เกิดใหม่อยู่นั่นแหละ รำคาญ! - ตอนที่ 8 สมาชิกใหม่ (+อีบุ๊กและพรีเล่ม)
โบสถ์สีขาวประจำเมืองตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า
ร่างทารกซึ่งมีวิญญาณต่างโลกมาเกิดใหม่เป็นรอบที่สองนั้นถูกพาเข้าสู่ภายในพร้อมชาวบ้าน หลายชีวิตนำเด็กๆ เรียงแถวรอรับชื่อจากศาสนาเทพธิดาตามธรรมเนียมแรกเกิด
แม้ขุนนางผู้ปกครองที่ดินจะเป็นฝ่ายเรียกขบวนสาวกเข้าเมืองแต่ก็ไม่รีบร้อนใช้สิทธิ์พิเศษใดเหนือประชาชน พวกเขาดูสมถะและเป็นที่รักของคนทั่วไปจนคาดไม่ถึง
ด้านในอาคารมีที่นั่งเรียงกันหลายแถว กลุ่มคนสวมชุดเครื่องแบบสีขาวจัดระเบียบผู้ศรัทธาให้เดินตรงเข้าไปอย่างชำนาญ
ถึงกระนั้นบริเวณพื้นโล่งกว้างด้านในสุดกลับไม่มีแท่นลูกแก้วมรณะ แต่ปรากฏสาวกผ้าคลุมหน้าคนหนึ่งซึ่งคอยพูดกับแต่ละครอบครัวแทน
“ท่านเทพธิดาประทานชื่อ…” เขากล่าวเช่นนั้นซ้ำๆ และบอกนามใหม่ให้ทารก และเมื่อถึงคราวบุตรสาวของท่านเอิร์ลก็ได้ยินว่า “ท่านเทพธิดาประทานชื่อ อินิคาร์ ให้เด็กผู้หญิงคนนี้”
อินิคาร์… การได้รับนามเดิมมีความหมายหรือเป็นเรื่องบังเอิญกัน
ทารกน้อยรู้สึกประหลาดใจเพราะอินิคาร์ไม่ใช่ชื่อเธอมาตั้งแต่แรก ในชาติก่อนเดิมเป็นของพี่ชายแล้วจึงตกทอดต่อมาเพราะแม่บังคับใช้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นชื่อของผู้หญิงหรือผู้ชาย
บางทีรายชื่อของศาสนาเทพธิดาคงเวียนใช้เมืองละคนสองคนเพราะขี้เกียจตั้งใหม่กระมัง
“อินิคาร์” มือของผู้เป็นพ่อลูบศีรษะพร้อมให้สาวใช้ประคองเธอกลับสู่บ้านหลังเดิม
มารดาเพิ่งคลอดเธอได้เพียงไม่นานจึงพักฟื้นเอาแรงอยู่กับที่ พอมีโอกาสคุยกับสามีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และตั้งใจเลี้ยงลูกสาวเหมือนสมบัติล้ำค่าเลยทีเดียว
…เอาล่ะ การมาเกิดใหม่มันน่าเบื่อแบบสุดกู่ ไม่มีอะไรชวนตื่นเต้นเลยสักนิด ทั้งการถูกอุ้มไปมาอย่างไม่เต็มใจ และการควบคุมหูรูดไม่ค่อยได้เลยฉี่ราดผ้าอ้อมจนน่าอับอาย เธอจะเล่าข้ามมันไปแล้วกัน
ต่างจากครั้งก่อนที่ยังพอมีอะไรให้เรียนรู้ ชาตินี้เธอเข้าใจภาษาพูดคุยแต่แรกอยู่แล้ว วันๆ จึงทำเพียงนอนกร่อยเหมือนที่คนแม่ชอบบอกว่าเธอทำหน้าเหม็นเบื่อนั่นแหละ
เพราะสีหน้าเหนื่อยหน่ายของเธอนั้นเองที่ทำให้พ่อแม่ในชาตินี้เข้าใจว่าเธออยากมีน้อง ถ้ามีสมาชิกขึ้นมาอีกคนน่าจะเพิ่มสีสันให้สนุกขึ้น
โอ๊ย ขอเถอะ… ครั้นจะอ้าปากพูดทั้งที่เพิ่งอายุขวบเดียวเดี๋ยวก็ถูกส่งไปหาเทพธิดาให้รู้กันทั้งบางว่าเป็นคนต่างโลก ไม่แน่ว่าดวงจิตพิสุทธิ์จะถูกต้มยำทำแกงอะไรในมิตินรกนี่อีกจึงต้องอดทนภาวนาไม่ให้น้องใหม่เกิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ
ถึงจะไม่เคยลิ้มรส แต่การเป็นพี่คนโตคงทรมานมากแน่ ใครจะยอมให้มารหัวขนมาแย่งความรักไปได้ง่ายๆ ต่อให้จะเป็นวิญญาณดั้งเดิมหรือวิญญาณต่างโลก จะหญิงหรือชายก็ไม่พร้อมดูแลทั้งนั้นแหละ หายไปตลอดกาลเลยไป๊
