< < Sec 2 > >
ฟัฟนิร์ยิ้มร่ากระโดดเหย่งๆ ——-ผมไม่รอช้ารีบวิ่งไปปรามคุณมังกรผู้เลียนแบบหมาน้อย
ที่สำคัญรูปลักษณ์มนุษย์เด็กสาว 12 ขวบ ซึ่งทำท่าเหมือนหมาจะเป็นจะตายนั่น ชวนหดหู่สุดๆ
“-ฟ ฟัฟนิร์ใจเย็นก่อนนะ เธอไม่ต้องทำแบบนี้หรอก”
หล่อนไม่ฟังผม เธอมองแต่ใบหน้าของยูนาเท่านั้น
ผมม่รอช้าเข้าไปจับแขนจับขาฟัฟนิร์ให้หยุดลงทั้งอย่างนั้น
“-จ เจ้ามนุษย์อย่ามาหยุดกันนะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ไอ้บ้าเอ๊ย ไอโง่เอ๊ย! อยากให้ข้าตายมากหรือไงฮะ!?”
ดันถูกตวาดกลับซะอย่างนั้น!
“ปล่อยแขนนั่นได้แล้ว อย่ามาล่วงเกินกัน!”
‘นั่นมาสเตอร์ฉันนะคะ’
“ขอร้องคะ ปล่อยแขนหนูเถอะ!”
ตามไม่ทันละเว้ยเฮ๊ย!!
“-ธ เธอไม่รู้สึกหดหู่ใจในฐานะสิ่งมีชีวิตมากสติปัญญาเลยเหรอ..”
ชินได้ยินอย่างนั้นก็หลบหน้าเห็นด้วย
“ก็ว่าจะพล่ามอะไร ….-น หนูน่ะนะ หนูชอบท่านยูนาที่สุดเลย และชอบพี่ชายด้วย! เพราะฉะนั้นแค่ทำท่าเหมือนหมา หนูไม่ว่าหรอกนะ แทะแฮะ”
‘แทะแฮะ’ นั่นมันอะไรฟร้ะ!
ว่าแล้วเชียว ไม่ไหวจริงๆ ด้วย แบบนี้มันน่าเศร้าเกินไปแล้ว!
“พอๆ พอได้แล้วหยุดเลยนะฟัฟนิร์ อย่าทำให้ตัวเองเสียศักดิ์ศรีกว่านี้เลย นะ น——”
“เจ้ามนุษย์ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่ามาพล่ามสอนนะเว้ย! เจ้าคงไม่รู้สินะว่าถ้าไม่ทำข้าจะเจอกับอะไรน่ะ!”
เมื่อถึงจุดเดือดสำเนียงการพูดจริงๆ จึงหลุดออกมา
“เจ้าหน้าโง่เอ้ย! แหกตาดูดีๆ ซะละ ปีกเราหายไปไหน? ทำไมเขาเราถึงดูหักๆ ทำไมเราถึงไม่มีเกร็ดมังกร แล้วก็—–ทำไมหน้าตาเราถึงเป็นเช่นนี้! ร่างมนุษย์เปล่าๆ ซึ่งพลังหายไปตั้งมากมาย เหลือเพียงแค่นี้น่ะ รู้มั้ยเพราะอะไร!? ———ทั้งหมดมันถูกยูนาคนนั้นซีกกระชากจนหมดไงเว้ย!!! ศักดิ์สนศักดิ์ศรีห่าไรนั่น มันทำให้ปีกข้าอยู่ต่อหรือ? ไม่! ไม่แม่งเลยสักอย่าง! ตายๆ ตายแน่ๆ รอบนี้ต้องได้หลับไปอีก 500 ปีแหงๆ ไม่เอาน้า ไม่เอา ฮือ!!!!”
ฟัฟนิร์ผู้ใหญ่ยิ่งสติแตกเรียบร้อย
ผมได้แต่ยืนเหวอ
ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ดิ้นพล่านตรงพื้น พลางโวยวายเสียงดังประหนึ่งเด็กวัยละอ่อน
“ตาย ข้าจะตาย ข้าจะตายอีกครั้ง จะโดนเด็ดปีกอย่างโหดเหี้ยมด้วยมือเปล่าจนฟื้นฟูไม่ได้ จะโดนกระชากผมเขวี้ยงไปมาจนหัวแทบหลุด จะถูกบีบคอให้เกือบตาย แต่ก็ไม่ให้ตาย จะโดนเตะโดนต่อยทารุณสารพัด จะถูกเผาทั้งเป็นในกองเพลิงของตัวเอง โดนจับย่างราวกับสิ่งมีชีวิตผู้ถูกล่า และไม่กินราวกับดูถูกคุณค่าของดวงวิญญาณนี้——จะโดนฆ่าวนแล้ววนเล่าโดยไม่รู้จบ!”
ยูนานี่หล่อนทำบ้าอะไรไปบ้างวะนั่น!
