เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 151: บทแรกของการลืมตาตื่น (2)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 151: บทแรกของการลืมตาตื่น (2)
< < 114 Sec2 > >
ศัตรูมีกี่คนกันนะ ..ข้อมูลอีกฝ่ายผมไม่รู้เลย เพราะมีพวกจอมมารมาเอี่ยวด้วย รู้แค่ว่ามีเรน มีมังกรเทียมสามตน มีลูกน้องของเรนประปรายแล้วก็–เธอตรงหน้า
แวมไพร์ที่น่าจะหายสาบสูญไปแล้ว เวลานี้เรียกเธอว่าแวมไพร์คนสุดท้ายยังได้เลยละมั้ง ..แวมไพร์คนสุดท้ายของโลกมาเป็นศัตรูให้แท้ๆ ทั้งอย่างนั้น–กลับไม่รู้สึกเป็นเกียรติเลยสักนิด
“ไม่ให้ผ่าน? ก็ลองดูสิ”
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ ผมไม่มีเวลามากพอจะเสวนาด้วย ตอนนี้มีเรื่องที่ผมต้องทำให้เร็วที่สุดอยู่
ตอนนี้ถุงมือเวทย์ได้ขาดไปแล้ว ผมเหลือแค่ร่างกายเปล่าๆและยูนาเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นความอ่อนล้าจากการใช้ถลายขีดจำกัดต่อกันหลายนาทีก็เริ่มออกผลแล้ว ร่างกายตอนนี้บอกไม่ได้ว่าเต็มร้อย ไม่ใช่สภาพที่พร้อมสู้สักเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าศัตรูไม่ใช่ระดับ ‘บัค’ ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ใครได้ง่ายๆหรอก
เคียวที่เธอถือ ไม่รู้หรอกว่ามีความสามารอะไรแต่—จากข้อมูล แวมไพร์มีจุดเด่นด้านขีดจำกัดสายเลือด พวกแวมไพร์จึงไม่ยึดติดกับสายเวทย์รึสายกายภาพกัน เพราะขีดจำกัดที่มีมันช่วยเกื้อกูลทั้งสองสายเลย ไม่มีบันทึกบอกว่าสายไหนแวมไพร์จะไปได้สวยกว่ากัน เพราะทุกอย่างมันดีพอกันเลย
ด้วยเหตุนั้นผมจึงอนุมานได้ไม่ยากเลยว่าจุดเด่นของเธอคือร่างกาย ทักษะการใช้เคียว และเจ้าเคียวแปลกประหลาดนั่นคงมีพลังอะไรบางอย่างอยู่
เรื่องเวทมนตร์หรือวิชาแปลกๆก็ไม่ถึงกับต้องตัดทิ้ง แต่ไม่ต้องสนใจมากก็ได้
อลิซาเบธไม่พุ่งเข้ามา—เป้าหมายคือถ่วงเวลาแน่นอน แปลว่าข้างในวิทยาลัยมันมีคนของมันเข้าไปแล้วสินะ ไม่ก็คิดว่ายังไงก็ชนะผมไม่ได้ ..ชนะไม่ได้? แบบนี้นี่เอง
พอตั้งใจมองดีๆก็จะเห็นว่าร่างกายของอลิซาเบธก็ใช่ว่าจะสู้ดีนัก เธอคงผ่านศึกหนักมาไม่ผิดแน่ และดูจากจุดที่เจ็บแล้วผมก็นึกถึงใครไม่ได้เลยนอกจากเอเธอร์ ..หมอนี่มีจุดที่ชอบซัดอีกฝ่ายเป็นพิเศษอยู่ รูปแบบแผลที่ฝากไว้ให้อลิซาเบธคือของเอเธอร์ไม่ผิดแน่
แต่นั่นก็หมายความว่าเธอหนีจากเอเธอร์ได้ โดยที่เอเธอร์ไม่ได้ตามมาเก็บงานเหรอ?
