เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 117: สู่ Arc-เกาะวาเรอร์
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 117: สู่ Arc-เกาะวาเรอร์
< < 95 > >
วันถัดมา
‘ราชาอัศวินคาลอสถูกปลดจากตำแหน่ง โทษฐานที่คิดกบฎ’
เนื้อหาข่าวถูกจั่วหัวไว้ดังนี้
ทั่วทั้งอาณาจักร ไม่สิ ทั่วทั้งโลก ต่างตื่นตระหนกกับข่าวๆนี้ จนในเมืองเกิดความโกลาหลขึ้นบ่อยครั้ง
ผมมองภาพที่ผู้คนหลายคนมาประท้วงอย่างบ้าคลั่งจากที่สูงในโรงแรม และปิดผ้าม่านลงมานั่งบนพื้น
ตัวผม เรเซอร์ ก็เอาแต่นั่งหมกตัวอยู่ในห้อง คนภายนอกมองมาอาจมองว่าผมเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว แต่ว่าตามตรงมันก็ช่วยไม่ได้ เพราะวิทยาลัยเวทมนตร์โดนทำลาย ข้าวของสำหรับใช้เรียนจำเป็นต้องรอก่อน อย่างต่ำก็หนึ่งเดือนเลย ผมเลยไม่มีอะไรทำมากนัก นอกจากศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง แต่เสียใจด้วย ผมไม่ได้เรียนอยู่หรอก
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอ่านบันทึกเกี่ยวกับเรนทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ภายใต้อำนาจของผมและแองเจลิน่า โดยที่มียูนาคอยแนะนำไปด้วย
“อาชญากรระดับโลกสินะ ..ศิษย์น้องของเธอเนี่ยเอาเรื่องเลยแฮะ ในหลายๆความหมายน่ะนะ”
จากที่อ่านข่าวลับมากมาย ทำให้ทราบว่าเรนเป็นตัวตนในโลกมืด หมายถึงด้านมืดของสังคมอะไรจำพวกนี้ และเขาก็ค่อนข้างโด่งดังในโลกนี้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นบิ๊กบอสในแวดวงเลยล่ะ แต่น่าแปลกเพราะในหน้ากระดาษนิยายต้นฉบับไม่มีบทของเขาเลยสักนิด ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไม
อาจเป็นเพราะยูนาอยู่ในด้านสว่างต่างกับเรน แต่มันก็ไม่ควรเป็นอย่างนั้น ตัวสำคัญขนาดนี้ไม่มีบทได้ยังไง ..ถ้าผมเป็นนักแต่ง เรนคงเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ จริงๆตั้งแต่มหามังกรเทียมแล้ว โลกนี้มีหลายอย่างที่นิยายต้นฉบับไม่ได้ใส่มา
พอพูดถึงสิ่งที่ไม่ได้ใส่มา ผมก็นึกถึงเอเธอร์ หมอนั่นเป็นตัวละครสำคัญที่ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเลย นอกจากความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุด ได้มาเป็นพวกก็ชวนอุ่นใจอยู่หรอก แต่ก็ไม่ใช่คนที่ควรไว้วางใจอะไรขนาดนั้น
เพราะเอเธอร์เป็นตัวตนที่คาดเดาได้ยากล่ะนะ
ผมวางหนังสือข่าวลงและนอนแหงนหน้ามองเพดาน
“จะทำยังไงกับเรนดีล่ะทีนี้”
เธออาจมีห่วงอะไรอยู่ก็ได้ เพราะคราวก่อน เธอเคยเล่าให้ผมฟัง ในช่วงที่ตัวเองยังมีชีวิต ยูนาเกือบจะฆ่าเรนได้แล้ว เพียงแต่เธอไว้ชีวิตเรน
เอาจริงๆเธออาจจะฆ่าเรนไม่ไหวก็เป็นได้ ยังไงเรนก็เป็นคนสำคัญเพียงน้อยนิดของยูนา อย่างซากุระเพื่อนสนิทของเธอ
‘..ถ้ายังไงก็–ช่วยฆ่าเรนให้ด้วยนะคะ ตามที่คุยกันไว้’ ยูนาตอบอย่างว่าง่าย
ยูนาพูดแบบง่ายๆ ไม่รู้ว่าใจจริงคิดยังไง ผมไม่เข้าใจความรู้สึกเธอหรอก เธอจะทำได้ง่ายๆอย่างที่พูดรึเปล่าก็ไม่เกี่ยว เพราะหน้าที่ฆ่าเรนไม่ใช่ของยูนาอยู่แล้ว มันเป็นหน้าที่ของผม ในฐานะผู้ครอบครองยูนา ในฐานะคู่หูที่ให้คำสัญญา
“เข้าใจแล้ว ทำตามนั้นแน่นอน เอาล่ะๆ ยังมีเนื้อหาอีกมากมายที่ไม่ได้อ่าน ..”
