เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 171
< < 123 > >
“..อย่างนั้นเองเหรอ เรื่องราวชักจะบ้าบอไปใหญ่แล้วนะ” แองเจลิน่าตั้งแขนรองแก้ม ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี “แบบนี้ที่ต้องระวังก็มีมากขึ้นไปอีก แล้วถ้าฟังจากที่น้องบอกทั้งหมดด้วยแล้ว..เรเซอร์”
แองเจลิน่าจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่แสนจะจริงจัง
“เรเซอร์ช่วยเก็บตัวสักพักได้รึเปล่าจ๊ะ เดี่ยวพี่ฝากไว้ที่เขตุดูแลหลักของตระกูลดราแค–”
“ขอปฏิเสธครับ”
ผมตอบไปตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม ..ทำให้แองเจลิน่าเงียบไป เอาแต่จ้องผมและกำลังคิดวเคราะห์เรื่องราวอะไรต่างๆมากมายอยู่ในหัวไม่ผิดแน่ ผมเดาได้เพราะเวลาที่แองเจลิน่าคิดเธอจะทำหน้านิ่ง ระดับที่ไม่แม้แต่จะกระพริบตา
“หมายถึงผมจะไม่เก็บตัวที่เขตุของตระกูลดราแคล์เฉยๆครับ เรื่องที่ว่าทางผมควรเก็บตัวจากโลกภายนอกสักพักก็คิดว่าจำเป็นเหมือนกัน”
“ถ้านั้นทำไมที่เขตุดูแลเฉพาะของตระกูลถึงไม่ได้ล่ะ? ไม่ชอบหน้าใครไหนนั้นเหรอ?”
แองเจลิน่าถามไถ่อาการของผมอย่างใจเย็น ไม่ได้ละเลยความเห็นของผมเลยแม้จะเป็นการเอาแต่ใจโดยใช่เรื่อง
แต่ทางผมเองก็มีเหตุจำเป็น แค่เก็บตัวอย่างเดียวไม่ได้ ผมและคนอื่นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นยิ่งกว่านี้ ..ไม่เหมือนกับเนื้อเรื่องในนิยาย ยูจิและเบลลามีถูกไล่ล่าอย่างหนักทั้งๆที่ยังไม่ขึ้นปีสาม การบุกชิงตัวแต่ล่ะครั้ง สามารถปกป้องไว้ได้ก็จริงแต่ทางนี้ก็ใช่ว่าจะไม่โดนอะไรเลย อย่างเรื่องคราวนี้มันก็เกินมือผมไปมาก ..ลำพังแค่ผมปกป้องพวกเขาไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นพวกเขาจะต้องแข็งแกร่งพอจะปกป้องตัวเองได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่สภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้
ให้พูดโดยไม่นับความเป็นเพื่อน ในการต่อสู้กับตัวตนระดับสูงทั้งหลาย พวกเขาเป็นเพียงตัวถ่วงซะส่วนมาก อย่างเคียวยะถ้าเจอคนที่เร็วกว่าหน่อยก็สู้ไม่ได้แล้ว อย่างเรย์เจอแค่นักดาบขั้นบรรลุก็ไม่รู้จะชนะมั้ย ยูจิเองก็สู้ไม่ได้เลยถ้าไม่พึ่งพลังของเทพในตัว มีแค่หนิงคนเดียวที่วางใจเรื่องต่อสู้ได้ ..เบลลามีไม่ต้องพูดถึงเลย เธอสู้ไม่ได้เลย ต่อให้สู้ได้ก็ต้องปรากฏตัวในร่างจอมมารที่มีเป้าหมายคือฆ่าผมและทุกคน
..แน่นอน ทุกคนไม่ได้อ่อนแอเลย ในฐานะมนุษย์ด้วยกันจัดว่าอยู่ในระดับท็อป โดยเฉพาะยูจิที่ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพลังของเทพก็คงชนะนักดาบรึนักเวทย์ขั้นบรรลุได้ ทว่า–กับคู่ต่อสู้ระดับพวกเรนหรือปีศาจมหาบาป จะเป็นคนล่ะเรื่องทันที
และคนที่คอยตามไล่ล่าพวกผมก็มีแต่พวกอย่างนั้นด้วย ..เพราะอย่างนั้นต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้ อย่างน้อยเคียวยะจะต้องรับมือกับสิ่งที่ตัวเองแพ้ทางได้ เรย์จะต้องใช้ดาบที่ได้มาจากเทพดาบให้ดีกว่านี้ ยูจิจะต้อง—พัฒนาไปสู่จุดสูงสุดให้เร็วที่สุด