บ้าชัดๆ หนีจากเอเธอรืได้ไม่พอ ยังไม่โดนเอเธอร์ตามมาอีก ใช้กลอะไรกัน? รึว่ามีคนคอยถ่วงเวลาเอเธอร์ไว้? ไม่มีทาง ถ้าเป็นทรัพยากรณ์บุคคลไม่มีใครถ่วงเวลาเอเธอร์ได้หรอก นอกจากไรเดน อาคาสะและแกนน่อน
‘คำตอบคงเป็นกลแปลกๆของพวกเรนกระมังค่ะ อุตส่าห์อยู่มาตั้งนาน พวกเขาน่าจะได้ความสามารถประหลาดใหม่ๆมาแน่นอน’ ยูนาช่วยเสริม
นั่นสินะ ..ตั้งสถานการณ์ตอนนี้ไว้ว่า
เอเธอร์ไม่เคลื่อนที่ ขณะเดียวกับอลิซาเบธเจ็บหนัก และมีแนวโน้มที่คนอื่นนอกจากอลิซาเบธก็เจ็บเหมือนกันเป็นพอ
สรุปคือ—เทพดาบเคลื่อนที่ไม่ได้ เอเธอร์เคลื่อนที่ไม่ได้ วินเคลื่อนที่ไม่ได้ เบลลามีกับยูจิหายตัวไป เคียวยะยังไม่พบ เรย์ยังไม่พบ เรนยังไม่พบ มหามังกรเทียมยังไม่พบ หนิงยังไม่พบ โซล่ายังไม่พบ ลูกน้องคนอื่นของเรนคอยซัพพอร์ตอยู่รอบๆเกาะ แล้วก็จุดที่มีก้อนมานารวมตัวอย่างมหาศาล–เทียนหลงเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
ตอนนี้ต้องรีบหาเคียวยะ และให้ช่วยหาเบลลามีกับยูจิก่อน
ในวิทยาลัยตอนนี้คาดว่าลูกน้องบางส่วนของเรนน่าจะเข้ามาแล้ว แต่ยังมีอาจารย์บลาซอยู่ ถ้าไม่ใช่ระดับมหามังกรเทียมและเรนขึ้นไป ไม่มีใครเอาอาจารย์บลาซลงหรอก
ในเมื่อสรุปเหตุการณ์ได้แล้วก็รีบจบเรื่องดีกว่า
ผมเร่งความเร็วตัวเองด้วยตัดมิติ ทำให้พุ่งใส่อีกฝ่ายด้วยความเร็วที่มากกว่าอย่างถ่วมท้นเมื่อไปรวมกับถลายขีดจำกัดด้วยแล้ว
แน่นอน อลิซาเบธเจ็บหนักอยู่ เธอสู้ผมไม่ได้หรอก
“—-[บาคุนาว่า]”
บาคุนาว่า? ชื่อของหนึ่งในสิบเทพ ทำไมถึงได้—อย่าบอกนะว่าเคียวนั่น?
ให้ตายสิ ของเล่นจะเยอะไปถึงไหนกันนะ ไอ้สวะนั่น!!
ตอนนี้เบรคไม่ได้แล้ว ผมปล่อยตัวกะจะแลกกับอีกฝ่ายทั้งอย่างนี้เลย—โดยปล่อยให้บาคุนาว่าทำงาน
แสงสีดำปรากฏขึ้นและปรากฏร่างคนๆหนึ่งออกมา เป็นชายในชุดสีดำ
ชายในชุดสีดำที่โผล่มาถูกเวทมนตร์ลมที่บีบไว้ในมือของผมทำให้ร่างกายบิดอย่างผิดรูป และตายโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ …
..นี่มัน?