‘ขออภัยคะ เวลานั้นมันหัวร้อนจนมันจะเกิดอะไรก็เกิดได้ทั้งนั้น เอาเป็นว่าชั่งเรื่องมังกรนี่ดีกว่าคะ มันก็แค่มังกรขี้ปด’
แต่ไอมังกรเหมือนไร้ค่านี่ที่เธอพูดถึง มันเป็นสุดยอดผู้ยิ่งใหญ่นะเห้ย!! แล้วที่จะเนียนโกหกน่ะมันหล่อนต่างหาก!
“ไม่นะ ไม่นะ ฝันร้ายจะหวนคืนกลับมาแล้ว …ดาบแรกตาบอด ดาบสองปีกขาดลงสู่พื้นดิน ดาบสามมานาในร่างกายขาดสะบั้น ดาบสี่ถูกตัดทางหายใจ ดาบห้าร่างแหลกเป็นผุยผง……..—–ดาบสุดท้ายฝันร้ายหวนคืน”
——ไม่เอาแล้ว ไม่อยากได้ยินแล้ว ฝันร้ายชัดๆ ยูนามันปีศาจร้ายชัดๆ! โหดร้ายเกินไป น่ากลัว น่ากลัว ขอร้องละอย่าร้องไห้มากกว่านี้เลยนะ!
‘…เรื่องตลกยามเช้าละคะ มาสเตอร์’
ตรงไหนมันตลกฟร้ะ!?
“…ผมไม่ไหวแล้วขอรับ ท่านเรเซอร์คือผม…ผม”
ชินเช็ดน้ำตาตัวเองเหมือนว่าจะอินทีเดียวกับการร้องโห่ของฟัฟนิร์
….บอกตามตรงว่าผมก็ชักจะไม่ไหวแล้ว ที่ถูกกระทำไม่ต่างอะไรกับคดีฆาตกรรมโหดๆ บนประวัติศาสตร์โลกผมเลย เพียงแต่—-ตายไม่ได้เท่านั้น
ความโหดร้ายถูกบอกเล่าออกจากปากของฟัฟนิร์ทั้งหมด วันคืนที่เลวร้าย ฝันร้ายซึ่งไม่มีวันจบ
…โลกโคตรดาร์ค มามีเรื่องกับอำนาจมืด(ยูนา)มันจะจบอย่างงี้นี่เอง
‘..ผิดคาดเลยค่ะมาสเตอร์’
-ง งั้นเหรอครับ
‘ใช่ค่ะ ไม่คิดเลยว่ามังกรจะความทรงจำดีถึงเพียงนี้น่ะ ผ่านมาตั้งหลายพันปีขนาดฉันยังจำไม่ค่อยได้เลยค่ะ เท่าที่จำได้ก็มีแค่การร้องโหยหวนขอชีวิตอย่างเอาเป็นเอาตายเท่านั้นเอง’
—–สรุปที่อ้างมาจริงหมดสินะ…..
‘สมกับเป็นเผ่าพันธุ์ผู้ยิ่งใหญ่เหลือเกินคะ ฮิๆ’
หัวเราะน่ากลัวฉิบ แล้วที่เขาจำได้ไม่ใช่เพราะความจำดีหรอก…มันเรียกว่าแผลใจน่ะ แผลใจ….
‘ที่สำคัญเสียงร้องก็น่าฟังด้วย’
ไม่ไหว วีรสตรีในตำนานเป็นพวกวิปริตขนานแท้เลย…
‘แต่ว่ามันแรงไปนิดนะคะ’
‘-ก ก็รู้ตัวดีนี่’
ฟัฟนิร์ซึ่งได้ยินยูนาพึมพำจู่ๆ ก็หยุดดิ้นและร้องไห้ เธอทำเพียงหันมามองอย่างคาดหวัง เฉกเช่นเด็กวัยละอ่อนที่ร้องโวยวายขอให้พ่อแม่ซื้อของเล่นให้ และกำลังเข้าสู่ช่วงตัดสินว่าจะได้หรือไม่
‘ค่ะ ฉันชักจะรู้สึกว่า——ไอหมาตรงหน้ามันร้องโหวกเหวกไปหน่อย ถึงฉันจะชอบแต่มันรำคาญหูมาสเตอร์สินะคะ?’
“แง๊!!!! แง๊!!!! กลัว!!!! ข้ากลัวเหลือเกิน!!! ช่วยข้าด้วย ‘แซร์อิส(มหามังกรวายุ)’ ‘เกรล(มหามังกรปฐพี)’ ‘เนลยอน(มหามังกรวารี)’ ช่วยด้วย!!!”
น่าเศร้าที่ไม่มีผู้ใดมาช่วย
“..มังกรธาตุท่านอื่นเป็นแบบนี้หมดหรือเปล่าครับเนี่ย”
‘ฟัฟนิร์ฉันหนักมือเป็นกรณีพิเศษค่ะ อินเนอร์มาเต็ม แต่กับพี่น้องเดนมังกรของไอ้สุนัขขี้เหร่นั่น ทรมานแป๊บๆก็จบคะ แค่ให้พวกมันร้องขอชีวิตก็ปล่อยแล้วค่ะ ต่างกับฟัฟนิร์ที่ข้ามวันข้ามคืน—ก็ไม่ปล่อยคะ’
…น่ากลัว
“-ห เหมือนยูนาจะบอกว่ากลัวคล้ายๆ กันแหละน่ะ”
ผมจงใจไม่บอกรายละเอียดให้ชิน มิเช่นนั้นพวกเราจะมีแผลใจไปมากกว่าเก่า
‘..-น นี่ยูนา เอ่อ ก็ไม่ได้จะบอกให้หายโกรธหรอกนะ
ผมคุยกันยูนาด้วยเสียงที่สั่นและยกย้องอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
‘-ย ยังไงก็เพลาลงหน่อยนะ ปล่อยฟัฟนิร์ไปดีๆฉันเพื่อน คิดนั้นได้มั้ย?’