…แต่การสาปแช่งไม่เป็นผล ปีถัดมาเจ้ามารหัวขนตัวผู้โผล่หัวออกจากช่องคลอดเดียวกันในที่สุด
อินิคาร์หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้น้อง ตอนอยู่คนเดียวเธอมักแอบฝึกเวทมนตร์และดูค่าสถานะที่ค่อยๆ เติบโตทีละนิดทีละหน่อย
พลังพิเศษในโลกนี้ติดอยู่กับวิญญาณอย่างที่ยัยหมูเคยบอก ตัวเลขเพิ่มขึ้นต่อจากชาติเดิมซึ่งเธอฝึกค้างไว้ในโรงเรียนเวทมนตร์… นี่ช่วยให้เด็กหญิงรู้สึกวางใจลงได้บ้างว่าไม่ได้กลับมาเริ่มใหม่ตั้งแต่หนึ่ง
ระหว่างใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าด้วยร่างเด็กเล็กเธอพอจะรู้นิดหน่อยว่าที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรน็อกอาร์ด ดังนั้นต่อให้เกิดเป็นชนชั้นสูงอินิคาร์ก็ไม่มีโอกาสพบนัฟกับฮาราฟได้โดยง่าย
อย่างน้อยการมีฐานะและเชื้อสายขุนนางคงพอทำอะไรในอนาคตได้อยู่บ้างแหละ… เธอเริ่มเลียนแบบการมองโลกแง่ดีของคนเป็นพ่อแล้วปล่อยเวลาให้พาตัวเองเติบโต
เด็กหญิงไว้ผมหยักศกสีดำยาวสลวยเหมือนปลดปล่อยตัวเอง การไม่ต้องคอยตัดสั้นหรือถูกบังคับให้ทำตัวเป็นเด็กผู้ชายอีกสร้างความสบายใจอย่างมาก เธอสามารถสวมชุดกระโปรง รองเท้าเสริมส้น และแต่งหน้าได้เท่าที่ต้องการ
ท่านเอิร์ลเป็นขุนนางผู้ดูแลและพัฒนาพื้นที่เขตหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองหลวง เขาสืบตำแหน่งต่อจากบรรพบุรุษอย่างสบายๆ ไม่สร้างศัตรูและคอยผูกมิตรกับคนรอบตัวหลายฐานะด้วยความอัธยาศัยดีจึงนับว่าชีวิตรอบนี้ไม่น่าห่วงอะไร
ถ้าเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ไปศึกษาต่อจากจุดเดิมแล้วคอยหาข้อมูลเสริมให้ฮาราฟอีกทางคงดำเนินแผนการสบาย
ส่วนเดียวซึ่งขัดใจอย่างที่สุดคือเจ้ามารหัวขน… น้องชายจอมมืดมนของเธอ ทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวในห้อง ยิ่งมีผมและดวงตาสีดำยิ่งดูหม่นหมอง จากเดิมบรรยากาศที่พ่อแม่ตั้งใจให้อบอุ่นเป็นครอบครัวกลับแย่ลงกว่าเดิม ยังดีว่าไม่มีใครพูดเรื่องลูกคนที่สามออกมาอีก
ลูกสาวคนโตชอบทำหน้าเหม็นเบื่อตอนไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัว ส่วนลูกชายคนเล็กยิ่งทำหน้าเหม็นเบื่อตลอดเวลา หากเพิ่มสมาชิกใหม่พ่อแม่อาจได้ฉายาครอบครัวที่เลี้ยงลูกออกมาหน้าเหม็นเบื่อไปเลย
“นายน้อยแท็บมอส… นายน้อยแท็บมอส!” วันหนึ่งสาวใช้ประจำตัวของน้องชายตะโกนเรียกชื่อหาให้วุ่นทั้งคฤหาสน์ “ไม่นะ… คลาดสายตาเพียงครู่เดียวนายน้อยก็หายไปแล้ว”
ทั้งพ่อและแม่ว้าวุ่นใจอย่างมาก ขนาดสาวใช้ประจำตัวอินิคาร์ยังถูกเรียกให้ไปช่วยกันตามหา เพราะเจ้าเด็กนั่นเพิ่งอายุได้ห้าขวบ น้อยกว่าเธอเพียงสองปีเท่านั้น หากถูกจับไปเรียกค่าไถ่หรือเข้าดงเข้าป่าเจออันตรายก็ปกป้องตัวเองไม่ได้
เด็กหญิงวัยเจ็ดขวบเดินเตะฝุ่นมองทั้งบ้านโกลาหล เธอหงุดหงิดเกินกว่าจะใส่ใจแท็บมอส ปกติพ่อแม่เอาแต่สนน้องเล็กอยู่แล้ว เจ้าเด็กเรียกร้องความสนใจนั่นเดี๋ยวคงกลับมาเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
