บทที่ 28 – แผนการที่แท้จริง
และก็ด้วยประการเช่นนี้ตัวฉันถึงได้กลายเป็นผู้มีพระคุณของพวกอสูรในดันเจี้ยนไปโดยปริยาย… ซึ่งฉันเดาว่าต่อให้จะพูดอะไรออกไป
พวกนี้ก็ไม่มีทางเชื่ออีกต่อไป ทำให้ฉันถอนหายใจและล้มเลิกความคิดที่จะอธิบายและให้พวกเขาพาไปส่ง
ในดันเจี้ยนมีวิชาที่เหมือนใช้ส่งคนเทเลพอร์ตกลับไปได้อยู่ ฉันก็ถูกส่งกลับอาณาจักรของมิเกลได้อย่างง่ายดาย
พอลืมตาขึ้นอีกครั้งด้านหน้าของฉันก็ควรจะเป็นหน้าคฤหาสน์ที่มิเกลให้ฉันอยู่แท้ๆ.. แต่ตอนนี้กลับ…
มีกลุ่มคนจำนวนมากยืนเรียงแถวกันทอดยาวออกไปราวกับเตรียมพร้อมทำสงคราม อัศวินทุกคนต่างสวมชุดเกราะเตรียมรบสีเงินเงางามสะท้อนแสง
ดวงตาของนักรบทุกคนราวกับผ่านนรกหลายขุมมาอย่างมากมหาศาล ขนาดฉันที่ไม่ใช่นักรบยังรู้เลยว่าคนพวกนี้น่ากลัวง่ะ
ภายใต้ความสับสนของฉันนั้นเอง… หัวหอกที่ยืนอยู่ด้านหน้ากองทัพตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเมอร์ลินที่กำลังสั่งทุกคนอย่างขยันขันแข็ง
แต่เมื่อร่างของฉันปรากฏขึ้นทุกคนก็ต่างพากันหันมามองที่ฉันเป็นสายตาเดียว นั่นแน่นอนว่ารวมถึงเมอร์ลินด้วย
“เอ่อ…”
ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับฉากเตรียมพร้อมสงครามตรงหน้านี้ดี.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่ฉันไม่อยู่ละเนี่ย
หรือช่วงสงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้วละเนี่ย.. เมอร์ลินที่ประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของฉันอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบวิ่งมาหาฉัน
“ท่านแม่.. ไม่สิ ท่านหญิงกลับมาแล้วเหรอคะ?”
“อะ.. อืม ก็ใช่อยู่หรอก แต่นี่พวกเธอ…?”
“เอ้ะ กลับมาได้ยังไงเหรอคะ อย่าบอกนะว่า… เทเลพอร์ตกลับมา?”
“เธอไม่เห็นเมื่อกี้เหรอ?”
ฉันถามออกไปด้วยความสับสนเล็กน้อย เพราะเมื่อกี้ยัยนี่เห็นฉันปรากฏตัวออกมาจากกลางอากาศอยู่ชัดๆ แล้วจะถามซ้ำทำไมละเนี่ย
“แต่เดี๋ยวก่อน นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ นี่พวกเธอกำลังจะทำอะไร?”
“ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเหรอคะ?!”
เมอร์ลินยิ่งตกใจกว่าเดิม.. นี่หล่อนจะตกใจอะไรขนาดนั้นละเนี่ย ฉันก็แค่ถูกดันเจี้ยนส่งวาร์ปมา..เอง..นะ
อ้ะ… ไอ้รีแอคชั่นแบบนี้อย่าบอกนะว่า.. ฉันเงยหน้าขึ้นไปหาเมอร์ลินรีบพยายามแก้ตัวทันที
“เดี๋ยวก่อนนะเมอร์ลิน เมื่อกี้ฉันล้อเล่—”
เพราะฉันมัวแต่สนใจกองทัพด้านหน้าเลยลืมระวังการใช้คำพูดไปหน่อย เพราะไอ้โลกบ้านี่แค่พูดอะไรผิดพลาดนิดหน่อยคนพวกนี้ก็คิดเองเออเองกันเก่งเหลือเกิน
แต่ทว่ามันก็สายเกินไปสำหรับเมอร์ลินที่ไฟติดแล้ว หล่อนหันหน้าไปหากองทัพนับพันพร้อมกับตะโกนขึ้น
“พวกนายเห็นหรือยัง นี่เป็นเพียงศักยภาพเพียงหนึ่งเดียวของท่านหญิงของพวกนายทุกคนยังไงล่ะ”
“ท่านหญิงสามารถใช้เวทมนตร์ที่เร็วกว่าแสงอย่างเวทมนตร์เทเลพอร์ตได้โดยบอกว่ามันไม่สำคัญ พวกนายรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”
“หมายถึงว่า สำหรับท่านหญิงแล้วไอ้ท่าพวกนี้มันก็ไม่ได้สำคัญเท่าการกระทำของพวกเราที่ทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้ยังไงล่ะ”
