เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 129: นักเรียนแลกเปลี่ยนกับเหล่าตัวอันตราย
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 129: นักเรียนแลกเปลี่ยนกับเหล่าตัวอันตราย
< < 103 > >
เหมือนว่ามิรันด้าจะพุ่งเร็วเกินไปจนออกจากวงไปเองล่ะ …ว่าไงดี แบบว่า–พลาดกับเรื่องไม่ใช่เรื่องสุดๆเลยวุ้ย
มิรันด้ายืนตัวแข็ง หล่อนอ้าปากค้าง และจากนั้นตัวก็เริ่มสั่นราวกับเครื่องรวน
“ฉะ ฉะ ฉันคนนี้แพ้ ฉันคนนี้เนี่ยนะ”
“ฮะ ฮ่า ยังต้องฝึกอีกเยอะนะมิรันด้า”
ผมทำเก็กพูดข่มอีกฝ่าย ทางมิรันด้าได้ยินก็ขบฟันกรามแน่นและหน้าแดงขึ้นมา
โกรธสุดๆเลยล่ะ
“อีกรอบ!”
“ไม่ล่ะ”
มีแต่คนโง่นี่แหละที่เลือกจะสู้ต่อหลังจากเห็นของดีที่มิรันด้าโชว์เมื่อตะกี้แล้ว ถ้าอาจารย์แช็คเข้ามาห้ามไม่ทันผมได้นอนโรงพยาบาลหรือในกรณีที่เลวร้ายผมก็อัดพลังในการตัดมิติเยอะไปจนเกิดหายนะขนาดย่อมขึ้นที่สนาม
หรือต่อให้ใช้เวทมนตร์รับแต่ก็รับประกันไม่ได้ว่ามันจะไม่เกิดแรงสะท้อนทำให้คนอื่นๆบาดเจ็บได้อีก
ไม่ว่าทางไหนผลลัพธ์ก็มีแต่หายนะทั้งนั้น ถึงต้นเหตุจะเป็นมิรันด้าที่ใช้แรงเกินความจำเป็นก็เถอะ
“นี่ฉันจะแพ้จริงๆแล้วสินะ”
“ใช่แล้ว เสียใจด้วยนะ”
มิรันด้าถอนหายใจแบบเสียดายเล็กน้อย ก่อนจะยืดหลังตรงเท้าสะเอวพลางหัวเราะร่า
“ครั้งแรกเลยแฮะที่แพ้คนอื่นเนี่ย เกิดมายังไม่เคยแพ้ใครได้ เพราะไม่เคยแพ้ใครเลยมีชีวิตอยู่ถึงตรงนี้ได้แท้ๆ อาาาา รางไม่ดีซะแล้ว รู้สึกว่าในอนาคตจะได้เจอเรื่องซวยเข้าในสักวันเลย”
“ต่อให้แพ้ก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้น่า ไอ้ผู้ชนะอย่างฉันเมื่อตะกี้ยังเกือบโดนหล่อนส่งลงหลุมเลย”
ถ้าไม่มีมาตรการณ์อะไรป้องกัน จังหวะนั้นผมมีโอกาสตายจริงๆนั่นแหละ ถ้าหล่อนไม่คิดออมแรงให้ในจังหวะสุดท้าย
“นั่นสินะ เอาล่ะๆ ในเมื่อแพ้แล้วก็ขอยอมรับเลยว่านายสุดจะแกร่ง”
สุดจะแกร่งมันไม่ใช่คำที่เอาไว้ให้คนที่ชนะได้เพราะอีกฝ่ายสะเพร่าหรอกนะ ไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรเลย ก็ถ้าอยู่ในสถานการณ์จริงและพวกเราต้องใช้หมัดต่อหมัดอย่างเดียว ทางผมคงจะแพ้
มิรันด้า เด็กสาวที่มีอายุพอๆกันกับผม ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ..ไม่อยากเชื่อว่ายังมีคนที่อายุเท่ากันแล้วทรงพลังขนาดนี้อยู่ด้วย
และถึงแม้จะหน่อยเดียว แต่ก็รู้สึกว่าพวกเราคล้ายกันด้วย สังหรณ์ใจว่าจากนี้คงมีชะตาแปลกๆเกิดขึ้นระหว่างพวกเราแน่ ชะตาที่ว่ามันจะดีหรือร้ายก็ค่อยมาลุ้นรอกันอีกทีในอนาคตล่ะกัน
มิรันด้ายิ้มให้ผมหนึ่งที ก่อนจะเดินไปหาอาจารย์แช็คที่ยืนขาสั่นอยู่
“จารย์แช็คหนูโดนเรเซอร์ต่อยจนเจ็บไปทั้งตัวเลยอ่า ขอเข้าห้องพยาบาลหน่อยนะคะ”
“ชะ เชิญเลย! วันนี้พักก่อนทั้งวันก็ได้นะ”
“ขอบคุณค่า ถ้านั้นไว้เจอกันนะ เรเซอร์”
มิรันด้าเดินออกจากสนามไปในขณะที่หลายคนยังคนนั่งอยู่บนพื้นกันอยู่
ในวันนั้นทุกคนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์กันว่ามิรันด้าคือ ‘สัตว์ประหลาด’
****
ขณะนี้มิรันด้าหรือนามจริงอย่างวิน เธอกำลังนอนดิ้นอยู่บนเตียงของห้องพยาบาล
“อ้าาาาาาาา!!!! เจ็บใจชะมัด!!!”
