไปส่วนหนึ่งกระมัง
“..อ๊ะ”
เดี่ยวนะ ถ้ายูนาโผล่มาได้นี่ก็หมายความว่า—ผมหันไปมองทางยูจิและตามที่คาดไว้
ผมเจอกับโoว์oาร์ม? ตัวสีฟ้าร่างยักษ์และเต็ฒไปด้วยกล้ามเนื้อที่ขัดเกลาถึงขีดสุด สูงกว่าสองเมตร ทั้งตัวประดับด้อยทอง ไม่ว่าจะส้อยคอ กำไล โซ่ มีใบหน้าที่ดูจริงจัง เลือนผมสีดำ ดวงตาก็เช่นเดียวกัน
เขาคือวิญญาณระดับเทพของยูจิ นาม ‘อลัน’
เมื่อสังเกตุได้ถึงสายตาของผม อลันก็โค้นศรีษะให้
“ยินดีที่ได้พบตัวเป็นๆ สหายของท่านยูจิ”
เทียนหลงดูไม่พอใจที่อลันก้มหัวให้ผม ส่วนยูจิก็เฉยๆ
เรย์ชำเลืองมองอลันและอึ้งไป
“สะ สุดยอดเลยแฮะ ..กล้ามเนื้อนั่นมันบ้าอะไรกัน”
“นี่แหละท่านอลัน หัวหน้าของเหล่าทูตสวรรค์ที่พวกข้าภาคภูมิใจ”
เทียนหลงยืดอกภูมิใจแทนอลัน ..เห็นแล้วก็อดเหนื่อยใจกับท่าทางอวดเก่งนั่นไม่ได้
“อ่า ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
ผมกับยูนาทักทายตามมารยาท ..เมื่อพูดคุยกันจบ แสงสีน้ำเงินและสีเทาก็บินมาทางพวกผม
สองแสงนั้นมาหยุดตรงหน้าผม
“ยินดีที่ได้พบค่ะ แขกของท่านมหาภูต ดิฉันภูตนำทาง ‘มิเรเด้’”
แสงสีน้ำเงินแนะนำตัว สีเทาก็ตามๆกันมา
“ฉัน ‘โคริน’ ค่ะ’
..ทั้งสองคือภูต
ต้องอธิบายก่อนว่าภูตคือก้อนมานา เช่นเดียวกับมหามังกรที่จะมีร่างเนื้อเหมือนกัน แต่ในกรณีของภูต ตัวตนที่จะมีร่างเนื้อได้จำเป็นต้องขึ้นเป็นภูตที่อาวุโสระดับหนึ่งเสียก่อน ซึ่งภูตระดับนี้ก็อยู่ในระดับเดียวกับเซเนียแล้ว หากต่ำลงมาหน่อย ถ้าแค่ร่างวิญญาณที่มีรูปลักษณ์จะถูกเรียกว่า ‘ภูตผู้ปกปักษ์’
อนึ่งภูตถูกแบ่งเป็นสามขั้นได้แก่ ‘ภูตป่า(ต่ำสุด)’ ขั้นนี้จะไม่มีร่างวิญญาณหรือร่างเนื้อ เป็นเพียงแค่ก้อนแสงเล็กๆอย่าง มิเรเด้ และโคริน ความสามารถของภูตป่ามีไม่ค่อยมาก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับธาตุทั้งสี่บนโลก และเป็นภูตที่คนส่วนใหญ่มักทำพันธสัญญาด้วย
‘ภูตผู้ปกปักษ์(ขั้นกลาง)’ ขั้นนี้จะมีร่างวิญญาณขนาดเล็กบินอยู่ข้างกายผู้ทำพันธสัญญาได้ ทุกคนสามารถเห็นภูตขั้นนี้ได้แต่จับไม่ได้เพราะเป็นร่างวิญญาณ โดยส่วนใหญ่ภูตขั้นนี้จะมีพลังที่มากมาย ระดับที่ไม่แพ้นักเวทย์ขั้นบรรลุหรือขั้นสูงพิเศษ หลายตนก็เหนือยิ่งกว่า นักเวทย์ชื่อดังในประวัติศาสตร์หลายคนก็ทำสัญญากับภูตผู้ปกปักษ์และยกระดับตัวเองเป็นอย่างมาก ทว่าภูตผู้ปกปักษ์ก็มีข้อเสียตรงทำพันธสัญญายาก และเปลืองมานาในการทำพันธสัญญาที่สุด
และสุดท้ายจุดสูงสุดของภูต ‘ภูตสวรรค์(ขั้นสูงสุด)’ ภูตที่มีทั้งร่างเนื้อและร่างวิญญาณ สามารถไปที่ไหนก็ได้อย่างอิสระ และมีความอมตะอยู่ในตัว ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ด้วยวิธีปกติ อีกทั้งยังมีพลังอยู่ในตัวมหาศาล อย่างมหาภูตเซเนียก็อยู่ขั้นนี้ เธอแค่เป็นภูตที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านพลังและความเป็นผู้นำที่สุดในหมู่ภูตสวรรค์ทำให้ได้รับชื่อมหาภูตไป