นี่ไม่ได้หมายความว่าเธออิจฉาน้องชายหรอกนะ
ไม่ เลย สัก นิด
อยู่มาตั้งสามชาติ โตขนาดนี้แล้วจะอิจฉาไปทำไม กลับห้องส่วนตัวแล้วฝึกเวทมนตร์ขั้นต่อไปดีกว่า
ขณะที่เท้าเรียวเล็กกำลังจะย่างเข้าธรณีประตู เสียงขลุกขลักจากห้องใกล้ๆ ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน… แต่ในคฤหาสน์ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว พวกผู้ใหญ่ที่คอยตามหาแท็บมอสอยู่ด้านนอกกันหมด ดังนั้นเจ้าของเสียงนี้อาจเป็นโจรลักลอบขโมยสมบัติขุนนาง
แผนการเด็ดใช้ได้เลยนี่นา ลักพาตัวลูกชายคนเล็กแล้วย่องมาชิงทรัพย์แบบนี้
ใบหน้าจิ้มลิ้มระวังโดยรอบแล้วโผล่หัวเข้าไปแอบดูอยู่ห่างๆ
ด้วยกำลังเด็กเล็กคงต่อสู้ไม่ได้ เวทมนตร์ที่เธอฝึกมาหลายปีก็ยังไม่เคยลองใช้กับคน ไม่รู้ว่าจะรุนแรงมากพอหรือเปล่า ก่อนอื่นต้องประเมินสถานการณ์เสียก่อน…
“ชิ้นนี้ของปลอม ไอ้นี่พอจะใช้ได้ ส่วนนี่มีตำหนิอีก… เป็นถึงคฤหาสน์ตระกูลเอิร์ลทำไมถึงยากจนขนาดนี้เนี่ย” เสียงแหลมของเด็กชายบ่นกระปอดกระแปดด้วยภาษาโลกนี้อยู่คนเดียวระหว่างแยกเครื่องประดับของมารดาลงกระเป๋าสัมภาระใบจิ๋ว
อินิคาร์หนังตากระตุก รู้สึกตนเองช่างดวงสมพงศ์กับพวกต่างโลกมาเกิดใหม่เสียจริง
“ช่างมันแล้วกัน เอาไปเท่าที่ได้ก่อน!” เด็กชายกวาดส่วนที่พอจะยัดลงไหวและปิดผนึกอย่างเร่งรีบ เขาพุ่งออกมาจนเกือบชนกับผู้เป็นพี่สาวในชาตินี้ “…บ้าเอ๊ย ทำไมต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วย”
“นายนั่นแหละกำลังจะไปไหน” พอรู้ว่าคู่ต่อสู้เป็นแค่เด็กห้าขวบ คนอายุมากกว่าเลยหักข้อนิ้วเตรียมลงไม้ลงมือเต็มที่
เรื่องรังแกคนอ่อนแอกว่าเธอถนัดนักแหละ ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าน้องชายอยู่แล้วก็ยิ่งสนุก
ช่วงอายุเท่านี้เด็กผู้หญิงโตเร็วกว่าเด็กผู้ชายมาก ในชาติที่แล้วไม่มีใครสังเกตเปรียบเธอกับนัฟ แต่ปัจจุบันขนาดตัวเธอเทียบแล้วใหญ่กว่าน้องชายจนเข้าขั้นภัยคุกคาม
เงาเด็กหญิงพาดทับเจ้าตัวเล็กจนอีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอ
“พ… พี่อินิคาร์… พวกเรามาเล่นซ่อนสมบัติด้วยกันไหม… มันต้องสนุกมากแน่เลย…”
“ไม่ ฉันชอบแต่งสวยของฉันคนเดียวมากกว่า” เด็กหญิงหิ้วปีกน้องชายออกไปหน้าคฤหาสน์ บังคับเขาให้คุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าคนรับใช้และพ่อแม่ที่เสียเวลาเป็นห่วงอยู่ตั้งนาน
“ขอโทษครับ…” แท็บมอสเกือบร้องไห้จ้าตอนเจอฝ่ามือง้างอยู่ด้านหลังในมุมอับ
ผู้เป็นพี่สาวไม่ได้รายงานเรื่องการขโมย รวมถึงไม่ได้ยึดของกลางมาเพราะตั้งใจจะเก็บหัวข้อนี้ไว้ต่อรองในภายหลัง
ถึงจะรู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นผู้มาจากต่างโลกเหมือนกันแต่เธอก็ไม่คิดเปิดเผยตัวในทันที คำพูดของฮาราฟในชาติก่อนยังคงสอนให้เธอปิดบังและประเมินความปลอดภัยไว้ก่อน
