เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 128: นักเรียนแลกเปลี่ยนแรงเกินร้อย
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 128: นักเรียนแลกเปลี่ยนแรงเกินร้อย
< < 102 > >
“เอาจริงดิ ไม่ใช่ว่าเขาต้องแยกชายหญิงรึไงเวลาฝึกน่ะ?”
“นั่นดิ”
“คุณมิรันด้าคิดอะไรของเขาอยู่นะ”
“แต่ว่านะ เผอิญฉันเห็นฝั่งพวกผู้หญิง คุณมิรันด้าก็เก่งเอาเรื่องเลยนะ”
รอบๆทุกคนพากันซุบซิบไม่หยุด อาจารย์แช็คเห็นก็ถอนหายใจและเดินตรงมาทางพวกผม
“เอาล่ะ หลบหน่อยเคียวยะ”
“อย่าทำเหมือนฉันเป็นตัวแถมนะเว้ย”
“หลบเร็วๆ”
เคียวยะเดาะลิ้นไม่พอใจและหลบทางให้อาจารย์แช็ค
อาจารย์แช็คมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมกับมิรันด้าด้วยรอยยิ้ม
“เรเซอร์กับมิรันด้าสินะ ดีเลยๆ พวกเธอสองคนเป็นตัวอย่างที่ดีให้ทุกคนได้แน่”
“จะให้ไปลองฝึกกับมิรันด้าเหรอครับ?”
“อ่า เอาเลย—-นักเรียนทุกคน! ยังไงก็มาดูสองคนนี้สู้จำลองให้ดูแล้วนำไปทำตามกันนะ”
เหมือนว่าอาจารย์แช็คจะตั้งใจให้พวกเราเป็นแบบอย่างให้นักเรียนคนอื่นแฮะ นับว่าเป็นเกียรติมาก ในชาติก่อนผมไม่มีโมเม้นท์อะไรแบบนี้เลย
ผมพยักหน้ารับก่อนหันไปยิ้มให้มิรันด้าและจับมือเธอกลับ
“ฝากด้วยนะ”
“โอ้! น่าสนุกจังเนอะ ถือว่าต่อจากเรื่องเมื่อตอนนั้นด้วยเลยดีมั้ย”
เรื่องเมื่อตอนนั้น—หมายถึงตอนที่ผมไปเจอทำเรื่องมีพิรุธกระมัง ให้ตายสิ นี่แค้นฝังหุ่นกันสินะเลยมาท้าผมดวลทางอ้อมแบบนี้เนี่ย
ว่าแล้วเชียว กับยัยนี่สังหรณ์ใจไม่ดีเลย
“อย่าเลยๆ แค่จำลองศิลปะการต่อสู้ที่อาจารย์แช็คสอนเองนะ”
“เอาน่าๆ ถือว่าลองขำๆก็ได้”
มิรันด้าไม่ได้ฟังผมมากนัก เธอใช้ขาลากใช้พื้นดินให้เกิดเป็นรอยจางๆและลากไปจนกลายเป็นรูปวงกลมขนาดพอๆกับเวทีมวยเลย
หลังทำเสร็จเธอก็ยืนเท้าสะเอวและปาดเหงื่อตัวเองหนึ่งทีพลางทำเสียงหายใจ ฟู่ว ด้วย
“ใครออกจากวงก่อนถือว่าแพ้ ใครมีทีท่าว่าจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ก่อนก็ให้อาจารย์แช็คเข้ามาห้ามและปรับแพ้ ตามนี้นะ” มิรันด้าพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง
ดูว่าเจ้าหล่อนจะรู้สึกดีใจที่ได้จำลองการต่อสู้กับผมพอตัวเลย
“อาจารย์แช็คว่าไงล่ะครับ”
“คนเป็นอาจารย์ย่อมอยากเห็นเด็กตีกันอยู่แล้ว เอาเลย”
คนๆนี้ไม่สมควรเป็นครูเลย
ผมถอนหายใจเฮือกโต พอลองตั้งใจมองหน้าของมิรันด้าก็พบว่าตาเธอกำลังเป็นประกายอยู่ เหมือนกับเด็กตัวน้อยที่คาดหวังบางอย่าง เพระาอย่างนั้นผมจึงไม่สามารถทำให้เธอผิดหวังได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
“เข้าใจแล้ว เอาแค่พอดีนะ”
“โอ้ หลังจบเรื่องคราวนี้ฉันจะเลิกจ้องตานายทุกเวลาด้วย”
“ทางนี้ก็ขอโทษด้วยที่เอาแต่จ้องบ่อยๆ นั้นเริ่มเลยนะ”
พวกเราเดินไปที่มุมของแต่ล่ะฝั่งและตั้งท่าที่อาจารย์แช็คสอนมา—-เคียวยะเดินมาให้สัญญาณข้างเวที
“3 ..2..1..พร้อมแล้วก็เอาเลย”
เคียวยะให้สัญญาณแบบไร้เรี่ยวแรง ต่างกับมิรันด้าที่—–พุ่งเข้าใส่ผมด้วยแรงที่เหลือล้น
…เอ๊ะ
รู้สึกว่าตัวเองช้ามาก พอเทียบกับมิรันด้าแล้วมันเหมือนกับว่าร่างกายขยับไม่ทัน–ไม่สิ ไม่ใช่
มิรันด้าแค่เร็วเกินไปเท่านั้น ผมไม่ได้ช้าหรอก แค่อีกฝ่ายเร็วเกินไป
****
เธอพุ่งมาและออกลูกเตะที่หวังสอยคอผม ว่าตามตรงโดนไปผมสาหัสแน่
“ฮึบ”
ผมเอียงคอหลบง่ายๆและใช้ศิลปะการต่อสู้ที่อาจารย์แช็คสอนมาในการสวนมิรันด้า แทนที่เธอจะหลบแต่เธอกลับป้องกันมันตรงๆ
ปั้บ!!!!! เสียงกระแทกดังขึ้นจนหลายคนต้องเบือนหน้าหนี ทว่าทางมิรันด้าไม่ได้เจ็บแต่อย่างไรทั้งทางสีหน้าและทางกาย
“เร็วจริงนะ”
“เมื่อกี้เทคนิคพิเศษน่ะ ปกติไม่ได้เร็วแบบนี้หรอกนะ วางใจได้”
วางใจได้สินะ ดูท่าจะดูถูกผมน่าดูเลยแฮะยัยนี่
หล่อนกระหน่ำหมัดเข้าใส่ผมรัวๆระหว่างนั้นก็เปลี่ยนไปใช้ลูกเตะด้วย ตามปตกิโลกเดิมมันทำแบบนี้ไม่ได้หรอกในระยะอันใกล้กัน แต่ที่นี่เป็นโลกแฟนตาซีที่ขีดจำกัดทางร่างกายมันสูงปรี๊ด ด้วยเหตุนี้ทักษะการต่อสู้เลยเปลี่ยนไปด้วยตามความเหมาะสมของพลัง
แม้แต่ลูกเตะกลางอากาศที่เหมือนมีไว้เอาเท่ ตอนนี้มันก็สำริดผลเป็นอย่างยิ่ง—–มิรันด้าใช้ลูกเตะกลางอากาศใส่ผม แต่ผมสามารถกันไว้ได้ไม่ยาก
“ฮึย!”
แต่ความเสียหายก็รุนแรงเอามากๆจนผมรู้สึกเจ็บหน่อยๆ แม้ว่าผมจะบล็อคไว้ได้หมดก็ตาม
“ย๊า—–อึก!”