จะว่าไป..เห็นว่าภูตสวรรค์ส่วนใหญ่จะสลายไปหมดแล้ว ตอนแรกเห็นว่ามีถึงสิบตนบนโลก
หากจำไม่ผิด ยูนาเคยเล่าให้ผมฟังในช่วงเดินทางว่าภูตสวรรค์บนโลกตอนนี้เหลือไม่ถึงสามตนด้วยซ้ำ หนึ่งตนเป็นฮิคิโคโมริอยู่สักที่ อีกตนเป็นมหาภูตตั้งหลักอยู่ป่ามหาภูต อีกตนหายสาบสูญไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง เหตุผลที่เหลือจำนวนแค่นี้ก็ไม่ใช่ใครเลยนอกจากพวกมหามังกรคลั่ง ในช่วงสงครามภูตออกมาปกป้องธรรมชาติอยู่บ่อยๆทำให้สลายกันไปเยอะด้วยเช่นกัน เพราะต่อให้เป็นภูตที่แกร่งแค่ไหนก็มิอาจเทียบกับตัวตนที่ไร้ขีดจำกัดได้ ..เอาเป็นว่า–
–อย่างไรก็ช่าง ตรงหน้าผมมีภูตมิเรเด้สีน้ำเงิน และภูตโครินสีเทามาช่วยเป็นไกด์ละ
“จะพาทุกท่านรู้จักกับป่ามหาภูตนะคะ”
“เข้าใจแล้ว ฝากตัวด้วยนะ ฉัน เรเซอร์ ดราแคล์”
จากนั้นทุกคนก็แนะนำตัวให้ภูตทั้งสอง เมื่อแนะนำตัวเสร็จพวกเธอก็พาแนะนำภายในของโลกของปวงภูต
สรุปสั้นๆเลยคือ—โลกของภูตจะแบ่งเป็นสามเขตุ
1.เขตุที่พัก ตรงตามชื่อเลย พวกภูตจะอาศัยอยู่ในจุดที่พวกผมมาตอนแรกซึ่งเป็นจุดที่พัก โดยปกติภูตจะพักอาศัยอยู่ภายในต้นไม้ยักษ์ที่มีมิติส่วนตัวเฉพาะของแต่ละตน
2.เขตุทั่วไป เป็นเขตุที่มีลำธารหรือสวนดอกไม้รึผลผลิตที่ไม่สามารถเด็ดได้มากมาย ง่ายๆคือตกแต่งเอาสวยเฉยๆนั่นแหละ เห็นภูตว่าจุดนี้จะเป็นที่ฝึกฝนของภูตด้วย
3.เขตุประชุม เป็นจุดรวมการประชุมของเหล่าภูต เห็นว่าจุดประชุมมีขนาดใหญ่เท่าเมืองขนาดย่อมทั้งเมืองเลยแหละ
รวมๆก็ประมาณนี้
ส่วนเรื่องอาหารการกิน พวกภูตจะกินมานาเป็นหลัก โดยที่มานาจะไหลเวียนอยู่ในโลกของปวงภูตทุกวันอยู่แล้ว จึงกล่าวได้ว่าตราบใดที่ยังอยู่ในโลกใบนี้พวกภูตจะไม่มีวันหิว และจุดนี้แหละที่พวกผมต่างออกไป
ผมเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา จำเป็นต้องกินเพื่ออยู่ ทำให้ไม่สามารถอยู่โลกนี้ได้ตลอด
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ท่านเซเนียบอกว่าจะสร้างจุดทำอาหารให้พวกท่านด้วย ขาดก็แค่วัตถุดิบ”
ตามนั้น ทีนี้ก็หมดปัญหา
“จะพาไปที่พักของทุกท่านต่อนะคะ—-”
****
“แม่เจ้า”
“นี่มัน”
“สุดยอด”
“โหว ชักอยากอยู่ที่นี่ไปตลอดแล้วสิ”
หลายคนหลายปฏิกิริยา แต่เหมือนกันที่ทุกคนตื่นเต้นกับบ้านพัก ..ไม่สิ คฤหาสน์ในโลกของเหล่าภูต ไม่ได้มีแค่นั้น มีสระน้ำและสวนสวยๆอยู่ด้วย
เซเนียเตรียมของใหญ่ให้เลยแฮะ ที่สร้างไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรณ์ก็จริงแต่มันกินมานามากทีเดียวการจะคงที่มันไว้กว่าสองเดือน แต่เล่นสร้างให้พวกผมขนาดนี้ ไม่ขอบคุณไม่ได้แล้วสิ
พวกเราเข้าไปในคฤหาสน์และฟังสรรพคุณของตัวคฤหาสน์ทั้งหมดแล้วก็นึกได้เลยว่าหรูพอๆกับคฤหาสน์หลักของตระกูลตัวเองเลย ..
