เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 153: บทแรกของการลืมตาตื่น (4)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 153: บทแรกของการลืมตาตื่น (4)
< < 114 Sec4 > >
“..เบลลามี”
เบลลามียังคงยิ้มอยู่ แต่ไม่นานรอยยิ้มก็หายไปจากหน้าของเธอ ..เพราะมีคนๆหนึ่งเดินมาทางนี้
เสียงตรบมือดังขึ้นเบาๆเป็นจังหวะที่ขัดบรรยากาศอันเงียบเชียบ ผู้ที่เดินเข้ามาคือ ..เรน แล้วก็ลูซิเฟอร์
เรนปรบมือให้กับเบลลามีด้วยรอยยิ้มที่แสนสดใส
“แหม่ๆ ในที่สุดท่านจอมมารของพวกเราก็ได้ลืมตาตื่นแล้วนะครับเนี่ย พอได้เห็นท่านแล้วกระผมก็รู้สึกปลื้มปิติสุดๆ”
‘ไม่ผิดแน่ ..เรนค่ะ’
ยูนาพึมพำขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ยินดี
ไม่เคยเจอตัวเป็นๆเลย แต่..พอรู้ว่าหมอนี่คือเรนผมก็รวบรวมมานาไว้ให้มากที่สุดด้วยเทคนิคพิเศษ เพราะต้นเหตุของความวุ่ยวายทั้งหมดมันมาจากหมอนี่ มันคือคนที่ผมและยูนาต้องฆ่าทิ้งให้ได้
“..เรน”
“หืม? อะไรกัน ยังไม่ตายอีกเหรอ?” เรนหันไปมองสองมหามังกรเทียม “ทำงานได้ชุ่ยกันเหลือเกินนะพวกเธอ กะอีแค่คนที่โดนเทพดาบเล่นงานมาก่อนหน้ายังเอาชนะไม่ได้เนี่ย ไม่มาตรฐานต่ำไปหน่อยหรือไง?”
สโนว์ก้มหน้ายอมรับผิด ต่างกับปีเตอร์ที่เขม็งใส่เรนกลับ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เร็นกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะยังไงซะพวกเขาก็มีฐานะคือเจ้านายกับทาส ไม่สามารถขัดขืนได้ไม่ว่ายังไง
“เอาเถอะ เห็นแก่วันที่ท่านจอมมารในโอกาสลื่มตาตื่น ผมจะไม่เอาเรื่องพวกเธอล่ะกัน ใช่ จะให้ท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่เห็นการกระทำที่ป่าเถื่อนไม่ได้เด็ดขาด”
ป่าเถื่อนสินะ ..ผมนึกถึงสภาพเมอันก็รู้สึกโกรธเรนขึ้นกว่าเก่า
“จะว่าไป ..เคียวยะใช่ เพื่อนของแกสภาพตอนนี้น่าอนาถสุดๆเลยล่ะ”
“..หมายความว่ายังไง”
“ฆ่าไปแล้วล่ะ เคียวยะน่ะ ตอนนี้คงนอนตายแบบเดียวดาย”
…
‘มาสเตอร์ ..อย่าวู่วามนะคะ’
รู้แล้ว ..ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าพุ่งเข้าไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง คนที่ตายคือผมแน่ๆ ถึงจะรู้สึกแย่เกินทนที่รู้ว่าเคียวยะตาย แต่ว่า ..จะขยับตัวตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ผมกัดฟันกรามแน่น ความโกรธปะทุขึ้นแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้ไหลไปตามอารมณ์ได้
“..นั้นเหรอ”
“อะไรกัน รีแอ็คชั่นได้น่าเบื่อสุดๆเลย เพื่อนรักตายทั้งคนเลยไม่ใช่เหรอครับ ไม่คิดจะตกใจหรือโมโหหน่อยรึไงครับ? ฮะ ฮ่าๆๆๆๆๆ หรือว่ากลัวจนลืมเพื่อนแล้วกันครับ คิดแต่ว่าตอนนี้ตัวเองจะ—หนีรอดจากจอมมารยังไงอย่างเดียวสิท่า! ใช่เลย พวกมนุษย์ชั้นต่ำก็แบบนี้แหละ
เรนหัวเราะได้ใจสุดๆ ไม่รู้ทำไมจอมมารที่ได้ยินอย่างนั้นถึงได้มองเรนด้วยสายตาที่เย็นชา
“ไม่รู้หรอกนะว่าใช้กลอะไรถึงได้มาเป็นข้อผิดพลาดของโลกได้ แต่ว่าจบเห่แล้วล่ะ ต่อหน้าจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ แกไม่มีทางชนะหรอก ต่อให้เอเธอร์มาก็ไม่มีทางชนะ! ไม่สิ เอเธอร์ต้องบอกว่ามาไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้ถูกผมผนึกเอาไว้แล้ว ต่อให้เป็นตัวประหลาดอย่างเขาก็คงใช้เวลาเป็นวัน อีกทั้ง! ทางฉันยังมีเทพดาบอยู่ด้วย!”