‘ปล่อยไป? ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ จะปล่อยก็ปล่อยเลยนะ ..เอ้า ไปสิๆ ไสหัวไปอย่าโผล่หน้าให้เห็นอีกเลยนะ’
ฟัฟนิร์ได้ยินดังนั้นก็ชะโงกหัวที่แทบจะติดพื้นขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“..เจ้ามนุษย์ตรงนั้น จะไม่ลืมบุญคุณเลย ขอบใจมากจริงๆ ขอบใจจริงๆ ขอบคุณจริงๆ โชคดีมีชัยชนะ!”
พูดจบฟัฟนิร์ก็ลุกขึ้นและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
…..นี่น่ะเหรอมหามังกร
“…รู้สึกนุ้ยๆ ตรงท้องจังเลยครับ”
“นั่นสินะ เริ่มปวดๆ เหมือนกันละ”
‘เช่นกันคะ อั้นขำแทบตายแหนะ’
ตูปวดท้องเพราะรู้สึกอนาถใจเฟ้ย ไม่ได้ขำเหมือนหล่อน ..ยัยคนไม่มีน้ำตา เฮ้อ
ไม่นานหลังจากที่ความเงียบมาปกคลุมป่ามหาภูตติ——กริ๊งๆๆๆๆ เสียงสั่นสะท้อนป่ามหาภูตติดังขึ้นระรัว ราวกับสะท้อนไปกลับในป่ามหาภูตติ
‘โง่จริงๆ คะ รู้ทั้งรู้ว่าป่ามหาภูตติไม่ปรานีแน่นอน’
พูดจบ————แสงหลากสีก็พุ่งผ่านหน้าพวกผมไปนับร้อยๆ ดวง
เหล่าภูติกำลังส่งเสียงร้องกัน ตรงไปทางที่ฟัฟนิร์วิ่งไป—————ตู้ม!!!!!! เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับฝุ่นควันซึ่งฟุ้งกระจายไปทั่ว
ไม่ผิดแน่ เสียงระเบิดเกิดขึ้นตรงทางที่ฟัฟนิร์วิ่งหนีไป ….พริบตาเดียวร่างเล็กๆ ก็ลอยกระพรือปีกบนท้องฟ้า และตกลงมา
“อั้ก!!!”
เธอร้องเสียงหลงหลังจากที่หลังกระแทกพื้น และกระเด้งอีกสองสามตลบ มาหยุดอยู่หน้าผม
ภูตมากมายลอยตามร่างของฟัฟนิร์
“-ช ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยมนุษย์ ช่วยข้าด้วย!”
‘กล้าจริงนะที่มาเหยียบป่ามหาภูตติน่ะ!!’
‘ไอสารเลวฟัฟนิร์ อย่าอยู่เลย!’
‘ตั้งใจยั่วโมโหกันใช่มั้ยหะ!!”
‘อย่าคิดว่าจะได้พักเชียวละ’
….เอ่อ
‘ณ ป่ามหาภูตติ ภูตซึ่งเก่าแก่ทุกตนล้วนเป็นอริกับฟัฟนิร์ทั้งนั้นคะ อย่างภูตสีแดงปนดำคนนั้นเจ้านายเก่าก็ถูกฟัฟนิร์เป่าจนตายทั้งเป็น ภูติสีเขียวอมน้ำเงินถูกฟัฟนิร์พรากเจ้านายไปเป็นอันเดด คนนั้นด้วย คนนั้นด้วยค่ะ …เอาเป็นว่า ไม่ใช่แค่ฉันที่รังเกียจมันแต่เป็นทุกตน ต่อให้ฟัฟนิร์มีพลังครบแต่หากมาเยือนที่แห่งนี้ก็มีแต่ตายกับตายคะ น่าจะรู้ดีแก่ใจ ยังจะหน้าหนาเดินเข้ามาได้เนี่ย—-สุดจะบรรยายคะ สมกับเป็นไอ้หมามีปีก’
….บาปหนาจริงๆ ฟัฟนิร์
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เอาเป็นว่าช่วยคุยกับพวกเขาทีนะ”
‘.. เข้าใจแล้วค่ะ’
แม้จะไม่พอใจ แต่ยูนาก็ช่วยคุยให้ผม
เรื่องจึงจบลงได้อย่างยากลำบาก——ไม่นานนักยูนาก็พาไปพบมหาภูตติ พร้อมกับฟัฟนิร์ด้วย …
‘ฮุ ฮุ …ยังไม่ตายๆ ไปให้จบอีกเหรอคะ?’