ผมไม่ให้อีกฝ่ายเล่นอยู่คนเดียว ผมคลุกวงในและใช้ศอกฟาดไปที่ปลายคางของเธอ จากนั้นก็ใช้หมัดอีกขว้างเหวี่ยงเข้าใส่กลางหน้าจนเกิดเสียงดังสนั่น
มิรันด้าถึงกับนิ่ง ร่างของเธอจู่ๆก็หมดแรงและกำลังจะล่วงลงพื้น—–ไม่ใช่ จังหวะเค้าเตอร์ต่างหาก
มิรันด้าแสยะยิ้มและใช้แรงเหวี่ยงดึงตัวเองขึ้นมาและเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ผม
‘มาสเตอร์!’ ยูนาโพล่งขึ้น
ไม่มีเวลาตอบยูนาแม้แต่ในใจ ผมยกศอกขึ้นมารับหมัดของมิรันด้าไว้
ตึก!!! เสียงกระแทกที่น่าสยองดังขึ้น นักเรียนรอบๆพากันร้องโฮพร้อมๆกัน
ผมเตะมิรันด้าจนกระเด็นเกือบออกวง และเริ่มทำ ฟุตเวิร์ค
มิรันด้ามองทางผมอย่างสนอกสนใจขณะที่เธอปาดเหงื่อตัวเอง
“นั่นมัน ..จังหวะออกดาบของพวกนักดาบสายเรเปียร์สินะ เอามาประยุกต์ใช้กับศิลปะระยะประชิดได้ด้วยเหรอเนี่ย”
ไม่ใช่ แต่ถ้ามองตามสามัญสำนึกของโลกนี้ก็ประมาณนั้นกระมัง เพราะสำหรับโลกนี้การทำฟุตเวิร์คในการชกต่อยมันเป็นเรื่องแปลก และที่พูดถึงนักดาบประเภทเรเปียร์ก็เป็นเพราะจังหวะเท้าของผมมันคล้ายกับ ฟุตเวิร์คของนักดาบเรเปียร์ เหมือนกับทักษะมวย ดาบเรเปียร์เองก็มีจังหวะเท้าที่ทำกันก่อนออกดาบเช่นกัน
อย่างชิน หมอนั่น ..หมายถึงเธอเองก็ใช้ดาบทรงเรเปียร์ เวลาออกดาบจึงมี ฟุตเวิร์ค ตามมาด้วยเสมอ
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ที่ผมใช้กับที่นักดาบเรเปียร์ใช้มันต่างกันเอาเรื่องเลยถ้ามองกันดีๆ แต่ก็นะ
ผมไม่พูดไม่จาอะไร ค่อยๆย่นระยะเข้าไปหามิรันด้า เธอไม่ได้ตั้งกาดหรืออะไรเลย เธอแค่พุ่งมาหาผมเหมือนกับก่อนหน้านี้
“หนึ่ง! สอง!”
ผมหลบหมัดของมิรันด้า และเอียงตัวออกทางขวา จากนั้นก็—-
“สาม!!”
อัดหมัดฮุคเข้าใส่บริเวณลิ้นปี่ที่เปิดกว้างของเธอ
เรียกได้ว่าโดนเข้าเต็มๆ
มิรันด้าถึงกับสำลักน้ำลาย—ผมไม่รอช้าเข้าคลุกวงใน และใส่หมัดอัปเตอร์คัตเข้าปลายคางของเธอ จากนั้นผมก็คิดจะจบเกมโดยการใช้หมัดอัปเตอร์คัตใส่รัวๆ ทว่า—-เธอได้สติกลับมาในไม่นาน เธอเตรียมที่จะใช้หมัดเขวี้ยงของชอบของโปรดอีกรอบแล้ว ขืนอยู่ต่อได้โดนสวนกลับแน่ ผมเลยพุ่งตัวออกจากวงในและดูเชิงอีกฝ่ายก่อน
เธอที่เห็นผมออกไปแล้วก็ปาดน้ำลายตัวเอง
“ฮะ ฮะ ฮะ โดนเล่นยับเลย ..เรเซอร์เนี่ยเก่งจังนะ”
“ต่อยกันแบบนี้ไปทุกคนก็ไม่ได้อะไรหรอก เทคนิคที่อาจารย์แช็คสอนมาแทบไม่ได้ใช้เลยนี่”
ทั้งทางผมและทางมิรันด้าก็ใช้แต่เทคนิคที่ตัวเองมีและถนัดในการงัดกัน ทุกคนที่มองพวกเราโดยหวังว่าอยากดูเป็นแนวทางเลยไม่ได้อะไรกลับไปเลยสักอย่าง ซึ่งผิดกับจุดประสงค์ในทีแรก
“ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่พวกเราสนุกก็พอแล้ว”
พวกเราเนี่ยนะ อย่าเหมารวมได้มั้ยเนี่ย