ผมหยิบหน้าข่าวที่มีไม่กี่แผ่นขึ้นมาชายตาดู และพบกับเนื้อหาที่น่าสนใจ
“อลิซาเบธ?”
ตัวตนปริศนาที่อยู่ข้างกายเรน ชื่อเสียงของอลิซาเบธมันเปิดเผยมาเยอะกว่าเรนมาก เริ่มสืบหาเรื่องของเรนจากอลิซาเบธน่าจะดีที่สุด
ผมอ่านเรื่องราวทั้งหมด และ ..ไม่ได้อะไรเลย
พวกมันทุกคนไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลยทั้งนั้น
เรื่องของมหามังกรเทียม
เรื่องของเรน
เป้าหมายของพวกมัน
แม้แต่จุดกำเนิดผมเองก็ไม่รู้
เรื่องที่มีเยอะก็มีแค่เรื่องของอลิซาเบธ แต่ก็มีบอกแค่–อลิซาเบธได้ทำลายองค์กรเกี่ยวกับเผ่าพันธ์ที่ต่างกับมนุษย์ไปหลายที่
องค์กรรณรงค์เรื่องเผ่าพันธ์ ‘ทิตรา’ ก่อตั้งมาหลังยุคแย่งชิงอำนาจ จะคอยช่วยเหลือเผ่าพันธ์ที่ลำบากอาทิเช่นเอลฟ์หรือดอว์ฟ
ทิตราถูกทำลาย ถ้าองค์กรนี้ยังอยู่ดี ณ ปัจจุบันนี้โลกนี้อาจจะมีเผ่าที่หลากหลายกว่านี้เยอะ แต่จะทำไปทำไม ทำไปแล้วได้อะไร?
ผมถูคางใช้สมองน้อยๆของตัวเองวิเคราะห์ตามสามัญสำนึก
ขณะที่คิดก็นึกไปถึงคู่ต่อสู้ของผมในวันเทศกาลโลหิวมังกร
สาวน้อยหิมะ และหนุ่มน้อยสายฟ้า—มหามังกรเทียมที่มีรูปลักษณ์เหมือนเอลฟ์
“เอลฟ์ กับ..มหามังกรเทียม ดูยังไงก็คนล่ะเผ่า แค่นั้นไม่พอ มันเอาเอลฟ์มาจากไหนกัน ในยุคนี้..”
