เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 142: แหงนหน้ามองฟ้า (6)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 142: แหงนหน้ามองฟ้า (6)
< < 109 Sec6 > >
วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของเรย์ ..
ไม่มีงานเลี้ยงหรือชุดอาหารยักษ์ใหญ่ใดๆทั้งนั้น มีเพียงแค่เสียงไฟสลัวๆจากกองเพลิงและคนเพียงไม่กี่คน
แกนน่อนนั่งอยู่นอกวงกองไฟ ส่วนเกรย์และเรย์นั่งอยู่ตรงข้ามกันระหว่างกองไฟ มันคือพิธีอะไรสักอย่าง เป็นธรรมเนียมบางอย่างของเกรย์ซึ่งเรย์ไม่รู้จักและทางเกรย์ก็ไม่อธิบายอะไรเรย์อีก ด้วยเหตุนี้เองทำให้เรย์หน้าบูดบึ้งทั้งๆที่ควรยินดีที่ได้จบการศึกษาแท้ๆ
“อะไรกันหนุ่มน้อย ทำหน้าแบบนั้นมันชวนให้รู้สึกไม่ดีนะ” เกรย์พูดหยอกล้อ
“ยังไงก็ช่วยอธิบายกันหน่อยเถอะครับ พิธีจบของอาจารย์เนี่ย ..”
“..นั่นสินะ” เกรย์พึมพำเช่นนั้น และโพล่งขึ้นอย่างหนักแน่น “นั้นก็จบแค่นี้แหละ”
เกรย์แบมือให้ ..เป็นอันจบ เรย์เอียงคอฉงนพลันหัวเราะแห้งๆ
“เดี่ยวสิๆ จบง่ายๆงี้เลยเรอะ!? คุยกันตอนแรกบิ้วซะอลังการ!”
“ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันน่าจะเคยเล่าให้หนุ่มน้อยฟังนี่ว่าตัวเองไม่เคยจบการศึกษาจากสำนักดาบไหนแล้ว”
ใช่แล้ว เกรย์ผู้เป็นอาจารย์ของเรย์ไม่เคยเรียนจบสำนักดาบแบบเป็นทางการเลย เขาจึงไม่รู้ธรรมเนียมปฎิบัติที่ต้องทำให้ลูกศิษย์ ..ได้ยินอย่างนั้นเรย์ก็ไหล่ตก และหันหน้าไปพึ่งแกนน่อนทันที
แกนน่อน—หลบหน้าหนี
“ข้าเองก็ไม่รู้”
“อะไรฟร้ะ!? พวกคุณสองคนน่าจะเป็นนักเดินทางไม่ใช่รึไง ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่รู้ล่ะเนี่ย มันความรู้พื้นฐานเลยนะ ไม่เคยเดินผ่านสำนักดาบแล้วถามหรือได้ยินผ่านหูมาเลยรึไง!”
“ก็บอกไม่รู้ไง ไม่รู้ก็คือไม่รู้เจ้าหนุ่ม”
เรย์ได้แต่กุมขมับ พิธีจบการศึกษาสุดซึ้งได้จางหายไป ไม่มีอีกแล้วตอนจบที่งดงาม ..เกรย์ตบมือดังสนั่นป่า เพื่อคลายบรรยากาศสุดเหงาหงอย
“ช่างพิธีจบตามธรรมเนียมไปเถอะ พวกเราก็จบในแบบที่เราต้องการดีกว่า”
“ฟังดูดีนะครับนั่น แล้ว? จะทำยังไงเหรอ?”
“นั่นสินะ เอาเป็นว่าพวกฉันจะเปิดเผยตัวจริงแทนล่ะกัน”
“…อ่า ตัวจริงสินะ” เรย์หัวเราะพึมพำ “ว่ามาเลยครับ ว่ามาเลย”
ทั้งเกรย์และแกนน่อนแอบแปลกใจกับท่าทีของเรย์
“ท่าทางเช่นนั้นหมายความว่ายังไงกัน?”