เทพดาบถูกผนึกไว้อยู่ ..แต่ว่าพวกเรนมาอยู่ที่นี่แล้ว บางที ไม่สิ ต้องใช่แน่ๆ
พวกนั้นคงจะช่วยเทพดาบจากวินแล้วแน่ๆ วินตอนนี้ ..อาจจะตายแล้วเหมือนกันก็ได้
จบเห่อย่างที่เรนบอกเลยล่ะ ..จบแล้วล่ะ ต่อให้ไม่ใช่จอมมาร แค่เทพดาบผมก็จบแล้ว
..หนี แต่จะหนียังไง แล้วถ้าหนีจะมีใครตายบ้าง
ก่อนอื่นหนียังไงให้รอดก่อน
จบเห่ของจริง
ผมแพ้แล้ว
ทุกอย่างที่ทำมาจบแล้ว จุดจบมาถึงผมแล้ว ผมกำลังจะตายพร้อมกับทุกคน เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างผิดพลาด จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ทุกอย่างจบได้ห่วยสุดๆ นี่คือตอนจบแบดเอนไม่ผิดแน่ ..ผม ..
ผมถอนหายใจเฮือกโต
“..ฉันมาที่นี่ทำไม..กันนะ”
ทุกอย่างแย่กว่าต้นฉบับอีก ..ต้นฉบับคือ True end แท้ๆ แต่ผมกลับหาเรื่องใส่ตัว ..จนทุกอย่างลงเอยอย่างที่เห็น
ก็จริงที่โลกนี้มันผิดเพี้ยน แต่มันอาจผิดเพี้ยนเพราะผมก็ได้ ถึงจะไม่มีอะไรมาประกันว่าในอนาคตพวกเรนจะไม่โผล่ก็เถอะ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันเหมือนกันว่าในอนาคตพวกเรนจะโผล่ ที่รู้ๆตอนจบของเรื่องราวจากนี้อีกสิบปีมันจะแฮปปี้แน่นอน แต่ผมคือคนที่นำพาเรื่องราวมาถึงตอนจบอย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครตามทัน และห่วยแตกอย่างที่เห็นตอนนี้
ผมมองฝ่ามือของตัวเอง ..มีรอยฝนซ้ำและหนาเป็นพิเศษ เพราะผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก แต่ความพยายามที่หนักของผมไม่ได้ช่วยให้ผ่านจากสถานการณ์นี้ได้เลย
..มีแต่ต้องยอมรับ
เคียวยะก็ตายแล้ว คนอื่นๆเองก็อาจเหมือนกัน ..ในเกาะปิดตายแบบนี้ ปราศจากเอเธอร์ ต่อหน้าจอมมาร มหามังกรเทียม และเทพดาบ จะเอาวิธีไหนไปรอดกัน?
