บทที่ 4 – ผู้มากับคำทำนายที่แท้จริง
ในห้องประชุมขนาดใหญ่มีโต๊ะทอดยาวประมาณสามเมตร และรอบโต๊ะยาวนั้นมีเก้าอี้ตั้งอยู่หลายอันและปลายสุดของโต๊ะก็มีเก้าอี้ที่ไม่ต่างจากอันอื่นก็จริง แต่เหมือนเห็นได้ชัดว่าเป็นหัวหอกของการประชุมนี้
อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เกโบล์ก หนึ่งในประเทศที่เคยรุ่งโรจน์มากที่สุดในแดนมนุษย์ ทั้งยังเป็นอาณาจักรที่ติดต่อกับเทพเจ้าเหมือนโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์.. แต่ที่ต่างจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ของทุกสิ่งมีชีวิตบนผืนทวีป
เพราะอาณาจักรนี้เป็นของมนุษย์!
ก่อนอื่นในโลกนี้หาได้มีค่านิยมอย่างนับถือพระเจ้าและเคารพรักราวกับผู้ให้กำเนิดทุกสิ่ง คนที่นับถือแบบนั้นมีอยู่น้อยและส่วนใหญ่อยู่ที่โบสถ์กันทั้งสิ้น คนในโลกนี้ส่วนใหญ่นับถือพระเจ้าเพราะ ‘พลัง’ ที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ
และพระเจ้าทรงแข็งแกร่งเช่นนั้นโลกนี้จึงนับถือ ใช่แล้ว! ..ความแข็งแกร่งเท่านั้นคือจุดสูงสุดของทุกสิ่งอย่าง
เวลานี้เองก็เช่นกันพวกเขากำลังปรึกษาหารือเรื่องความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ คนที่อยู่ปลายโต๊ะเป็นทั้งราชาของประเทศนี้และวีรบุรุษของประเทศนี้
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ผู้กล้า ในโลกนี้ผู้กล้าถือเป็นสมบัติระดับเผ่าพันธุ์ไม่สามารถผูกติดเป็นของประเทศใดประเทศหนึ่งได้
สำหรับราชาคนนี้ที่ถูกเรียกว่าวีรบุรุษ เพราะเขาเป็นผู้กอบกู้ประเทศแห่งนี้จากภัยทุกแล้งและภัยธรรมชาติ ทั้งยังมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลอย่างยิ่ง
ส่วนคนที่เหลือล้วนเป็นตัวแทนทางการทูตที่มียศระดับแบกประเทศไว้บนไหล่จากประเทศอื่นๆ คำพูดของพวกเขาล้วนเป็นราชโองการของราชาทั้งสิ้น
“อีกแค่สิบปีแท้ๆ พันธสัญญายุติสงครามจากเทพเจ้าจะหายไปแล้วแท้ๆ แต่ยังถือกำเนิดได้แค่ไม่กี่คน อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะอธิบายมายังไงดี พวกเราอุตส่าห์ทุ่มเททรัพยากรมาให้ตั้งหนึ่งในสาม!”
“ใช่แล้ว นายต้องมีคำอธิบายกษัตริย์มิเกล!”
“ใช่แล้วๆ”
ทุกคนดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มิเกลที่นั่งรับฟังความเห็นทุกคนด้วยสีหน้าตึงเครียด.. แต่ภายในใจนั้น
“ไอ้บ้า ถ้าผู้กล้ามันเกิดง่ายเราคงชนะพวกปีศาจไปนานแล้วว้อย พวกแกแค่ให้อาหารไม่กี่คาบบอกให้หนึ่งในสาม เดี๋ยวแม่ก็จับทุ่มซะหรอก”
แต่ภายนอกนั้น
“ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนแน่นอน ทุกท่านโปรดใจเย็นนะครับ”
เสียงในใจก็ยังร่ำร้อง
“อีกอย่างไอ้คนที่พูดมันไม่ใช่ฉันสักหน่อยมันพี่ชายฉันที่นอนตายโหงไปเมื่อสิบปีก่อนนู้น ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ”
เธอพึมพำด้วยความเหนื่อยใจ เรื่องราวของวีรบุรุษพี่ชายของเธอมันเริ่มเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน เขาใช้ความสามารถในการต่อรองเพื่อยืดอายุขัยของประเทศตัวเองในฐานะว่าที่พระราชาอย่างยอดเยี่ยม โดยไม่บอกวิธีที่จะปั้นผู้กล้าสักคำ แล้วสิบปีให้หลังก็ดันมาสะดุดหินตายอีก
หากเสียใจหลักของประเทศอย่างราชาวีรบุรุษไป ทุกอย่างที่พยายามมาคงพังพินาศแถววิธีสร้างผู้กล้าก็ไม่มีเพราะนอนโลงไปพร้อมพี่ชายบ้า ส่งผลให้มิเลนต้องมาปลอมตัวเป็นมิเกลคอยสั่งแทน ซึ่งไอ้คุณเธอก็ไม่ได้ฉลาดเหมือนคุณพี่ชาย
พอมาเจอสถานการณ์เช่นนี้คุณเธอก็ได้แต่เงยหน้ามองเพดานอย่างเจ็บปวด
“หากพระเจ้าตอบสนองแด่คำพูดของประเทศเรา.. ได้โปรดทำให้คำทำนายมหาปราชญ์เป็นจริงด้วย…เถิด… เอ้ะ..?!”