“ก็แบบ ..ป่านนี้มีอะไรต้องปิดบังกันอีกเหรอ ไรงี้”
แกนน่อนผู้ตั้งคำถามถึงกับผงะ
“ไม่จริงน่า หรือว่า”
“แกนน่อน จริงๆแล้วเธอคือเทพดาบสินะ เทพดาบตัวจริงเสียงจริง”
….เกรย์หน้าซีดเผือก แกนน่อนเงียบกริบ
“แล้วก็อาจารย์เกรย์ คงจะเป็น ‘ดาบมังกรเหล็ก’ ผู้ถูกขนานนามว่าเป็นเทพดาบในยุคปัจจุบัน ..ถึงจะเป็นแค่ข่าวปลอมๆก็เถอะ แต่ในยุคนี้คุณถูกมองว่าเป็นเทพดาบเลยนะ”
“..รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ต้องถามว่าทำยังไงให้ไม่รู้มากกว่า อยู่กับพวกคุณตั้งสามสัปดาห์เลยนะ แถมพวกคุณไม่มีทีท่าว่าจะปกปิดอะไรเลย ชื่อก็เล่นใช้ชื่อจริงของตัวเองกันอีก”
จากนั้นเรย์ก็เริ่มบรรยายข้อสันนิฐานทั้งหมดออกมาตอกหน้าทั้งสองคน
“อย่างแรกเลย ความแข็งแกร่งที่เกินมนุษย์ที่ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าใช่คนกันจริงๆรึเปล่า โดยเฉพาะ—ท่านเทพดาบของเรา เล่นโชว์โหดซะขนาดนั้นมีหรือที่จะไม่สงสัยในตัวจริง ในทีแรกก็ไม่คิดว่าเป็นเทพดาบหรอกนะ แต่! ชื่อของเธอเป็นชื่อเดียวกับเทพดาบรุ่นแรก เกรย์ก็เป็นชื่อเดียวกับเทพดาบคนปัจจุบัน ..ตอนแรกมันเป็นแค่ทฤษฎีสมคบคิด บางทีเทพดาบคนแรกอาจจะยังไม่ตาย โลกใบนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เทพดาบอาจยังไม่เคยเปลี่ยนคน” เรย์พล่ามต่อยาวเยียด “ตามบันทึกประวัติศาสตร์ เทพดาบเปลี่ยนมาแล้วอย่างน้อย 100ปีต่อหนึ่งคน ในยุคปัจจุบันเทพดาบก็คือ–ดาบมังกรเหล็ก เกรย์ แต่เขาว่ากันว่าเทพดาบคนปัจจุบันเป็นผู้หญิง ทำให้คิดได้ว่าบางทีทั้งหมดมันอาจเป็นแค่ข่าวลือหลายๆแหล่งมารวมกัน …เทพดาบเป็นผู้หญิง หมายถึงแกนน่อนแน่นอน ส่วนเทพดาบคือดาบมังกรเหล็กอาจเป็นเพราะอาจารย์เกรย์เป็นคนออกหน้าแทนแกนน่อนบ่อยๆ”
ยิ่งพูดเกรย์ก็ยิ่งเหงื่อไหล แกนน่อนก็หลับตาบยอมรับทุกอย่างง่ายๆ
“แต่มันก็ยังไม่ชัวร์ ปริศนาสุดท้ายคงต้องถามท่านเทพดาบเองแล้วล่ะ”
เรย์ยิ้มแบบหยอกล้อใส่แกนน่อนโดยไม่สนว่าเธอคือเทพดาบในตำนานคนนั้น
“เมื่อสามร้อยปีก่อน เธอมีลูกศิษย์ที่ชื่อ–แลนสล็อตอยู่รึเปล่า?”
“นั่นลูกศิษย์ข้าเอง”
“สองร้อยปีก่อน เธอมีลูกศิษย์ที่ชื่อการ์เวนสินะ?”