ถึงตรงนี้ผมก็เดาได้แล้ว
ไม่มีทางที่มนุษย์หรือเอลฟ์จะมีพลังแบบมหามังกรได้โดยกำเนิด และต่อให้ฝึกฝนก็ไม่มีทางไปถึงขอบเขตุของมหามังกรได้
ให้ยกตัวอย่างก็ ..คาลอสมั้ง เขาเป็นมนุษย์ธรรมดา ที่เขายกระดับตัวเองได้เพราะฝีมือดาบที่ขัดเกาไปถึงขีดสุด และอุปกรณ์ที่ใช้ช่วยเสริมพลังตัวเองอย่างเกราะอิจิสหรือดาบคลั่งที่ครอบครอง ซึ่งมหามังกรไม่จำเป็นต้องมีตัวช่วย เจ้าพวกนั้นมันแข็งแกร่งโดยธรรมชาติ ต่างกับสิ่งมีชีวิตทั่วไป
ถ้าให้ยกตัวตนที่คล้ายกับมหามังกรมาก็ยูนา ตั้งแต่เกิดเธอก็เกิดมาพร้อมกับพลังอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็ไม่เหมือนมหามังกรอยู่ดี
มันอธิบายยาก เพราะมหามังกรเป็นเผ่าที่ไม่มีรูปลักษณ์ มันเป็นเพียงก้อนมานา ไม่สิ ไม่ใช่ก้อนมานา เป็นจุดศูนย์กลางของมานา ..เพราะนั้นไม่มีทางที่สิ่งมีชีวิตบนโลกจะมีพลังเหมือนมหามังกรได้
ความเป็นไปได้เดียวที่ผมนึกได้ก็มีเพียงแค่—-
“การทดลองมนุษย์(เอลฟ์)”
…
‘เด็กคนนั้น ..เรน เหมือนว่าจะกู่ไม่กลับแล้วนะคะ’
“ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้บ้าอะไรขนาดนี้”
‘ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกค่ะ ..ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเรน เรื่องราวของคนที่สักวันจะต้องตายด้วยเงื้อมมือพวกเรา ไม่จำเป็นต้องรับฟัง’
ดูโหดร้าย แต่ก็ต้องเอาตามนั้น
เพื่อปกป้องจิตใจของยูนาน่ะนะ ฆ่าเรนแบบไม่ให้รู้สึกผิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้ารู้เรื่องราวที่เคยเจอ ยูนาอาจจะใจอ่อนอีก ยังไงซะเรนก็เป็นศิษย์น้องคนสำคัญ
‘ปกป้องจิตใจ? ใจอ่อน ขอโทษนะคะมาสเตอร์ คิดว่าฉั—’
พูดไม่ทันจะจบเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมรีบเก็บเอกสารทั้งหมดเข้าใต้เตียง
“แล้วมีอะไร?”
‘ช่างเถอะ ค่อยคุยกันทีหลัง’
ผมทำตามที่ยูนาว่าและไปเปิดประตูดู
“งายยย น้องรัก”
แองเจลิน่านั่นเอง เธอยืนโบกมือทักทายผม
“ช่วยตัวเองอยู่เหรอจ๊ะ เลยเปิดช้า”
“พอเลยๆ”
แองเจลิน่ายิ้มให้ผม
“แล้วมีอะไรเหรอ”
“พี่แค่จะมาบอกลาน่ะ”
แบบนี้นี่เอง แองเจลิน่ามีงานต้องทำ ไม่เหมือนนักเรียนแบบผม
เธอจะออกจากอาณาจักรฟัฟนิร์เร็วๆนี้ เช่นเดียวกันกับเรเซลและอันนาที่เสมือนเมดส่วนตัวของแองเจลิน่า
“เหรอ ..จะออกตอนไหนล่ะครับ”
“ประมาณสองสามชั่วโมงน่ะ”
“เดี่ยวผมไปรอส่งนะ”
คุยกับแองเจลิน่าเสร็จผมก็ปิดห้อง ว่าจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้ดูดีก่อนส่งแองเจลิน่า
แต่ก่อนอื่นเคลียร์กับยูนาก่อนดีกว่า
“พูดต่อเลย”
‘ช่างเถอะค่ะ’
ทำไมพูดเหมือนงอลๆอย่างนั้นล่ะ
‘หักเชื่อใจฉันหน่อยได้รึเปล่าคะ ร่วมเดินทางกันมาตั้งนานแล้วแท้ๆ’
เทียบกับตลอดชีวิตของยูนา ผมมันแค่เชี่ยวหนึ่งในห้วงเวลา แต่เทียบกับเวลาของผม ยูนามีอิทธิพลกับผมมากจริงๆ
“ขอโทษล่ะกัน”
‘ค่ะ ฟังไว้นะคะมาสเตอร์’ ยูนาพูดเสียงแข็ง ‘ฉันไม่มีทางยกเรนให้สำคัญกว่ามาสเตอร์หรอก เพราะมาสเตอร์คือคนที่อยู่ข้างฉันตอนนี้ค่ะ’
ได้ยินแบบนี้ก็ชื่นใจ
ผมเข้าไปอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นหลังจากตึงเรื่องของเรนมา
****
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ส่องกระจกดูโฉมตัวเอง
“อืม หล่อเหมือนเดิม”
‘เฮ้ออ’
จะถอนหายใจทำไมหว่า?