ไม่ใช่ทริคที่น่าตกใจอะไร อลิซาเบธก็แค่เรียกคนมาเป็นโล่มนุษย์ตัวตายตัวแทนเท่านั้น ที่น่าคิดคือพลังของเคียวนั่นต่างหาก
[บาคุนาว่า] เทพแห่งการสูญสิ้น เสียชีวิตและกลายมาเป็นพลังงานให้กับโลก ไม่มีข้อมูลในนิยาย แต่ว่าตามที่ผมหามาด้วยตัวเอง มันคือพลังที่ถูกใช้บ่อยๆในโลกมืด แต่ไม่มีใครที่รู้พลังของมันเลยสักคน รวมถึงผมด้วย
ที่เห็นตอนนี้มีแค่เทเลพอร์ตคนมาได้ ..แต่มีแค่นั้นจริงเหรอ? พลังของเทพแห่งการสูญสิ้นทำได้แค่เทเลพอร์ตเนี่ยนะ? ไม่มีทางซะหรอก
พลังของเทพทุกคนมันเว่อร์จนชวนเหวอหมดนั่นแหละ อย่างออร่า(เทพแห่งวัฐจักร)ก็บัพจนไม่รู้จะบัพยังไง อย่างเทียแมท(เทพแห่งจุดเริ่มต้น)ก็แตกหน่อมาเป็นมหามังกร อย่างไฮดะระ(เทพแห่งชีวิตและอมตะ)ก็กลายเป็นไฮดร้า จัสติสเทีย(เทพแห่งความยุติธรรม)ก็เป็นดาบผู้กล้า
เท่าที่ผมมีข้อมูล ออร่าคือการบัพอีกฝ่ายจนไม่รู้จะบัพยังไง ไม่รู้ว่าพลังที่บัพให้มีที่มาจากอะไร เพระาเรื่องไม่ได้บอกเลย และอีกอย่างที่ผมรู้ก็คือดาบของผู้กล้า ดาบของผู้กล้าคือดาบที่จะส่งทุกอย่างไปสู่ความจริง ไฮดร้าก็อมตะและพลังชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด เทียแมทก็ศูนย์กลางมานา
วิเคราะห์ออกมาได้ดังนี้
ความจริง = ยุติธรรม-สู่ความจริง
ชีวิตและอมตะ = ไฮดร้า-ตัวตนที่มีพลังชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด
จุดเริ่มต้น = มหามังกร-ศูนย์กลางมานาทั้งสี่
วัฐจักร = บัพ? ด้วยวิธีอะไร? ไม่แน่ชัด
สูญสิ้น = เทเลพอร์ต? ไม่มีทาง
จากที่ดู พลังของเทพจะเกี่ยวข้องกับชื่อของเทพด้วย หากพูดถึงการสูญสิ้นก็ต้องพลังเชิงดีบัพ ..อีกอย่างเคียวนี่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยโผล่มาเลย มันปรากฏในโลกมืดอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรู้พลังที่แท้จริงของมันแล้ว
แท้จริงคืออะไร? สูญสิ้น การสูญสิ้นมีแท้จริงด้วยเหรอ ไม่เหมือนความยุติธรรมที่มีความจริง ไม่เหมือนอมตะที่มีความหมายตรงตัว ก็จริงสูญสิ้นความหมายมันตรงตัว แต่สิ่งที่ก่อให้เกิดมันมีหลากหลายประการ
ถ้าอย่างนั้นหากให้สันนิฐานก็คือ—
“–ไม่ได้มีแค่พลังเดียว”
แค่นั้นไม่พอ
‘และก่อนจะได้พลัง จะต้องมอบความสูญสิ้นให้ใครสักคนสินะคะ’
ได้ข้อสรุปแล้ว
ตอนนี้ผมจะขอคิดเองเออเองว่าพลังของบาคุนาว่าคือการช่วงชิงพลังของอีกฝ่ายไปอย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะแบบนี้เลยสู้แบบตั้งรับ ไม่ใช่แค่เจ็บหนักและตั้งใจถ่วงเวลา แต่ถ้ามีโอกาสสวนกลับดีๆบางทีเธออาจจะขโมยยูนาไปจากผมก็เป็นได้
วิธีชนะ?