วินปาดน้ำตาของตัวเอง
“ถ้าเนลยอนรู้เข้าคงโกรธจัดเลย”
‘เหยียบเรื่องนี้ไว้ซะก็สิ้นเรื่อง”
ราชาไสยศาสตร์ ‘แรกซ์’ พูดไปหัวเราะไป สำหรับเขาการได้เห็นมิรันด้างอแงเช่นนี้เป็นเรื่องน่าเอ็นดูมาก เพราะชวนให้นึกถึงศิษย์รักสมัยก่อนอยู่สองหน่อ
คนหนึ่งเป็นจอมขี้โม้ที่พูดโม้ได้ตั้งแต่สากกะเรือยันเรือรบ เป็นตัวขี้โวยวายประจำสำนัก
อีกคนหนึ่งเป็นคนเงียบๆที่ชอบพูดจิกกัดชาวบ้าน เป็นคนที่ด่าชาวบ้านได้ตั้งแต่สากกะเรือยันเรือรบ
แต่ถึงจะทะเลาะกันแต่ทั้งสองก็เป็นเพื่อนซี้ที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน และในตอนจบก็สร้างชื่อให้ตัวเองในฐานะตำนานได้ พวกเธอกลายเป็นตำนานที่เหนือกว่าแรกซ์—–ทั้งสองก้าวข้ามแรกซ์ไปอย่างสวยงาม
แรกซ์รู้สึกภูมิใจจนอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น เขามักจะเป็นแบบนี้ประจำ เขาเป็นพวกเห่อลูกศิษย์ของตัวเอง เพราะอย่างนั้นบ่อยครั้งตัวแรกซ์ก็ชอบอวยวิน เอ็นดูวิน โอ๋วินซะอย่างกับลูก
เพราะความสัมพันธ์ของสองคนนี้คือศิษย์กับอาจารย์ แม้ว่าฐานะภายนอกจะเป็นสัญญานายบ่าวก็ตาม
‘เก็บเรื่องนี้ไว้ไม่ให้เจ้าเนลยอนมันรู้ และเก็บความพ่ายแพ้นี้ไว้เพื่อพัฒนาตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ศิษย์ของอาจารย์ต้องทำ’
“รับทราบ ..จะว่าไปเรเซอร์ คนๆนั้นนี่แข็งแกร่งของแท้เลยนะ ชักเข้าใจแล้วสิว่าทำไมเอเธอร์ถึงสนใจ”
วินแบมือมองมือของตัวเอง ด้วยสายตาที่เศร้าเสียใจ
“ถึงตอนแพ้มันจะเจ็บใจก็เถอะ แต่ฉันก็คิดนะว่าดีแล้วที่ฉันแพ้ ..ดีแล้วที่ของแท้ดีกว่าของปลอมน่ะ”
วินนึกถึงภูมิหลังของตัวเอง ..ความจริงที่ว่าตัวเองเป็นเพียงมนุษย์ทดลองที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับพลังของ ‘ราชาไสยศาสตร์’
เธอเป็นโรคเกี่ยวกับมานาตั้งแต่กำเนิด ทำให้ตัวเธอและน้องสาวแบ่งสิ่งที่ต้องได้กันคนล่ะครึ่ง
วินได้จิตใจมา แต่ร่างกายของเธอนั้นพัง
น้องสาวได้ร่างกายมา แต่ไร้ซึ่งจิตใจ
หากมองดูดีๆอาจกล่าวได้ว่าวินไม่ได้มีน้องสาว แค่ตัววินถูกแยกเป็นสองส่วนเพียงเท่านั้น ..เธอคิดอย่างนั้น และรู้สึกโล่งอกที่ตัวเองถูกเลือกให้เข้าเป็นหนึ่งในตัวทดลอง เพราะนั่นทำให้เธอมีร่างกายที่ดีเหมือนคนอื่นโดยแลกมากับการที่ต้องสู้กับตัวทดลองหมายเลขอื่น
วินชนะทุกคนและขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง และได้รับพลังของราชาไสยศาสตร์มา เธอได้ร่างกายที่ตัวเองควรจะได้มา แต่ถูกน้องสาวที่ไม่มีแม้แต่จิตใจขโมยไป
ทว่าความจริงก็ได้ปรากฏต่อหน้าเธอ
สิ่งที่เธอคิดมาตลอดนั้นผิด