เจ้าน้องชายเป็นพวกชาติแรกหรือเปล่า หรือรู้เรื่องในโลกนี้มากน้อยแค่ไหน หากบอกความจริงแล้วจะพาเธอไปซวยด้วยหรือไม่… ข้อสันนิษฐานในใจอย่างไรคงไม่สู้ดักฟังด้วยตัวเองไปเลย
ช่วงค่ำของวันเดียวกันเธอจึงแกล้งทำเป็นนอนเร็วเพื่อสลัดสาวใช้ออกจากการติดตาม และลอบปีนหน้าต่างข้ามห้องอย่างลับๆ
เวทมนตร์ของอินิคาร์เริ่มช่วยเหลือได้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แม้จะยังไม่ถึงกับพาตัวเหาะเหินเดินอากาศแบบอาจารย์หน้าจืดในชาติที่แล้ว แต่พอใช้เสริมร่างกายให้ตัวเบาลงสักหน่อยก็กระโดดได้คล่องแคล่วทีเดียว
เธอเกาะราวระเบียงในความมืด ใช้แสงไฟจากห้องชั้นล่างช่วยมองสภาพแวดล้อมให้ถนัดก่อนปีนข้ามสู่พื้นที่ของแท็บมอส
เวรยามตรวจตรานอกคฤหาสน์เพิ่งเปลี่ยนกะจึงพลอยทำให้ไม่มีใครเห็นอินิคาร์ไปด้วย
เด็กหญิงย่อตัวลงต่ำกว่าขอบหน้าต่างและเงี่ยหูฟังทันพอดีช่วงน้องชายถูกส่งมาเข้านอน
“โชคดีที่วันนี้คุณหนูอินิคาร์ไปเจอนายน้อยเข้าก่อนหลงออกนอกคฤหาสน์นะคะ คราวหน้าถ้าอยากเดินเล่นคนเดียวก็บอกดิฉันเถอะค่ะ” สาวใช้พูดกับน้องชายตัวดีอย่างสุภาพอ่อนหวาน แม้จะฟังอู้อี้นิดหน่อยทว่าจับใจความได้ครบถ้วนทุกพยางค์ “ฝันดีนะคะ นายน้อย”
ไม่รู้ว่าอดีตมารหัวขนไปเป่าหูแอบอ้างอะไรไว้คนอื่นถึงได้ใจอ่อนไม่คาดโทษ… กระนั้นสิ่งที่เธอจดจ่ออยากรู้ไม่ใช่เรื่องการเอาอกเอาใจพ่อแม่ แต่เป็นธาตุแท้ของหมอนี่ต่างหาก
พอปิดไฟจนไม่เหลือใครในห้องเงาเด็กชายกลับขยับลุกขึ้นมา
“บัดซบ! ยัยเด็กโง่นั่นเข้ามาขวางกันซะได้ ไม่งั้นคงเอาสมบัติไปฝังได้สบายแล้ว” เขาบ่นออกเสียงด้วยโทสะซึ่งยังไม่มอดดับลง “เกิดที่ไหนดันไม่เกิด สามัญชนมีตั้งมากมายดันมาเกิดเป็นลูกขุนนาง ซวยเป็นบ้า”
ฟังแล้วก็ต้องอดทนกับคำหยาบคายที่เด็กชายสบถเป็นระยะ แถมการถูกเรียกว่ายัยเด็กโง่ก็ชวนปรี๊ดแตกอยู่พอสมควร… อินิคาร์ท่องสมาธิอยู่ในใจหลายครั้งเพื่อไม่ให้บุกเข้าไปตบหน้าเจ้าเด็กเวรเสียก่อน
เป้าหมายคือยืนยันว่าน้องชายล่วงรู้เรื่องของโลกนี้และมีประโยชน์พอให้แบ่งปันข้อมูล
คำบ่นของเขาฟันธงแล้วว่านี่ไม่ใช่ชาติแรก อย่างน้อยที่สุดต้องรู้เรื่องลูกแก้วมรณะที่จะดูดวิญญาณคนต่างโลกหากไปสัมผัสรับเวทมนตร์ ทว่าเธอยังไม่เล็งเห็นคุณค่าในการตีสนิทด้วยสักเท่าไรนัก
“ต้องฆ่าตัวตายแบบไหนถึงไม่ทรมานกันนะ… หรือจะหาวิธีติดต่อสมาคมทั้งสภาพแบบนี้เลยดี” แท็บมอสเป็นพวกใช้ความคิดพร้อมกับพูดเรียบเรียงสิ่งที่อยู่ในหัวไปด้วย
ด้วยลักษณะนิสัยแบบนั้นอินิคาร์จึงได้ข้อมูลสำคัญมาเต็มๆ… สมาคมที่เขาพูดถึงคงเป็นสมาคมรวมคนจากต่างโลกแน่
เธอเคาะกระจกหน้าต่างและโผล่หัวไปฉีกยิ้มให้เขา
แสงสะท้อนจากชั้นหนึ่งทำให้เงาหน้าของอินิคาร์เหมือนเปิดไฟฉายส่องมาจากข้างแก้ม ประกอบกับซี่ฟันเรียงสวยเป็นระเบียบทำให้ดูสยองในความมืดจนขนหัวลุก “ปลดล็อกประตูระเบียงเดี๋ยวนี้…”
“เหวอ!” น้องชายตัวดีหงายท้องก้นจ้ำเบ้า ชักไม่แน่ใจว่านี่คือพี่สาวของตัวเองหรือเจ้ากรรมนายเวรกันแน่ “ไม่เอาเด็ดขาด!! ยัยผีน่าเกลียด!”