ไม่รู้ข้อมูลทั้งหมดก็จริง ไม่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำก็จริง แต่กับพวกที่มีพลังแนวๆนี้มีวิธีรับมืออยู่
ยูนาเคยสอนผมเมื่อนานมาแล้ว–และคำสอนของยูนาผมไม่มีทางลืม
ผมยื่นมือออกไปข้างหน้า—และอัดบอลเพลิงเข้าใส่นับไม่ถ้วน
กับพวกที่เล่นกับพลังของศัตรูได้ วิธีสู้คือโหมโจมตีด้วยพลังเน้นจำนวนแต่ไร้คุณภาพ
ผมอัดบอลเพลิงไปได้เพียงไม่นาน อลิซาเบธก็เริ่มเสียสูญ อย่างที่คิดเธอจงใจไม่ใช้พลังอย่างอื่นในเคียว ชวนให้คิดว่าเธออาจจะใช้ได้แค่เทเลพอร์ต? แต่ไม่ใช่
สุดท้ายก็เผยไต๋
แสงสีดำปรากฏขึ้นบนเคียว ไม่มีโล่มนุษย์ออกมา มีแค่ตัวเคียวที่เปล่งแสงสีขาวรูปโล่ออกมากันเพลิงทั้งหมดไว้
ไม่ได้มีแค่พลังเดียว—แถมพลังที่สองยังมีคุณสมบัติที่ต่างกันคนละโยกกับเทเลพอร์ต
เพียงแค่นี้ก็ขอยืนยันการวิเคราะห์ เป็นอันรู้กันแล้วว่าความสามารถของบาคุนาว่าคือ—การขโมยพลัง
ผมดีดนิ้ว บอลเพลิงที่อัดเข้าไปก็หยุดนิ่งและพากันระเบิด
ตู้ม!!!!!!!!
ไม่ใช่บอลเพลิงธรรมดา มันคือบอลเพลิงที่ใส่ลมเอาไว้ด้วย เพื่อใช้สำหรับการระเบิด
และเหมือนว่าระเบิดจะทำอะไรอลิซาเบธไม่ได้เลย โล่แข็งพอดู ถ้าบอกว่าโล่คือความสามารถพิเศษอันโดดเด่นอย่างหนึ่งของพวกเก่งๆ ผมคงคิดว่าไอ้หมอนี่เก่งสุดๆไปแล้วแน่นอน นั่นคงจะเป็นความโกงของบาคุนาว่า
ยิ่งอยู่นาน ยิ่งชิงมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ มีพลังกี่รูปแบบที่อยู่ในเคียวนั่นกันนะ? แค่คิดผมรู้สึกว่าผมควรจะฆ่าอลิซาเบธทิ้งเสียพร้อมกับเคียวตัวปัญหาที่เธอถือครอง
“[เอิร์ธฟิลด์]”
โล่ทำได้แค่กัน มันปัดป้องผลลัพธ์ไม่ได้ทำให้อลิซาเบธโดนผมจับวาปมาใกล้ๆได้ไม่ยาก
เปลี่ยนพลัง? ตัวเคียวส่งแสงออก แต่มันมีระยะเวลาอยู่ ในจังหวะนั้นนี่แหละที่ผมจะโค่นเธอ
ตัดมิติช่วยให้ผมพุ่งทะลุโล่สีขาวไปอย่างง่ายดาย ผมอัดเวทมนตร์เข้าใส่ร่างของอลิซาเบธ
แขนของเธอขาด ร่างลอยขึ้นบนฟ้า ผมกะจะซ้ำไม่ให้เธอได้พักแต่ว่า ..
“ไม่..ไหวสินะ”
อลิซาเบธพูดเช่นนั้นก่อนจะหายวับไป
..ไม่ได้ใช้งานเคียวแท้ๆ?