“ใช่แล้ว”
เรย์ตบมือหนึ่งจังหวะ เป็นอันเป็นคดี
“ทุกคนออกหน้าแทนเหมือนกับอาจารย์เกรย์ ทำให้พวกเขาถูกขนานนามว่าเทพดาบทั้งๆที่ไม่ใช่ และทุกคนก็มีข่าวลือว่าอาจเป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย ซึ่งลงล็อคเลยล่ะนะ”
ให้สรุปง่ายๆเลยคือเทพดาบมีแค่คนเดียวมาตั้งแต่แรก ไม่เคยมีคนที่สองหรือสาม เพียงแค่ในมุมคนภายนอกจะคิดว่าเทพดาบมีกันหลายคนในแต่ล่ะยุคสมัยซึ่งมันผิด ประวัติศาสตร์จริงดันกลายเป็นแค่ของปลอม แต่ประวัติศาสตร์ปลอมดันกลายเป็นของจริง นั่นคือเรื่องที่น่าตลกของโลกใบนี้
“ต้องขอชื่นชม เจ้าหนุ่มมีความเฉลียวใช่ย่อย”
แกนน่อนเอ่ยปากชมเรย์ จัดว่าเห็นได้ยาก
“อ่า ไม่หรอกๆ เปิดหลังบ้านกันซะขนาดนี้ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น” เรย์หันหน้าไปมองดาบที่อยู่ข้างๆตัวของเกรย์ “ทันทีที่เห็นร่างที่แท้จริงของดาบเล่มนั้น ..ก็คิดได้เลยว่ามันต้องใช่แน่ๆ อาจารย์เกรย์ต้องเป็น ‘ดาบมังกรเหล็ก’ แน่ๆ”
เกรย์หรี่ตาลงก่อนจะยิ้มออกมา
“สมกับเป็นลูกศิษย์ของฉัน แต่ว่าพูดแบบนี้มันทำให้ทางนี้หน้าแตกนะ ฉันกับแกนน่อนตั้งใจจะเซอไพรส์ให้ตกใจสักหน่อย ..แต่ท่าทางเธอจะดูไม่ตกใจอะไรเลยนะ ตรงหน้าหนุ่มน้อยคือสุดยอดตำนานในวิทีทางแห่งดาบเลยเชียวนะ”
สุดยอดตำนานแห่งสายดาบ ไม่ใช่คำยกย่องที่เกินจริงเลย ทั้งสองคนคือตำนานที่ควรถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์โลกเสียด้วยซ้ำ
คนหนึ่งคือเทพดาบ นักดาบผู้ที่ทำให้วิชาดาบถือกำเนิดขึ้นบนโลก ต้นกำเนิดแห่งดาบ—อีกทั้งยังเป็นนักดาบที่แกร่งที่สุดตามคำยกย่อง
คนหนึ่งคือดาบมังกรเหล็ก ผู้โค่นมังกรในตำนานและผนึกมังกรไว้ในดาบซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในดาบที่ทรงพลังที่สุดบนโลก
โดยเฉพาะเทพดาบที่ถือว่าเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ทัดเทียมกับผู้กล้า
การได้เจอกับสองคนนี้ น่าภูมิใจพอจะเอาไปอวดให้ลูกหลานฟังได้ เอาไปทำเป็นนิทานเลยก็ยังได้ เพียงแต่ว่า
เรย์เท้าคางและหัวเราะ ‘หึ’ ออกมาแทน ….