“นายว่าฉันน่าเกลียดเหรอ!? ฉันสวยกว่าแม่นายอีก!” อินิคาร์เชือดอีกฝ่ายด้วยสายตาคมกริบ
“แม่ผมก็แม่เดียวกับเธอไม่ใช่เหรอ ยัยโง่เอ๊ย!” แท็บมอสด่าสวนกลับมาอย่างไม่ยอมแพ้
เสียงทะเลาะกันทำให้ประตูห้องเขาถูกเคาะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไรครับ ผมฝันเห็นผีน่ากลัวนิดหน่อย แต่เดี๋ยวจะกลับไปนอนต่อแล้ว” ระหว่างแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ายังไม่วายแขวะพี่สาวอีกหน
เจ้าของดวงตาสีดำประกายฟ้าแยกเขี้ยวกางเล็บดั่งปีศาจ “ถ้ายังไม่เปิดให้ฉันเข้าไปละก็ ฉันจะฟ้องเรื่องที่นายขโมยของ!”
พองัดไพ่ตายมาคุยแท็บมอสจึงปลดกลอนด้วยสีหน้าแขยงสุดขีด
พวกเธอหอบหายใจแล้วนั่งเก้าอี้หันหน้าเข้าหากันอยู่กลางห้องมืด เพราะหากเปิดไฟจะทำให้พ่อแม่เข้ามาตรวจสอบว่าทำไมยังไม่นอนกันเสียที
“เธอต้องการอะไร” น้องชายตรงเข้าประเด็นโดยไม่มีอ้อมค้อม “เป็นคนต่างโลกเหมือนกันสินะ”
ผู้ถูกถามหรี่ตาลง “ตามที่นายคิด ฉันอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้และสมาคมที่นายพูดถึง”
เด็กห้าขวบมองประเมินพี่สาวตั้งแต่หัวจรดเท้า “…ที่นี่ก็คืออีกโลกหนึ่งไง ถ้าเธอโตขึ้นอีกหน่อยก็จะได้เข้าโรงเรียนเวทมนตร์”
“…” อินิคาร์ตบผัวะเข้ากลางกบาลน้องชาย
“โอ๊ย! อะไรเนี่ย ผมก็อุตส่าห์ให้ข้อมูลแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาตีหน้าซื่อจนน่ารังเกียจ
“นายพูดจริงหรือแค่หยั่งเชิงฉันกันแน่” เธอจ้องคู่สนทนาเขม็ง “นายอยากให้ฉันไปโดนดูดวิญญาณตายจริงๆ หรือลองทดสอบว่าฉันรู้ถึงขั้นไหนแล้วค่อยเฉลยทีหลัง”
“…แค่ทดสอบ” แท็บมอสถอนหายใจออกมาเมื่อเข้าใจเหตุผลที่ถูกตบ “ทั้งที่รู้ว่าเกิดในตระกูลขุนนางจะโดนส่งไปหาลูกแก้วแต่กลับไม่ดิ้นรนหนีออกจากคฤหาสน์เลย… เธอโง่หรือเปล่า”
เด็กหญิงอยากตีแสกหน้าเขาอีกสักหนแต่ยั้งตัวเองไว้ก่อน
เธอไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องดวงจิตพิสุทธิ์ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่คายข้อมูลสำคัญออกมา
“สมาคมที่นายจะติดต่อคือสมาคมอะไร”
“ได้ทีก็ถามใหญ่เลยนะ บอกไว้ก่อนว่าพวกเราไม่ต้อนรับใครมั่วๆ ต่อให้เป็นคนจากต่างโลกเหมือนกันก็ต้องดูคุณสมบัติและวิธีเอาตัวรอดไปด้วย” เขาประกาศเป็นนัยว่าจะไม่บอกง่ายๆ
แน่ล่ะ ไม่งั้นคงอยู่มาได้ไม่ถึงตอนนี้หรอก อินิคาร์เองก็คาดเดาไว้อยู่แล้ว… ถึงขั้นเรียกเป็นสมาคมคงรวมตัวเยอะและคัดกรองกันน่าดู
“ต้องทำยังไงนายถึงจะยอมให้ฉันรู้จักสมาคม” เธอถามตรงๆ เพราะไม่อยากเสียเวลายื่นข้อเสนออื่น พร้อมกันนั้นก็อยากรู้ขอบเขตของพวกแท็บมอสไปด้วย
“โง่แบบเธอคงต้องตายสักสิบรอบถึงพอไหว” น้องชายตัวดีตอบไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด “ลองรอดให้ถึงชาติที่สิบดูแล้วสมาคมคงพิจารณาเองแหละ ถ้ารอดได้ถึงน่ะนะ”
“…นี่ไม่ใช่ชาติแรกของฉันสักหน่อย มันไม่พอเหรอ” เธอย้ำอีกครั้ง