มหามังกรวารีได้อธิบายให้เธอฟัง เพราะเขาวิจัยเรื่องนี้มาโดยตลอด
ตัวเธอไม่ได้ถูกแยก น้องสาวเธอก็ไม่ได้ถูกแยก ไม่มีใครเป็นต้นร่างของใครทั้งนั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ วินรับวิญญาณของน้องสาวมา ส่วนน้องสาวก็รับร่างกายของวินไป
ไม่ใช่ 1 ที่โดนหักเหลือ 0.5 แต่เป็น 2 ที่โดนยกให้คนใดคนหนึ่งทีเดียว 2 เลย
ว่าง่ายๆจิตวิญญาณของน้องสาววินอยู่ในตัววินทั้งหมด ทำให้เธอเรียนรู้อะไรได้เร็วกว่าคนอื่น และเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ซึ่งเหมาะแก่การทดลองอย่างยิ่ง ทำให้เธอถูกเลือกเป็นตัวทดลอง และร่างกายที่ถูกสร้างมาก็เป็นร่างกายที่ออกแบบให้เหมาะกับราชาไสยศาสตร์ที่สุด
ซึ่งการที่ยัดอะไรหลายอย่างมามากเกินไป ทำให้วินมีอายุขัยได้ไม่เกิน 20 ปี
ส่วนน้องสาวก็ได้ร่างกายของเธอไป ทำให้ร่างกายอยู่ยงคงกระพัน สามารถอยู่ได้ถึง 200 ปี แลกกับอาการขาดสติ
และถ้าหากคนใดคนหนึ่งตาย พลังส่วนที่ขาดไปก็จะกลับคืนเข้าใส่คนที่ยังอยู่ดี ถ้าน้องสาวตายวินก็จะได้ร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าวินตายน้องสาวก็จะได้วิญญาณของตัวเองกลับคืน
ซึ่งพอรู้เรื่องทั้งหมดวินก็ตัดสินใจได้ ว่าจุดหมายของเธอคือความตาย ..ยังไงตัวเธอก็อยู่ได้ไม่นานอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้วินเลยพยายามจะสร้างที่อยู่ให้น้องสาวของตัวเองในตอนที่เธอลืมตาตื่นมาได้ เธอจะมอบสภาพแวดล้อมที่ดีให้ จะมอบเพื่อนฝูงให้ มอบเงินให้..เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองลต้องทำเพื่อน้องสาวขนาดนี้ แต่บางที ในส่วนลึกของเธอนั้นมีวิญญาณของน้องสาวอยู่ เธออาจจะรักน้องสาวไปโดยไม่รู้ตัวเพราะทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็เป็นได้
เพราะอย่างนั้นวินจึงต้องทำงานให้อาณาจักรเนลยอนเพื่อรอวันตายของตัวเอง
“พูดถึงตัวแองแล้วก็รู้สึกซึมเลยนะอาจารย์ ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สามปีเองนี่นะ”
‘นั่นสินะ ..น้องสาวของเธอจะต้องได้รับการดูแลที่ดีแน่ๆ อาจารย์ขอรับปาก’
“ถ้าไม่ได้แบบนั้นหนูจะเป็นวิญญาณมาสาปแช่งอาณาจักรเนลยอนให้พินาศน่ะนะ ..เรื่องอนาคตช่างมันดีกว่า หนูว่าเรเซอร์นี่แหละเป็นผู้ถือครอบยูนา”
‘ถ้าคุณสมบัติที่มีก็เหลือล้นเลยล่ะ’
“ใช่ม้า? ถ้านั้นก็ตามติดชีวิตเรเซอร์คนนั้นเลยดีกว่า”
‘อ่า ตามนั้นเลย แต่ต้องเตือนก่อนอีกเรื่องหนึ่ง ..จำชายผมสีม่วงที่อยู่ข้างเรเซอร์ได้รึเปล่า’
วินพยักหน้ารับ
ชายผมสีม่วงหรือก็คือเคียวยะ
“หมอนั่นก็อันตราย ไม่คิดเลยว่าจะเจอผู้ใช้ดวงตามหาปราชญ์”