แน่นอนสิ่งสำคัญที่สุดคือจำเป็นต้องหาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัย–ซึ่งมีอยู่ที่เดียวนี่แหละที่ผมรู้จัก
“ผมจะเก็บตัวที่เมืองชันไมครับ”
พูดให้ถูกคือที่ ‘ป่ามหาภูต’ อันเป็นสถานที่ที่ ‘มหาภูตเซเนีย’ อาศัยอยู่ อีกทั้งยังเป็นที่แรกที่ผมได้พบกับยูนาและทำพันธสัญญากัน
‘ป่ามหาภูต’ เหตุผลที่เลือกที่นี่เป็นเพราะในป่าถูกปกปักษ์รักษาโดย ภูต ภูตชั้นสูง และมหาภูตอย่างเซเนีย กำลังรบของภูตทั้งหมดในป่ารวมกันรวมกัน อาจจะไม่เท่าอาณาจักรมหาอำนาจหรือจักรวรรดิราชามังกร แต่ก็ไม่ด้อยกว่าที่อ่อนนอกจากนี้ ซึ่งจะบอกว่ามีกำลังรบเท่าอาณาจักรใหญ่ๆเท่าไปเลยก็ได้
นอกจากเรื่องกำลังรบ การจะเข้าไปภายในป่ามหาภูตได้ก็เป็นเรื่องยากแสนยาก บนโลกนี้คนที่สามารถเจาะการป้องกันและเข้าไปเดินเล่นได้โดยไม่ต้องขออนุญาติก่อน น่าจะมีแค่เอเธอร์กับจอมมารนี่แหละ
เพราะฉะนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าเขตุดูแลของตระกูลดราแคล์แน่นอน
“คงมีเหตุผลให้พี่นะ”
“จะเล่าทั้งหมดให้ฟัง ขอแค่เชื่อผมพอ”
แองเจลิน่าพยักหน้ารับ จากนั้นผมก็เล่าให้ฟังหมดเปลือกเลยเกี่ยวกับป่ามหาภูตและพลังของยูนาที่ได้มา ..ผลคือแองเจลิน่านั่งกุมขมับ
คริสตีน่าทำหน้าแหยงๆใส่ คงจะนึกถึงเรื่องอะไรสักอย่างในอดีตได้
“แบบนี้นี่เอง เรื่องเป็นนั้นเองสินะ ตอนนั้นถึงได้โดนดักทางได้หมด ..”
เจ้าตัวบ่นอย่างนั้นด้วยสีหน้าสุดจะเซ็ง
แองเจลิน่าเริ่มเอ่ยปากพูดหลังจากนั่งกุมขมับได้เกือบนาที
“ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพสินะ พี่ก็ได้ยินมาอยู่หรอก แต่ทั้งหมดมีอยู่แค่ไม่กี่ตนเองนี่ แล้วคนที่ครอบครองได้จะต้องมีพรสวรรค์ทางร่างกายที่สูงไม่พอยังต้องเป็นที่ถูกใจของวิญญาณอีก”
“คิดว่าผมคนนี้จะไม่คู่ควรเหรอครับ”
เพราะแสดงท่าทางดูอวดดีไปหน่อยทำให้คริสตีน่าดูจะหมันไส้ผมขึ้นมานิดๆ
“น้องพี่ตรงเป้าอยู่แล้ว แต่ที่สงสัยคือน้องรู้ได้ยังไงว่าวิญญาณระดับเทพอยู่ที่ป่ามหาภูต”
“เป็นเรื่องของโชคชะตาน่ะครับ”
“ถ้ายังไงก็ช่วยโชว์พลังในโชคชะตานั่นให้พี่เห็นทีสิจ๊ะ”
ผมดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ทำการปล่อยตัดมิติใส่อากาศข้างๆโต๊ะ
เปล้ง!!!!!!!!!! รอยกระจกแตกปรากฏขึ้นบนอากาศ
“..นี่มัน”
“[ตัดมิติ] ของวีรสตรียูนาครับ”
“จากที่เล่ามา แปลว่ารู้จักกับมหาภูตเขาจริงๆด้วยสินะ”
“ครับ เขาเป็นเพื่อนสนิทของยูนา”
‘ไม่ใช่เพื่อนค่ะ อย่าเข้าใจผิด’
ปล่อยยัยซึนเดเระไป ตอนนี้ต้องคุยกับแองเจลิน่าก่อน
“ผมจะไปขออาศัยอยู่ด้วย”
“…” แองเจลิน่าจดๆจ้องๆรอยตัดมิติเมื่อครู่ “ทำไมเรเซอร์ต้องปิดบังพี่ด้วยเหรอตลอดมา”
“เพราะคิดว่ายังไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้”
“เหรอ ..พี่สอบตกในฐานะพี่สาวสินะ”
ชั่วแว็บหนึ่ง แองเจลิน่ามีสีหน้าที่ดูเศร้าเล็กน้อย
ผมรีบส่ายหัวรัวๆและทุบโต๊ะดังลั่น ร่างกายมันขยับไปตามสัญชาตญาณ และตะโกนแก้ตัวออกมาเพื่อไม่ให้แองเจลิน่ารู้สึกแย่
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ!!”