ในขณะที่กำลังสวดภาวนาในใจคนเดียวนั้น ก็มีแสงสีทองสาดลงมาจากท้องฟ้า ไม่ใช่เพราะอภินิหารแต่เพราะมันเที่ยงตรงพอดี
แล้วก็มีเด็กทารกปรากฏขึ้นกลางอากาศ
“นั่นมัน…?!”
มิเลนในร่างมิเกลตะโกนด้วยความตกใจพร้อมชี้นิ้วไปยังร่างของเด็กทารก ก่อนที่ทุกคนจะหันหน้าไปมองอย่างพร้อมเพรียงและในวินาทีเดียวกันทุกคนก็อ้าปากค้าง.. ถึงโลกนี้จะเป็นโลกแฟนตาซีขนาดไหนก็ตามแต่การที่มีเด็กเกิดออกมากลางอากาศนี่มันก็ไม่ใช่ความแฟนตาซี
มันคือเรื่องหลุดโลก
ดวงตาของเด็กทารกค่อยๆ เปิดขึ้นพร้อมกับค่อยๆ ลอยลงมากลางโต๊ะอย่างช้าๆ ดึงดูดสายตาทุกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เด็กทารกมองไปยังทุกคนรอบตัวด้วยสีหน้าสับสนเหมือนกับตัวเองมาผิดที่…
“เอ่อ… กำลังยุ่งอยู่เหรอคะ ขอโทษที่มารบกวนค่ะ เห็นแม่ฉันอยู่แถวนี้ไหมคะ?”
“………”
“…..”
“…….”
ภายใต้ความมึนงงของคนหลายสิบคน..
“เด็กทารกกำลังร้องหาแม่! ไม่สิ ถามหาแม่! กำลังพูดอยู่เว้ยเฮ้ย!”
ไม่รู้ใครคนแรกเป็นคนอุทานเช่นนั้นทุกคนต่างพากันถอยหลังด้วยความตกใจ.. เด็กทารกเองก็เหมือนจะตกใจ
“เอ้ะ พูดได้ด้วยเรอะ?!”
แน่นอนขนาดตัวเองยังตกใจคนอื่นจะไม่ตกใจได้ไง.. ในความคิดของทารกถ้าได้มาเกิดแล้วก็ต้องมีคุณแม่สิ เธอเองก็อ่านนิยายมาเยอะเหมือนกันนะ แต่เหมือนในนี้จะไม่มีคุณแม่ของเจ้าตัวเลย..
“อ้ะ!”
“เพราะไม่ได้ใส่เผ่าพันธุ์นี้เอง เลยไม่รู้ว่าจะเอาไปไว้ในท้องของใคร เพราะงั้นก็เลยเกิดมากลางอากาศงั้นเรอะ อะไรกันวะคะเนี่ย?!”
ทารกอุทานด้วยสีหน้าตกใจเช่นใด ผู้คนก็ตกใจเช่นนั้น.. ในตอนนั้นเองดวงตาของมิเลนในร่างของมิเกลก็เบิกขึ้น ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจอยู่นั้นเอง
“ในอดีตได้มีมหาปราชญ์ปรากฏตัวขึ้น.. ความแข็งแกร่งของคนคนนั้นทำให้ทุกอย่างศิโรราบได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเราจึงอ้อนวอนให้เขามาร่วมสงครามจนเขาเกิดรำคาญ ยังดีที่เขาไม่ได้บันดาลโทสะ แต่คนคนนั้นได้ให้คำทำนายแด่พวกเราเหล่ามนุษย์ว่า.. ในอนาคตจะมีบุคคลที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า”
“ใช่แล้ว เมื่อมีภัยมาถึงในขณะที่พวกเจ้ากำลังประชุมกันอย่างตึงเครียด เขาจะอาบแสงสีทองลงมาท่ามกลางภัยเช่นนั้น!”