อุปกรณ์อะไรสักอย่างล่ะมั้ง แต่เร็วมาก แบบนี้ต่อให้รู้แต่ก็ขัดด้วยตัดมิติยากอยู่ดี ให้ตายเถอะ เจ้าพวกเรนของเล่นจะเยอะไปไหนฟร้ะ แบบนี้ต่อให้ชนะแต่ก็จบเกมไม่ได้สักทีเหมือนเดิม
ผมถอนหายใจเฮือกโต และรีบวิ่งไปต่อ ไม่มีเวลามาอาลัยอาวรณ์
ผมวิ่งไปเรื่อยๆ ตามคาดว่านักเรียนคนอื่นอพยพไปหมดแล้ว คนอื่นเองก็คง ..ก็คง
สุดท้ายก็เจอร่างของเคียวยะที่นอนหมดสติบนพื้น
‘..ยังไม่ตาย’
ผมโล่งอกเมื่อรู้อย่างนั้น แต่ว่าใครกัน?
ลูซิเฟอร์? หรือว่าเรน? ถึงอย่างนั้น แต่ร่างกายของเคียวยะพึ่งได้รับการรึกษามา คงจะหลับอีกยาว ..ผมจับร่างเคียวยะ ขยายเอิร์ธฟิลด์ ส่งหมอนั่นไปที่โรงพละที่ทุกคนรวมตัวทันที ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปต่อตามทาง
..
ผมหยุดเดิน เพราะตรงหน้าผมมี …เบลลามีอยู่
ยิ่งกว่านั้นข้างๆก็มี—สองปีศาจมหาบาปยืนอยู่ข้างๆด้วย
‘บิลเซบับ’ มหาบาปแห่งความตะกละ และ ‘แอสโมเดียส’ มหาบาปแห่งตัณหา
เป็นการพบเจอกันที่กระทันหัน
“..เรเซอร์”
เบลลามีเรียกชื่อผม ..ดวงตาของเธอมีหลากหลายความรู้สึกปนกัน
****
“แล้วจอมมารล่ะ?”
“ติดต่อไม่ได้เลย”
ขณะนี้เรนกำลังเดินอยู่กับลูซิเฟอร์
“ติดต่อไม่ได้? เรื่องบ้าอะไรกัน”
“ก่อนหน้านี้ข้าติดการติดต่อไปเพื่อไม่ให้ท่านเรเซอร์ล้วงข้อมูลได้ แต่ว่า ..พอติดต่อกลับไป ทางนั้นก็ไม่รับเลย”
ลูซิเฟอร์ถอนหายใจเฮือกโต
“..ข้าก็ไม่อยากคิดในทางที่เลวร้ายหรอกนะท่าน แต่ถ้าพวกบิลเซบับรู้ว่าข้าร่วมมือกับท่านเรื่องอะไร การที่ข้าจะถูกหักหลังก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย—เพราะสิ่งที่ข้ากำลังจะทำต่อจากนี้ มันไม่ต่างกับการหักหลังท่านจอมมาร ต่อให้มันคือการทำเพื่อท่านผู้นั้นก็ตามที”
ลูซิเฟอร์พูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติที่ควรเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
****
“ฉันมารับแล้ว”
“มารับแล้ว? สหายของท่านจอมมารนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่สิครับ เลือนผมสีเหลืองกับตาสีแดงนั่น คงจะเป็นหวานใจท่านจอมมารไม่ผิดแน่ครับ”
หวานใจท่านจอมมาร? การกลั่นแกล้งรูปแบบใหม่เหรอ? ไม่เข้าใจเลยแฮะ
ทางเบลลามีก้มหน้ามองพื้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ดูเหมือนจะไม่ได้ปฎิเสธซะทีเดียว
“พวกลูกน้องจอมมารมันมีแต่พวกเฟรนลี่หรือไงนะ”