“..จอมมาร ฉันแนะนำว่าอย่าไว้ใจเรนจะเป็นการดีกว่า”
ตอนนี้ วิธีเดียวที่โอกาสสำเร็จริบหรี่ก็คือยุยงปลุกปลั่น ถ้าเกิดจอมมารโง่เหมือนกับพวกปีศาจมหาบาปก็คงสบายผมล่ะนะ
“หมอนั่นน่ะมันไว้ใจไม่ได้ สักวันเธอคงโดนมันหักหลังเข้าให้”
“ความสัมพันธ์ที่เท่าเทียม หากคงไว้ได้ก็ไม่มีทางที่จะมีใครหักหลัง”
คราวนี้ลูซิเฟอร์เป็นผู้เปิดปากพูด
“พวกข้าต่างได้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียม อีกทั้งเป้าหมายยังคือเป้าหมายเดียวกัน ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหักหลังกันเพื่อผลประโยชน์ ก็จริง ในอนาคตอาจจะเกิดขึ้น แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว”
“ไอ้ที่บอกว่าในอนาคตอาจจะเกิดขึ้น นี่แหละคือต้นตอของความหายนะ คิดว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องดับสูญไปเพราะอนาคตที่มองไม่เห็นกัน”
“เช่นนั้นจะบอกให้พวกข้าเลือกท่านดีกว่าหรือ? พวกท่านที่มีเป้าหมายในการฆ่าจอมมาร มีเหตุใดจะต้องยอมทำตามศัตรูโดยตรงกัน?”
คงอย่างนั้น
ผมยิ้มให้พลางหยักไหล่
“พอแล้วล่ะ ไม่สู้แล้ว ขอยอมแพ้ จากนี้จะให้ความร่วมมือด้วยทุกอย่าง”
“แล้วเอเธอร์ล่ะ? อีกสักพักคงจะออกมาจากผนึกได้”
“จะช่วยทุกอย่าง ถ้าเอเธอร์พูดไม่รู้เรื่องก็เอาตามที่จอมมารต้องการเลย ..เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ช่วยไว้ชีวิตทุกคนด้วย”
..ถึงตรงนี้เรนก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็แค่ร้องขอชีวิตไม่ใช่รึไง? เข้าใจเลย ผมเข้าใจเลย ตอนที่สิ้นหวังสุดๆมันก็ต้องงัดทุกอย่างออกมาแบบนี้แหละ แม้แต่พวกเดียวกันก็ฆ่าได้ เพื่อชีวิตของตัวเองและคนสำคัญคนอื่น คนแบบแกผมไม่ได้เกลียดหรอกนะ”
กลับกัน ผมเกลียดคนแบบเรนที่สุดเลยล่ะ แต่สภาพผมตอนนี้คงไม่ต่างกับเรนสักเท่าไหร่ ..น่าสมเพซพอกัน
“เห็นแก่ที่ยอมทิ้งเพื่อน ผมจะยอมไว้ชีวิตก็ได้ เพียงแต่”
เพียงแต่?
“ไม่ใช่แค่เอเธอร์ที่ต้องตายหรอกนะ ..ช่วยฆ่ายูจิให้ด้วยสิ”
“ฟังนะ—ยูจิฆ่าไม่ตายหรอก เพราะเขาคือเทพ อย่างน้อยก็ได้แค่กุมขังเอาไว้—”
“ฆ่าได้สิ ถ้าเป็นแกต้องทำได้แน่ๆ”
ถ้าเป็นผม? ..เหมือนว่าเรนจะรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้ สมกับเป็นผู้ที่คุมเกมทุกอย่างเอาไว้อย่างแท้จริง ได้ยินอย่างนี้ก็ช่วยยืนยันเลยว่าผมเป็นลูกไก่ในกำมือ
“ฆ่าคนที่เป็นอมตะเนี่ยนะ”
“เออสิ แกเป็นข้อผิดพลาดของโลกไม่ใช่รึไง?”