“ฟังนะทั้งสอง ฉันมีเพื่อนสองคนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ แล้วยังโดนเรียกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับเทพที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีก แล้วก็มีเพื่อนอีกคนเป็นผู้ใช้ดวงตามหาปราชญ์ คนหนึ่งใช้พลังประหลาดๆรักษาคนที่ปางตายให้หายดีได้หน้าตาเฉย คนหนึ่งเป็นผู้สืบทอดพลังของมหามังกร คนหนึ่งเป็นเทพธิดาผู้สร้าง …มีอาจารย์เป็นตัวตนที่ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งสุดบนโลก” เรย์หัวเราะพึมพำอย่างหมดอะไรตายยาก “ต่อให้มีคนรอบตัวเป็นจอมมารหรือเทพรึผู้กล้าอีกก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ เพราะทุกวันนี้คนที่อยู่รอบตัวก็เริ่มออกห่างความเป็นคนกันทุกทีแล้ว ใช่ รอบตัวฉันมีแต่สัตว์ประหลาด”
“ใช้ชีวิตลำบากน่าดูเลยนะหนุ่มน้อย”
“ใช่สิครับ พอเอาตัวเองไปเทียบกับทุกคนนี่ไม่ไหวอ่ะ ..เพราะอย่างนั้นล่ะ ทั้งสองคนจะเป็นอะไร ฉันไม่สนหรอก เพราะหนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว”
เรย์ยิ้มให้อย่างใสซื่อ
“ขอบคุณนะที่อุตส่าห์สอนเด็กไร้ชื่ออย่างผม ..ขอบคุณที่เป็นคู่ดวลให้ตลอดนะ—เทพดาบ การได้เธอมาเป็นคู่มือ บอกตามตรงว่าเป็นเกียรติมาก ..ขอบคุณจริงๆครับ!”
เรย์โค้งศรีษะให้ทั้งสอง ..เกรย์ลุกขึ้นยืนและเดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าเรย์
พิธีจบการศึกษาได้เริ่มขึ้นแล้ว ..
“..ขอโทษนะเรย์”
ทว่ามันกลับไม่ใช่ เกรย์กลับขอโทษเรย์ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย–เรย์แหงนหน้ามองด้วยแววตาที่ยังคงไว้ซึ่งความใสซื่อ
“ช่วยหลับไป ..สักสามชั่วโมงนะ”
พูดจบเกรย์ก็สับหลังคอของเรย์จนร่างของเรย์กระแทกเข้ากับพื้น
ด้วยแรงที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้เรย์หมดสติในทันที
“..”
“เจ้าหนุ่มนั่นตื่นมาแล้วพบกับสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำต่อจากนี้ ..ในจิตใจคงจะเต็มไปด้วยความแค้นไม่ผิดแน่ ถูกลูกศิษย์คนเดียวของตัวเองเกลียดเช่นนี้ น่าเศร้าเหลือเกินนะ”
“ท่านอาจารย์เป็นคนเลือกทางนี้ให้เองนี่”
เกรย์ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจด้วยท่าทางสุดจะหน่ายใจ
“ถอยหลังกลับไม่ได้แล้วไม่ใช่รึไง?”
“ใช่แล้ว หันกลังกลับไม่ได้แล้ว ..เกรย์เจ้าจงเป็นอมตะซะ ..และสักวันจนแข็งแกร่งขึ้นมากพอที่จะฆ่าข้าให้ได้ซะ นั่นคือเป้าหมายดั้งเดิมของเจ้าไม่ใช่รึไง”
เกรย์แหงนหน้ามองดวงจันทร์ นึกถึงเป้าหมายของตัวเอง ..ใช่ ตลอดมาตัวเองตั้งใจจะก้าวข้ามเทพดาบมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้และต้องหันไปใช้วิธีที่น่ารังเกียจ
“เพราะอย่างนั้นฉันถึงต้องร่วมมือกับไอ้สวะเรน แล้วก็หักหลังศิษย์รักของตัวเองสินะ”
แกนน่อนพยักหน้ารับ และโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด
“เจ้าเองก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าชีวิตของตัวเองจะยังดำเนินไปต่อ ไม่จำเป็นต้องมีลูกศิษยืเพื่อฝากฝังเจตนารมณ์เสียหน่อย ทั้งอย่างนั้นเจ้ากลับรับเจ้าหนุ่มเข้ามาเป็นศิษย์ และสัญญาว่าจะมอบดาบที่ตั้งใจจะสังหารข้าให้เจ้าหนุ่มนั่น ..ตัวเจ้าที่ไร้ซึ่งดาบเล่มนั้น ไม่มีทางโค่นข้าได้ต่อให้ฝึกเป็นพันปี เจ้าน่าจะรู้ตัวดีนี่?”