ตั้งแต่ลูซิเฟอร์ที่ดูจะกึ่งๆหาเรื่องไม่หาเรื่องยังสองตนตรงหน้าที่ไม่มีท่าทีตั้งตัวเป็นศัตรูกับผมเลย
“เป็นเรื่องปกติแล้วแล้วค่ะ ที่ต้องเคราพคนรักของท่านผู้นั้น”
บิลเซบับตอบอย่างหนักแน่น แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย
“ยังไงก็ช่วยปล่อยตัวเบลลามีที”
“ไม่ได้ค่ะ ท่านจอมมารจะต้องไปกับพวกเรา”
กล่าวจบบิลเซบับก็ดันแว่นขึ้นตามสไตล์พวกใส่แว่นที่ดูฉลาด
“ถ้ายังยืนกรานจะชิงตัวท่านจอมมารก็ลองดู ต่อให้เป็นหวานใจของท่า—”
พูดไม่ทันจะจบผมก็ส่งบิลเซบับลงไปนอนกับพื้นแล้ว
อย่างที่คาดไว้ เธออ่อนแอมาก ยังได้พลังกลับมาไม่ครบเหมือนลูซิเฟอร์
“พี่!! บอกไว้เลยนะ ต่อให้เป็นหวานใจของท่านจอมมาร ผมก็ไม่อ่อนให้หรอกนะ”
แอสโมเดียสใช้หอกคู่ใจแทงใส่ผม ผมเอียงตัวหลบสองจตลบก่อนใช้ขาถีบแอสโมเดียสจนเสียศูนย์ จากนั้นก็อัดเวทมนตร์เข้ากลางตัวของแอสโมเดียสทำให้ชนเข้ากับกำแพงและล่วงลงกับพื้นในท่าชันเข่า พร้อมกับกระอักเลือดออกมาด้วย
“ไม่ไหวเหรอ–เนี่ย”
สุดท้ายแอสโมเดียสก็นั่งจูบพื้น หมอนี่เองก็พลังยังไม่ครบเหมือนกัน
ผมเดินผ่านบิลเซบับและแอสโมเดียสไปอย่างง่ายดาย
“รีบไปรวมกันทุกคนกันเถอะ เบลลามี ..ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างจะวุ่นวายเลย”
ผมยื่นมือให้เบลลามี
“…เบลลามี?”
ทว่าเธอกลับปฎิเสธไม่รับมือผม เธอทำเพียงหลบหน้าหนี
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ เจ้าพวกนั้นทำอะไรเธอ ทำไมถึงได้–”
“อย่ามาแตะต้องท่านจอมมารนะย่ะ!!!”
บิลเซบับลุกขึ้นกระโจกเข้าใส่ผม—ผมเตะหน้าหล่อนสวน แต่จังหวะเดียวกันก้อนสีดำประหลาดก็โผล่ออกมาจากข้างหลังของบิลเซบับ
[อำนาจมหาบาป-ตะกละ] ถูกเปิดใช้งานแล้ว
ก้อนสีดำค่อยๆปรากฏร่างเป็นมิโนทอร์ มอนสเตอร์สุดแกร่งที่พบเห็นได้บ่อยในดันเจี้ยน วัดแค่พลังกายเพรียวๆมันเหนือกว่าผมเสียอีก
เจ้ามิโนทอร์สีดำคือพลังของบิลเซบับ—พลังในการกลืนกินสิ่งมีชีวิต และสร้างร่างออกมาด้วยอำนาจมหาบาป
พลังเทียบเท่ากับตอนมีชีวิต ไม่มีส่วนใดถูกลดลงไปหรือเพิ่มขึ้น จะมีแค่ความสามารถจะหยุดอยู่กับที่ ไม่สามารถแกร่งกว่าเดิมได้แล้วก็แค่นั้น นับว่าเป็นอำนาจมหาบาปที่อันตรายแต่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเก็บสะสมพลังสักพัก