..ข้อผิดพลาดของโลก—มันคืออะไร?
“..อย่าบอกนะว่าไม่รู้”
“ฉันเกิดมาแบบเด็กปกตินะ เอาอะไรไปตรัสรู้กัน ต้องถามว่าแกเอาอะไรมารู้ดีกว่าฉันมากกว่า”
ผมหยักไหล่ให้ เรนเห็นก็พลันหน้าซีดเผือก
เรนทำหน้าเหมือนว่าพลาดแล้ว แต่ก็แสยะยิ้มสู้ไว้ ตั้งใจปิดบังสีหน้าของตัวเอง เหมือนว่าไอ้ข้อผิดพลาดที่ว่าจะเป็นอะไรที่ใหญ่หลวงพอตัว
“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าอยู่เฉยๆซะ ถ้าฆ่ายูจิได้เมื่อไหร่ ฉันจะยอมไว้ชีวิตพวกแกทุกคน”
“..”
“แบบนั้นดีรึเปล่าครับ ท่านจอมมมาร”
เรนหันไปหาจอมมาร เขาตั้งใจจับไหล่จอมมาร ทว่ามือกลับถูกปัดออก
“อย่ามาแตะ”
โดยจอมมาร
..เอ๊ะ?
“ท่านจอมมาร”
ลูซิเฟอร์ทักขึ้น แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร
“ลูซิเฟอร์ เราบอกตอนไหนว่าจะร่วมมือกับคนพวกนี้”
นั่นคือสิ่งที่ออกมาจากปากจอมมาร ..ลูซิเฟอร์ไม่พูดอะไรต่อ ต่างกับเรนที่สัมผัสได้ถึงหายนะใกล้ๆ
“..เอ๊ะ ..ทำไมล่ะ เป้าหมายของพวกเรามันเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”
จอมมารยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยพลางเท้าสะเอวตัวเอว
“เป้าหมายเหมือนกัน? ช่วยบอกเป้าหมายออกมาทีสิ หนุ่มน้อย”
“..ฆ่าทวยเทพและสร้างกฏใหม่ขึ้นมา แหงอยู่แล้วไม่ใช่รึไงครับ?”
เรนพูดพลางหัวเราะแห้งๆไปด้วย จอมมารเห็นท่าทางอย่างนั้นก็ดูจะชอบใจไม่น้อย ..
ผมก็เริ่มงงแล้วว่ามันยังไงกันแน่สถานการณ์ตอนนี้
“เหมือนว่าจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ ทั้งเธอ ทั้งลูซิเฟอร์ผู้น่ารักของเรา” จอมมารหรี่ตาลงก่อนจะโพล่งออกมา “เราไม่ได้ปาราถนาจะเป็นกฏของโลกดั่งเช่นเธอเสียหน่อย”
กฏของโลก ทวยเทพ ตั้งตนเป็นกฏของโลก ตั้งตนเป็นเทพ—นั่นคือเป้าหมายของเรนไม่ผิดแน่ ถึงจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆก็เถอะ แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างนี้
ผมมองเรน ซึ่งขณะนี้เหงื่อแตกและปากสั่นไม่หยุด
สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว
“พะ พูดอะไรกันน่ะท่านจอมมาร แต่ถึงยังไง กำลังของผมมันก็มีค่าพอนะ! ถ้ามีผม มันจะง่ายต่อการโค่นทวยเทพมาก! การร่วมมือกับผมคือทางเลือกที่ยอดเยี่ยม ไม่อย่างนั้นลูซิเฟอร์ไม่มาจับมือกับผมหรอก! ถ้าไม่มีผมท่านจอมมารคงไม่ได้ลืมตาตื่นหรอก!!”
จอมมารพยักหน้ายอมรับ
“ไม่ผิดแน่ พวกเธอแข็งแกร่ง ไม่น้อยไปกว่าบริวารที่น่ารักของเรา และก็จริงที่เธอว่า เราไม่มีทางได้ลืมตาตื่นเร็วอย่างนี้หรอก”
“ชะ ใช่มั้ยล่ะครับ?”
