เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 146: เทพดาบ (3)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 146: เทพดาบ (3)
< < 110Sec3 > >
“[ดาบประกายแสง]”
“[มิติสะท้อน]”
ดาบประกายแสงถูกสะท้อนไปทางอื่นที่ไม่ใช่ทางเทพดาบ ผมตั้งใจทำเช่นนั้นเพื่อเลี่ยงไม่ให้เธอใช้วิชาดาบทับมันกลับมาทางผมอีก จากนั้นก็ใช้ผลจากมิติสะท้อนส่งบอลเพลิงเข้าไป—บอลเพลิงพุ่งเข้าใส่เทพดาบจากข้างหลัง
[มิติสะท้อน] ไม่ใช่แค่สะท้อนความเสียหาย แต่มันยังสามารถส่งเวทมนตร์เข้าไปในจุดที่วางมิติสะท้อนไว้ได้
เทพดาบไม่รู้เพราะผมใช้มันเป็นครั้งแรกกับเธอ—เทพดาบเอียงตัวหลบและตวัดดาบใส่ผมในระยะที่ห่างกันหลายเมตร แต่เพียงแค่นั้นมันก็เกิดแรงกระแทกของดาบมหาศาลเข้าร่างผมแล้ว
“อึก!!”
ผมกัดฟันกรามข่มความเจ็บปวด พร้อมกันนั้นเทพดาบก็ไม่รีรอพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง แน่นอนว่าผมไม่ยอมให้เธอเข้าประชิดได้แน่นอน ผมตัดมิติส่งให้เธอไปไกลกว่าเดิม และอัดเวทย์นานาชนิดเข้าใส่เธอในระยะที่ไกลกว่า และตามที่คาดทั้งหมดเธอเลือกที่จะหลบแทนที่จะฟันสวน นั่นทำให้เข้าไปตามแผนผม
ผมดีดนิ้ว ใช้มิติสะท้อนส่งเวทย์ลมเข้าที่กลางก้อนมานาที่พุ่งออกไป
ทำให้เกิดแรงระเบิด
ตู้ม!!!!!!!!! เทพดาบพุ่งตัวออกจากกองเวทมนตร์ได้อย่างสวยงาม โดยแลกมากับบาดแผลบริเวณแขนข้างที่ถนัด
ไม่ใช่แผลที่ใหญ่มากแต่ก็ไม่ใช่รอยขีดข่วน
ร่างกายเทพดาบไม่ได้ถึกทนเหมือนมหามังกรรึเอเธอร์ แค่เวทมนตร์ขั้นสูงทั่วๆไปก็ทำให้เธอลำบากได้แล้ว เพราะอย่างนั้นผมไม่จำเป็นต้องอัดเวทย์เน้นแรงในทีเดียว แต่แค่ใช้เวทย์ที่มีความรุนแรงในระดับหนึ่งและมีขอบเขตุความเสียหายที่กว้างก็พอ
ยังไงซะ เป้าหมายก็คือถ่วงเวลารอวินเตรียมวิชาไสยศาสตร์อย่างเดียวอยู่แล้วด้วย ไม่จำเป็นต้องชนะแค่ทำให้อีกฝ่ายชนะไม่ได้ก็พอ
แน่นอน ไม่มีทางที่เทพดาบจะไม่รู้จุดประสงค์ แต่เธอก็แก้สถานการณ์ไม่ได้เช่นกัน ..ถ้าหากเรียกดาบที่แท้จริงมาได้ สถานการณ์จะต่างออกไป แต่เพราะเรียกไม่ได้นี่แหละเลยไม่มีทางแก้เกมได้ นี่คือข้อจำกัดของเทพดาบที่ทำให้คนอย่างผมสามารถกดดันเธอได้
อยากจะบอกว่า–เช็คเมทเหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ไม่สามารถไว้ใจอะไรได้เลย อย่างตัวตนที่อยู่กับเทพดาบตลอด— ‘ดาบมังกรเหล็ก’ เขายังไม่โผล่มาเลย
ในนิยายต้นฉบับ ดาบมังกรเหล็กไม่เคยโผล่มาหรอก เพราะเขาตายตั้งแต่ช่วงปี 1 แล้ว ซึ่งตอนนั้นเทพดาบยังไม่โผล่มาเลย แต่มีเล่าย้อนอยู่ว่าดาบมังกรเหล็กเป็นลูกศิษย์ของเทพดาบ และนี่คือช่วงปี 1 พอดีด้วย มีความเป็นไปได้ที่เขายังมีชีวิตอยู่และอาจสร้างความลำบากให้ได้
“ถ้าเกรย์ไม่อยู่แถวนี้หรอก”
เทพดาบตอบข้อสงสัยของผม ..เกรย์ ..ถ้าจำไม่ผิดคือชื่อของดาบมังกรเหล็กกระมัง
“จู่ๆก็ทำตัวเป็นมิตรเลยนะครับ”