ผมถอนหายใจตาม และเดินออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างและตรงไปหาแองเจลิน่า
ลูกจ้างของแองเจลิน่าพากันยกข้าวของให้ ส่วนแองเจลิน่าก็ยืนคุยงานอยู่กับใครไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือคนใหญ่คนโตแน่ ผลัดจากแองเจลิน่าก็มีเซบาสเตียนที่แขนหายไปข้างหนึ่ง ตามมาด้วยเรเซลกับอันนา
แองเจลิน่าไม่เห็นผม อีกสามคนที่คุ้นเคยเห็นผมก็โค้งศรีษะให้ เซบาสเตียนหันไปคุยอะไรสักอย่างกับเรเซลและอันนา ทำให้ทั้งสองวิ่งมาหาผม
“ “ทิวาสวัสดิ์ค่ะ” ” เรเซลกับอันนาพูดด้วยรอยยิ้มอย่างพร้อมเพรียงกัน
ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีสุดๆเลย
“อ่า เหมือนกัน”
ผมคุยเล่นกันทั้งสองสักพักใหญ่ๆ จนแองเจลิน่าคุยธุระเสร็จเธอก็เดินมาหา เมดภรรยาทั้งสองของผมเลยถอยให้
“เดี่ยวพี่จะไปแล้วนะ”
“ครับ ไม่คุยบอกลาอะไรกันยาวๆหน่อยเหรอ?”
“นั่นเป็นวิธีพูดลาตายไม่ใช่รึไง? พูดกันสั้นๆก็พอแล้ว ยังไงเดี่ยวก็ได้เจอกันอีกนี่จ๊ะ ไม่ใช่เหรอ?”
“ครับ”
แองเจลิน่าพึมพำเบาๆว่า “งั้นไปจริงๆล่ะนะ”
เธอเดินขึ้นไปบนโลกและโบกมือให้ผมส่งท้าย เซบาสเตียนโค้งศรีษะให้ผม เรเซลกับอันนาทำหน้าเศร้าๆและขึ้นรถม้ากันไป
ผมมองส่งรถม้าออกตัว ทำให้เห็นอันนาที่อยู่ตรงกระจกโบกมือให้ผมอยู่
ผมเฝ้ามองอยู่เฉยๆจนลับสายตา
‘ไม่กระโดดเกาะรถไปด้วยล่ะคะ?’
อยากทำอยู่หรอก เธอช่วยได้รึเปล่า
‘…’
ล้อเล่นน่า ล้อเล่น ได้เวลาไปกันต่อแล้ว
ผมหันหลังกลับ และขณะที่กำลังจะเดินกลับไปวิเคราะห์เรื่องเรนนั้นเอง——เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น และกำลังตรงมาทางผม
ด้วยความตกใจผมรีบหันหลังไปดู ตั้งท่าจะสู้เผื่อกรณีที่ย่ำแย่ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของฝีเท้าจะเป็นของกอรี่
เขาวิ่งมาหาผมตีนแตก และเบรคกระทันหัน ร่างกายแข็งแกร่งมากทำให้เคลื่อนไหวได้ตามใจ สุดยอดเลย
“เรเซอร์!!!”
“อะไรล่ะ?”
ดูจะเป็นเรื่องใหญ่
กอรี่ยกกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาให้ผมอ่าน
มันเขียนไว้ว่า ‘ประกาศเปิดเรียนใหม่’
“เอ๊ะ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ?”
ข้อสงสัยของผมถูกตอบโดยกอรี่
“วิทยาลัยเรดฮอตจะย้ายที่เรียนไปที่เกาะส่วนตัวแทน!”
เกาะส่วนตัว? …เห้ยๆ
“ชะ ชื่อเกาะที่ว่าเนี่ย?”
“เกาะวาเรอร์!!”