“เพียงแต่ ..ลำพังแค่เราก็เพียงพอแล้วล่ะ”
กล่าวจบจอมมมารก็ก้าวเท้าไปหาเรน—-
“แค่เราเพียงผู้เดียวก็เพียงพอต่อการทำลายโลกแล้ว อีกทั้งไม่ช้าก็เร็วก็ไม่ต่างกัน ในตอนจบโลกจะต้องถูกทำลาย ถ้าโลกถูกทำลาย—เทพก็จะไม่มีตัวตน สุดท้ายความต้องการของพวกเราก็ขัดกันในตอนจบ”
“..อย่ามาพูดบ้าๆนะ นี่ตั้งใจจะหักหลังกันสินะ”
“ต้องถามว่า—เอาอะไรมาบอกว่าเราจะร่วมมือต่างหาก”
กล่าวจบแขนของเรนก็หลุดออกจากร่าง ถูกจอมมารดึงออกด้วยแรงที่มหาศาล
“—-อ๊ากกกกกกก!!!!!”
เรนบีบไหล่แขนข้างที่ขาดพร้อมกับร้องไห้ออกมา เขาเดินโซเซไปข้างหลังโดยที่จอมมารได้ก้าวเท้าตามไปแบบไม่รีบร้อน
“ทำไม!? ทำไมกัน!?”
“ท่านจอมมาร โปรดเดี่ยวก่อน”
ลูซิเฟอร์โผล่เข้ามาขวางไว้ แต่จอมมารหาได้สนไม่
“ลูซิเฟอร์ เรื่องคราวนี้ไม่คิดว่าตัวเองทำเกินหน้าที่ไปหน่อยหรือไง? คิดจะทำอะไรกันแน่? ใครสั่งให้ทำตามใจกัน”
“—ทั้งหมดก็เพื่อท่านจอมมาร”
“การที่เรนได้ขึ้นเป็นเทพ มันคือการทำเพื่อเราอย่างนั้นหรือ? ทั้งที่เป้าหมายของพวกเราคือการทำลายโลก? คนฉลาดเช่นเธอไม่มีทางหลงประเด็นอยู่แล้ว เช่นนั้นอะไรทำให้ตัดสินใจร่วมมือกับเรน”
“ท่านจะได้ประโยชน์ทุกประการ! เรื่องนี้ข้าขอสาบาน ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อท่าน”
จอมมารหัวเราะขึ้นจมูก ลูซิเฟอร์เบิกตากว้าง—
“ตลกดีนี่ ไหนบอกทีสิ ว่าเราจะได้อะไรบ้างจากการที่เรนขึ้นเป็นเทพ”
“…”
“ไม่ใช่เรื่องที่พูดได้สินะ”
ลูซิเฟอร์ไม่พูดไปมากกว่านี้ เขาเปิดใช้ [อำนาจมหาบาป] ตั้งใจจะชนกับจอมมารผู้เป็นนายเหนือหัวของตัวเอง จอมมารเห็นอย่างนั้นก็พลางมองลูซิเฟอร์เช่นเดียวกับเรนไปด้วย
“เดี่ยวนี้กล้าพอจะแลกหมัดกับเราแล้วเหรอเนี่ย แบบนี้แปลว่า—ตั้งใจทรยศจริงๆสินะ?”
“ทั้งหมดก็เพื่อท่าน!! ท่านพยายามมามากพอแล้ว!! ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!!”
ลูซิเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน ไม่มีทางที่ลูซิเฟอร์จะหักหลังโดยที่ไม่ได้ทำเพื่อจอมมารอยู่แล้ว แต่ความหวังดีนี้ส่งไปไม่ถึงจอมมาร
“ลูซิเฟอร์—อย่ามาขวาง”
“อภัยให้ข้าด้วย!”