“เพราะรู้ว่ายังไงก็ชนะไม่ได้ ..ดึงดันจะสู้ต่อไปมีแต่เจ็บตัวเปล่าๆ”
นี่แหละ เทพดาบ
ฉายาเทพดาบ ไม่ใช่ฉายาที่คู่ควรกับเธอเลย เธอก็แค่ใช้ดาบเก่งที่สุด ไม่ได้มีศักดิ์ศรีในฐานะผู้ใช้ดาบดังที่นักดาบหลายคนมีกัน ซึ่งผมไม่ได้เกลียดหรอกนะ เพราะผมคือนักเวทย์ จะบอกว่าเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายเธอก็ได้ เนื่องจากแนวคิดในการต่อสู้ของพวกเราคล้ายๆกันคือแค่ชนะก็พอ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าฝืน
นักดาบแสวงหาความภูมิใจ นักเวทย์แสวงหาภูมิปัญญา แนวคิดของเทพดาบจะคล้ายกับพวกนักเวทย์ที่ไม่ได้อินกับการต่อสู้สักเท่าไหร่มากกว่า ลักษณะนิสัยของเธอไม่เหมาะที่จะเป็นเทพดาบเลยสักนิด
ถ้าถามว่านั้นทำไมเธอถึงได้ชื่อเทพดาบล่ะ? มันก็ง่ายๆเลย เพราะเทพดาบใช้ดาบเก่งที่สุดอย่างที่บอกไปหลายๆครั้ง
ไม่มีใครเก่งพอจะชิงตำแหน่งไปจากเธอได้ ทำให้คนที่ไม่คู่ควรคนนี้ยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ต้องการ เพราะตำแหน่งที่ว่าคนอื่นก็เป็นคนตั้งให้อีกทีและถือวิสาสะให้เธอรับชื่อนี้เองแบบเลี่ยงไม่ได้
ค่อนข้างจะน่าสงสาร ชีวิตของเธอตลอดมาไม่เคยได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเลย ..ภูมิหลังของเทพดาบแสนน่าเศร้า ทั้งดาบที่เธอถือ ทั้งชีวิตของเธอ เธอไม่เคยต้องการมันเลยแท้ๆแต่โลกใบนี้กลับให้สิ่งที่เธอไม่ต้องการให้ แค่นั้นไม่พอยังสาปเธอ—ในตอนสุดท้าย เธอก็ตายไปพร้อมกับปมในใจที่จะติดตัวเธอตลอดกระทั่งตายไปแล้วก็ตาม
เรื่องราวของเธอตอนสุดท้าย น่าเศร้าพอๆกับชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดของเธอ ..จำเป็นต้องมีใครสักคนปลดปล่อยเธอ และคนๆนั้น ..ไมมีทางเป็นผม
ผมไม่ว่างพอจะไปช่วยคนอื่นหรอก แล้วอีกอย่าง—ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะช่วยเทพดาบได้ด้วย
ผมไม่ได้สนิทกับเทพดาบ ไม่ใช่เพื่อนก็แค่คนรู้จักที่บังเอิญมาเป็นศัตรูกัน ไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยหรือใจดีด้วย ถ้าเธอตายไปอย่างน่าเศร้าซะตรงนี้ ผมก็คงไม่รู้สึกอะไร ความคิดของผมคือสิ่งที่บ่งบอกว่าผมไม่ใช่คนที่จะปลดปล่อยเธอ
แม้แต้ยูจิที่เป็นคนดีขนานแท้ ยังปลดปล่อยเธอไม่ได้ นับประสาอะไรกับผมแล้วคนบนโลกทั่วๆไปกัน อย่างน้อยผมก็นึกสงสารเลยจะไม่ซ้ำเติมเธอ จะไม่ด่าสิ่งที่เธอตั้งใจทำว่ามันเปล่าประโยชน์ ที่เธอทำมันไร้ค่าไม่สามารถช่วยตัวเองได้หรอก ..และผมมั่นใจว่าต่อให้ตัวเองพูดด่าเธอไป เธอก็คงไม่ฟังที่ผมพูดและยึดมั่นในเป้าหมายของตัวเองต่อไป ต่อให้เป้าหมายที่ว่ามันจะเป็นแค่การหลอกตัวเองของเธอก็ตาม
แต่ที่แน่ๆ ถ้าเกิดด่าไปเธอต้องรู้สึกแย่ขึ้นมาช่วงหนึ่ง ผมจึงจะไม่พูดออกไป อย่างน้อยก็หลอกตัวเองเพื่อเยียวยาใจตัวเองต่อไปเถอะ
“เสร็จแล้ว!”