‘ดีนะที่ไหวตัวทันเลยป้องกันการมองเห็นได้ก่อน’
“อืมๆ เกือบไปแล้ว..อ๊ะ อาจารย์เหมือนว่ากำลังจะมีคนมานะ”
‘อาจจะเป็นอาจารย์ห้องพยาบาลก็ได้ เธอเองก็เงียบๆหน่อยล่ะกันนะ ยังไงก็อยู่ในห้องพยาบาลด้วยรบกวนคนอื่นคงไม่ดี’
“ค่า”
วินพูดขานเสียงลากยาวแบบเหนื่อยๆ ทางแรกซ์ก็ปิดปากเงียบ และจากเสียงฝีเท้า ดูเหมือนว่ากำลังจะมุ่งมาทางมิรันด้า
“ขออนุญาตินะคะ”
“เสียงน่ารักมากจารย์”
‘วินเอ้ย วิน”
วินหัวเราะร่าและเปิดผ้าม่านรับ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ค่ะ นิดหน่อย”
คนที่เดินมาหาเธอคือสาวน้อยร่างเล็กที่ราวกับเด็ก 13-14 ปี ทั้งๆที่สวมชุดนักเรียนวิทยาลัยเรดฮอต ทว่าจุดเด่นสูงสุดของเธอไม่ใช่รูปร่างที่เด็กเกินวัย หากแต่เป็นเลือนผมและดวงตาที่หาได้ยากต่างหาก
ดวงตาสีแดงดูลึกลับ กับเลือนผมสีดำอมม่วงเล็กน้อย
โดยรวมกล่าวได้ว่าเป็นเด็กสาวที่ดูสง่างามแต่ทั้งหมดก็ถูกกลบไปหมดด้วยความน่าสงสัย เป็นเด็กสาวที่มาพร้อมกับปริศนามากมาย ซึ่งยากจะเข้าถึง นั่นแหละคำนิยามของเธอตรงหน้า
(..ไม่รู้ทำไม แต่..ใจเต้นรัวเลยตอนนี้ ว่าไงดี) วินคิด
‘รู้สึกเหมือนกับตอนที่เผชิญหน้ากับมหามังกรเลย ไม่ได้รู้สึกมาเสียตั้งนาน’ แรกซ์คิด
วินเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะได้สติกลับคืนมาหลังจากที่เธอตรงหน้ากล่าวทัก
“คือว่า ..ช่วยลงรายละเอียดด้วย”
เด็กสาวยื่นใบลงรายละเอียดการเข้าใช้งานห้องพยาบาลให้ดู
“เธอเป็นนักเรียนหมอเหรอ? แบบนักเรียนสายการแพทย์”
“ไม่ใช่หรอก เราแค่จิตอาสา”
พูดจบเด็กสาวก็ลงนั่งเก้าอี้ข้างๆ วางใบลงรายละเอียดไว้บนตักและมองหน้าวินที่นอนอยู่บนเตียง
“โดนใครเล่นมาเหรอ?”
“โดนใครเล่น? ทำไมพูดเหมือนฉันไปทะเลาะวิวาทมาล่ะนั่น ..อ๊ะ ก็ทะเลาะวิวาทมาจริงๆน่ะแหละ”
“อือ เด็กที่นี่เขาทำแบบนี้กันหมด เราเข้าใจดีเลย”
‘ขะ เข้าใจดีเลย เด็กคนนี้เองก็เป็นพวกต่อยตีไปทั่วหรือเนี่ย’ แรกซ์พึมพำเสียงสั่น ‘เด็กสมัยนี้น่ากลัวจริงๆ’
(วิทยาลัยเรดฮอตคือโรงเรียนเถื่อนล่ะ) ค่าความประทับใจต่อวิทยาลัยของวินลดลงไปครึ่งหนึ่งได้
“โดนใครเล่นมาสินะ”
“อือ โดนใครเล่นมา”
“อ่า ใช่ๆ คนที่ชื่อ เรเซอร์ น่ะ”
เธอตรงหน้าสะดุ้งเฮือกแต่สีหน้ายังเรียบเฉย มันให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตาที่โดนเด็กจับโยกเล็กน้อย วินแอบขำในใจ
“เรเซอร์ ..ทำไมถึงใช้ความรุนแรง..กัน”
“แค่ดวลกันในคาบตามที่จารย์เขาแนะไว้เฉยๆแหละ”
เด็กสาวผมดำโล่งอก เธอถอนหายใจและค่อยๆผุดรอยยิ้มขึ้นบนหน้า
“โล่งอก”
“สนิทกันเหรอ?”