“มันก็แค่ข้อมูลทางสถิติ วิญญาณที่ถูกดึงดูดมาเกิดใหม่ในโลกนี้มักทำอะไรงี่เง่าอย่างการอวดฉลาดเกินหน้าชาวบ้าน อยากเป็นเด็กอัจฉริยะจนตัวสั่นเลยโดนศาสนาเทพธิดาจับได้ เกินครึ่งของพวกมาเกิดใหม่จึงถูกดูดกลืนตั้งแต่ชาติแรก… ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการปรับตัวว่าจะรอดไปอีกกี่รอบ และถึงอัตรารอดชีวิตจะสูงขึ้นแต่อาจซวยเกิดเป็นชนชั้นสูงแบบพวกเราในตอนนี้”
คำพูดที่แท็บมอสกล่าวออกมาในช่วงแรกทำให้อินิคาร์ปะติดปะต่อบางเรื่องได้
เรื่องของอินิคาร์… พี่ชายในชาติที่แล้ว เจ้าของชื่อดั้งเดิมผู้ทำให้เทพธิดากล่าวว่าจะมอบพลังเวทมนตร์กับเขา
เพราะเผยแพร่ข่าวลือออกไปว่าเป็นเด็กฉลาดเกินใคร เทพธิดาจึงพาลูกแก้วเดินทางมาหา แต่โดยปกติถ้าไม่มีอะไรพิเศษแล้วศาสนาคงเพียงมอบนามผ่านสาวกเท่านั้น สถานการณ์ชาตินี้จึงต่างออกไป
“นายรู้เหตุผลที่พวกเราถูกพามารวมกันในโลกนี้ไหม” เธอลองถามเผื่อจะมีข้อมูลเพิ่มเติม
“ถ้ารู้คงไม่ต้องเหนื่อยหรอก พวกเราเองก็ตามหาอยู่เหมือนกันนั่นแหละ” เขาถอนหายใจอีกครั้ง “จะแนะนำด้วยความหวังดีนะ รีบชิงฆ่าตัวตายไม่ก็หนีออกจากตระกูลก่อนดีกว่า ไม่งั้นไม่รอดแน่”
บทสนทนาดูจะเป็นการตัดบทไม่ให้คนถามย่างเท้าข้องแวะกับสมาคม อินิคาร์เองก็รู้ว่าถ้าอยากล้วงลึกไปมากกว่านี้ต้องมีเหยื่อล่อ
เหยื่อล่อบางอย่างที่พิเศษ แต่ไม่เผยทุกอย่างในมือไปจนหมด
“แท็บมอส… ชาติแรกสุดของฉันไม่ได้มาเกิดใหม่ที่นี่ แต่ถูกอัญเชิญมา” เธอบอกเรื่องสำคัญกับเขาเป็นการทดสอบไปในตัวว่าสมาคมรู้ข้อมูลในศาสนาเทพธิดามากน้อยแค่ไหน
หากไม่ทราบอะไรเลยก็ไม่ควรค่าจะดันทุรังเข้าไปติดต่อด้วยอีก และเธอจะยุติการตามตื๊อเพียงเท่านี้
“…เป็นไปไม่ได้” ปฏิกิริยาของเด็กชายดูเคร่งขรึมมากขึ้น แม้พอดูสารรูปแล้วจะดูเหมือนเด็กแก่แดดก็ตามที “เธอรอดมาได้ยังไง”
เขารู้บางอย่าง… สมาคมสะสมข้อมูลปริมาณมหาศาลเกี่ยวกับโลกนี้ไว้ และมันคุ้มค่าที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกเพื่อความอยู่รอด
“ฉันเจอกับคนคนหนึ่ง” เธอเตรียมจะอ้างชื่อฮาราฟตามความจริง แต่ไม่รู้ว่าในชาตินั้นใช้ชื่อเสียงเรียงนามอะไร “ผู้หญิงคนนั้นฆ่าฉันก่อนจะสัมผัสโดนลูกแก้ว”
เพื่อปกปิดเรื่องดวงจิตพิสุทธิ์อินิคาร์จึงโกหกเรื่องลำดับเวลา ไม่ใช่การจับเทพธิดาแล้วถูกฆ่า แต่เป็นการโดนสังหารก่อนหน้านั้น
แท็บมอสขมวดคิ้วหนัก ประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว “คนที่แฝงตัวเข้าไปในช่วงอัญเชิญวิญญาณได้ แล้วมีฝีมือพอจะฆ่าก่อนพวกนั้นลงมือ… ฮาราฟเหรอ”
“ฮาราฟ…” คนฟังกลายเป็นฝ่ายชะงักไป “พวกนายรู้จักกัน? ฮาราฟสังกัดอยู่กับพวกนายเหรอ? ไม่สิ… ก่อนอื่นเลย ชาติที่แล้วนายชื่ออะไร”
แสงแห่งความหวังคล้ายถูกจุดประกายให้สว่างขึ้นไปอีกขั้นเมื่อคลำเจอหนทางตามหาผู้วางใจได้ในโลกใหม่นี้
เจ้าน้องชายเกาหัวด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ “มือใหม่สุดยอดไปเลยให้ตายเถอะ ฮาราฟเก็บเธอมาทำไมเนี่ย”