วินตะโกนขึ้นจากข้างหลัง เทพดาบดึงดาบออกจากฝักกะจะพึ่งไปฟันขอวิน แต่ก็ถูกผมเตะลำตัวขัดเอาไว้ เพราะพุ่งเน้นไปที่สปีดเพื่อฆ่าวินเป็นหลักทำให้ขาดวิสัยทัศน์ทางผม ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด แต่คงไม่มีทางเลือก ยอมเสี่ยงเพื่อผมจะพลาดปล่อยเธอหลุดไปได้—เทพดาบตั้งหลักได้ เธอเตรียมใช้เคล็ดวิชาดาบของตัวเอง แต่ก็เปล่าประโยชน์แล้ว
อักขระปรากฏขึ้นบนพื้น วิชาไสยศาสตร์ได้ทำงานทันทีที่วินประสานนิ้วเข้าหากัน—-ร่างของเทพดาบถูกจอมจำด้วยก้อนพลังงานสีขาวทรงสี่เหลี่ยม
“..นี่มัน”
เทพดาบไม่สามารถดึงดาบออกจากฝักได้ แค่นั้นไม่พอเธอยังขยับร่างไม่ได้ด้วย ราวกับร่างกายเธอถูกสต๊าฟเอาไว้ เวลานี้เธอทำได้แค่พูดกับหายใจเท่านั้น
“ข้าชักสงสัยแล้วสิ ว่าเรนคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่” เทพดาบหรี่ตามองพวกผม “เป็นศัตรูกับผู้ใช้วิญญาณระดับเทพถึงสองคนพร้อมกันไม่พอ ยังเป็นศัตรูกับเอเธอร์อีก ..ไม่สามารถพูดได้เต็มปากแล้วสิว่าเป็นผู้ทรงปัญญา”
“คิดได้อย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์มาหาเรื่องพวกเราอีกนะ”
วินทำเป็นเท้าสะเอวพูดอย่างได้ใจ พอเห็นว่าเทพดาบแพ้แล้วก็ดี๊ด๊าขึ้นทันที
“ข้าไม่มีทางเลือกมากนักหรอก ยังไงซะก็แค่อยู่เฉยๆสักชั่วโมงมันจะมีปัญหาอะไรกัน หลุดไปได้เมื่อไหร่ แค่ตามไปฆ่าพวกเจ้าทีละคนก็จบงาน ถึงตอนนั้นพวกเจ้าคงไม่มีมานาเหลือพอจะขังข้าไว้อีกครั้งแล้วล่ะ”
อย่างที่เทพดาบพูดเลย ก็แค่ยื้อเวลาโดนเทพดาบฆ่า ทว่า–อย่าลืมว่าทางผมมีเอเธอร์อยู่
รุ่นใหญ่ต้องเจอรุ่นใหญ่ คนที่ฆ่าเทพดาบได้บนโลกนี้คงมีแค่เอเธอร์กับไรเดนแค่สองคนนั่นแหละ หน้าที่ของเด็กใหม่อย่างผมคือสร้างเวทีให้พวกติดบัคตีกันก็พอ เด็กแรกเกิดอย่างผมไม่บังอาจหรอก แค่ชั่วโมงบินก็ต่างกันแล้ว เอาบ้าอะไรไปสู้ไหว
“เอาล่ะจบไปหนึ่งเรื่อง วินช่วยตรวจหาลูซิเฟอร์ที”
“ไม่ไหวหรอก”
“ไม่ไหว?”