“จะว่าไป เทคนิคน่าสนใจดีนะ แบบนี้ใช่มั้ย”
มิรันด้าเริ่มเรียนแบบฟุตเวิร์คของผม และลองออกหมัดแย็ปใส่ลมสองสามที
“กับคู่ต่อสู้ที่ระดับพอๆกัน เป็นเทคนิคที่ดีนะ”
ที่โลกเก่าไม่ได้มีพวกพลังกายเหนือล้ำจนเกินไป เพราะอย่างนั้นทักษะมวยเลยเป็นของที่ใช้สำหรับพวกที่พลังกายไม่ห่างกันมาก กับคู่ต่อสู้ที่พอๆกันด้านพลังกายแล้ว ทักษะบนโลกเก่าผมยังคงได้ใช้อยู่
แต่น่าแปลกที่มิรันด้าสามารถวิเคราะห์ทักษะนี้ได้ง่ายๆเพียงแค่เจอกันไม่กี่จังหวะ
ต้องยอมรับเลยว่าเธอมีพรสวรรค์ในศิลปะการต่อสู้ด้วยหมัด
“อืม เริ่มเข้าท่าล่ะ”
เหมือนว่าจะจับจุดที่ตัวเองถนัดได้แล้ว มิรันด้าพุ่งเข้าใส่ผมอีกครั้งโดยที่ใช้ทักษะที่เลียนแบบผมไป
ผมชำเลืองมองอาจารย์แช็คที่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ นี่ไม่คิดจะห้ามเด็กเลยสินะน่ะ ดูสนุกหน่อยๆด้วย ให้ตายสิไอ้บ้านี่
‘ช่วยไม่ได้นะคะมาสเตอร์’
นั่นสินะ จริงๆจะเดินออกสนามตอนนี้เลยก็ได้ แต่..ชักสนุกแล้วสิ
‘ว่าแต่ทางมิรันด้าไม่ดูตัวเองเลยนะ’
โทษที่ละกัน ตอนนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าไปเดี่ยวกับมิรันด้าอีกครั้งน่ะนะ!
****
ยูจิกำลังเดินอยู่ตรงโถงทางเดินกับเรย์ ขณะที่เดินเขาก็สังเกตุเห็นว่าสนามกีฬาตอนนี้กำลังมีเสียงเชียร์ดังลั่น และครึกครื้นสุดๆด้วยความสงสัยจึงเดินไปดู
“..คุณเรเซอร์กับ..ใครกันเนี่ย” ยูจิเอียงคอฉงน
เรย์เห็นท่าทางของยูจิเลยเดินมาดูด้วย และแอบตกใจนิดหน่อย
คาบปฎิบัติของอาจารย์แช็คที่ห้องของพวกเรเซอร์กำลังเรียนตอนนี้มีการดวลระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ ซึ่งการต่อสู้ก็ดำเนินไปแบบดุเดือดเลือดผล่านจนดึงดูดให้นักเรียนที่ไม่ได้เรียนด้วยหลายคนหยุดมองและส่งเสียงเชียร์กัน
นอกจากนี้ยังมีนีกเรียนที่แอบโดดคาบอาจารย์แช็คกลับมานั่งดูใกล้ๆอีกหลายคนเลย
“เห็นเขาลือกันว่ามีนักเรียนใหม่จากเนลยอนย้ายมาแหละ”
การต่อสู้ระหว่างเรเซอร์วายร้ายประจำวิทยาลัยกับนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเนลยอน ย่อมน่าสนใจอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้นผลลัพธ์การต่อสู้ที่แสนจะดุเดือนก็ยิ่งทำให้ทุกคนสนใจกัน
“คนจากเนลยอนนั้นหรือครับ ..จะว่าไปเทคนิคที่ใช้นี่แปลกตาจังเลยนะครับ”
“คงเป็นเทคนิคของเรเซอร์มันล่ะมั้ง แล้วอีกฝ่ายก็บังเอิญใช้ได้ด้วย แหม่ ดีจังนะพวกที่เคยเดินทางรอบโลกเนี่ย เก็บเกี่ยวประสบการณ์กันซะเยอะเลย” เรย์พยักหน้าเห็นด้วย
ระหว่างที่คุยไปพลางดูเรเซอร์ต่อยกับคนอื่นไป เรย์ก็พิงกำแพงดูเรเซอร์ด้วยท่าทางดูเนือยๆ
“คุณเรเซอร์เคยเดินทางรอบโลกด้วยสินะครับ สุดยอดเลยนะ”
“จริงเหรอ คุณเรเซอร์เคยเดินทางรอบโลกด้วยเหรอคะ?”