“จะยอมอธิบายทุกอย่างดีๆ หรือจะไปหาลูกแก้วเทพธิดาด้วยกันล่ะ” อินิคาร์ข่มขู่เขาเพื่อแลกกับข้อมูล ตอนนี้เธอมีอำนาจเหนือกว่าแท็บมอส พี่สาวคนโตย่อมมีความน่าเชื่อถือ สามารถรายงานผู้ปกครองถึงพฤติกรรมประหลาดและเรียกขบวนสาวกมาได้
คู่สนทนาอยากเอาหัวโขกผนังตายตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอชั่งน้ำหนักดูแล้วยังมีเรื่องที่ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้หญิงตรงหน้าเช่นกัน
“ก็ได้… แต่มีเงื่อนไข” เด็กชายยกมือชูสามนิ้วต้องแสงจันทร์นอกหน้าต่างซึ่งลอดผ่านกระจกเข้ามา ดวงตาสีดำสะท้อนภาพพี่สาวด้วยความแน่วแน่ “หนึ่ง ถ้าเธอรู้เรื่องสมาคมแล้วก็ต้องเข้าไปพบหัวหน้า เพราะพวกเราจะไม่ปล่อยคนนอกที่รู้เรื่องสมาคมไว้โดยเด็ดขาด รายละเอียดตรงนี้เธอรอคุยกับหัวหน้าเอาเอง ไม่ว่าหัวหน้าจะส่งเธอไปทำภารกิจอะไรหรือมอบตำแหน่งไหนในสมาคมให้ก็ห้ามปริปากบ่น”
ที่ใดมีสังคมที่นั่นย่อมมีกฎ สมาคมผู้มาจากต่างโลกคงเข้มงวดกว่าที่ไหนๆ เพื่อให้ทุกคนรอดจากสายตาของศาสนาเทพธิดาไปได้
อินิคาร์พยักหน้ารับเงื่อนไขแรก
“สอง เธอถูกอัญเชิญไปในสถานการณ์แบบไหน แล้วทำไมฮาราฟถึงช่วยเธอไว้ เล่าให้ละเอียดหลังจากนี้ด้วย” นิ้วค่อยๆ ถูกเก็บลงตามจำนวนข้อเสนอซึ่งถูกพูดออกมา “และสุดท้าย เธอต้องช่วยผมฝังสมบัติไว้ใช้ชาติต่อไปโดยไม่ได้ส่วนแบ่ง รวมถึงพาหลบหนีจากลูกแก้วเทพธิดาไปพร้อมกัน”
“…เข้าใจแล้ว” ดวงตาสีดำประกายฟ้าสะท้อนใบหน้าผู้เป็นน้องชาย “เล่าข้อมูลเท่าที่รู้มาสักที”
แท็บมอสสูดหายใจลึกก่อนจะสาธยายยาวเหยียด “เริ่มจากคำถามก่อนหน้านี้ที่เธอสงสัย ชื่อของผมคือแท็บมอส ชาติก่อนหน้าก็คือแท็บมอส ย้อนกลับไปอีกก็ยังคงเป็นแท็บมอสในทุกชาติบนโลกนี้… จากข้อมูลที่สมาคมมี วิญญาณทุกดวงจะมีลักษณะเฉพาะซึ่งกลั่นออกมาเป็นคำเรียกอันเหมาะสม และสาวกของเทพธิดาผู้คอยตั้งชื่อให้จะมีทักษะพิเศษในการดึงชื่อวิญญาณมาใช้”
อินิคาร์หน้างอง้ำ “มีกรณีชื่อซ้ำรึเปล่า”
หากผู้ที่ได้รับชื่อมาก่อนคือพี่ชายในชาติที่แล้วและเธอสืบต่อชื่อเดิมมาได้ บางทีอาจไม่ใช่แค่เพราะมารดาขอไว้ แต่สาวกผู้มองเห็นนามอันเหมาะสมเจอเรื่องบังเอิญที่ปล่อยผ่านได้พอดี…
ชื่อวิญญาณของเธอกับพี่ชายที่ตายไปแล้วคือ อินิคาร์ เหมือนกัน
“เยอะแยะ ผมเคยเจอแท็บมอสตั้งหลายคน ชื่ออินิคาร์บ้างประปราย วิญญาณเองก็มีลักษณะที่ซ้ำกันได้ ไม่งั้นพวกเราคงถูกรวบไปหมดแล้วสิ” เขาเกาหัวแล้วลุกขึ้นยืนเปลี่ยนท่า “แต่ก็มีอยู่เหมือนกันนะ… วิญญาณที่มีลักษณะเฉพาะมากเกินไป รายชื่อพิเศษซึ่งถ้าพบจะแยกไว้ต่างหากเพื่อรอเทพธิดามาดูดกลืน พวกนั้นน่ะอภิมหาซวย ไม่มีโอกาสได้รู้จักโลกนี้ก็หายไปแล้ว”
ผู้ฟังลอบกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งที่ดวงกุดสุดๆ ก็ยังมีคนเจอแย่ยิ่งกว่า นรกนี่มีทั้งหมดกี่ขุมกันนะ
แต่ก็ยืนยันได้แล้วว่าฮาราฟจะยังคงเป็นฮาราฟให้เธอตามหา และตัวเธอก็จะถูกเรียกว่าอินิคาร์ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลุดพ้นจากโลกนี้