“เออสิ คิดว่าการตรึงเทพดาบไว้เป็นชั่วโมงมันง่ายนักเรอะ!? ไม่มีเวลาแบ่งสมาธิไปตรวจหาลูซิเฟอร์รึใครหรอก หลังจากนี้ก็ช่วยพยายามด้วยตัวเองล่ะกันนะ สหายเลิฟ”
ลืมคิดจุดนี้ไปเลย ค่าใช้จ่ายในการหยุดเทพดาบมันไม่ได้ถูกหรอก เทพดาบที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาไสยศาสตร์คนนั้น ไม่มีทางโดนขังได้แบบไม่มีเงื่อนไขแน่นอน แต่ว่า..ไม่รู้ที่อยู่เบลลามีกับยูจิด้วยสิ ..ผมถอนหายใจเฮือกโต
“เข้าใจแล้ว ต้องไปพึ่งเคียวยะแทนสินะ”
“ตามนั้นเลยจ้า”
พูดจบผมก็พยักหน้าให้วินและวิ่งเข้าไปในหอโดยเร็วที่สุด
****
แกนน่อนนั่งอยู่ในกล่องสีขาว เธอนั่งกอดเข่าตัวเองด้วยท่าทางน่าสงสาร ..วินเห็นก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา เพราะถึงเจ้าตัวจะเป็นเทพดาบ แต่ภายนอกอายุดูไม่ห่างกับตัวเองสักเท่าไหร่เลยให้ความรู้สึกว่าอายุก็พอๆกัน ไม่เห็นต้องโหดร้ายกันเลย ประมาณนั้น
แม้ว่าอายุจริงๆของแกนน่อนจะเป็นพันๆปีล่ะก็ตาม แต่ก็อดสงสารไม่ได้ ยิ่งนั่งกอดเข่าแบบนั้นมันยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่
“..ทนอยู่อีกหน่อยนะ”
“เอาเวลาสงสารศัตรูไปคิดแผนรับมือสถานการณ์ต่อจากนี้เถอะ เจ้าหนู ..ข้าหลุดไปได้เมื่อไหร่ มันหมายถึงความตายของพวกเจ้าเชียวนะ”
“ทะ ทางฉันมีเอเธอร์อยู่เชียวนา!”
สุดท้ายก็ได้แต่ทำใจดีสู้เสือ
“เอาอะไรมามั่นใจว่าเอเธอร์จะชนะล่ะ? ..ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปดั่งใจหรอกนะ โลกใบนี้ไม่ได้หมุนรอบตัวเจ้าเสียหน่อย อะไรจะเกิดขึ้นก็ได้ อย่างเช่นจู่ๆแผ่นดินก็สั่นจนเจ้าเสียสมาธิและปล่อยข้าหลุดออกไปได้เพราะเสียสมาธิ สุดท้ายเจ้าก็จะตายโดยเปล่าประโยชน์ ..ราชาไสยศาสตร์ไม่ได้สอนเรื่องความไม่ประมาทให้เจ้าเลยหรือ?”
วินยิ้มเจื่อนๆ เหมือนว่าจะโดนหักหน้าเข้าอย่างจังแต่เทพดาบหาได้สนไม่
ถึงจะดูเด็กแต่ก็เป็นยายแก่ วินรู้สึกเอือมระอากับท่าทางการพูดบ่นที่เหมือนกับคนแก่ของแกนน่อน จนสุดท้ายก็เลือกจะปิดปากเงียบไม่คุยด้วย เพราะแกนน่อนหากมองแค่นิสัยล่ะก็ ..หล่อนคือยายแก่ปากเสียชัดๆ
ในท้ายนี้ แกนน่อนค่อยๆหรี่ตาลงและไม่มีใครสักคนเห็นว่าแววตาของเธอในตอนสุดท้ายนั้น ..ดูเศร้าโศกเพียงใด
ก่อนที่เธอจะหลับตาหนีความจริง เธอพึมพำคนๆหนึ่งออกมาโดยไม่ตั้งใจให้ใครได้ยิน ..