จอมมารแลกหมัดกับลูซิเฟอร์ แต่พลังของทั้งสองเท่ากันชั่วขณะ แต่ก็แค่ชั่วขณะ จากนั้นเพียงเชี่ยววิ ร่างของลูซิเฟอร์ก็ปลิวออกไปด้วยแรงกระแทกที่มหาศาลจากหมัด ร่างนั้นกระเด็นตามพื้นอยู่สามตลบก่อนที่จะแน่นิ่งไป ..แรงของจอมมาร ผมกล้าพูดเลยว่าไม่แพ้เอเธอร์ มีแรงที่มากพอจะวัดกับพวกมหามังกรได้สบายๆเลยล่ะ
สัตว์ประหลาดของแท้
ผมตั้งใจจะหนีจากตรงนี้ แต่ว่า ..ขยับร่างกายไม่ได้ อาจเป็นเพราะโดนพลังอะไรสักอย่างเล่นงานเข้าช่วงทีเผลอ
ผมดันทุรังขยับหัวมองที่ใต้เท้าก็พบว่า ..มันมีอักษรโบราณอยู่—ผมหน้าซีดเผือกและหันไปมองจอมมาร
“มีเรื่องต้องคุยกันอีก”
จอมมารอธิบายผมแค่นั้น
“ละ ละ ละ ละ ละ ลูซิเฟอร์!!”
บิลเซบับร้องลั่น จอมมารได้ยินจึงหันมามองด้วยสีหน้าที่แปลกใจ
“นี่ ..อยู่ด้วยสินะ?”
“อยู่สิค่ะ! ช่วยอย่าลืมฉันทุกทีจะได้รึเปล่าคะ!?”
เหมือนว่าบิลเซบับจะเป็นตัวฮาประจำกลุ่มจอมมารแฮะ—อะไรวะเนี่ย? ผมตามไม่ทันจริงๆนะเนี่ย
จู่ๆจอมมารก็โผล่ จู่ๆก็หักหลังเรน จู่ๆก็ตบลูซิเฟอร์ จู่ๆก็บอกว่ามีเรื่องต้องคุยกับผม จู่ๆก็พูดคุยเล่นกับบิลเซบับ—ไม่เข้าใจเลยสักอย่าง!!
“ลืม? ไม่มีทาง เราไม่มีทางบริวารที่น่าเอ็นดูเช่นเธอหรอก ตั้งใจหยอกเล่นนิดหน่อยก็เท่านั้น ..แล้วแอสโมเดียสอยู่ไหนล่ะ พูดถึงเธอก็ต้องมีแอสโมเดียสคอยตามตูดไม่ใช่หรือไง?”
“ตามตูด!? เมื่อไหร่ท่านจะหยุดพูดคำไม่สุภาพคะเนี่ย เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ทัดฟ้าอย่างท่าน ก็ต้องเลือกใช้คำที่สุภาพหน่อยสิค่ะ “
“ตอบมาก่อนว่าแอสโมเดียสอยู่ไหน?”
“.. แอสโมเดียสคือ ..กินไปแล้วค่ะ ..ก่อนหน้านี้พึ่งโดนคุณเรเซอร์จัดการไป กว่าจะอัญเชิญมาใหม่ได้คงกินเวลาสักพัก..น่ะค่ะ”
บิลเซบับรายงานสถานการณ์ด้วยท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่โดนแม่จับได้ว่าทำของเล่นพัง จอมมารนิ่งไปสักพัก เธอหันมามองผมแวบๆและกลับมามองบิลเซบับก่อนจะหัวเราะออกมา
“สมกับเป็นบิลเซบับ ตัดสินใจได้ห่วยแตกตลอด ไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ”
“ช่วยผิดหวังหน่อยก็ได้นะคะ!”
“ช่างเรื่องนั้น–เราหวังว่าเธอจะไม่ได้ร่วมมือกับลูซิเฟอร์นะ?”