“แล้วจะปิดบังพี่ไปทำไมละ? เรื่องสำคัญไม่ใช่รึไง”
“มันมีเหตุผลส่วนตัวอยู่”
เพราะไม่อยากให้แองเจลิน่ามายุ่งเรื่องนี้มาก ..แบบนั้นจะบอกว่าไม่ไว้ใจได้รึเปล่า?
อาจจะใช่ก็ได้ แต่
“บนโลกนี้ไม่มีทางมีพี่สาวที่ดีเท่าเธอแล้วละ!! อันนี้เป็นความผิดของผมเองอย่าคิดมากเลย”
ที่ไม่ได้วางใจขนาดนั้นไม่ได้หมายความว่าแองเจลิน่าแย่สักหน่อย ที่ผิดมันคือทิฐิความคิดของผมเองล้วนๆเลย จะให้แองเจลิน่ารู้สึกผิดไม่ได้เด็ดขาด การทำให้พี่สาวอย่างแองเจลิน่าเศร้ามีโทษต้องตกนรกห้าล้านปีแสง ไม่สิ สิบล้านปีแสงไปเลย
แองเจลิน่าคือพี่สาวที่ดีที่สุดบนโลก ผมจะไม่ยอมให้ใคร หรือให้ตัวเธอเองบอกว่าตัวเองสอบตกเด็ดขาด
ดูสิ น้องชายเลวๆอย่างผมยังไม่คิดว่าเธอสอบตกอะไรเลย กลับกัน เธอสอบผ่านจนดีเกินไปด้วยซ้ำ
“ฟังนะ พี่แองเจลิน่า พี่ไม่ได้ผิดอะไรเลย เข้าใจตามนี้นะ”
“ไม่เชื่อหรอก ยังไงผลลัพธ์ก็คือเรเซอร์ไม่ไว้ใจพี่นี่ ถ้านั้นพี่ก็สอบตก”
แองเจลิน่าหันหน้าหนีไปทางอื่น เห็นอย่างนั้นผมก็หน้าซีดและขาดสติ
อาการบางอย่างกำลังกำเริบ
“ไม่จริงสักหน่อย!”