…
คนปกติ—สิ่งมีชีวิตไม่สมควรโดนทำเช่นนี้ ต่อให้เธอจะเป็นว่าที่เทพดาบแต่มันก็ไม่ควรเกิดขึ้น ..เพราะทุกคนคือมนุษย์–แนวคิดพรรค์นี้น้อยคนที่จะมีอยู่ในหัว
บนโลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้ายป่าเถื่อน แกนน่อนสามารถตรัสรู้ได้ด้วยตัวเอง
231 ครั้ง นั่นคือจำนวนครั้งที่แกนน่อนถูกทำร้ายภายในหนึ่งเดือนเมื่อสมัยก่อน
100 ครั้ง คือจำนวนที่แกนน่อนถูกข่มขืนจากชายแปลกหน้าหลายคน ทั้งหมดเกิดขึ้นในวันเดียว เธอถูกผลัดกระทำเวียนกันทั้งวัน
84 ครั้ง คือครั้งที่แกนน่อนถูกทุบตีระหว่างร่วมเพศ
10 ครั้ง คือจำนวนครั้งที่ช่องคลอดของแกนน่อนฉีกขาด
และ 1000 ครั้ง คือจำนวนการลงดาบที่แกนน่อนใช้ฆ่าคนเป็นครั้งแรก ศพถูกหั่นเป็นร้อยส่วน ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ตายคือใคร ..แต่ว่าทุกคนรู้กันดีว่าใครเป็นคนฆ่า เพราะภาพเบื้องหน้ามีเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนเดียวที่ในมืดกำมีดสั้นเอาไว้
เมื่ออดีต แกนน่อนเป็นเพียงเด็กสาวทั่วไปเท่านั้น เธอคือเผ่าครึ่งมนุษย์ มีใบหูเหมือนกับสุนัขและมีหางเหมือนกับที่พ่อแม่ของเธอมี ในยุคนั้น ตัวตนของเธอไม่ได้พิเศษอะไร เธอเกิดอย่างธรรมดาในครอบครัวชาวนาเผ่าครึ่งมนุษย์ทั่วๆไป เธอดำเนินชีวิตมาได้จวบจนกระทั่งอายุได้สิบขวบ
หมู่บ้านของเธอถูกโจรป่าเข้าปล้น พ่อและแม่ของเธอถูกฆ่าตายเนื่องจากตั้งใจปกป้องเธอ ทุกคนในหมู่บ้านตายกันหมด ยกเว้นเธอ ..เพราะเธอหน้าตาดี
แกนน่อนถูกนำไปขายให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในอาณาจักรยักษ์ใหญ่จะนำเธอไปประมูลในโลกใต้ดิน
เธอถูกซื้อไปในราคาหลายแสนอิกดราซิลด์เนื่องจากใบหน้าที่งดงามไม่แพ้เอลฟ์ และด้วยความที่เป็นเผ่าอมนุษย์ซึ่งถือหาดูได้ยากในหมู่มนุษย์ ทำให้เธอเป็นที่สนใจ
สุดท้ายชีวิตของเธอก็ไปอยู่ในมือของขุนนางชั้นสูง
หน้าที่ของเธอคือ—นางบำเรอ
เธออยู่ในห้องแคบๆเล็กๆ มีหน้าที่แค่อาบน้ำกินข้าวและร่วมมีเพศสัมพันธ์กับผู้เป็นเจ้าของ แม้ว่าเจ้าของเธอจะกระทำรุนแรง แต่ก็มีปัจจัยที่มนุษย์ต้องมีอย่างครบถ้วน ..บางทีมันอาจไม่ได้แย่ขนาดนั้น
แต่ว่านับวัน ความต้องการที่แปลดประหลาดของเจ้าของเธอก็ค่อยๆทวีคูณมากขึ้น เธอถูกทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ถูกทรมาน และสุดท้ายก็ถูกรุมโทรมอย่างน่าเศร้า
ไม่ใช่แค่ร่างกายที่โทรม แต่เธอก็กลายเป็นผู้พิการ เพราะหูและหางของเธอได้ขาดเนื่องจากถูกดึงอย่างรุนแรงหลายคน ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครสนใจเลย เธอถูกทำเหมือนตุ๊กตา จนสุดท้าย ..เธอก็ทนไม่ไหว
แกนน่อนได้ฆ่าคนครั้งแรกเมื่ออายุได้สิบเอ็ดปี เธอไม่เคยจับดาบมาก่อน แต่ว่าหั่นคนออกเป็นร้อยส่วนได้ในไม่กี่วินาที