จู่ๆก็มีเสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้นจากข้างหลัง และคนๆนั้นก็คือโซล่า เธอชะโงกหัวดูและพบว่าเรเซอร์กำลังต่อยตีกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เห็นแล้วจู่ๆก็กรี๊ด
“คุณเรเซอร์เท่มากกกกกก”
โซล่ายกมือสองข้างและส่งเสียงเชียร์เรเซอร์ยกใหญ่ ยูจิเห็นก็หัวเราะร่า
“นั่นสินะครับ คุณเรเซอร์เท่ที่สุดเลย ดูจังหวะที่ศอกใส่นักเรียนแลกเปลี่ยนคนนั้นสิครับ ถ้าผมโดนเข้าไปตายแล้วแน่ๆ”
“กะ การออกท่าที่ฆ่าคนได้มันเรียกว่าคนดีได้เรอะ แต่เอาเถอะ”
ทั้งสองยืนมองเรเซอร์อย่างสนุกสนาน ส่วนเรย์นั้น …กลับดูซึม
(พอเห็นแบบนี้ก็ช่วยให้ยืนยันความจริงได้เรื่องหนึ่งเลยล่ะ..ในงานเต้นรำที่ฉันดวลกับเรเซอร์ ถ้าวันนั้นเรเซอร์เลือกโยนดาบทิ้งและใช้หมัดแทน บางที..ต่อให้ไม่ต้องเล่นทีเผลอ ฉันเองก็คงจะแพ้ล่ะมั้ง) เรย์ถอนหายใจพลางยิ้มแบบดูถูกตัวเอง
“อ่อนแอจริงๆเลยนะ ฉันเนี่ย”
****
หมัดแย็ปพุ่งออกผม ผมหลบและอาศัยจังหวะย่นระยะเข้าไปกะอัปเตอร์คัตใส่ แต่อีกฝ่ายก็รู้ทันและพุ่งตัวหนีพร้อมกันกับที่ผมคลุกวงใน
ทักษะของมิรันด้าพัฒนาไวมากจนรู้สึกน่าขนลุก
ทำไมถึงเรียนรู้ได้ไวขนาดนี้กัน พรสวรรค์นั้นเหรอ? ถ้าเป็นพรสวรรค์จริง อย่างน้อยก็ด้านการใช้หมัด พรสวรรค์ของมิรันด้าคงจะเหนือกว่ายูจิไปแล้วล่ะมั้ง
ถามจริงเถอะ ทำไมผมต้องเจอแต่พวกเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ชั้นเทพรอบตัวด้วยเนี่ย
ดวงตามหาปราชญ์ พลังของมหามังกร จุดศูนย์กลางโลก แล้วตอนนี้ก็เจอมิรันด้าอีก!