“ไม่ค่ะๆ อาจดูเหมือนโม้ แต่ฉันตั้งใจหักหลังลูซิเฟอร์เขาด้วยซ้ำ เมื่อตะกี้ถ้าไม่โดนขวางไว้ก่อนคือทางสะดวกเลย ใช่ เป็นไปตามแผนเลยค่ะ!”
บิลเซบับพูดไปทำท่าออกหมัดไปอย่างทรงพลัง จอมมารพยักหน้าเหมือนคุณแม่ที่ต้องฟังลูกตัวเองโม้
“ตัดสินใจได้ดี สมกับเป็นบริวารที่เก่าแก่ที่สุดของเรา ความภัคดีของเธอมันทำให้เราอิ่มใจเหลือเกิน”
แล้วก็ชมไปตามประสาแม่
ถูกชมอย่างนั้นบิลเซบับก็หน้าแดงขึ้นมา เธอพยักหน้ารับคำชมรัวๆให้กับจอมมารที่ดูจะมีสกิลจีบคนเยอะเป็นพิเศษ
จอมมารเริ่มก้าวเท้าเดินไปหาเรน แต่ก่อนหน้านั้น
“ก่อนอื่น บิลเซบับ เธออยู่เฉยๆอย่าก่อเรื่อง”
“รับทราบค่ะ!”
หล่อนทำตะเบ๊ะรับคำสั่งที่เหมือนแอบด่าหน้าตาเฉย
“..โธ่เว้ยยย!!!!”
เรนที่อยู่ข้างหน้าชี้หน้าจอมมารด้วยท่าทางที่เดือดดาล
“ทำไมมันต้องลงเอยแบบนี้ตลอดเลยว่ะ!!!!!! ทั้งแกก็ดี” เรนชี้หน้าผมและจอมมาร “ทั้งแกก็ดี”
“ถามว่าทำไมถึงพลาดตลอดก็คงตอบได้แค่ว่าเพราะเป็นเธอ ..ถ้าเธอเป็นเรเซอร์ เราอาจจะเก็บไปคิดนานกว่านี้หน่อยก็ได้ ถึงสุดท้ายจะปฎิเสธแต่ก็จะปฎิเสธอย่างนุ่มนวล เพราะเป็นเรเซอร์ ..แปลกดีใช่มั้ยความลำเอียงเช่นนี้ เราไม่เคยมีมาก่อนเลยล่ะความรู้สึกนี้”
จอมมารพูดถึงผมหน้าตาเฉยแค่นี้ไม่พอ ยังหันหน้ามาส่งสายตาให้กันอีก—ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันใด จอมมารที่พูดจาจีบเด็ก เบลลามีที่พูดแบบมั่นๆตลอด ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันชวนหลอนเพราะดูเหนือสามัญสำนึกชอบกล
“บัดซบเอ้ย!!! จะฆ่าให้ได้เลยคอยดู! จัดการมันซะ!!!”
ปีเตอร์พุ่งชนสีข้างของจอมมาร—จอมมารไม่ได้ป้องกันแต่ปล่อยให้ปีเตอร์ลากตัวเองไป คงจะตั้งใจอย่างนั้น สโนว์เองก็บินตามไปด้วย
“เหลือแค่แกคนเดียวแล้วสินะ”
ผมหันไปพูดกับเรน หมอนั่นได้ยินก็หน้าซีด
“สโนว์กลับมาก่อน!!!”
ผมตัดมิติทำให้เสียงของเรนส่งไปไม่ถึงสโนว์ ..เสียงร้องโหยหวนของเรน บอกตามตรงว่าฟังได้ไม่มีเบื่อเลย เป็นไปได้ก็อยากเข้าไปฆ่าเรนทั้งแบบนี้อยู่หรอก แต่..ผมขยับตัวไม่ได้
ไม่รู้โดนกลอะไรของจอมมารเข้าไป แต่ตอนนี้ผมขยับตัวไม่ได้เลย แน่นอนว่ายังรวมรวมมานาและใช้พลังได้อยู่ แต่ระยะไม่พอจะฆ่าเรน
เรนน่าจะยังไม่รู้ ..เพราะอย่างนั้น
“นี่เรน—รู้รึเปล่า ว่าวิญญาณระดับเทพที่ฉันถือครองคือใคร?”