บางทีนั่นอาจเป็นพรสวรรค์ฟ้าประทาน ..ทั้งอย่างนั้น
ในใจของแกนน่อนก็ไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิด พรสวรรค์ในการฆ่าคนมันมีค่าที่ไหนกัน
ผู้คนพากันหนีตายจากแกนน่อน ในคืนเดียวกันกับที่เธอฆ่าคนครั้งแรก คนกว่าร้อยคนถูกเธอฆ่าตายภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ทหารรักษาการณ์ทุกคนถูกตัดคออย่างสวยงาม เหล่าคนที่ร่วมทารุณเธอร่างกายถูกแยกส่วนจนไม่รู้ว่าเป็นใคร
ใครคือเจ้านายของเธอ ใครคือคนที่สองที่ทำร้ายเธอ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ เพราะตรงพื้นมีเพียงเศษเนื้อ
อาวุธก่อเหตุคือ ..มีดสั้นที่ใช้สำหรับกินอาหาร
แกนน่อนเดินออกจากคฤหาสน์ด้วยร่างกายที่เปื้อนเลือด เธอไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนแม้แต่น้อย ..หลังจากวันนั้น—เธอก็ถูกตามล่า
ขุนนางที่เธอฆ่าคือคนสำคัญของอาณาจักร เธอถูกเหล่าหมาล่าเนื้อไล่ฆ่าไม่เว้นแต่ล่ะวัน และทุกคนก็ถูกเธอฆ่าอย่างง่ายดายด้วย จนผ่านไปได้สามปีก็ไม่มีใครตามเธอมาอีก แต่ถึงกระนั้น ..เธอก็ยังต้องฆ่าคนต่อไป
ครั้งนี้เธอต้องฆ่าเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป
แกนน่อนต้องฆ่าคนที่ไม่ได้ผิดอะไร เพื่อเอาอาหารมาประทังชีวิต ใบหน้าของเด็กตัวน้อยที่ร้องขอชีวิต เธอยังไม่ลืมเลือน ..สุดท้ายก็ต้องฆ่า และไม่รู้ว่าน่ายินดีหรือเปล่า เพราะเธอสามารถฆ่าคนได้โดยที่เธอไม่รู้สึกอะไร แม้ว่าใบหน้าของเด็กจะคอยหลอกหลอนเธอ แต่เธอไม่รู้สึกละอายใจเลย และยิ่งไปกว่านั้น ..ทุกคนที่โดนเธอฆ่าก็ไม่รู้สึกเจ็บเลย
พรสวรรค์ฟ้าประทาน ..คือการฆ่าคน ไม่ใช่แค่ทักษะ แต่หัวใจของเธอก็ด้วย
คิดได้เธอก็ไปเข้าร่วมกับอาณาจักรยักษ์ใหญ่ในช่วงสงครามแย่งชิงอำนาจ ทั้งหมดก็เพื่อหาอาหารมาประทังชีวิต เพราะเธอทำอะไรไม่ได้นอกจากฆ่าคน เพียงไม่นานก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุด และถูกส่งไปฆ่าคนสำคัญมานับครั้งไม่ถ้วน
ทุกคนที่ถูกเธอหมายหัวตายหมด ไม่ใช่แค่เจ้าตัว แต่ทั้งวงศ์ตระกูลได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์
เธอใช้เวลาล้างตระกูลภายในไม่ถึงหนึ่งวัน และไปส่งงานภายในไม่กี่วัน ก่อนจะรับงานใหม่ในทันที
ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก คนแก่ กี่คนแล้วที่ถูกเธอฆ่า เธอจำไม่ได้แล้ว ..นั่นคือเครื่องยืนยันที่บอกว่าแกนน่อนได้กลายเป็น ‘เครื่องจักรสังหาร’
ในช่วงสุดท้ายของสงครามแย่งชิงอำนาจ อาณาจักรของเธอถูกต้อนให้จนมุม ..ถ้าเกิดแพ้เธอก็จะตาย เธอต้องถูกนำมาแขวนคอไม่ผิดแน่ ผนวกกับสถานการณ์ที่ไม่ว่ายังไงก็แพ้ เธอเลยตัดสินใจหักหลังพักพวกของเธอ