มหาภูตติกล่าวมาเช่นนั้น
“…ขอโทษค่ะ”
สาวน้อย(ฟัฟนิร์)ผู้น่าสงสารตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา รอบตัวของเธอยังมีเหล่าภูตผู้ยิ่งใหญ่มากมายบินวงไปมาราวกับกำลังหาเรื่องอ้อมๆ และตรงหน้ามหาภูตติเองก็มีท่าทางไม่ต่างกันมากนัก
——-ทำไมต้องรุมรังแกฟัฟนิร์ด้วยละฟร้ะ!
ผมเดินเอาตัวเข้าไปขวางเหล่าภูตและมหาภูตติทันที
“หยุดรังแกกันได้แล้ว พวกนายก็โตๆ กันแล้วนี่! ดูสภาพเธอตอนนี้สิ ซ้ำไปทั้งตัวหมดแล้วยังไม่สาแก่ใจกันหรือไงหะ!? ถึงพวกนายจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่ไม่ได้หมายความว่าชีวิตอื่นจะด้อยนะ เข้าใจมั้ย!”
ไม่สามารถปล่อยไปเฉยๆได้แล้วละ ฟัฟนิร์เธอเจ็บปวดพอแล้ว
‘ยัยนี่มันฆ่ามหาภูตติคนก่อนน่ะนะ จะไม่ให้แค้นคงไม่ไหว ที่สำคัญมันทำสหายเราตายในสงครามบานเลย’
… แม้แต่ชินก็คงรู้สึกเอือมนิดๆ เพราะฟัฟนิร์ก่อเรื่องไว้มากเหลือเกิน จะช่วยก็รู้สึกไม่น่าช่วยเท่าไหร่ ควรจะพูดยังไงดีละ—–กรรมตามสนอง? ไม่ได้ๆ ตัวผม ยังไงก็ต้องช่วยฟัฟนิร์ให้ได้
‘แล้วก็จำไม่ผิดฟัฟนิร์เป็นมังกรประเภทที่เวลาเจอหมู่บ้านเล็กๆ ข้างทางจะเป่าทิ้งทันที ไม่มีลังเลหรืออะไรเลยแม้ว่าจะมีเด็กๆ ตัวน้อยอยู่ก็ตาม ..เรื่องสมัยนั้นน่ะนะ’
..เลวชะมัด
“..จริงรึ?”
“…”
เธอไม่ตอบ ชินซึ่งได้ยินก็ตะลึง คงไม่คิดว่าฟัฟนิร์จะทำกระทั่งคนที่ไม่เกี่ยวกับสงคราม
“-บ แบบนั้นมัน …เกินไปหน่อยนะครับ”
“..คือมัน”
‘ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงค่ะ แม้จะผ่านมาหลายพันปีแล้วแต่วิญญาณเหล่านั้นก็ยังคงเวียนว่ายบนโลกใบนี้ ไม่จากไปไหน ยังคงอาฆาตแค้นแล้วสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอยู่เลย ..เพราะมหามังกรทั้งหมด’
ยูนาพูดเสริมทำให้ฟัฟนิร์หมดหนทาง
‘ก็อย่างที่เห็นๆ กันละนา เราไม่คิดว่าเจ้ามังกรชั่วร้ายนี่สมควรมีชีวิตอยู่หรอก แล้วหากปล่อยให้ใช้ชีวิตสดใสร่าเริงไปวันๆ มันก็ชวนหงุดหงิดด้วย เพราะฉะนั้นยังไงก็ตายไม่ได้อยู่แล้วเนี่ย …ทนๆ ไปหน่อยเนอะ’
มหาภูตติโพ่งอย่างโหดร้าย——-
….