“จะบอกอะไรกันแน่?”
“รู้จัก ‘ยูนา’ มั้ย”
…เรนเงียบสนิท
“อย่าบอกนะว่า”
“ศิษย์พี่ของแก—คือพวกเดียวกับฉัน”
ไม่แม้แต่จะพูดสักคำ เรนพุ่งตัวเข้าหาผมด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ การที่บอกว่ายูนาคือพวกเดียวกับผม ..มันคือการบอกว่ายูนาคือศัตรูกับเรนนั่นแหละ กับศิษย์พี่ที่ตัวเองเคราพรัก กับคนที่ตัวเองรักที่สุดคนหนึ่ง มันต้องเจ็บปวดแน่ๆหากรู้ว่าคนๆนั้นเห็นตัวเองเป็นตัวร้าย ผมเองก็พอนึกภาพออก ลองนึกดูสิ วันหนึ่งยูจิเกิดเห็นผมเป็นศัตรูขึ้นมา คิดจะฆ่าผมโดยใช้ทุกวิธี คิดดูว่าผมจะรู้สึกยังไง—เลวร้ายสุดๆเลยล่ะ
‘มาสเตอร์ ..นิสัยเสียเกินไปแล้ว ได้อิทธิพลจากใครมาคะเนี่ย?’ ยูนาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดี ‘เห็นอย่างนั้นแต่ก็เป็นศิษย์น้องของฉัน ช่วยอ่อนโยนหน่อยนะคะ’
แล้วเอาไงล่ะ ..จะให้ปล่อยไปหรือให้ฆ่า
‘..ฆ่าเลยค่ะ มันคือเป้าหมายของฉันอยู่แล้ว’
ถ้าเกิดเรนได้ยินที่ยูนาพูด—คงจะโกรธกว่านี้เป็นสิบเท่าล่ะมั้ง
ผมรวบรวมมานาไว้ข้างหน้าแบบโต่งๆแต่เรนก็ยังไม่รู้ตัว
“แก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เรนพุ่งมาหาผมจนอีกนิดเดียวก็จะชนกันแล้ว ไม่แม้แต่จะฉุกคิดในสิ่งที่ผมพูดเลย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังโดนปั่นหัวอยู่
อย่างที่คิด—หมอนี่เล่นด้วยง่าย
ผมแสยะยิ้มออกมา และโพล่งขึ้นสุดเสียง
“ตายซะ!!!!!”
“—-เอ๊ะ”
และพึ่งจะมารู้สึกตัวในวาระสุดท้ายของตัวเอง
แสงสีม่วงตรงออกไปข้างหน้า และเกิดรอยกระจกแตกเป็นร้อยๆส่วน—-พริบตาเดียวกับที่กระจกแตก หัวของเรนก็หลุดออกจากบ่า
“ไม่จริง”
ในตอนสุดท้าย เรนร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่ใสราวกับไร้พิษสง ..เรนมองผมด้วยแววตาที่ไร้เดียงสา ไม่สิ ..ไม่ได้มองผม เรนกำลังมองยูนาอยู่ต่างหาก
“พี่—-”
เสียงของศิษย์น้องที่รักทำให้ยูนาเจ็บปวดไม่ผิดแน่—เธอจึงแผดเสียงร้องออกมา เพื่อที่จะให้ทุกอย่างมันจบกันแค่นี้
‘มาสเตอร์!’
เข้าใจแล้ว
ผมรีดมานาออกมาสุดขีด กะจะให้เรนหายไปทั้งวิญญาณเลยด้วยการตัดมิตินี่แหละ!!!
“พี่ยูนาาาาาาาา!!!!!”
เสียงร้องของเรนช่างนาสมเพซ—-