“นั่นคือคำทำนายเมื่อหลายพันปีก่อนที่ถูกบันทึกลงจารึกข้ามเวลาของอาณาจักรเกโบล์กแห่งนี้!”
เมื่อทุกคนในที่แห่งนี้ได้ยินเช่นนั้นทุกคนต่างพากันตกตะลึง บางคนเชื่อบางคนไม่เชื่อ และคนที่ไม่เชื่อก็พูดขึ้น
“อย่ามาเหลวไหลน่า เพราะสร้างผู้กล้าไม่ได้เลยหาอะไรอื่นมาหลอกสินะ ที่ทำอยู่คงเป็นภาพลวงตาอะไรสักอย่างใช่ไหม?!”
มิเกลมองชายซึ่งมาจากอีกประเทศแย้งไม่ดูตาม้าตาเรือ
“สำรวมหน่อย! เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังคุยกับใคร?!”
ชายคนนั้นสะดุ้ง ลืมไปว่าตนอยู่ต่อหน้าราชามิเกลแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายจึงรีบถอยหลังพร้อมก้มหัวขออภัย
“ขออภัยด้ว—”
“ไม่ใช่ข้า! แต่เป็นทารกคนนั้นต่างหาก!”
“ห๋า..?”
“ตามคำทำนายได้บอกเอาไว้ว่า.. พลังของทารกที่พึ่งเกิดนั้น.. ว่ากันว่าโค่นได้แม้แต่พระเจ้า..”
“ว..ว่าไงนะ?!”
ชายคนนั้นที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับหวาดกลัวขึ้นมาทันที นามของพระเจ้าในโลกนี้คือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งอันเด็ดขาด ไม่เพียงเท่านั้น อย่างที่กล่าวว่าโลกนี้สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ กล่าวคือพระเจ้าเองก็มองโลกใบนี้อยู่!
หากมีคนกล้าอ้างคำว่าพระเจ้าทำนั่นทำนี่คงเป็นเรื่องที่โง่น่าดู
ในทางกลับกันหากมีคนอ้างแล้วยังตกทอดได้นับพันปี.. นั่นหมายความว่ามันคือเรื่องจริงที่แม้แต่พระเจ้าก็ยังยอมรับ!
เมื่อคำนี้ทุกคนถึงกับกลืนน้ำลายอย่างหวั่นเกรง..
ในทางกลับกันภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึมของมิเกลมีใบหน้าของมิเลนที่เด็กประมาณ 17 ถึง 18 อยู่เธออายุน้อยกว่าพี่มากกว่า 10 ปี.. ใบหน้าของเธอมองไปที่เด็กทารกอย่างตื่นเต้น
ใช่แล้ว.. มิเลนเธอไม่ได้ฉลาดเหมือนพี่
แต่เป็นคนที่คลั่งไคล้ในเรื่องเกินจริงที่ไม่ใช่ความแฟนตาซีเหนือสิ่งอื่นใด
เมื่อพูดเช่นนั้นเสร็จมิเลนในร่างมิเกลก็คุกเข่าให้กับทารกที่เกิดมาไม่ถึงวันแต่ยืนสองขาบนโต๊ะแถมพูดได้ ส่งผลให้ทุกคนต้องก้มทำความเคารพเช่นเดียวกัน ในขณะที่ทารกมองทุกอย่างนี้ด้วยความสับสน
แน่นอนว่าทารกคนนี้คือ อีวา ฟีล.. ไม่สิ โรซาเรีย เดอ ออร์เลออง
“แล้ว.. ทำไมจู่ๆ ก็ถูกก้มหัวให้อีกละนี่…”
…..
ในขณะเดียวกันโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ทุกที่ทั่วโลกต่างอยู่ในภาวะแตกตื่นเพราะว่า..
การดำรงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขานับถือ…
เหมือนจะหายไปเสียแล้ว
ซึ่งข่าวลือที่พระเจ้าหายไปและเด็กทารกในคำทำนายต่างแพร่กระจายทั่วผืนทวีปในเวลาไม่กี่วัน กี่เดือน…
และ.. นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของฉายาผู้สังหารเทพ
เนื่องจากในวันที่นางเกิดพระเจ้าก็หายสาบสูญทั้งที่พระเจ้าไม่มีทางหายสาบสูญไปจากดินแดนแห่งพระเจ้าแท้ๆ…
…..
ในขณะที่ริมหาดแถวไหนสักที่ เบตตี้นอนตากแดดสบายใจเฉิบพร้อมน้ำในแก้ว
“ชีวิตพักร้อน สบายจริงจริ๊งง”
“ต้องขอบคุณอีวา.. ไม่สิ โรซาจังแบบจริงจังเลยล่ะ”
MANGA DISCUSSION