“….ข้าน่ะ…ข้า”
ฟัฟนิร์ไม่สามารถเถียงอะไรได้สักอย่างเดียว เพราะทั้งหมดล้วนเป็นความจริง …มังกรผู้เผามนุษย์ไร้เดียงสาทั้งเป็นนับร้อยได้อย่างไม่รู้สึกผิด มังกรผู้พรากคนสำคัญของใครต่อใครมานับไม่ถ้วน แม้แต่วีรสตรียูนา หรือมหาภูตติก็ล้วนถูกฟัฟนิร์สร้างแผลใจเอาไว้
ไม่ใช่ตัวตนที่ควรได้รับอภัยเลย …แต่——ในเรื่องราวของไลทโนเวล เรื่องราวของเธอผมพอจะรู้บ้างเล็กน้อยละนะ
จริงๆ แล้วฟัฟนิร์รู้สึกผิดมาโดยตลอด เธอรู้ตัวได้ในภายหลังว่าตัวเองทำอะไรลงไป เพราะฉะนั้นเธอจึงสละเวลานับสองพันปีในการสวดส่งวิญญาณ ผู้คนที่ถูกเธอคร่าชีวิตและผู้คนซึ่งถูกคร่าชีวิต เธอตระเวนไปทั่วโลกเพื่อช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้น …ผมไม่คิดว่าความจริงข้อนี้มันเป็นข้ออ้างอะไรหรอก
ในเนื้อเรื่องช่วงหนึ่งฟัฟนิร์เคยระบายความในใจให้ยูจิฟัง …เธอจะเปลี่ยนตัวเอง และแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดโดยการทำให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าเดิม แทนที่จะเอาเวลาไปพักๆ นอนๆ เหมือนดั่งมังกรธาตุตนอื่น แต่เธอกลับเดินไปทั่วโลกเพื่อชำระบาปนั่น
คนเราไม่สามารถหนีอดีตได้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงวันพรุ่งนี้ได้——ตอนนี้เธอไม่ได้ผิดสักหน่อย
ผมยังคงไม่หลีกทางให้ใครทั้งนั้น ยูนาเข้าใจความคิดในใจผมดี
“พวกเธอน่าจะรู้กันดีแล้วนี่ว่าฟัฟนิร์กำลังพยายามทำอะไรอยู่น่ะ”
ผมมองไปทางฟัฟนิร์ซึ่งอับจนหนทาง—-
“ฟัฟนิร์เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว เธอไม่ใช่ผู้ร้ายที่โฉดชั่วเมื่อแต่ก่อน เธอคือผู้ชำระบาปต่างหาก…เพราะฉะนั้นขอร้องนะ อย่าทำร้ายจิตใจฟัฟนิร์ไปมากกว่านี้เลย”
ผมจ้องมหาภูต ก่อนที่ไม่นานมหาภูตจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซึ่งเปนสัญญาณของการจบเรื่อง
‘เข้าใจแล้วๆ พวกนายก็ฟังด้วยละ’
มหาภูตกล่าวด้วยน้ำเสียงแอบเซ็ง พอจบการปรามแล้วเหล่าภูตมากมายก็บินหายไป
“…เจ้ามนุษย์?”
ฟัฟนิร์จ้องหน้าผมตาเป็นวาว
ยูนากระซิบข้างหูผม ‘หล่อนคงจะอยากทำความรู้จักคะมาสเตอร์’
….แบบนี้นี่เอง
ผมนำมือไปทาบหน้าอกตนเองและโค้งหัวอย่างสุภาพ
“…ฉันชื่อ ‘เรเซอร์’ น่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“-ข เข้าใจแล้ว เรเซอร์สินะเป็นชื่อที่มากด้วยความน่าหวั่นเกรงดี ขอชื่นชมเลย”
“ขอบใจนะ”
ฟัฟนิร์ส่ายหัวให้ผม
“ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณ—–ขอบใจมาก”
ฟัฟนิร์สายตาอยู่ในระดับเดียวกับผม เธอกล่าวออกมาด้วยใบหน้าดูร่าเริงต่างกับก่อนหน้า และแก้มดูป่องๆ เล็กน้อย
ดูไร้เดียงสาชอบกลแฮะ
“อ๊ะ -ก กระผมชื่อชินนะขอรับ เป็นอัศวินของนายท่านเรเซอร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“เข้าใจแล้ว เช่นกัน”
ฟัฟนิร์พยักหน้างึกๆ ให้ชิน
‘—–เฮ้อ ทีหลังก็อย่าทำตัวไม่ดีอีกละฟัฟนิร์ หลังจากนี้พวกเราจะพยายามข่มกลั้นอารมณ์ให้’ เซเนียพึมพำ
“วางใจข้าได้เลย”
ฟัฟนิร์ทุบอกตัวเองสองทีด้วยรอยยิ้มสดใส
‘…แล้วมีธุระอะไรถึงท่อมาที่นี่ละ? ของยัยมังกรซ่าคือจะจับแกะกิน แต่เผลอวิ่งตามมาจนลืมดูทางและตกหลุมไป ก่อนจะถูกช่วย และโดนภูตไล่หวดอีกต่อ’ เซเนียเผาฟัฟนิร์เล่น
สีหน้าของฟัฟนิร์เมื่อถูกแฉพลันเปลี่ยนจากร่าเริงก่อนหน้าเป็น..นิ่งสงบ?