“นั้น ไหนบอกเหตุผลที่ใช้ประกอบกับการพูดของเรเซอร์ให้พี่หน่อยสิ”
ไม่จำเป็นต้องคิดเลย ทุกอย่างในหัวมันไหลเข้ามา และพูดออกไปหมด เพียงแค่เวลานี้วิกฤตนี้เท่านั้นที่ความคิดในหัวมันรั่วออกไปแบบไม่รู้จักอาย
อาการกำลังกำเริบ
“ข้อดีของพี่น่ะเหรอ? ให้บอกเป็นร้อยข้อยังได้ พี่น่ะใจดีกับผมตลอด ถึงทำอย่างนั้นมันจะมีข้อเสียบ้างก็เถอะ แต่สำหรับเด็กเวลาโดนตามใจมันรู้สึกดีนะ แล้วก็ใครกันที่รักผมแทนพ่อกับแม่ ก็พี่ไง มีแค่พี่นี่แหละที่อยู่กับผมมาตลอด ผมยังจำตอนเด็ก ตอนที่ผมร้องหาแม่ แล้วพี่รับบทเป็นแม่แทน ถ้าจำไม่ผิด เอ่อ นานแล้วแฮะ จำได้ลางๆ”
“วันที่พี่ชวนเล่นแม่ลูกสินะ”
“ใช่ๆ วันนั้นแหละ หลังจากได้เล่นแบบนั้นกับพี่ก็ทำให้ผมรู้เลยว่าพี่คือตัวแทนครอบครัวให้ผม ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็เป็นคนในครอบครัวคนเดียวของผมแล้ว ใช่ มีแค่พี่ที่คอยอยู่ข้างผม”
“มีอีกไหมจ๊ะ”
“ตอนเด็กผมตัดสินใจจะแต่งงานกับพี่ เพราะบนโลกนี้คงไม่มีผู้หญิงที่ดีกว่าพี่แล้ว จนกระทั่งผมได้พบเบลลามีแล้วก็เรเซลกับอันนา”
“เยอะไปไหมผู้หญิงที่ดีกว่าพี่ ..เสียใจนะ”
“เรื่องแต่งงานไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าในมุมมองความรักทั้งหมด พี่คือที่หนึ่งเลยนะ เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันไง แค่ไม่ใช่รักแบบชายหญิง แต่เป็นรักแบบครอบครัว”
“สุดท้ายพี่ก็แค่คนขี้โกงที่มีสถานะครอบครัวเป็นตัวประกันสินะ ถ้าไม่ได้เป็นพี่เรเซอร์ น้องคนไม่สนพี่เลย”
“ไม่ใช่!!!! สิ่งที่ทำให้ผมคิดอย่างนี้คือวันงานวันเกิดของผมเมื่อห้าปีก่อนต่างหาก เป็นเพราะพี่ที่ทำหน้าที่พี่สาวได้อย่างดีเยี่ยมต่างหาก!”
เรื่องเกิดเมื่อตอนที่ผมกับชินช่วยแองเจลิน่าในงานวันเกิด จากการลอบสังหารของคริสตีน่า
“พอรู้ว่าพี่กำลังจะถูกฆ่าตอนนั้นหัวใจผมแทบแตกสลาย ทั้งๆที่เรื่องยังไม่เกิดแต่ผมก็แทบคลั่ง แล้ววันนั้นพี่ก็ให้สร้อยคอกับผมมาด้วย ดูสิ ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่เลย ผมทำความสะอาดสร้อยคอทุกอาทิตย์เลยนะบอกก่อน”
ไม่ได้มีแค่นี้
“ตอนที่พี่ให้มันมา และพูดคุยกับผมในงานวันเกิด ตอนนั้นผมก็คิดได้เลยว่าใครที่สำคัญที่สุดกับผม ใช่ นั่นคือพี่สาวที่ชื่อแองเจลิน่าไงละ!!”
“แค่นั้นเองเหรอ”
“หา!!? กล้าพูดว่าแค่นั้นเหรอ? ต่อให้เป็นพี่เองแต่ผมก็โกรธนะ อย่าบอกว่าตัวเองมีแค่นั้นสิ! ถ้าพูดแค่นี้ยังไม่เข้าใจ จะให้พูดอีกเป็นสิบเรื่องก็ยังได้ เอาล่ะ ฟังน—”
ผมหัวร้อนสุด อารมณ์ประมาณเดียวกับเหตุการณ์บนเกาะวาเรอร์เมื่อวันก่อนเลย—อาการกำลังกำเริบ มันคืออาการ—
“อุ๊บ …อึก..อืออออ”
เสียงกลั้นขำแทบตายออกมาจากคริสตีน่าที่อยู่หลังแองเจลิน่า
พอเห็นเธอขำ ทำให้ผมรู้..ว่าตัวเองกำลังพล่ามอะไรอยู่
“..ซิสค่อนแหละ”
‘ซิสค่อน(อาการติดน้องสาวรึพี่สาว)’ ..ใช่ อาการซิสค่อนของผมมันกำเริบ
ไอความร้อนผุดขึ้นบนหัวผม แทบจะเป็นลมเลยตอนนี้
“เอ๊ะ เอ่อ คือ..”
น่าอาย
ที่พูดมันขัดกับนิสัยของผมที่ปฏิบัติกับแองเจลิน่าสุดๆ รู้สึกอายขึ้นมาจนในหัวมันโล่งไปหมดเลย เหมือนโดนระเบิดใส่จนประสาทสัมผัสพัง
“..เอ่อ”
“เห็นเรเซอร์ชอบทำตัวเย็นชาใส่ช่วงนี้ เลยหยอกเล่นหน่อย ไม่คิดเลยนะว่าพี่จะได้ของตอบแทนมากขนาดนี้ ขอบคุณสำหรับคำชมนะจ๊ะน้องรัก”
“ละ ลืมไปซะ!!”