ผมกล้าพูดเลยว่าถ้าเป็นเกมยื้อ ผมแพ้มิรันด้าแน่ เพราะแต่เดิมพลังกายของผมมันน้อยกว่ามิรันด้าอยู่ระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นต่อให้ทักษะของเธอจะไล่มาเท่าผมไม่ได้ แต่ก็ทดแทนด้วยพลังกายที่มากกว่าได้
เลือกได้ก็ไม่อยากแพ้ เพราะนั้นต้องรีบจบเกมแล้ว
ผมแย็ปหมัดเข้าใส่มิรันด้า สองหมัดแรกเข้ากลางใบหน้าจากนั้นมิรันด้าก็ตั้งกาดกันไว้ได้ จากนั้นผมก็เข้าไปใช้หมัดขวาฮุคใส่จากนั้นก็ใช้หมัดซ้ายอัปเตอร์คัต
แค่นี้ไม่พอ ระดับมิรันด้าต้องอัดให้มากกว่านี้
ผมโหมหมัดเข้าใส่ทั้งทางซ้ายและขวาจนเธอต้องคกตัวเป็นเต่า—–ในจังหวะที่เธอก้มตัวต่ำลงผมก็ใช้เข่ากระแทกเข้าที่ช่องโหว่ข้างใต้
“อั้ก!!!” มิรันด้ากระอักน้ำลายซ้ำอีกรอบ
มิรันด้าถึงกับหัวโยก ผมวางขาลงและพุ่งเข้าไประยะประชิดใช้ศอกอัดไปกลางใบหน้าอีกครั้ง
ตุ้บ!!!!! แสงกระแทกดังขึ้นพร้อมกับมิรันด้าที่กำลังจะล้มลงกับพื้น หรือก็คือใกล้จะออกจากวงสนามแล้ว
ชัยชนะเป็นของผมแล้ว
แค่นี้คงพอแล้ว
ทันทีที่คิดอย่างนั้นจู่ๆมิรันด้าก็หยุดร่างตัวเองไม่ให้ล้ม และดึงตัวขึ้นมาได้คล้ายกับเล่นกายกรรม
“ฟู่ว เมื่อกี้นึกว่าจะตายซะแล้ว”
แค่เจ็บนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำเอาอยากถลกหนังมาวิจัยเลยว่าทำไมหนังถึงได้เหนียวขนาดนี้กันนะ
มิรันด้าหักนิ้วตัวเองและพูดกับผม
“ถ้าฉันกับนายอยู่ในสถานะที่เท่าเทียม ฉันคงแพ้ไปนานแล้วแหละ ยอมรับเลย นายเนี่ยของจริง เป็นคนที่เก่งของแท้ไม่มีปลอมเลย”
“พูดเหมือนคนอื่นคนไกลอะไรอย่างนั้น ทางเธอเองก็สุดยอดเหมือนกัน ถ้ามีเวลาเตรียมตัวสักหน่อย สู้กันอีกรอบฉันคงแพ้แล้วล่ะ”
ในกฎที่ว่าใช้ได้แค่หมัดต่อหมัดน่ะนะ
“ไม่เลยๆ นายน่ะของจริง ส่วนฉันน่ะของปลอม ..พลังของฉันมันแค่ของจอมปลอมนั่นแหละ เป็นของปลอมที่ชิงมาจากคนอื่น”
มิรันด้ายิ้มให้ ไม่ได้มีลับลมคมในอะไรเลย แค่พูดเรื่องจริงออกมาจากใจเท่านั้น
ของปลอมเหรอ ..ไม่เข้าใจเลยนะ
แต่พอพูดแบบนี้เจ้าหล่อนก็ยิ่งทวีคูณความน่าสงสัยของตัวเองเข้าไปอีก
“ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ ฉันคงยกให้นายชนะไปแล้วนะ น่าเสียดายแค่คราวนี้—ไม่ได้”
พูดจบมิรันด้าก็—–ชาร์จพลัง?
เธอทำท่าเบ่งพลังเหมือนกับ โoกุน ตอนศึกกับเซลล์ พอเห็นแล้วจู่ๆหน้าผมก็แดงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ย๊ากกกกกกกกกก!!!!!”