‘ต้องการให้เซเนียช่วยชี้แนะทั้งสองคนนี้น่ะคะ เรื่องแนวทางการพัฒนาความสามารถ’
‘ให้ประเมินคุณสมบัติสินา—–ไม่ได้ทำมาตั้งนานแฮะ จำไม่ผิดก็ราว 10 ปีก่อนที่ผู้กล้าจากแดนสายลมมาขอความร่วมมือเนี่ย’
พูดจบแสงสีทองก็สว่างจ้ากว่าเดิม——ก่อนจะกลายร่างเป็นหญิงสาวงดงาม
ร่างสูงสง่าราว 170 ซ.ม. มีผมสีเขียวอ่อนเป็นทอนลงถึงพื้น และดวงตาสีฟ้าเป็นประกายภูต ชุดเดรสสีเขียวเปิดไหล่ และอกยาวถึงพื้น เดรสสีขาวนั่นเวทมนตร์ลางแต่ไม่สามารถเห็นกายเนื้อได้ หน้าอกใหญ่บึ้ม หนองโพไซส์บิ๊กบึ้ม
เธอจัดว่าเป็นหญิงงามชนิดหาได้ยาก ยิ่งกว่าเบลลามีด้วยซ้ำ—–ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเจอคนที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย และจากนี้ไปก็ยากจะหาคนที่งดงามเฉกเช่นมหาภูตเซเนีย
“ถ้านั้นก็จะเริ่มดูละนะ ดวงวิญญาณของพวกเจ้าทั้งสอง”
ทันใดนั้นบนท้องของชินก็ปรากฏดวงวิญญาณ? สีขาว และผมก็เช่นกันเป็นสีแดง
‘เป็นเทคนิคที่สะดวกดีนะคะ’
‘นั่นสินา จะว่าสะดวกก็ใช่แต่พอได้มาก็ดันใช้กับตัวเองไม่ได้ซะนี่’
‘พวกเราลำบากแย่เลย’
ดูเหมือนทั้งสองจะผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมากทีเดียว——-การสนทนาของคุณป้าชั่งน่าคิดถึง
“เจ้าหนูทางนั้น ชื่อว่าชินสินะ?”
“-ช ใช่ครับ”
“…แบบนี้นี่เอง อืม เธอถนัดเวทมนตร์ประเภทแสง กับดาบพอกันเลยสินะ แต่ถนัดในส่วนของเวทย์ป้องกันมากกว่าจู่โจม ..ตอนนี้ถนัดสุดคงเป็นเทคนิคแนวออร่าบัฟ”
มหาภูตติจับคางตัวเองพลางชมเชยแนวทางของวิญญาณชิน
“…ระดับชิน เธอไม่จำเป็นต้องแสวงหาอะไรมากแล้วละนะ แค่ฝึกฝนตามแบบเดิมเข้าไป โดยเฉพาะเวทย์แสงที่ถนัด หลังจากนี้ก็พัฒนาให้มันเป็นรูปแบบใหม่ของตัวเองท่าจะดีกว่า”
“เป็นแบบใหม่ของตัวเอง?”
“จะบอกก็คือคิดค้นเวทมนต์ของตัวเองขึ้นมาซะ เธอตอนนี้ถึงจะแข็งแกร่งแต่ปกป้องนายท่านไม่ได้หรอกนา” เซเนียมองไกลออกไปไหนไม่รู้ “ภายนอกมีตัวตนระดับเราอยู่พอตัวเลย ..ถ้ามีพลังแค่นั้น อย่าว่าแต่ปกป้องเลย แค่เดินตามยังไม่ได้”
ถ้าในอนาคตคงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าแค่ชินยังเก่งกว่าไม่ได้ก็สู้พวกเหนือมนุษย์อีกมากมายไม่ไหวหรอก
“นั่นสินะครับ ทุกอย่างที่เจอในป่ามหาภูตติ ผมไม่สามารถช่วยท่านเรเซอร์ได้เลย…เข้าใจแล้วขอรับ”
ชินยิ้มรับ
“ต่อไปก็เด็กปั้นยูนาสิเนอะ”
‘รบกวนด้วยค่ะ’
“…มีพรสวรรค์อย่างน่าเหลือเชื่อเลยแหละ เธอเก่งด้านเวทย์เพลิงเป็นพิเศษ ..มีสิทธิ์เป็นเจ้าผู้ครองแห่งเปลวเพลิว ยิ่งกว่านั้นธาตุอื่นๆ นอกจากเพลิงเองก็จัดว่าพิเศษ อาจไม่ถึงขั้นเจ้าผู้ครองก็จริง มานาเองก็เยอะขั้นยอดเยี่ยม วงจรเวทย์ก็กำลังขัดเกลาตั้งแต่ก่อนสมบูรณ์ด้วย …ระดับเดียวกับยูนาเลยละ ร่างกายตอนนี้มีคุณสมบัติทัดเทียมหรือเหนือกว่ายูนาเลย”
“-จ จริงหรอ!?” ผมดีใจอย่างออกหน้า
ตัวผมสุดยอดชะมัด พอคิดอย่างนั้นผมก็ถูกปัดความหวังทิ้ง
“แต่คนระดับนายหรือยูนามีไปให้ท่องเลยละนา—–ปีละคนได้มั้ง? ค่อนข้างเยอะเลยแต่ไม่สามารถไปถึงระดับเดียวกับยูนาได้ นายไม่มีตัดมิติต่างกับยูนา ไม่ได้มีวงจรย์เวทย์ที่ขัดเกลาจนพอจะซัดกับมหามังกรได้ ไม่ได้มีทักษะการต่อสู้ ไม่ได้มีประเภทเวทย์เหมือนๆกัน .. เพราะฉะนั้นแค่พรสวรรค์อย่างเดียวมันไม่ได้ทำให้เหนือกว่ายูนาได้หรอก อย่างเจ้าคนที่แกร่งสุดในยุคสมัยนี้ รู้สึกว่าจะไร้พรสวรรค์ขนานแท้ แต่มีพลังพอจะเป่าหัวเรากับพวกพ้องภูตได้ในคราวเดียวเชียวละ” เซเนียกัดฟันอย่างเจ็บใจ “เคยเจอกันเมื่อยี่สอบปีอยู่หรอก ..เจ้านั่นตอนนั้นทำหยามหน้าเราทีเดียว”