แองเจลิน่ายิ้มร่า ต่างกับผมที่ยิ้มไม่ออก
“พี่บันทึกที่พูดทุกอย่างไว้ในหัวแล้วจ้า เสียใจด้วยจ้า”
“นี่ๆ ท่านหญิง เมื่อกี้เห็นพูดว่า ‘ตอนเด็กผมตัดสินใจจะแต่งงานกับพี่ เพราะบนโลกนี้คงไม่มีผู้หญิงที่ดีกว่าพี่แล้ว จนกระทั่งผมได้พบเบลลามีแล้วก็เรเซลกับอันนา’ ..อุ๊บ—ก๊าก!! ท่านหญิงเป็นอันดับสี่นะคะนั่น”
“แหม่ ช่วยไม่ได้นี่นะ พวกเราฝืนสัญชาตญาณสิ่งมีชีวิตไม่ได้หรอกจ๊ะ แค่เห็นเรเซอร์ให้ความสำคัญกับคนรักก็น่าพอใจแล้วละ ..แต่นั่นสินะ แค่เป็นอันดับหนึ่งในใจในฐานะครอบครัวพี่ก็พอใจแล้ว เพราะพี่ก็คิดอย่างเดียวกันเลย รู้มั้ยจ๊ะ เรเซอร์–น้องเองก็อันดับหนึ่งของพี่เหมือนกันน้า ใช่ๆ เหมือนกัน เหมือนกันเลย”
..รู้สิฟร้ะ ก็หล่อนเล่นกรอกหูว่าผมสำคัญที่สุดประจำเลย ..
“ฮิฮิ เหมือนกันสินะคะ ท่านหญิง”
“ใช่เลย เหมือน-กัน กล้าบอกว่าพี่สาวเป็นที่หนึ่งได้นี่มีแต่ซิสค่อนเท่านั้นด้วย ไม่เห็นรู้เลยว่าน้องชายที่พอโตเข้าก็เย็นชาใส่จะเป็นเด็กติดพี่ขนาดนี้”
หยุดเถอะ ได้โปรด หยุดได้แล้ว
พอจะหันหน้าหนี แองเจลิน่าก็ชะโงกตัวมองหามุมตลอด
“เป็นอะไรไป พี่ยังไม่เห็นอายเลยน้า”
ก็หล่อนพูดอยู่ทุกวันไงจะเอาอะไรไปอาย ทางนี้ไม่เคยพูดอะไรอย่างนั้นเลยก็ต้องมีอายบ้างสิ
โธ่เอ้ย ..
“..ยังไง..ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนละกัน …คุยจบแล้วนี่”
“เชิญเลยจ๊ะ—อ๋อ ถ้าเหงาตอนไหนก็มาหาพี่สาวที่เป็นอันดับหนึ่งได้เลยนะจ๊ะ! พี่สาวอันดับหนึ่งมีบริการนอนหนุนตักแล้วแคะหูให้ด้วยน้าาาาาาา”
“…ครับ”
พูดจบผมก็รีบพุ่งตัวออกจากห้องทันที โดยไม่สนใจเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจของคริสตีน่าซึ่งดังออกมายังข้างนอก ..