ในนิยายต้นฉบับผมเคยเห็นมันอยู่ ไม่มีทางมันเลยเพราะมันคือเกาะสำคัญในเรื่องแล้ว
และมันมาเร็วเกินไป เหมือนกับ Arc อาร์คเดม่อน
Arc เกาะวาเรอร์ มันเป็นเรื่องราวช่วงที่พวกตัวเอกขึ้นปีสามกันใหม่ๆ เป็นช่วงที่ยูจิได้พบกับเบลลามีเป็นครั้งแรก
และเป็นบทที่ ..จอมมารปรากฏตัวขึ้นเป็นคราวแรก
ทุกอย่างเร็วเกินไป——มันเร็วไปเป็นปีเลยล่ะ
“ยิ่งกว่านั้น ..ขะ ขะ เขายังลือกันอีกนะ ว่าจะมีคนคอยคุ้มกันด้วย”
นั่นสินะ วิทยาลัยเละขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะไม่มีคนคอยคุ้มกันเพิ่มหรอก
“แล้วใครล่ะ”
ไม่รู้เหตุอันใด กอรี่ถึงตัวสั่นพูดติดๆขัดๆ คนที่คอยคุ้มกันอาจจะเป็นไอดอลก็เป็นได้ เต็มที่ผมให้ได้แค่นักดาบขั้นบรรลุไม่ก็นักเวทย์ขั้นสูงพิเศษน่ะนะ
“—เอเธอร์คนนั้นน่ะ!!”
..อา ..รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเลยบ่องตง
****
‘วิน’ ผู้ถือครองวิญญาณระดับเทพ ‘แรกซ์’ เธอกำลังล่องเรือไปที่เกาะแห่งหนึ่งที่อยู่กลางทะเล
“..อาจารย์”
‘ว่าไง’
“เกาะวาเรอร์เนี่ย ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นที่ๆจอมมารถือกำเนิดเป็นครั้งแรก หลังยุคโบราณใช่รึเปล่า?”
‘อืม อาจารย์ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์กับตัวหรอกนะ แต่ผู้ครองของอาจารย์เขาเล่าให้ฟังน่ะ ..ก็ตามที่ว่ากันเลย เกาะวาเรอร์เป็นที่ๆจอมมารถือกำเนิด แต่ก็แค่โดยบังเอิญนะอย่าห่วงไปเลยวิน จอมมารไม่มีทางเกิดที่เดิมซ้ำหรอก หึหึหึ’
“อาจารย์ ..ที่พูดเนี่ย เป็นลางนะ”
วินถึงกับคอตก แรกซ์เอียงคอฉงน
ทั้งสองไม่พูดอะไรกันต่อ และปล่อยให้เรือส่งพวกเขาไปยังจุดหมาย
วินกำลังจะได้เริ่มหน้าที่ในฐานะนักเรียน และเป็นคนคุ้มกันลับที่เนลยอนส่งมาเพื่อสานสัมพันธ์บางๆกับทางฟัฟนิร์ด้วย
****
วันเดียวกัน ในที่แห่งหนึ่งบนภูเขา
‘เทพดาบ’ มองขึ้นไปบนพระอาทิตย์ ในขณะที่ข้างๆมี ‘ดาบมังกรเหล็ก(ฉายา)’ อยู่ด้วย
พวกเขามีสถานะเป็นอาจารย์และศิษย์โดยตรง
ดาบมังกรเหล็กกล่าวถามเทพดาบที่นั่งอยู่บนโขกหิน
“ข้อเสนอของแมมม่อน(บาปความโลภ) สรุปแล้วตอบว่าอะไรเหรอ?”
“..คิดว่ามาที่ ‘เกาะวาเรอร์’ กันทำไมล่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นดาบมังกรเหล็กก็หัวเราะลั่น ต่างกับเทพดาบที่ดูไร้อารมณ์
“ไม่รู้หรอกนะว่าตกลงอะไรกันไว้ แต่บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ต้องการอะไร ถ้าจะทำเพื่อฉันล่ะก็อย่าทำเลย มันไม่คุ้มค่าหรอกนะ ที่จะเสี่ยงเอาตัวเองไปสู้กับเอเธอร์น่ะ”
มีสิ่งที่เทพดาบต้องการแน่ๆจากการต่อสู้ ดาบมังกรเหล็กรู้ดี ทว่าก็ไม่สามารถห้ามเทพดาบในตอนนี้ได้
“คนที่ตัดสินความคุ้มค่าคือฉัน ..ที่สำคัญ อาจจะได้ประมือกับเอเธอร์ก็เป็นได้ นั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจดี”
เทพดาบหรี่ตาลง นั่งสมาธิ—อยู่บนเขาของ ‘เกาะวาเรอร์’