ถือว่าโชคดีด้วยซ้ำที่เจอแค่มิโนทอร์ ถ้าบิลเซบับอยู่นานกว่านี้มอนสเตอร์ที่โผล่มาคงจะแกร่งกว่านี้มาก
มิโนทอร์เหวี่ยงดาบยักษ์ใส่ผม
โฮกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!! มันคำรามออกมาอย่างน่าเกรงขาม หากเป็นพวกนักผจญภัยขั้นกลางทั่วไปคงจะขยับขาไม่ได้แล้ว แต่ผมไม่ใช่ ผมสวนหมัดเข้ากลางท้องของมิโนทอร์ทำให้มันตัวสลายทั้งอย่างนั้น
ผมในตอนถลายขีดจำกัดมีพลังกายมากกว่ามิโนทอร์อย่างมหาศาล แค่หมัดเดียวก็ฆ่ามันได้แล้ว—ผมพุ่งไปตัดคอบิลเซบับ แต่ว่า—ร่างของบิลเซบับแทนที่จะเลือดพุ่งมันกลับสลายไปแทน
[อำนาจมหาบาป-ราคะ] พลังที่เล่นกับจิตใจของสิ่งมีชีวิต แข็งแกร่งขึ้นตามความรู้สึกอีกฝ่าย
เมื่อสักครู่ผมตั้งใจจะฆ่าบิลเซบับให้เร็วที่สุด ภาพลวงตาของแอสโมเดียสเลยสร้างได้ง่ายขึ้นมาก หลอกผมได้อย่างสมบูรณ์เลยล่ะ
แต่ถ้าเกิดรู้ว่าตัวเองอยู่ในภาพลวงตาแล้ว การจะทำลายมันก็ไม่ยากเลยก็แค่อัดเวทมนตร์สวนเข้าไปให้มันสลายเอง
ตู้ม!!!!! เสียงระเบิดเวทมนตร์ดังขึ้น ภาพลวงตาถูกคลายเอาง่ายๆ
บิลเซบับและแอสโมเดียสที่กำลังอุ้มเบลลามีไว้บนบ่าหันมามองทางผมด้วยสภาพเหงื่อแตกพลั่ก
“สลายภาพลวงตาของนายได้ในพริบตาเดียวเนี่ยนะ!?”
“มันเป็นเพราะเขาคิดว่าพี่อ่อนแอไงครับ! ภาพลวงตาเลยโดนทำลายเอาง่ายๆน่ะ!”
ใช่ ถ้าผมคิดว่าบิลเซบับแข็งแกร่ง กว่าผมจะออกไปได้ก็คงอีกนาน ดีไม่ดีผมก็สู้อยู่ในภาพลวงตาจนมานามันหมดไปเองด้วยซ้ำ แต่เพราะผมคิดว่าบิลเซบับไม่ได้เก่งอะไร เลยตบแบบง่ายๆและรู้ตัวว่านี่คือภาพลวงตา
พลังของแอสโมเดียสมันจะได้ผลดีที่สุดก็แค่ครั้งเดียว ในครั้งต่อไปวิธีหลุดจากมันไม่ได้ยากอะไรเลย แค่ต้องรู้ว่าเป็นแค่ภาพลวงตาก็จบกัน
“หวานใจท่านจอมมารแกร่งเกินไปต่างหากย่ะ! ช่างเถอะ ออกมาซะ—มิโนทอร์”
ดวงตาของบิลเซบับส่องแสงพร้อมกับต่างหู เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการเปิดใช้งานอำนาจมหาบาป
มิโนทอร์สีดำสิบกว่าตัววิ่งเข้าใส่ผม
เพราะไม่อยากเสียเวลาผมเลยใช้ตัดมิติฆ่าพวกมันทิ้งภายในคราเดียว เพราะมันคือสิ่งมีชีวิตที่มีมิตินิดเดียว ทำให้ตัดมิติได้ประหยัดมานาและเร็วมาก ความสามารถลบหายไปที่ปกติไม่ค่อยจะใช้จะได้ใช้ก็ตอนเจอกับศัตรูอย่างบิลเซบับนี่แหละ
ผมไม่พูดพร่ำอะไรวิ่งตามพวกบิลเซบับไปด้วยความเร็วที่มากกว่า
“บ้าไรว่ะเนี่ย!!!!! พี่ครับนี่มันบ้าอะไรเนี่ย!!!!?”