ใช้เวลากว่าสามชั่วโมงในการทัวร์ทั้งโลกของภูต ขนาดไม่ได้กว้างมาก แต่ก็โล้งสุดๆเพราะภูตมักจะบินอยู่บนฟ้าไม่ได้มาเดินอย่างพวกผม
เมื่อเสร็จทุกอย่างเรียบร้อย พวกเราก็นั่งอยู่ในคฤหาสน์กันทุกคน ยกเว้นยูจิ เทียนหลง และอลันที่ออกไปสำรวจโลกของภูตต่อ ..เห็นว่าอยากได้ทำเลฝึกฝนดีๆ
“แล้วเรื่องข้าวเย็นวันนี้เอาไง”
“เดี่ยวฉันออกไปซื้อเอง”
ผมเป็นคนเสนอ
“แต่ถ้าอยากไปด้วยก็ได้นะ”
“ถ้ามีคนไปแล้วก็ขอลา ฉันจะไปฝึกควบคุมเวทมนตร์ต่อ”
“อ่า ฉันว่าจะฝึกดาบด้วย”
“ฉันไม่มีอะไรทำ ไปด้วยสิ”
มีแค่หนิงที่ไปเหรอเนี่ย ..เบลลามีดึงชายเสื้อผมเบาๆ
“เราไปด้วย”
“เข้าใจแล้ว นั้นไปเลยมั้ย”
****
วิธีออกจากโลกของภูตนั้นแสนง่ายดาย เพียงแค่ตะโกนหาเซเนียให้เปิดประตูมิติเอาพวกผมออกก็จบ แน่นอน จะใช้ตัดมิติช่วยก็ได้ แต่หากทำสถานะผมได้เปลี่ยนจากแขกเป็นผู้บุกรุกทันทีแหงๆ
คนที่ไปมีผม เบลลามี แล้วก็หนิง นอกจากนั้นกำลังเข้าคอร์สฝึกฝนอย่างเข้มงวด ..ผมเองหลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จก็จะเริ่มฝึกเหมือนกัน
สิ่งที่จำเป็นต้องฝึกตอนนี้คืออะไร? อาจดูเห็นแก่ตัว แต่ผมนึกไม่ออก คิดว่าตัวเองตอนนี้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว แต่ก็แสนย้อนแย้ง ผมคิดว่าตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอเฉยเลย ..สรุปแล้วความแข็งแกร่งที่ตัวเองมี จะเอายังไงกับมันต่อไปดีนะ
ผมตัดพ้อโดยการถอนหายใจ และเดินตรงไปที่เมืองชันไม ระหว่างทางก็พูดคุยกับหนิงและเบลลามีไปด้วยตามปกติ
พวกเราเข้าไปในเมืองชันไม และเลือกซื้อวัตถุดิบเอาไปทำกินไว้มากมาย ไม่ว่าจะหนมปัง ผัก ผลไม้หรือพวกเนื้อสัตว์มากมาย
“นี่ เรเซอร์”
“อะไรเหรอ”
ผมรับคำทักของเบลลามีด้วยท่าทางมีความสุขจนหนิงแอบเดาะลำไยใส่
“..เด็กผู้หญิงตรงนั้นดูมีปัญหานะ”
ผมหันไปตามทางที่เบลลามีชี้ และถึงกับต้องอ้าปากค้าง
“นังเด็กนี่!! มาเดินชนลูกเพ้ได้ยังไงฟร้ะ!?”