-ค คงจะอย่างนั้นสินะ
ผมรู้จักผู้แข็งแกร่งสุดในยุคสมัยตอนนี้ดี และความแข็งแกร่งของเขาซึ่งมาจากความเพียร์ล้วนๆ
“…คำแนะนำก็คือ—-ฝึกฝนเวทมนตร์ทุกประเภทซะ ต้องเป็นนักเวทย์ประเภทใช้มือเปล่าผสมธาตุได้ดีแน่นอน แล้วก็มียูนาคอยซัพพอร์ตอีกต่อหนึ่งด้วย อนาคตไกลละนะ”
…อนึ่งนักเวทย์บนโลกนี้ถูกแยกเป็นหลายประเภทจากรูปแบบการใช้พลัง
โดนจำแนกออกเป็น อย่าง
1.นักเวทย์ประเภทสื่อเวทย์—–เป็นนักเวทย์ที่ต้องพึ่งอุปกรณ์ในการต่อสู้ ในรูปแบบนี้จะมีพลังโจมตีที่รุนแรงแลกมากับความเร็ว เพราะจำเป็นต้องมีลำดับขั้นตอนเวทมนตร์หนึ่งสองสามตลอด
2.นักเวทย์ประเภทนักดาบ—-เป็นผู้ใช้ดาบเวทมนต์ ซึ่งจะมีความเร็วที่โดดเด่นแต่ขาดพลังไปมาก เนื่องจากสายนี้ไม่จำเป็นต้องร่ายเวทย์แค่อัดมานาเข้าไปในดาบก็ใช้ได้เลย อาทิเช่น ‘ชิน’
3.นักเวทย์ประเภทมือเปล่า—รูปแบบนี้จะใช้ร่างกายเพรียวๆ ในการใช้เวทย์ ทั้งพลังและความเร็วขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ใช้ เป็นรูปแบบที่ใช้สู้ให้ชำนาญยากที่สุด แต่หากมีมานาและวงจรย์เวทย์ที่ดีพอ ผนวกไปกับความเข้าใจในเวทมนตร์ที่มาก ก็จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ได้ สายนี้สามารถผสมธาตุไปมาเพื่อสร้างปฏิกิริยาที่ต่างออกไปได้—-สามารถทำพายุสายฟ้าได้ หรือบอลน้ำแข็ง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ เพราะเวทมนตร์ถูกสร้างเองกับมือ ถ้ามีฝีมือพอก็จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามใจชอบ อยากเปลี่ยนสายฟ้าให้เป็นนกหรือลมให้เป็นวัตถุ
แน่นอนว่าอย่างหลังมันใช้ยากสุดๆ แต่ผู้ที่แกร่งสุดในยุคสมัยปัจจุบันก็คือนักเวทย์ประเภทนี้นี่แหละ
…ว่าแต่ว่า ‘เจ้าผู้ครองเปลวเพลิง’ นี่คือ? เห็นบอกว่าผมมีคุณสมบัติเป็นเจ้าผู้ครองนี่ละ
ผมเอียงคอฉงน คิดได้จึงเอ่ยถาม
“เจ้าผู้ครองที่ว่า ..คืออะไรเหรอครับ?”
เซเนียเงียบไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง
‘..ผู้ที่ครอบครองเปลวเพลิงของแท้ไว้ไงละ ไม่รู้จักนั้นรึ?’
“มะ ไม่รู้จักหรอกครับ ไม่เคยได้ยินเลย”
‘นั่นสินา นั่นเป็นความลับขั้นสุดยอดเลยนี่นา’ หล่อนพึมพำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ‘ ‘เจ้าผู้ครอง’ ก็คือหนึ่งเดียวในหนึ่งธาตุ ไม่ได้จำกัดนักดาบหรือนักเวทย์ ทุกคนมีสิทธิ์หมดขอเพียงแค่—คุณสมบัติครบถ้วน’
แสดงว่าคนที่มีพรสวรรค์ระดับผมสินะถึงใช้ได้
‘แม้แต่ยูนายังใช้ไม่ได้เลย แม้แต่ธาตุเดียว’
…
‘มันเกี่ยวกับความเข้ากันทางธาตุด้วย ซึ่งโลกจะเป็นคนเลือกเอง ว่าง่ายๆก็โชคนั่นแหละ แล้วถึงจะมีคุณสมบัติพอก็ใช้ได้เฉพาะธาตุที่ตัวเองได้รับเลือก ยากยิ่งกว่าได้รับเลือกก็เป็นได้รับไอเทมสำหรับใช้งานความสามารถเจ้าผู้ครอง’
สรุปก็คือ ‘เจ้าผู้ครอง’ แยกออกเป็นธาตุ ซึ่งมีทั้งหมด 8 ธาตุ แล้วคนที่ใช้ได้ต้องมีคุณสมบัติตามต้องการ และการจะใช้พลังจำเป็นต้องมีไอเทมด้วย ..