“ไอ้ลูซิเฟอร์มันหลอกเราแหงแซะ! ไหงบอกว่าหวานใจท่านจอมมารเป็นแค่ไอ้กระจอกดีแต่ปากกันเล่า! กระจอกก็บ้าแล้ว!”
สองคนนี้พล่ามเรื่องอะไรอยู่มันไม่ได้เข้าหัวผมเลย ตอนนี้ผมคิดถึงแต่เบลลามี
ผมกัดฟันกรามอย่างเจ็บใจ จ้องไปที่ใบหน้าของเบลลามีที่ ..เรียบเฉยเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน
มันเกิดอะไรขึ้น? เธอได้รู้อะไร? เธอได้ตัดสินใจอะไรไป? เพราะไม่รู้อะไรนี่แหละ ผมถึงต้องรู้ให้ได้ ผมไม่มีทางปล่อยให้เธอไปกับพวกปีศาจมหาบาปหรอก
คำพูดของเบลลามีเมื่อคืนนั้นเวียนเข้ามาในหัวผม
‘ความตายกับเรา ดูไม่ใช่อะไรที่ห่างไกลกันเลย ถ้าวันหนึ่งเราตาย เราคงจะไม่คิดอะไรมาก ..คงคิดดีใจด้วยล่ะ ว่าอย่างน้อยเราก็ได้พบเจอกับเรเซอร์’
มันน่าดีใจตรงไหนกัน มันยังเร็วเกินไปที่จะต้องแยกจากกัน ..ไม่มีทางยอมให้เบลลามีกลายเป็นจอมมารเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมเด็ดขาด
ผมยื่นมือไปข้างหน้าและโพล่งออกมาสุดเสียง
****
ยูจิออกวิ่งมาพร้อมกับโซล่า เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงที่เขตุของวิทยาลัยแล้ว
“คุณโซล่าไหวรึเปล่าครับ?”
“ไหวค่ะ แต่..”
โซล่าหันกลับไปมองข้างหลังที่มีการระเบิดตู้มต้ามอย่างอลังการเนื่องจากการปะทะระหว่างสองมังกรผู้ยิ่งใหญ่
“หนิงไหวแน่เหรอคะ?”
“..เรื่องนั้น”
ยูจิหรี่ตาลงด้วยความรู้สึกผิด ทว่าความรู้สึกนั้นก็พลันหายไปทันทีที่เขาได้รับแรงกดดันที่มหาศาล
ทั้งสองรีบกลับไปมองข้างหน้าทางเดียวกันและพบกับ—นักดาบสาวในชุดกิโมโนไร้สี
ร่างของเธอมีไอร้อนระอุออกมาพร้อมกับเหงื่อ อย่างกับว่าก่อนหน้านี้ได้ออกแรงอย่างมหาศาล ..แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าตัวเธอก็คือจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมา ยูจิที่ไม่รับผลของจิตสังหารยังรู้สึกได้และหวั่นเกรงโดยไม่รู้ตัว แต่มนุษย์ธรรมดาอย่างเช่นโซล่านั้น..ย่อมตื่นกลัวจนสภาพดูไม่ได้อย่างแน่นอน ทั้งกายหายใจและการขยับร่างผิดแปลกไปจากเดิม
นักดาบสาวเดินผ่านทั้งสองไปโดยไม่ทำอะไร ทำให้คลายความตึงเครียดเมื่อสักครู่ไปได้
“เมื่อตะกี้มัน”
“..นักดาบคนนั้น”
เศษเสี้ยวความทรงจำไหลย้อนเข้ามาในหัวของยูจิ ..อีกครั้ง ทำให้ยูจิปวดหัวแปล๊ยบขึ้น
“..คนๆนั้น ..แกนน่อน”
ยูจิหันหน้าไปมองข้างหน้าแต่มองให้ไกลกว่าเดิมก็พบร่างของ—มิรันด้าที่นอนจอมกองเลือดอยู่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ไม่ใช่แค่ยูจิคนเดียวที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด