บทที่ 8 – อาจารย์ที่แท้จริง
“อาจารย์คะ อาจารย์คะดูนี่สิ!”
เด็กผู้หญิงผมสีดำยาวสวยจนถึงเอว มีไฮไลท์สีแดงตัดสลับไปมาวิ่งมาทางฉัน เธออายุประมาณ 11 ขวบเห็นจะได้แล้วตอนนี้
เธอคือคารินนั่นแหละ.. ตั้งแต่วันนั้นเมื่อห้าปีก่อนยัยเด็กนี่ก็เกาะติดฉันยังกับตังเมเลยก็ว่าได้ เคยไล่ไปหลายรอบแล้วแหละ
แต่พอไล่ทีไรยัยเด็กนี่ก็ทำหน้าเหมือนกับลูกแมวถูกทิ้งพร้อมกับพูดประมาณว่า
“อาจารย์จะทิ้งเด็กแบบหนูให้อยู่ในโลกภายนอกคนเดียวเหรอคะ กระซิกกระซิก”
…ก็บอกว่า ฉันเด็กกว่าเธอไงเล่า ไอ้คำพูดเชิงผู้ใหญ่ทิ้งเด็กแบบนั้นมันหมายความว่าไงฟระ!
แน่นอนว่าเรื่องที่เธอมาอยู่ที่ มิเกลก็รู้อยู่แล้วแต่ไม่ได้ว่าอะไร อันที่จริงเจ้านั่นเชียร์ให้ฉันฝึกให้เด็กนี่อยู่นั่นแหละ
อ้อ.. คารินเรียกฉันว่าอาจารย์เพราะครั้งหนึ่งเด็กนี่เป็นไข้ แล้วฉันก็คอยดูแลให้.. ถึงจะนั่งเฝ้าเฉยๆ ก็เหอะ
แล้วคารินก็มโนไปไกลว่าฉันเหมือนแม่คนที่สองเลย.. ไม่สิ ใจดีกว่าแม่ตัวเองด้วยซ้ำ เลยจะเรียกฉันว่าแม่ให้ได้
ซึ่งตอนนั้นฉันอายุสามขวบเอง ให้คนอายุเจ็ดแปดขวบมาเรียกแม่ ยังไงมันก็จะยังห่างจากวัยเกินไป นี่ไม่เรียกแม่วัยใสแล้ว
นี่ควรจะเป็นแม่วัยทารก… พิลึกชะมัด.. ด้วยเหตุนั้นฉันเลยให้เธอเปลี่ยนวิธีเรียกพอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนมาจบลงที่คำว่าอาจารย์นี่แหละ
แน่นอนว่าฉันยังไม่เคยสอนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้เจ้าตัวหรอก.. ไม่สิ ใครมันจะไปสอนได้วะ สอนคนที่เก่งกว่าตัวเองเนี่ย!
แต่ถึงงั้นก็โดนเรียกว่าอาจารย์แล้วแหละ.. ช่างเรื่องนั้นไปก่อนขณะที่ฉันกำลังมองตัวเองในกระจกอย่างสบายใจที่ไม่มีงานต้องทำในร่างกายเด็กผู้หญิงอายุหกขวบ
พอมามองตัวเองในตอนนี้ฉันถึงได้รู้ว่าตัวเองกลายเป็นผู้หญิงไปแล้วจริงๆ.. แต่เรื่องนั้นในตอนนี้เป็นเรื่องรองไปแล้วเพราะตัวฉัน…
น่ารักสุดๆ ไปเลย.. ฉันมีผมสีฟ้าอ่อนตัดไฮไลท์สลับไปมาด้วยผมสีชมพูอ่อนๆ บางๆ ตอนนี้ยังเด็กอยู่ผมเลยยาวประมาณถึงคอเท่านั้น
ฉันคิดไว้แล้วว่าต้องไว้ผมยาวๆ ให้สวยกว่านี้ให้ได้เลย…
แค่ได้เห็นหน้าตัวเองฉันก็รู้สึกเหมือนได้ชาร์จพลังเต็มเปี่ยมเลยล่ะ คนบ้าอะไรน่ารักขนาดนี้เนี่ย ผมก็นุ่มสวยสุดๆ!
และเหตุการณ์เช่นนั้นคนที่ทักมาหาฉันคือคารินที่มือกำลังลากอะไรบางอย่างอยู่ทางเดินเข้ามาในห้องฉัน
“อ้ะ เอาอีกแล้วเหรอคะอาจารย์ วันนี้มองกระจกเป็นครั้งที่แปดแล้วนะคะ”
“ไม่ต้องยุ่งน่า.. แล้วนั่น.. เอ้ะ?!”
ฉันถอยหลังด้วยความตกใจ ความรู้สึกเจ็บปวดหลั่งไหลเข้ามาในอกของฉัน ฉันจำไม่ได้ว่าเคยสอนให้เธอเป็นคนแบบนี้นะ
ในมือของคารินที่ลากมาคือคนสามคนที่ถูกดึงคอเสื้อ เป็นผู้ชายทั้งหมด..
“นี่เธอ.. กลายเป็นฆาตกรใจโฉดไปแล้วเหรอ.. ฉันไม่เคยสอนให้เธอเป็นแบบนั้นนะ…”
“ไม่ใช่แล้วค่ะ!! .. เจ้าพวกนี้เป็นสายลับจากประเทศอื่นต่างหากค่ะ แล้วก็ยังไม่ตายด้วยค่ะ”
“ไม่อ่ะๆ ดูยังไงก็ตายแล้วชัดๆ”
ร่างกายของคนทั้งสามบิดงอผิดรูปจนน่ากลัว โชคยังดีที่รอบๆ ตัวของคารินมีบรรยากาศเหมือนนุ่มฟูมีดอกไม้หมุนไปมาเลยทำให้ภาพนี้ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่
ว่าง่ายๆ ก็เป็นภาพที่เด็กดูได้แบบ เซฟ— ซะที่ไหนละฟร้า
“ยังไม่ตายค่ะ เห็นไหมยังมีลมหายใจอยู่”
“เออๆ ช่างเรื่องนั้นเถอะ รีบเอาเจ้าภาพน่ากลัวนั่นออกไปจากฉากได้แล้วน่า”
“ค่ะ”
ว่าแล้วคารินก็เคลื่อนตัว ฉันรู้เลยว่าเด็กนี่จะทำอะไร
“ช้าก่—”
แต่ฉันพูดไม่ทันการกระทำสายฟ้าแลบของคาริน เธอปาสามหน่อออกจากหน้าต่างลอยข้ามต้นไม้ไปไหนไม่รู้
ให้เดาน่าจะลอยไปสักสามสิบกิโลเมตรได้ ฉันได้แต่พนมมือพร้อมกับ ‘อาเมน’ ฉันถอนหายใจพร้อมมองไปที่คาริน
เด็กคนนี้นับวันยิ่งจะเป็นหายนะเคลื่อนที่เข้าทุกวัน.. แถมพักหลังๆ มาเจ้าตัวยิ่งหนัก ฉันว่าเธอควรจะถูกฝึกสามัญสำนึกบ้างแล้วล่ะ
แน่นอนว่าสามัญสำนึกของฉันใช้ไม่ได้ในโลกนี้.. ใช่ ฉันจะให้เธอไปโรงเรียน.. เพื่อให้เธอได้เติบโตเป็นผู้เป็นคน
แถมถ้าเด็กนี่ไปแล้วจะดีต่อเธอเอง อยู่กับฉันก็ไม่ช่วยให้เก่งขึ้นหรอก.. อีกอย่าง.. ฉันนึกถึงคำพูดของมิเกล
“ท่านโรซาเรีย สงครามใกล้จะปะทุขึ้นทุกวันแล้ว.. พวกเรารู้ว่าท่านไม่ได้สนใจใครอื่นนอกจากเทพมาร… แต่เผ่าอื่นนอกจากปีศาจเองก็ไม่ธรรมดา.. เพราะงั้น”
“งั้นเหรอ”
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ.. ห้าปีมันผ่านไปเร็วจังวะ เวลาแห่งความสุขสบายของฉัน..
พอเห็นฉันถอนหายใจมิเกลก็เอาหัวโขกพื้นอย่างรุนแรง เอ็งจะทำแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้นะเฮ้ย!! แต่ว่าเจ้าหมอนี่เอาหัวฟาดพื้นจนแตกหลายรอบแล้วไม่ยักจะมีแผลเลย
เหมือนสวมหน้ากากไว้เลย แต่ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่ดี
“โปรดอภัยให้เราด้วย! พวกเราไม่มีทางเลือกจริงๆ เพราะงั้น…”
“ไม่ๆ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
“อ้ะ! ขออภัยด้วยครับ ที่บังอาจคิดแทนท่านโรซาเรีย ขออภัยจริงๆ”
“…ก็บอกว่า…!”
“อย่าบันดาลโทสะเลยครับ พวกเราจะกลับแล้วครับ!”
“……”
โดยยังไม่มันให้ฉันได้พูดบ้าอะไรพวกนี้ก็หอบตูดกันกลับไปทั้งแบบนั้น อิหยังหว่า.. สรุปอยากให้ตูช่วยอะไรวะเนี่ย
คือถ้าช่วยได้ก็อยากช่วยอยู่หรอกนะ ที่ไม่ใช่การใช้พลังอะนะ เพราะตูไม่มีพลังเลยสักนิด แถมอยู่ฟรีกินฟรีมาตลอดห้าปีก็รู้สึกละอายใจอยู่นิดหน่อย
แล้วตั้งแต่วันนั้นพวกนั้นก็ไม่โผล่มาหาฉันอีกเลยเกือบเดือนแล้วมั้งเนี่ย.. แต่ที่แน่ใจคือสงครามใกล้จะเกิดแล้ว..
ดังนั้นจึงอยากให้ส่งคารินไปโรงเรียนดีกว่า.. ถึงโลกนี้จะต่างจากโลกเดิมขนาดไหน แต่ในฐานะผู้ใหญ่ที่มีสามัญสำนึกจากดาวโลก
ฉันก็คิดว่าเด็กไม่ควรร่วมสงคราม ควรให้คารินไปอยู่โรงเรียนซึ่งเป็นเขตปลอดสงครามด้วย.. นั่นแน่นอนว่ารวมถึงฉันด้วย
ฉันก็เด็กนี่น่า!
“คาริน”
“คะ?”
“ฉันจะส่งเธอไปโรงเรียนดาบเวท เพราะสิ่งที่ฉันสอนให้เธอมันหมดแล้ว”
“เอ้ะ?”
“เพราะงั้นแหละ ถึงเวลาที่เธอต้องกางปีกด้วยตัวเองแล้ว”
“ห้ะ?”
“เพราะงั้น ไว้เจอกัน”
ว่าแล้วฉันก็รีบสับเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว แต่คารินก็จับไหล่ฉันไว้ก่อน
“เอ่อ.. ฉันยังไม่ได้เรียนอะไรจากอาจารย์เลยนะคะ”
ยัยเด็กนี่!! ตามทันอีก! เวลาแบบนี้มันควรจะเป็นซีนซึ้งๆ อยู่ด้วยกันมาตลอดห้าปีถึงเวลาแยกจากกันไม่ใช่เหรอ
ก็แบบอยู่ด้วยกันมาห้าปีถึงฉันจะไม่ได้สอนอะไรเธอ แต่อยู่ด้วยกันมาตั้งนานก็ควรจะคิดว่าฉันเคยสอนอะไรบ้าง..ไม่ใช่..เหรอ..?
ว่าแล้วก็หวนนึกดูตลอดห้าปีที่ผ่านมา..
“อาจารย์คะ ดาบเล่มนี้”
“อ้อ ยังไม่ถึงเวลา”
“อาจารย์คะ วิชาดาบ..”
“ใจเย็น ยังไม่ถึงเวลา”
“อาจารย์คะ ในฐานะผู้กล้า..”
“เอาน่า มีเวลาอีกเยอะ”
ตูไม่ได้สอนอะไรหล่อนแถมบอกยังไม่ถึงเวลาแทบตลอดเลยนี่หว่า ไม่แปลกใจแล้วมั้งที่เจ้าตัวจะตระหนักว่าฉันไม่เคยสอนอะไรให้
อยากย้อนเวลากลับไปตบตัวเองสักเปรี้ยงในตอนนั้นว่าพูดกำกวมๆ จะดีกว่า.. แต่ยัยเด็กนี่ก็เมากัญชาขนาดหนัก ถ้าพูดกำกวมเดี๋ยวมโนไปเรื่อยอีกเนี่ยสิ
ได้แต่คิดแล้วก็ท้อใจ
“อ่ะแฮ่ม.. ไหวพริบดีนี่”
ฉันพูดแก้เขินเล็กน้อยที่ถูกตามทัน.. แต่พอพูดแบบนั้น
“อ้ะ! หรือว่าเมื่อกี้คือการวัดไหวพริบ! ไม่สิ! ตลอดมาอาจารย์ก็ทำแบบนี้ตลอดมานี่น่า ‘เธอยังไม่พร้อม’ , ‘ยังไม่ใช่ตอนนี้’ ที่อาจารย์เคยบอกตอนนั้นเพราะไหวพริบหนูยังไม่ดีพอสินะคะ?!เป็นแบบนั้นเองสินะคะ!ไม่ใช่ว่าอาจารย์ไม่สอน แต่อาจารย์สอนมาตลอดแต่หนูไม่เคยรับสารเข้าสมองโง่ๆ ของตัวเองเลย!”
“บางที.. หนูอาจจะยังไม่พร้อมสำหรับการเข้าเรียนก็ได้ค่ะ ที่จริงหนูเองก็อยากไปขึ้นมาแล้วและจะมาขออาจารย์เรื่องนั้นพอดีค่ะ แต่เพราะการตรวจไหวพริบเมื่อครู่ทำให้หนูสำเหนียกตัวเองขึ้นมาได้ค่ะว่าตัวเองยังโง่เง่าขนาดไหน”
“โปรดลงโทษหนูที่หลงระเริงในความสามารถด้วยค่ะ”
“อ้ะ.. หรือว่าที่อาจารย์ไม่สอนหนูเป็นเพราะหนูมั่นใจในตัวเองมากเกินไปเหรอคะ การที่หนูมั่นใจในตัวเองเกินไปทำให้อาจารย์ไม่สอนหนูเพื่อจะบอกเป็นนัยว่าหนูต้องลดลงมา แต่หนูกลับไม่เคยเข้าใจเลย แต่ทำไมอาจารย์ถึงไม่บอกมาตรงๆ—”
“อ้ะ หรือว่าเพราะอยากรักษาน้ำใจหนู! อาจารย์ ฮรือ อาจารย์ดีที่สุดเลยค่ะ หนูจะอยู่ฝึกกับอาจารย์จนกว่าจะหายนิสัยแบบนี้ของตัวเองได้เลยค่ะ”
……..เป็นตุเป็นตะเลยเว้ยเฮ้ย แล้วไงเป็นงั้นไปได้วะเนี่ย?!
ตูไม่น่าพูดแก้เขินกับคนบ้าในโลกนี้เลยเว้ยยย!!!
MANGA DISCUSSION