‘ปัจจุบันนี้มีเจ้าผู้ครองครบ 8 คน แต่คนที่ใช้ความสามารถได้จริงๆมีแค่ 2 คน ที่เหลือได้รับไอเทมมาเพราะหน้าที่ทางสังคมเท่านั้นแหละ ..เอาเป็นว่าอย่าไปหวังกับพลังนี่มากเลยจ๊ะ เป็นพลังที่แกร่งก็จริงแต่ข้อเสียมีมากมายระดับเทียบกับข้อดีไม่ติด โอกาสใช้งานก็ใช่จะมีให้เห็นง่ายๆ ใช้งานยากด้วย ต่อให้ฉันหรือยูนาใช้ได้ก็คงกินมานาเยอะจงไม่คุ้มเสียเลย พลังชีวิตอาจจะหายเกลี้ยงด้วยก็ได้ .. ที่สำคัญของสำคัญที่สุดอย่าง ‘สื่อการร่ายความสามารถเจ้าผู้ครอง’ ก็ต้องรับตามหน้าที่ด้วย ทั้ง 4 ทวีปเก็บไว้และมอบให้ผู้คู่ควรตามสังคมอย่างดี แน่นอนถ้าหามาใช้ได้ก็ดีละนา แต่อย่าหวังมากเลยนา’
ข้อเสียเยอะสุดๆถ้าเป็นอย่างที่ว่ามา ทว่า
“มันสามารถทำอะไรได้บ้างเหรอครับ?”
ถ้าหากแกร่งถึงระดับนั้นละก็ ..มีค่าให้ลองหาดุ
‘…ต่างออกไป พลังของเจ้าผู้ครองทุกคนทุกธาตุทุกรุ่นจะเปลี่ยนไปตามเบื้องลึกของตัวบุคคล’ เซเนียมองผม ..พูดให้ถูกคือมองไปที่ยูนา ‘เล่นเอานึกถึงสมัยก่อนเลยเนอะ ยูนา’
‘เฮ้อ’ ผมได้ยินเสียงยูนาถอนหายใจชัดเจน ‘ตอนนั้นฉันกับเซเนียเคยเจอ ‘เจ้าผู้ครองธาตุสายฟ้า’ คะ รู้มั้ยคะว่าพวกเราต้องเจอกับนรกแบบไหน?’
…ยูนายังว่าอย่างนั้นเลย
‘ตอนนั้นพวกเราโดนพลังของเจ้าผู้ครองสายฟ้าเล่นงาน จนร่างฉันแหลก(ร่างดาบ) ต้องใช้เวลารักษาตัว 3 เดือนเต็มๆ ส่วนยูนาก็โดนเล่นจนตาบอดไปหนึ่งข้าง โชคยังดีที่สามารถพุ่งไปจัดการตัวผู้ร่ายได้ทัน ..ถ้าตอนนั้นช้าไปอีกไม่กี่วิ ฉันคงจะตายสนิท ยูนาเองก็คงตาบอดไม่ก็ตายจากไปเลยเหมือนกันจากพิษบาดแผล คงไม่มาอยู่ให้รำคาญตาเหมือนปัจจุบันหรอกนา’ เซเนียหัวเราะเบาหวิว ‘อีกครั้งหนึ่งก็ผู้กล้าลำดับที่ 100แหละ เจอเจ้านั่นฝึกใช้ความสามารถ ‘เจ้าผู้ครองสายลม’ อยู่หน้าป่ามหาภูต เพราะฉันไม่ยอมออกไปรับละนะ เลยเลือกมาฝึกข้างหน้าเลย ..เหตุผลแค่นั้น แต่ป่ามหาภูตเกือบปลิวเพราะเหตุผลแค่นั้นแหละ ดีนะที่ออกไปตบให้หัวทิ่มก่อนมันจะร่ายจบ ไม่เช่นนั้นป่าแห่งนี้คงไม่อยู่บนแผนที่โลกแล้วละ…ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเจอพวกที่สำริดผลสำเร็จแค่สองตนเท่านั้นแหละ’
..สกิลที่ทำให้ทั้งมหาภูตและวีรสตรียูนาเกือบพลาดท่าได้นั้นเหรอ? พลังแบบไหนกันนะ
‘ก็ประมาณนี้แหละมั้ง ยังไงก็พยายามเข้าละกันนา—–’
พูดจบมหาภูตติก็หาวแล้วเดินจากไป…..
“-ค แค่นี้เหรอ?”
“น่าจะอย่างนั้นขอรับ”
….
‘กลับเถอะค่ะ’
“เข้าใจแล้ว”
‘อ่อ แล้วก็อีกเรื่องเอาฟัฟนิร์ออกไปด้วยนา มังกรนั่นคงกลับเองไมได้เพราะหลงทางแน่นอน’ มหาภูตติกล่าวเสริมโดยที่ได้ยินเพียงเสียงเท่านั้น
…ผมเล่ห์มองไปทางฟัฟนิร์
“…ขอรบกวนด้วยละ”
“ยินดีครับ”
MANGA DISCUSSION