“อือ เรากับเรเซอร์กลมเกลียวกันมาก”
“สุดยอด สมกับเป็นเรเซอร์ ฉันว่าแล้วว่าเขาต้องเป็นผูเชายสเน่ห์แพรวพราว ดูกระหล่อนหน่อยๆด้วยว่ามะ?”
“..นิดหน่อยนะ”
วินหัวเราะร่า เด็กสาวยิ้มให้
“เกิดข้อผิดพลาดระหว่างการเรียนนะ เดี่ยวเราจะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้หัวหน้าระดับทราบ ขอทราบชื่ออาจารย์ผู้สอนด้วย”
(…เอาไงดีจารย์)
‘ข้อผิดพลาดทั้งหมดในชั้นเรียนเป็นความผิดของผู้ดูแลล่ะนะ แจ้งชื่อไปเลยศิษย์รัก’
“อาจารย์แช็คคนที่กล้ามโตหน่อยๆน่ะ ตอนนี้น่าจะยังอยู่ในสนามรีบไปนะ”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ ทางเราขอตัวก่อน”
“อ๊ะ เดี่ยวสิๆ”
“อะไรเหรอ?”
วินยิ้มให้
“ฉันชื่อมิรันด้านะ แล้วเธอล่ะ ชื่ออะไรเหรอ?”
“..เบลลามี” เบลลามียิ้มบางๆ “ฝากตัวด้วยนะ มิรันด้า”
พูดจบเบลลามีก็เดินออกห้องพยาบาลไป มิรันด้ามองส่งเบลลามี
“ใจเต้นตึกตักเลยจารย์ ตอนคุยกับเธอฉันใจเต้นตลอดเวลาเลย ..นี่ใช่ที่เรียกว่าความรักรึเปล่านะ”
‘อาจารย์ก็รู้สึกเหมือนกันน่ะนะ ซึ่งตัวจารย์เคยมีภรรยามาก่อนเลยจะบอกให้ว่า ..ไม่ใช่’
“นั่นสินะ ความรักมันคงไม่รู้สึกเหมือนกับว่าจะโดนขโมยหัวใจแบบทางตรงหรอกเนอะ”
ทางตรงที่ว่าคือโดนควักหัวใจน่ะแหละ นั่นคือสิ่งที่วินรู้สึกเวลาคุยกับเบลลามี
‘ไม่ใช่แค่คนชื่อเรเซอร์ แต่เบลลามีคนนี้ก็เข้าข่ายน่าสงสัยว่าอาจเป็นผู้ถือครองยูนา’
“เข้าใจแล้ว หนูก็จับกลิ่นอายคล้ายๆเรเซอร์ได้จากเบลลามีเหมือนกัน”
วินถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางบิดขี้เกียจไปด้วย เธอลุกขึ้นออกจากเตียงและเปิดหน้าต่างออกเพื่อชมทิวทัศน์
ระหว่างนั้นเธอก็พบเห็นเด็กหนุ่มผมสีดำไฮไลท์น้ำเงินคนหนึ่ง เขากำลังเดินเล่นอยู่กับสาวสวยถล่มสวรรค์
“ผู้หญิงคนนั้นคนดังนี่ รู้สึกจะชื่อหนิงนะ อีกคนก็..ใครหว่า..อ๊ะ ใจเต้นอีกแล้ว”
‘สัมผัสแบบเดียวกับเรเซอร์และเบลลามี อืม เพิ่มเข้าลิสต์อีกคนล่ะกันนะวิน ..จะว่าไปก็ได้กลิ่นอายพลังงานมหาศาลมาจากคนชื่อหนิงด้วยนะ แต่ต่างกับสามคนข้างต้นมาก แต่ก็พอจะเอาเข้ากลุ่มบุคคลน่าสงสัยได้อยู่ ถ้าหากเธอเป็นผู้ถือครองยูนาก็ตัดอีกสามคนไปได้เลย แล้วถ้ามีเวลามากพอก็สืบสวนอีกสามคนด้วยก็ดี เพราะดูท่าน่าจะอันตรายไม่น้อยเช่นกัน’
“หนูชักอยากกลับบ้านแล้วสิ”
วินเริ่มรู้สึกกลัววิทยาลัยเวทมนตร์แห่งนี้จากใจจริง