หล่อนร้องลั่นโดยที่รอบๆไม่มีคลื่นพลังอะไรเท่ๆเกิดขึ้นทั้งนั้น ท่าทางของเธอทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอน ม.2 เลยไม่มีผิด
นั่นไง นั่นน่ะ ที่เรียกกันว่า ‘จูนิเบียว’ น่ะ เห็นแล้วก็ไม่ไหวเลย รู้สึกอยากตายขึ้นมาเลย
“ยะ หยุดทำตัวน่าอับอายไปมากกว่านี้เถอะ ขอร้อง!”
“น่าอับอาย? พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลยนะ! ที่ฉันทำอยู่เนี่ยเท่สุดๆไปเลยไม่ใช่หรือไง!!!”
“ตะ ตรงไหนฟร้ะ!?”
ถึงจุดนี้มิรันด้าไม่ต่อล้อต่อเถียงกับผมแล้ว
“เอาล่ะนะ เอาแล้วๆ มาแล้ว!!——โอ้ววววววววววววววววว!!!!!!”
ใต้เท้าเธอปรากฏคลื่นลมขึ้น มันกำลังขยายตัวและ—–ดีดออก
ปรี๊ด!!!!!!! เสียงบีบอัดเหมือนแก๊สรั่วดังขึ้น สายลมรอบๆเธอพุ่งเป็นวงกว้าง
ทางผมถึงกับเสียศูนย์ไปเชี่ยววิหนึ่งแต่ก็ตั้งสติและเกร็งขาไม่ให้ตัวเองปลิวไปกับสายลมเมื่อครู่
“เอ๊ะ ..อะไรน่ะ..เอ๊ะ”
ผมรู้สึกตัวพร้อมกันกับสายลมที่กลับมาสงบตามเดิม
หันไปดูรอบๆก็พบว่านักเรียนทุกคนตัวปลิวกันหมด แม้แต่อาจารย์แช็คตอนนี้ขาก็สั่นใหญ่เลย
ผมนึกได้ว่าอยู่ระหว่างการดวลเลยหันกลับไปดูและ—–รู้สึกเหมือนกับกำลังจะตาย
มิรันด้าพุ่งเข้ามาประชิดผมอย่างรวดเร็ว
ความเร็วจากเดิมที่มากอยู่แล้วนี่ยิ่งทวีคูณเข้าไปใหญ่
ผมกล้าพูดเลยว่าความเร็วที่หล่อนใช้มันอยู่ในระดับเดียวกับตัวผมที่ใช้ [ตัดมินิถลายขีดจำกัด] ไม่สิ แค่ความเร็วเฉยๆ บางทีอาจเหนือกว่าด้วยซ้ำแค่
หล่อนพุ่งต่อยผมทำท่าเหมือนกับกบกระโดด ผมตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการกลิ้งตัวหลบ
เมื่อตะกี้เกือบไม่ทัน——ในจังหวะที่ผมต้องตั้งหลักก่อน เจ้าหล่อนก็พุ่งใส่ผมอีกครั้งด้วยความเร็วที่ไม่มีตก
“บัดซบเอ้ย!”
ถ้าไม่ใช้ตัดมิติหรือเวทมนตร์เข้าช่วย ผมได้ตายจริงๆแน่
ขณะที่กำลังจะใช้ยูนาเพื่อหยุดมิรันด้านั้นเอง—–อาจารย์แช็คก็พุ่งมาคั้นกลางไว้
“ผะ ผู้ชนะเรเซอร์ ดราแคล์!”
เขาโพล่งขึ้นอย่างนั้นด้วยเสียงที่สั่นกลัว …เอ๊ะ ผมเนี่ยนะชนะ เมื่อตะกี้เกือบจะแพ้แล้วไม่ใช่หรือไง ..อ๊ะ แบบนี้นี่เอง
เหมือนว่ามิรันด้าจะพุ่งเร็วเกินไปจนออกจากวงไปเองล่ะ