เหล่าลูกน้องที่ทำงานภายใต้คำสั่งของเธอ ถูกเธอฆ่าโดยไม่บอกกล่าวสักคำ ลูกน้องคนสุดท้ายร้องไห้ ..ลูกน้องคนนั้นบอกว่าเห็นเธอคือครอบครัว ..ทุกคนเองก็คิดอย่างนั้น แต่เธอกลับหักหลัง
ลูกน้องไม่ได้ร้องขอชีวิต เขาทำเพียงแค่สาปแช่งแกนน่อน คำสาปนั้นยังคงติดตัวเธอมาจนถึงตอนนี้
หลังจัดการลูกน้องทุกคนหมด แกนน่อนก็ย้ายฝั่งและถูกส่งไปทำลายอาณาจักรเก่าของตัวเอง แลกกับการที่เธอจะได้รับเงินจำนวนมหาศาลพร้อมที่ดินในชนบท ดูเป็นข้อเสนอที่เย้ายวลทว่ามันคือภารกิจฆ่าตัวตายไม่ผิดแน่ ต่อให้เป็นแกนน่อน เครื่องจักรสังหารที่แกร่งที่สุดในเวลานั้น ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำภารกิจสำเร็จ เธอแค่ถูกส่งมาตายเท่านั้น ..สุดท้าย ปลายทางของทางเลือกของเธอก็นำพาเธอมาสู่การฆ่าและต้องตายอยู่ดี
แกนน่อนไม่มีทางเลือก เธอเพียงคนเดียวเข้าห้ำหั่นกับทั้งอาณาจักร เป็นเวลาไม่รู้กี่วัน แต่ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือ ..ทุกคนในอาณาจักร ไม่เว้นแม้แต่ประชาชน ถูกเธอเพียงคนเดียวฆ่า
เธอเป็นอิสระแล้วเหรอ? ..เธอยิ้มออกมาแต่ พอหันไปมองที่มืดที่เปื้อนเลือดของตัวเอง เธอก็คิดได้
ไม่ได้เป็นอิสระสักหน่อย ..แต่ถูกผูกมัดไว้แล้วต่างหาก เหมือนกับคำสาปที่ตัวเองได้รับ ชีวิตของเธอจะไม่มีทางหลุดพ้นมันได้
วันนั้นเธอถูกยกย่องในฐานะ ‘เทพดาบ’ ทั้งๆที่สิ่งที่เธอทำเป็นเพียงแค่การ ‘ฆ่าคน’ โดยไม่เลือกเท่านั้น
เธอรังเกียจในดาบ รังเกียจในฉายาของตัวเอง ..ความภูมิใจบ้าบออะไร การฆ่าพวกพ้องของตัวเองและฆ่าผู้บริสุทธิ์มันน่าภูมิใจตรงไหนกัน
สุดท้ายก็ต้องทำงานเหมือนเดิมให้อาณาจักรใหม่อยู่ดี ถูกส่งไปฆ่าคนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ..ที่เธอทำได้ สุดท้ายก็มีแค่การฆ่าคนเท่านั้น เธอยังคงเหมือนเดิม ตั้งแต่อดีตต่อให้ผ่านมากี่ปีก็ยังเหมือนเดิม
เช่นเดียววับรูปร่างของเธอ ..ไม่ได้แก่ขึ้นเลย หัวใจก็ไม่เต้นเลย แต่ก็ยังใช้ชีวิตได้ปกติ
เธอตระหนักรู้ได้ว่าตัวเอง ..ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว
สุดท้ายวันหนึ่ง อาณาจักรที่แกนน่อนทำงานให้ก็ล่มสลาย เธอออกจากอาณาจักรนั้นและเดินทางรอบโลก เพื่อหาวิธีที่จะทำให้เธอกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ระหว่างการเดินทาง เธอก็ยังคงต้องฆ่าคนอยู่ดี โลกใบนี้ไม่มีทางเลือกให้เธอเลย ถ้าเธอไม่ฆ่าเธอก็จะตายโดยที่ตัวเองยังไม่ได้กลับมาเป็นมนุษย์ คิดอย่างนั้นแล้วก็ฆ่าพลางคิดว่าช่วยไม่ได้ แต่ถึงคิดว่าช่วยไม่ได้ แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร
แค่หาข้ออ้างให้ตัวเองดูดีแค่นั้น ..