“ได้ยินด้วยเหรอ ..แอบฟังนี่หว่าท่านอาจารย์”
“เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
แกนน่อนจับดาบของตัวเอง พร้อมที่จะชักมันออกมาฟาดฟันทุกเมื่อ ..เกรย์เห็นก็ยกมือยอมแพ้
“ให้สู้กับท่านอาจารย์ตอนนี้ไม่ไหวหรอก”
“..คงจะอย่างนั้น—เกรย์ ข้าจะบอกเจ้าให้อย่างหนึ่ง”
“อะไรล่ะครับ?”
“เจ้าหนุ่มไม่คู่ควรกับดาบของเจ้าหรอก ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะใช้ดาบเล่มนั้นได้ดีไปกว่าเจ้า เพราะไร้ซึ่งพรสวรรค์ ต่างกับเจ้า เจ้าน่ะมีพรสวรรค์เป็นผู้คิดค้นวิชาดาบที่สามารถสวนวิชาดาบทั้งหมดของข้าได้—-เทพดาบคนต่อไปคือเจ้า”
แกนน่อนกำหมัดแน่น ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่ที่เห็นได้ชัดคือ—เธอกำลังกังวลอยู่
“เกรย์มีแค่เจ้าคนเดียวนี่แหละที่โค่นข้าได้”
เกรย์ยิ้มให้แกนน่อนด้วยใบหน้าที่ดูจะผิดหวัง
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ที่พวกเราพบกันครั้งแรก ท่านไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ ในวันที่ท่านฆ่าพี่สาวของฉัน วันนั้นเมื่อหลายสิบปีก่อน พอมองย้อนกลับไป ..ท่านน่ะยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย ฉันคิดไม่ออกเลยว่าตลอดการเดินทางของท่านอาจารย์กับลูกศิษย์คนก่อนหน้าทุกคน ท่านได้อะไรกลับไปบ้าง”
คำพูดของเกรย์ทำให้แกนน่อนคิ้วกระตุก ทุกอย่างมันทิ่มแทงแกนน่อนเพราะที่พูดคือความจริง แต่ว่า
“เหมือนกับหัวใจของท่านที่ถูกแช่แข็ง—จิตใจของท่านเองก็กำลังถูกแช่แข็งเหมือนกัน ..ท่านอาจารย์ หวังอย่างยิ่งว่าสักวันจะมีใครสักคนมาปลดปล่อยท่าน” เกรย์คว้าดาบข้างตัวขึ้นมา “โลกนี้จะมีรึเปล่านะ คนที่สามารถชนะท่านได้โดยไม่ต้องใช้ดาบ ..ท่านน่าจะรู้ดีนะ ต่อให้ฉันมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์เหมือนกับท่าน ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะมาปลดปล่อยท่านอยู่ดี ถ้าทำได้ท่านคงเป็นอิสระไปนานแล้ว ต่อให้ฉันอยู่กับท่านเป็นพันปี ต่อให้วันหนึ่งฉันสามารถฆ่าท่านได้ แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก”
….แกนน่อนหรี่ตาลง
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเรย์จะปลดปล่อยข้าได้นั้นรึ?”