“ไหนพวกนายบอกท่านหญิง.. หรือผู้นำทัพของพวกเราหน่อยสิ ว่าพวกนายทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้”
ยัยนี่ ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะหล่อน.. แถมเมื่อกี้เหมือนจะรู้ว่าฉันสงสัยเรื่องที่ทำไมพวกเธอถึงมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยสิ
เอาเถอะ ถือว่าประสบความสำเร็จในรอบหลายปีได้หรือเปล่า เพราะปกติพวกนี้ก็ไม่ได้ฟังอะไรฉันเลยสักนิด
พอนึกถึงตอนลงไปดันเจี้ยนก็มีแต่คนไม่ฟังฉันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกท้อใจกับคนบนโลกนี้เข้าไปอีก…
“พวกเรากำลังเตรียมตัวไปรับท่านหญิงอย่างอลังการครับ/ค่ะ”
เสียงคำรามกระหึ่มไปจนถึงคฤหาสน์ที่อยู่ใกล้ๆ จนฉันกลัวเขารำคาญเลยก็ว่าได้ แต่เหมือนเมอร์ลินจะไม่สนใจเรื่องพวกนั้นเลย
เธอพูดต่อ
“ทีนี้ พวกแกเข้าใจหรือยังว่าทำไมข้าถึงต้องฝึกพวกแกขนาดนั้น.. เพราะหากพวกแกอ่อนแอ การไปร่วมรบกับท่านผู้นี้แทนที่จะได้เป็นผู้ปกป้องท่าน.. พวกแกต่างหากที่จะถูกปกป้อง”
“พวกแกจะรู้สึกอายขนาดไหนที่ต้องให้ผู้เป็นนายซึ่งสูงส่งที่สุดมาปกป้อง ฉันจะขอถามพวกแกอีกรอบ ยังมีใครกล้าที่จะบอกว่าการฝึกที่ข้ามันโหดร้ายเกินไปน่ะ”
เดี๋ยวก่อนเลยนะ.. ถึงจะสงสัยไอ้เรื่องที่ว่าเธอไปฝึกคนอีท่าไหนถึงออกมาเป็นนักรบผ่านสงครามแบบนี้มาได้ ทั้งที่เธอน่าจะเลือกคนธรรมดามากันหมด
แต่ประเด็นคือเรื่องที่ต้องอายมันไม่ใช่โดนฉันปกป้อง แต่เป็นเรื่องที่พวกแกปล่อยให้ฉันเป็นผู้นำทัพระดับประเทศ ระดับเผ่าพันธุ์เว้ย
อายเรื่องนั้นกันก่อนได้ป่ะเฮ้ย
อัศวินทุกนายที่ได้ยินคำสบประมาทดังกล่าวก็ต่างพากันร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมตามมาด้วยเสียงคำร้องขอมากมาย
“พวกเราผิดไปแล้วครับหัวหน้า ให้พวกเราได้ฝึกต่อเถอะ”
“ใช่แล้ว พวกเราได้รู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ท่านหญิงแล้ว”
“ให้พวกเราได้ฝึกเถอะ หากให้ท่านหญิงเห็นฝีมือพวกเราในตอนนี้คงผิดหวังสุดๆ แค่เรื่องนั้นเท่านั้นที่เรายอมไม่ได้”
“โอ้ๆๆๆ”
ไอ้พวกนี้มันบ้ากันหรือไงวะเนี่ย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยกลับมีกำลังใจขึ้นมายังกับถูกปลุกขวัญกำลังใจในสงครามซะอย่างนั้น
เมอร์ลินเองก็ยิ้มแล้วก็พยักหน้า
“ดี.. ในเมื่อท่านหญิงกลับมาแล้วพวกแกก็กลับไปฝึกต่อได้.. เหลือเวลาอีกไม่กี่ปีสงครามก็จะปะทุขึ้นอีกครั้ง”
“เวลาเหลือไม่มากแล้ว.. ต่อไปนี้ต่อให้พวกแกหลับก็จะฝึกเข้าใจไหม ไม่ใช่แค่ตอนตื่น”
เธอตะโกนเสียงดังลั่นเหมือนอัดอั้นสมัยตอนเป็นคนแก่ตะโกนแบบนี้ไม่ได้.. ว่าแต่เมอร์ลินนี่มีคาแร็คเตอร์เป็นแนวคุณครูสายโหดแบบนี้เรอะ
แต่.. เอ้ะ เมื่อกี้เหมือนได้ยินเรื่องอะไรแปลกๆ .. ไม่ใช่แค่ตอนตื่นที่ต้องฝึก.. แต่ตอนหลับด้วย.. ก่อนจะพูดถึงเรื่องฝึกตอนหลับ
ไอ้ฝึกตอนตื่นนี่มันหมายความว่าไง ทำไมสัมผัสถึงความเป็นแรงงานทาสได้ขนาดนั้นวะเนี่ย…
“ท่านแม่กลับมาแล้วเหรอคะ”
จู่ๆ เสียงของจิเสะนินจาสาวจูนิเบียวก็ดังขึ้นด้านหลังฉันอย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงจนฉันแทบสะดุ้ง
“อุ้ยตายว้ายกรีด.. จิเสะหรอกเหรอ?”