****
(มุมมอง แองเจลิน่า)
..อันดับหนึ่งสินะ ได้ยินอย่างนั้นพี่สาวคนนี้ก็อดดีใจด้วยไม่ได้เลย
ตั้งใจแค่จะหยอกเล่นแท้ๆ ไม่คิดว่าเรเซอร์จะหลุดถึงขนาดนี้ ฮึฮึ ยังคงเป็นน้องชายที่น่าแกล้งเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย
“พอเจอคุณชายปล่อยไก่ไปแบบนี้ เล่นเอาดิฉันหายเหนื่อยเลยแหละค่ะ ท่านหญิง”
คริสตีน่ายังไม่หยุดล้อเลียนเรเซอร์เลยตั้งแต่ออกจากห้องไป คงจะแค้นจากเรื่องเมื่อก่อนมาก
“เดี่ยวขอออกไปเดินเล่นหน่อยนะ คริสตีน่าคอยดูแลแบบห่างๆก็พอ ไม่ต้องออกตัว”
“ให้ล่องหนสินะคะ เข้าใจแล้วค่ะ”
ฉันออกไปเดินเล่นบนจุดชมวิวของเรือลำนี้ เพราะเป็นเรือหรูของตระกูลจึงมีจุดที่สวยๆงามๆค่อนข้างเยอะเลย อย่างชั้นบนสุดของเรือไอน้ำที่สภาพอย่างกับสวนสาธารณะชั้นดี
เมื่อขึ้นมาชั้นบนสุดก็ไม่พบเด็กคนไหนเลย ..อาจเป็นเพราะเจอเหตุการณ์แย่ๆบนเกาะวาเรอร์เข้ากระมัง คงจะมีความทรงจำที่ไม่ดีเสียเท่าไหร่
…
พอคิดว่าเรเซอร์ก็คือหนึ่งในเด็กพวกนั้น ฉันก็รู้สึกเจ็บบริเวณอกแล้ว ..น้องของฉันทำไมต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้ด้วย ไร้เหตุผลสิ้นดี รู้สึกแค้นคนชื่อเรนนั่นจนอยากจับมาประหารให้รู้แล้วรู้รอดเลย
แต่ในฐานะว่าที่ผู้นำตระกูล ฉันจำเป็นจะต้องใช้เหตุผลนำอารมณ์ อย่างน้อยถ้าไม่เกี่ยวกับความเป็นความตายของเรเซอร์ ฉันก็ต้องยึดเหตุผลเป็นหลักก่อน
ฉันสลัดความคิดแย่ๆในหัวให้หมด และเดินไปเกาะระเบียง พยายามพักผ่อนชมวิวยามบ่าย
ระหว่างที่กำลังชมวิวอยู่นั้นเอง
“ทะเลาะกับน้องชายมาหรือครับ”
..หืม? ใครกันนะ?
พอหันไปดูก็พบกับชายร่างสูง สวมสูทสีขาว มีเลือนผมสีขาวไปทางเทา แววตาไร้ความรู้สึก ยิ้มอยู่ตลอดก็จริงแต่เหมือนแสร้งทำ ..เพราะรูปลักษณ์และการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ฉันจำได้ว่าเขาคือใคร แม้จะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว
“คนในร้านกาแฟนี่นา ..ไม่สิ”
หลังจากนั้นก็พึ่งมารู้ทีหลังด้วย ว่าเขาคือใครกันแน่
“ยินได้ที่ได้รู้จัก ดิฉัน แองเจลิน่า ดราแคล์ ว่าที่ผู้นำคนต่อไปของตระกูลดราแคล์ ..คุณคือ เอเธอร์ สินะคะ”
‘เอเธอร์’ ตัวตนที่ได้รับการขนานนามว่าแกร่งที่สุดบนโลก เป็นจอมเวทย์ที่ได้รับการแต่งตั้งพิเศษจากอาณาจักร มีส่วนร่วมสำคัญกับสงครามเมื่อสิบปีก่อนที่อาณาจักรฟัฟนิร์กับเนลยอนจะเซ็นต์สัญญาสงบศึกกัน
เขาถือว่าเป็นบุคลากรสำคัญคนหนึ่งของอาณาจักรเลยละ
ผลัดจากที่เจอเขาในร้านกาแฟได้ไม่นาน ฉันก็ได้ทราบหน้าของเอเธอร์ และทราบด้วยว่าใครจะมาเป็นครูคนหนึ่งในวิทยาลัยเวทมนตร์ และด้วยความที่เป็นคนที่ยิ่งใหญ่นี่แหละ พอรู้ว่าอาชญากรอย่างเรนสามารถรอดพ้นจากเอเธอร์ได้ จึงทำให้ทั่วทั้งโลกปั่นปวนจนเร็วๆนี้คาดว่าจะมีการประชุมโลกเกิดขึ้น
ก่อนอื่น ฉันต้องทักทายเขาตามมารยาท
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องชายมาตลอดนะคะ น้องชายฉันชื่อ–”
“เรเซอร์ ดราแคล์ ..ไม่จำเป็นต้องคุยให้มากความหรอกครับ ผมกับคุณก็เคยเจอกันมาก่อนนี่ครับ ตอนนั้นพูดถึงเรื่องของเขาตั้งเยอะด้วย”
จำได้ด้วยสินะ ..