“จริงสินะ เรื่องสำคัญที่ต้องบอกให้รู้ไว้ก่อนเข้าใจผิด… จะพวกวิญญาณเกิดใหม่หรือวิญญาณถูกอัญเชิญ… ไม่ใช่ทุกคนจะมาจากสถานที่เดียวกัน” แท็บมอสก้าวไปแผ่หงายบนเตียงนอนแล้วกล่าวต่อ “หมายความว่านอกจากที่นี่กับโลกของเธอแล้วก็ยังมีอีกหลายมิติ ขอบเขตการรวบรวมวิญญาณของมันกว้างจนไม่สามารถระบุได้ คนต่างโลกเลยปรากฏขึ้นตลอดเวลาและอย่าคาดหวังว่าจะนับเป็นพรรคพวกเลยดีกว่า อย่างที่เธอรู้นั่นแหละ กฎสำคัญของการอยู่รอดคืออย่าข้องแวะกับพวกชาติแรก”
มีโลกอื่นนอกจากโลกเดิมของเธออีก… อินิคาร์ไม่ได้ตกใจเท่าไร เพราะนับจากปริมาณคนต่างโลกก็สมเหตุสมผล ไม่งั้นคงไม่เหลือวิญญาณให้เทพธิดาดูดกลืนมาจนถึงตอนนี้เช่นกัน
“เอาล่ะ ผมคงตอบได้แค่ข้อมูลทั่วไปหรือวิธีเอาตัวรอดของคนในสมาคม แต่ถ้าอยากรู้ลึกถึงศาสนาเทพธิดาหรือจุดประสงค์ของพวกนั้นน่ะต้องให้เธอไปคุยกับหัวหน้าเอาเอง” เขาสรุปเหมือนคาดเดาคำถามต่อไปออก “ถ้าเขายอมบอกเธอน่ะนะ”
“เขารู้เหรอ…” เด็กหญิงหรี่ตาลง
การเจอกับแท็บมอสในชาตินี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเลยทีเดียว
เด็กชายนั่งขัดประกบเท้าบนเตียง แสงสว่างข้างหน้าต่างกระทบผิวขาวเป็นประกายดั่งเปล่งรัศมีสูงส่ง “บอกให้รู้ไว้เลยแล้วกัน สมาคมที่เธอจะได้เข้าไปเจอน่ะเป็นถึงสมาคมการค้าอันยิ่งใหญ่ สร้างเครือข่ายไปทั่วสามอาณาจักร แม้แต่ชนชั้นสูงกับราชวงศ์ยังติดต่อซื้อขายด้วย… สมาคมการค้ากุนกุน”
“สมาคมการค้ากุนกุน…” อินิคาร์อ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง
เธอประเมินสมาคมต่ำเกินไป ทีแรกนึกว่าคนต่างโลกมารวมตัวกันเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่พอคิดให้ละเอียดแล้ว ทั้งมีดวงจิตพิสุทธิ์อย่างฮาราฟสังกัดด้วย แถมวิญญาณที่ผ่านประสบการณ์เอาชีวิตรอดมาแล้วหลายต่อหลายหนยังอยู่ในการควบคุม…
อินิคาร์เคยสัมผัสความน่ากลัวของสมาคมการค้ากุนกุนตอนที่ได้รับข้อเสนอให้ขายบ้านและถูกส่งไปอาศัยในคฤหาสน์ของนัฟ
พวกเขาฉลาด มากเล่ห์เหลี่ยม และซ่อนคมเขี้ยวได้อย่างมีชั้นเชิง
ไม่คิดเลยว่าฝั่งคนจากต่างโลกก็มีไพ่เด็ดขนาดนี้เหมือนกัน… อย่างกับการหนีหัวซุกหัวซุนของเธอเป็นเกมเด็กเล่นไปเลย
“เดี๋ยว ก่อนจะวาดฝันว่าได้เข้าสมาคมแล้วน่ะ เธอยังต้องช่วยผมหนีก่อนนะ” แท็บมอสหยุดความคิดทั้งหมดให้ตัดภาพกลับมาปัจจุบัน “แต่… ถ้าไม่อยากหนีผมก็มีแผนการดีๆ มานำเสนอ”
“แผนการดีๆ?”
เขาฉีกยิ้มชั่วทันที “ลูกสาวลูกชายจับมือกันล่มตระกูลให้ถูกถอดยศไปเลยไง”
+++++
[TALK]
เปิดพรีออเดอร์รูปเล่มและวางขายอีบุ๊กอยู่นะคะ
สามารถพรีออเดอร์ได้ที่ http://witchhathut.lnwshop.com/
eBook มีทั้งใน dek-d, meb, ARN, pinto และ NaiinPann ค่ะ ซื้อผ่านเว็บไซต์จะได้ราคาถูกกว่าผ่านแอปพลิเคชั่นเพราะไม่ผ่าน ios และ android ค่ะ หากเข้าในมือถือสามารถกดจาก safari หรือ chrome แล้วอ่านในแอปได้เหมือนกัน