“ไม่เลย บอกตามตรงลูกศิษย์คนนี้ปลดปล่อยท่านอาจารย์ไม่ได้หรอก ..แต่ว่ามนุษย์ก็แบบนี้ล่ะ” เกรย์ยิ้มให้ “สักวันหนึ่ง ผู้ที่ได้ถือครองดาบของฉันในรุ่นต่อๆไป ต้องมีสักคนที่ปลดปล่อยท่านอาจารย์ได้แน่ กว่าจะถึงวันนั้นก็อยากให้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปน่ะนะ ..แต่เอาเถอะ ถึงฉันจะพล่ามอะไรไปท่านก็คงไม่ฟังหรอก คนที่จะมาปลดปล่อยท่านมันเป็นตัวตนที่คล้ายกับนามธรรม”
กล่าวจบเกรย์ก็ยกดาบขึ้นมาทาบไว้บนบ่า
“ถ้ายังยืนกรานจะให้ฉันเป็นผู้โค่นท่านอาจารย์ก็ย่อมได้ จะยอมใช้วิถีมารชั้นต่ำเช่นเดียวกับเรน และฆ่าท่านให้ดู ฉันเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าวาระสุดท้ายของท่านอาจารย์จะเป็นยังไง ใบหน้าของท่านเวลานั้นจะยินดีหรือว่าเสียใจ ถึงตอนนั้นคงได้รู้กัน เพราะอย่างนั้น—ดาบมังกรเหล็กเล่มนี้ ฉันจะรับไว้ต่อเอง”
แกนน่อนพยักหน้ารับ
“เข้าใจแล้วก็ไปกันเถอะ ทำงานที่เรนมอบหมายไว้ให้ลุล่วงกันเถอะ”
****
ยูจิยืนอยู่กลางป่าตัวคนเดียว เขาหันซ้ายหัวขวาไปมาก็ไม่พบว่ามีใครอยู่
“มาช้าจังเลยนะ ..คุณโซล่า”
เหมือนว่ายูจิจะกำลังรอโซล่าอยู่ ไม่รู้ทำไมเธอถึงนัดยูจิไว้ดึกดื่นขนาดนี้ แถมยังเป็นกลางป่าอีก เรื่องนี้ยูจิเองก็สงสัยเหมือนกัน แต่เพราะซื่อเกินไปเลยไม่ได้คิดอะไรมาก
..ไม่นานเกินรอ โซล่าโผล่ออกมาแล้ว
“คุณโซล่ามีอะไรรึเปล่าครับ?”
ยูจิกล่าวถาม แต่ว่าโซล่าไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น ยูจิเอียงคอฉงนและรีบวิ่งไปหาโซล่า
“—–คุณโซล่—”
พูดไม่ทันจะจบ เปลวเพลิงขนาดยักษ์ก็พุ่งเข้าใส่หน้าของยูจิ—ตู้ม!!!!! เกิดเสียงระเบิดขนาดยักษ์ขึ้น ยูจิกระโดดออกจากกองระเบิดตรงหน้าและหันไปมองโซล่าด้วยใบหน้าที่สับสน
โซล่าชี้คทามาทางยูจิ ..เวทย์เพลิงเมื่อสักครู่เมื่อกี้ก็คือเวทย์ของเธอ
“..ทำไม”
“ขอโทษด้วยนะ คุณยูจิ ..ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก”
โซล่ายกคทาเวทย์ขึ้นฟ้าและส่งสายตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใส่ยูจิ
“ช่วยตาย—เพื่อคุณเรเซอร์ด้วยนะคะ”
กล่าวจบป่าไม้รอบๆก็ถูกยกขึ้นฟ้า ก้อนมานาจำนวนมหาศาลผุดขึ้นรอบๆตัวของโซล่า ไม่ใช่แค่นั้น พื้นดินที่เหยียบก็ถูกยกขึ้นด้วยอำนาจแห่งคทาเวทย์ที่โซล่าถือครอง
ความทรงจำของยูจิถูกกระตุ้น เขาเคยเห็นคทาเวทย์อันนี้มาก่อนมันคือ— ‘การาวิเทีย’ คทาเวทย์ในตำนานที่สามารถควบคุมแรงโน้มถ่วงได้