“น้องชายฉันเหมือนว่าจะหลุดจากการดูแลของคุณไปนะคะ ..”
เพราะคุณ น้องชายเลยต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย เพราะการดูแลที่หละหลวมของคุณ—ฉันเกือบจะหลุดปากเสียมารยาทไปแล้ว ดีที่ยั้งตัวเองไว้ได้ก่อน
“ดูจะรักน้องชายมากเลยนะครับ”
เอเธอร์ยิ้มให้ ..จำไม่ผิด เรเซอร์เล่าว่าตัวเองสนิทกับเอเธอร์อยู่ระดับหนึ่ง บางทีเขาอาจจะได้ฟังเรื่องของฉันจากเรเซอร์บ้างเหมือนกัน
เด็กคนนี้เผาเรื่องของฉันอะไรให้เอเธอร์คนนั้นฟังบ้างนะ อยากจะรู้จริงๆ
“ก็..เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันนี่นา”
…
“ดูกลุ้มใจนะครับ ให้ผมช่วยให้คำปรึกษาดีมั้ย ผมค่อนข้างจะสนิทกับเรเซอร์เลยนะครับ อาจจะช่วยเดาความคิดของเขาให้คุณได้บ้าง”
“นั่นสินะคะ ..”
ไม่รู้ทำไม แต่ไม่รู้สึกเกรงใจเลย เพราะเขาวางตัวให้ฉันผ่อนคลาย ไม่เกรงใจเหรอ ไม่รู้สิ แต่ถ้าเอเธอร์ทำได้ขนาดนั้น เขาคงเป็นยอดมนุษย์ของแท้ที่ไม่ได้มีแค่บู๊อย่างเดียว
“แค่เป็นห่วงน้องชายน่ะค่ะ”
“เขาใช้ชีวิตค่อนข้างบ้าบิ่นน่ะครับ”
“ค่ะ ประมาณนั้นเลย ..ก่อนหน้านี้ก็ขอให้อยู่ในความดูแลของที่บ้าน แต่ก็โดนปฏิเสธไป แล้วมาเล่าเรื่องสุดยอดให้ฟังด้วย ทำให้รู้สึกว่าบางทีเด็กคนนี้อาจจะมีชะตาต้องไปพัวพันกับปัญหาที่อันตราย”
พอคิดอย่างนั้นก็
“กลัวว่าเขาจะได้รับความอันตราย ..ฉันไม่อยากเห็นน้องชายตายหรือพิการก่อนตัวเองจะตายจากไปหรอกนะคะ”
ว่าง่ายๆคือ ฉันไม่อยากเห็นเรเซอร์รู้สึกทรมานกับชีวิตเลย
“ถ้านั้นทำไมไม่บังคับไปเลยละครับ”
“ฉันกลัวถูกเกลียด ถ้าถูกเรเซอร์เขาเกลียด ชีวิตฉันคงเหมือนตายทั้งเป็น”
“ทั้งพี่สาวและน้องชายนี่เหมือนกันอย่างกับแกะเลยนะครับ”
เหมือนกันอย่างกับแกะ?
“เรเซอร์เองก็คงคิดเหมือนแองเจลิน่าครับ”
..จะว่าไป
อาจจะมีส่วนที่ทำให้เรเซอร์ไม่ยอมบอกเรื่องวิญญาณระดับเทพของตัวเองให้ฉันฟังก็ได้ เพราะเป็นห่วงฉันนี่เอง
เป็นน้องชายที่แสนดีที่สุดในโลกเลยนี่นา เรเซอร์เนี่ย
แบบนี้ยิ่งไม่อยากให้เรเซอร์ไปเจออันตรายเข้าไปใหญ่
“แต่ก็ใช่เรื่องที่จะไปบงการชีวิตนะครับ ปล่อยให้ไปเจออะไรต่างๆเองตามความต้องการของตัวเองอาจจะดีกับตัวเรเซอร์เองมากกว่า
“…ก็จริงค่ะ แต่ปัญหาที่เจอมัน ..ใหญ่เกินจนอดเป็นห่วงไม่ได้”
อาจจะตายก็ได้ ..
….
..ยอมให้น้องชายของตัวเองตายได้ที่ไหนกัน
เอเธอร์เดินมาจับราวและชมวิวข้างๆฉัน ก่อนจะโพล่งขึ้นมา
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปครับ เดี่ยวฝากเรเซอร์ไว้กับผมแทนก็ได้”
“..หืม?”