“ไอติมที่ลูกเพ้อุตส่าห์อดออมซื้อมาหกหมดแล้วนะเว้ย”
“จะชดใช้ยังไงหะ นังผู้หญิง”
เด็กผู้หญิงกำลังถูกล้อมด้วยชายฉกรรจน์กว่าห้าคน เธอกำลังจะร้องไห้ไม่ผิดแน่ ดูจากอายุแล้วคงราวๆสิบสองปี ยังเด็กอยู่เลยแต่โดนรุมขนาดนี้ ..แต่ที่ตกใจไม่ใช่แค่นั้น
ถึงจะไม่เคยเห็นเธอในวัยนี้ก็เถอะ แต่ผมรู้จักเธอดี ใช่ เธอคนนั้นไง คนที่ผมรู้จักดีที่สุด
“ขะ ขะ ขะ ขอโทษนะค่ะ คุณพี่ชาย!!”
“ไม่ต้องมาขอโทษเลย ชดใช้สิฟร้ะ ชดใช้”
“..เอ่อ..หนูพึ่งทำกระเป๋าตังค์หายไปเอง..แหละ”
ภรรยาของเรเซอร์ ดราแคล์ คนนี้ในนิยายต้นฉบับ ‘ลีน่า’ ไงละ
เหมือนว่าตั้งแต่ห้าปีก่อนจนปัจจุบันเธอก็ยังสวมชุดแม่ชีตัวเดิมแฮะ แต่คราวนี้ชุดไม่ได้ลากกับพื้นแล้วเพราะเธอสูงขึ้นมาก ..แล้วก็
“..ไม่ใช่ว่าตูตัดความดวงซวยที่ไม่ยุติธรรมไปแล้วหรือไงฟร้ะ”
ตัดถึงขั้นวิญญาณหรือขั้นทำลายล้างสมบูรณ์เลยนะเว้ย ไหงถึงได้เดินชนแก็งนักเลงและโดนหาเรื่องได้เนี่ย แถมก่อนหน้านี้ยังทำกระเป๋าตังค์หายอีก คนอะไรจะซุ่มซ่ามได้ขนาดนี้ ..เฮ้อ
แต่ก็สมกับเป็นลีน่าแหละนะ ..สมกับเป็น?
ผมยศ ในร่างเรเซอร์ เอาอะไรมาคิดว่าสมกับเป็นกันนะ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย แต่–กลับรู้สึกคุ้นชินอย่างไม่น่าเชื่อ
ในหัวผมนึกถึงเรื่องความฝันในบันทึกของโซล่าขึ้นมาได้ เรื่องราวของผมและลีน่าในมุมมองของโซล่า ..จู่ๆก็รู้สึกเจ็บตรงอกจนต้องเอามือกดตรงอกไว้ ..
..เรื่องอะไรกัน—ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บขนาดนี้กัน
ผมกัดริมฝีปากตัวเองและหรี่ตาลง อีกไม่นาคงจะหลับไปทั้งอย่างนั้นเลย—แต่โชคช่วย
“เรเซอร์”
เสียงที่ไพเราะของเบลลามีช่วยเรียกสติที่หลุดไปของผม ..เวลาแบบนี้จำเป็นต้องมีนางฟ้าอย่างเบลลามีมาดึงสติทุกทีแหละนะ
“เด็กคนนั้น”
“..อืม รู้แล้ว”
ต้องช่วยแน่นอนอยู่แล้ว ยังไงก็เป็นภรรยาในนิยายต้นฉบับนี่นะ แล้วก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไรด้วย
ผมเดินตรงไปทางนักเลง และ—
“เห้ย ไอ้พวกนักเลงสารชั่วไถตังค์เด็ก คิดว่าเก่งมากเหรอวะ มีเท่าไหร่เอามาให้หมดเลยนะเฟ้ย!!”
“ไม่ใช่แล้วมั้ง”
หนิงตบมุกให้อย่างสวยงาม
MANGA DISCUSSION