ทุกคนต่างยกย่องเธอ เรียกขานเธอว่าเทพดาบ เรื่องเล่าตำนานที่สวยงามของเธอถูกสานต่อไปสู่รุ่นต่อรุ่น เด็กๆหลายคนต่างอยากเป็นเหมือนเธอ โดยไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังชื่อของเธอมันคือการฆ่าที่ไร้ซึ่งที่สิ้นสุด
การเป็นมนุษย์คืออะไร? คำตอบอยู่ในการกระทำที่ผ่านมาของเธอ—การเป็นมนุษย์สำหรับเธอคือการโดนฆ่า
ถ้าเธอตายโดยไม่ตั้งใจ ..เธอก็จะเป็นมนุษย์อย่างที่หวังไว้ได้
ด้วยเหตุนั้นแกนน่อนจึงแบกรับนามของเทพดาบ และอุทิศชีวิตเพื่อโลกใบนี้ เธอหวังว่าสักวันจะมีใครสักคนที่มาปลดปล่อยเธอได้ ..จะมีใครสักคนที่ฆ่าเธอได้ และพาเธอกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง
ในทุกร้อยปี เธอจะรับมนุษย์คนหนึ่งเป็นลูกศิษย์จะฝึกฝนให้เติบใหญ่ และมาท้าดวลกับเธอ แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่มีใครเอาชนะเธอได้
แม้แต่คนที่เธอคิดว่าจะชนะเธอได้ ..ผู้กล้ารุ่นที่หนึ่ง เธอคิดว่าเขาจะฆ่าเธอได้ แต่ผู้กล้ากลับปฎิเสธข้อเสนอของเธอ และหาว่าตนเองเป็นคนโง่เขลา
เธอไม่มีทางจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการหรอก ตราบที่ยังไม่ได้เข้าใจอะไรเธอก็ไม่มีทางได้เป็นมนุษย์หรอก ..ผู้กล้ารุ่นแรกกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะจากเธอไป โดยไม่สนเธอผู้เป็นอาจารย์ ในท้ายนี้เขากล่าวไว้ว่า— “จนตายอย่างว่างเปล่าซะเถอะ”
..ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่มีทางที่เธอจะได้ตายอย่างที่ต้องการ ทว่า—ก็ยังพยายามต่อไปอย่างเปล่าประโยชน์ เธอไม่ได้เติบโตขึ้นเลย ไม่ได้รู้อะไรเลย ต่อให้ผ่านมาเป็นพันปี ต่อให้พบเจอผู้คน พบเจอลูกศิษย์มากว่าสิบคน เธอก็ไม่ได้อะไรจากพวกเขาเลย
เธอยังเหมือนเดิมอยู่ตลอด และเฝ้ารอคนที่ไม่มีทางมาหาเธอ ก็เพราะว่าคนที่จะปลดปล่อยเธอได้น่ะ ..มีแค่ ‘ตัวเอง’ เท่านั้นแหละ
ถ้าเรื่องแค่นี้ยังรู้ด้วยตัวเองไม่ได้ก็จงตายไปอย่างว่างเปล่าเสีย ..
ในบทสรุป
ตัวจริงของเทพดาบก็เป็นเพียงแค่—เด็กสาวที่บิดเบี้ยวจากโชคชะตา เท่านั้นล่ะ
“..ให้คำตอบข้าทีสิ ..”
เทพดาบพึมพำเช่นนั้นอยู่เรื่อยมา ..ตั้งแต่เมื่อพันปีก่อน
****
เกรย์วิ่งไปตามป่า เขาตรงไปที่ก้อนมานาสีทองโดยที่ในหัวนึกถึงแต่ใบหน้าของผู้เป็นอาจารย์
“..งี่เง่าจริงๆ”
เกรย์ถอนหายใจพลันเม้มปากด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่วิ่งตรงไปอยู่นั้น—ตรงหน้าของเธอก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนดักอยู่ ..
“..ช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย ..อาจารย์”
เรย์ ..น่าจะสลบอยู่แท้ๆแต่ทำไมถึงตื่นขึ้นมาได้ เกรย์รู้สึกแปลกใจแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกดีใจที่ลูกศิษย์ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?”
เรย์ในสภาพที่เหงื่อท่วมชี้ดาบเข้าหาเกรย์ พลันตะโกนขึ้น
“ตอบสิ!!!!”
เกรย์ถอนหายใจเฮือกโต เขานำดาบที่ถูกพันเอาไว้ออกมา–ดาบสีเงินที่สวยงาม ‘ดาบมังกรเหล็ก’
“หลอกกันมาตลอดเลยเหรอ ..”
“ไม่เลย ฉันไม่เคยโกหกหนุ่มน้อยเลยสักครั้ง แค่เรื่องนี้โปรดอย่าได้เข้าใจผิด”
“ถ้านั้นทำไม—”
“ช่วยไม่ได้หรอก”
เกรย์นำดาบมาวางไว้บนไหล่
“เราต่างไม่มีทางเลือกกันทั้งนั้น ..มันก็แค่—มีคนที่ฉันต้องช่วยให้ได้อยู่ ก็แค่นั้น”
ได้ยินอย่างนั้นเรย์ก็ตั้งท่าดาบ ทั้งสองต่างเหมือนกัน มีคนที่อยากจะช่วยอยู่ ไม่เคยคิดอยากสู้กันเลย อีกฝ่ายเป็นคนสำคัญ เพียงแค่–ไม่มีทางเลือก