“ค่ะ..”
“ไม่ใช่ว่าเธอเองก็ต้องไปช่วยเมอร์ลินเหรอ”
“ค่ะ แต่ว่าข้าคิดถึงท่านแม่ค่ะ”
“อะ..อืม”
ฉัน..ถอนหายใจออกมา.. นี่ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย การที่มีแต่คนอวยนี่มันไม่รู้จะวางตัวยังไงนะพวกแกรู้ไหม!!
….
…
..
“อย่างที่คิด.. อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์รวบรวมกำลังพลทหารอย่างปริศนาเมื่อตอนกลางวันก่อนจะสลายตัวหลังจากนั้นไม่จริง”
“บางทีพวกนั้นคงจะรู้อยู่จริงๆ ว่าพวกเราแอบมองดูอยู่”
ในห้องโถงอันยิ่งใหญ่ตระการตานั้นมีโต๊ะยาวทอดออกไปและมีคนหลายคนนั่งล้อมโต๊ะยาวนั้นอยู่
ปลายโต๊ะยาวทั้งสองข้างยังมีคนที่ดูเหมือนทรงพลังที่สุดนั่งอยู่ด้วย ซึ่งเอาเข้าจริงทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ก็ทรงพลังที่สุดนั่นแหละ
และนอกเหนือจากสองคนนั้น ยังมีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้นั่งอยู่ล้อมโต๊ะยาวนี้ แต่นั่งอยู่บนบัลลังก์ต่างระดับ
คนที่นั่งอยู่นั่นเป็นผู้หญิง.. แถมยังเป็นแค่เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโรซาเรียด้วยซ้ำ..
“การที่พวกนั้นรวมกำลังพลของผู้สังหารเทพเพื่อข่มขู่พวกเรานั้นถือเป็นเรื่องชัดเจนแล้วว่าบางทีในหมู่พวกเราอาจจะมีคนทรยศ”
“นั่นก็เป็นแค่ความเป็นไปได้ อย่าพึ่งตัดสินอะไรมากดีกว่า.. แกเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าผู้สังหารเทพมันฉลาดขนาดไหน”
“นั่นสินะ.. ก็ยัยนั่นเป็นถึงสัตว์ประหลาดที่คาดเดาที่อยู่ลับพวกเราได้แทบทุกคนเลยนี่น่า”
ทุกคนเงียบลง..ต่างพากันนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา.. เมื่อไม่นานที่ผ่านมาที่พวกเขาเหล่าจอมมารหลบซ่อนฝึกตัวเองก่อนสงครามจะเริ่ม
ในพื้นที่ลับตา.. แต่ทว่าจู่ๆ ภูเขาที่พวกเขาอยู่ก็ถูกทำลายหลายแห่งพร้อมกัน พอตรวจสอบดูก็พบว่าเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไล่ฟันภูเขาพวกเขา..
ซึ่งเด็กนั่นเป็นเด็กที่สปายพวกเขาเคยเห็นฝึกอยู่กับโรซาเรีย… เพราะว่าสิ่งที่เด็กนั่นทำคือฟันภูเขาไม่ใช่ฟันพวกเขาจึงไม่นับว่าเป็นการผิดสัญญา
แต่มันก็เหมือนโดนหยามเกียรติอยู่ดี.. แต่ในหมู่พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าลงมือทำร้ายยัยเด็กที่ผู้สังหารเทพนั่น
เพราะถ้าทำ.. คนที่ทำลายสัญญาจะเป็นเผ่าปีศาจเอง..
และหลายๆ เผ่าพันธุ์ด้านนอกคงเล็งเป้ามาที่เผ่าปีศาจเองซะด้วย .. ซึ่งหากมองดีๆ แล้วบางทีว่ายัยผู้สังหารเทพนั่นคงคาดเดาไว้แล้วทุกอย่าง
ว่า..จะไล่ต้อนพวกเขาให้จนมุมโดยที่ยังไม่เริ่มสงครามด้วยซ้ำ
เสียเวลาในการฝึก ไม่สามารถล้างแค้นได้..
ราวกับเต้นอยู่ในฝ่ามือของมัน!!
……….
กลับมาแล้วครับ จะพยายามอัพให้บ่อยๆ อย่างน้อยก็วันละตอนเหมือนเดิมครับ
MANGA DISCUSSION