“ผมกับเรเซอร์ลงเรือลำเดียวกัน เรื่องจะปกป้องเขาคือเรื่องปกติอยู่แล้ว แน่นอน ผมไม่อาจรับปากว่าจะปกป้องเขาได้ร้อยทั้งร้อย แต่อย่างน้อยผมก็จะคอยอยู่ข้างๆให้ครับ”
เรื่องที่ลงเรือรำเดียวกับเอเธอร์คนนั้นเหมือนว่าจะจริงด้วย ..น้องชายของฉันนี่สุดยอดเลยนะ สมกับเป็นน้องชายที่ฉันภาคภูมิใจเลย
ถ้ามีคนที่แกร่งสุดบนโลกมาคอยดูแล อาจจะวางใจได้อีกเปราะหนึ่ง
“ฝากน้องชายด้วยนะคะ”
“รับทราบครับ”
ฉันชำเลืองไปมองชายที่ชื่อเอเธอร์
เขากำลังมองทะเลอยู่ และดูเหมือนกำลังคิดถึงแบะรู้สึกอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งๆที่ปกติดูเป็นคนที่ไร้ความรู้สึกแท้ๆ
“ความสัมพันธ์พี่น้องนี่วิเศษจังเลยนะครับ ตัวคุณที่เป็นพี่สาวที่ยอดเยี่ยมได้ ช่างวิเศษ”
…นี่โดนผู้ชายชมเกี่ยวกับตัวเราจริงๆที่ไม่เกี่ยวกับงานเป็นครั้งแรกสินะ?
หายากนะประสบการณ์แบบนี้
“การจะเป็นพี่ที่ดีได้นี่ยากจังเลยนะครับ ..ผมอิจฉาแองเจลิน่านิดหน่อยนะ”
“คุณมีพี่น้องด้วยเหรอคะ?”
“อาจจะมีก็ได้ครับ ..ทางผมแค่จำอะไรสักอย่างไม่ได้เอง”
จำไม่ได้? หมายถึงความจำเสื่อมสินั้นเหรอ
“แค่สังหรณ์ใจได้ครับว่าอาจจะเคยมีพี่น้องอยู่ อาทิเช่นน้องสาวครับ..แต่คิดว่าตัวเองไม่มีทางทำหน้าที่พี่ที่ดีได้แน่นอน หากวิเคราะห์ตามลักษณะนิสัยของผมแล้ว จึงรู้สึกอิจฉาแองเจลิน่าที่ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมครับ ผมเองถ้าทำหน้าที่ได้ดีก็คงดีเช่นกัน”
“ไม่จริงหรอกค่ะที่ว่าไม่มีทางเป็นพี่ที่ดีได้เนี่ย”
เอเธอร์หันมามองฉันและยิ้มให้ ดูไร้ความรู้สึกเช่นเดิม
“ขอทราบเหตุผลหน่อยสิครับว่าทำไม”
“คุณที่คิดว่าความสัมพันธ์พี่น้องนั้นวิเศษ จะต้องพยายามเป็นพี่ที่ดีได้แน่นอนค่ะ ..ต่อให้วันนี้จะยังไม่ได้ แต่สักวันความคิดที่อยากเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นแน่”
ครั้งแรกที่เจอกับเรเซอร์ ..สิ่งแรกที่ฉันคิดก็คือ
“ก้าวแรกคือการคิดอยากเป็นพี่ที่ดีค่ะ”
…
…
เอเธอร์อ้าปากค้างอย่างไร้ความรู้สึก สักพักจึงค่อยออกความเห็น
“นั้นเองเหรอครับ ง่ายจังเลยนะครับ”
“แน่นอนค่ะ”
“…แต่ก่อนอื่น ผมคงต้องหาน้องสาวตัวเองให้พบก่อนนะครับ”
“ขออวยพรให้สักวันได้พบกับคุณน้องสาวนะคะ”
“ครับ”
เอเธอร์และฉันยิ้มให้กัน
เอเธอร์ คนที่แข็งแกร่งที่สุดเอย สัตว์ประหลาดเอย บางทีอาจมีแง่มุมความเป็นคนมากกว่าที่คิดก็เป็นได้ การได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับเขา ทั้งให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาก็แค่คนธรรมดา