บทที่ 23 – จูนิเบียว?ที่แท้จริง
เมื่อกี้หล่อนยังทำท่าทางเหมือนฉันไปฆ่าพ่อแม่ตัวเองมาอยู่เลย แล้วไหงกลายเป็นติดฉันได้วะเนี่ย
“ตั้งแต่วันนั้น วันที่ท่านช่วยข้าเอาไว้ .. ทั้งที่ข้าคิดจะทำร้ายท่าน.. ขอบคุณแค่ไหนก็ไม่พอจริงๆ”
“หากไม่ได้ท่านโรซาเรียช่วยเอาไว้ฉันคงตายไปแล้ว!”
…หมายความว่าไงฟะ ฉันไปช่วยเธอตอนไหน ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีเลยเธอคิดจะทำร้ายฉันจริงๆ สินะ.. ถ้างั้นต้องตาเขขนาดไหนเนี่ยถึงฟันพลาดได้
ฟันนะเฮ้ย ไม่ใช่ปืน ในใจก็แอบคิดว่าเป็นการเล่นมุกตลกของนินจาในโลกนี้.. เอ่อ คงไม่เป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ
แต่ก็ประมาณนั้นแหละ พอเอาทุกอย่างที่ฉันเจอกับยัยนินจาพิลึหนี่มาพักใหญ่นี่จึงได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนว่า
“อาการแบบนี้ มันจูนิเบียวชัวร์”
อืม.. นึกอะไรอย่างอื่นไม่ออกจริงๆ ก็ลองดูนะจู่ๆ ก็มีคนมาประกาศตัวว่าตนเองเป็นคนจากตระกูลนินจาแถมแต่งชุดนินจามาเต็มสูบแบบนี้
ผสมกับโลกนี้ก็มีนิยายที่มีพวกนินจาอยู่ด้วย แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ไม่ยักรู้มาก่อนว่ามี หมายความว่านินจาในโลกนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องแต่ง
ซึ่งถ้ามาสงบสติอารมณ์นั่งติดดีๆ นินจาที่ไหนจะประกาศทั้งชื่อท่า ชื่อดาบ ความสามารถอาวุธก่อนโจมตีศัตรูด้วย
แถมนินจามันต้องลอบสังหารในห้องหรือในป่าอะไรแบบนั้น แต่นี่ถึงขั้นพาฉันมาข้างนอกแถมเป็นที่โล่งเพื่อที่จะประกาศชื่อเหมือนให้โลกได้รับรู้อีก
คอนเซปท์ของความจูนิเบียวมาเต็มที่เลยนี่น่า…
ยังไม่หมดแค่นี้หรอก เพราะยัยนี่จู่ๆ ก็ทำท่าเหมือนฉันเป็นศัตรูคู่อาฆาตขึ้นมาซะอย่างนั้น ไม่อยากจะพูดเท่าไหร่หรอก
ในโลกเดิมฉันก็เคยมีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ ประมาณสร้างเซตติ้งของตัวเองขึ้นมาแล้วก็ยึดเซตติ้งนั้นเป็นหลัก
ก็แบบเจอกิ่งไม้โง่ๆ หนึ่งอันสักพักก็โมเมว่ามันคือดาบศักดิ์สิทธิ์อะไรแบบนั้นนั่นแหละ แต่เหล่าจูนิเบียวคงอาการหนักกว่าฉันไปเยอะ
จนถึงขั้นเชื่อว่ามันเป็นอย่างที่ตัวเองคิดจริงๆ ละมั้ง.. ถึงพูดเองมันจะยังไงกอยู่ แต่ฉันในตอนนี้ค่อนข้างดังพอสมควรเลยล่ะ
จริงๆ ก็น่าจะดังมาตั้งแต่เด็กแล้วละมั้ง.. ก็แหม มีคนช่างพูดช่างขี้โม้แบบมิเกลอยู่ไม่แปลกหรอกที่จะเห็นหน้าฉันอยู่ในใบปลิวประกาศข่าวอะไรทำนองนั้นน่ะ
บางที ยัยนี่คงเห็นฉันแล้วสร้างเซตติ้งประมาณว่าจริงๆ แล้วฉันคือคนชั่วอะไรทำนองนั้นล่ะสิ…
อืม คงเหงาน่าดูเลยสินะ ถึงขั้นเอาฉันจากใบปลิวไปจินตนาการเป็นคู่ปรับแบบนั้น.. ไม่สิ แรกเริ่มเดิมทีที่เบียวเป็นนินจาก็อาจจะเป็นเพราะ
เป็นงานที่ทำได้คนเดียวแล้วเท่สุดๆ หรือเปล่าละนิ ว่าคงจะเป็นแบบนั้นแหละ คิดไปคิดมาก็ดูน่าสงสารอยู่นะ
แล้วพอมาเจอฉันเข้าจริงๆ หล่อนก็ได้ปลดปล่อยจินตนาการเต็มที .. เลยเป็นเหตุผลที่ฉันยืนอยู่เฉยๆ แท้ๆ แต่ก็ดันบอกฉันหลบ
คงประมาณว่าถ้าเกิดฟันโดนฉันขึ้นมาจริงๆ บทจะตันหรือเปล่า แต่พอเล่นเป็นศัตรูไปได้สักพักเพราะฉันไม่เข้าใจด้วย
เลยเปลี่ยนเซตติ้งกันจนกลายเป็นเพื่อนซี้ไปซะอย่างนั้น.. อื้ม อยากมีเพื่อนชัวร์เลยอิแบบนี้
จากข้อสันนิษฐานที่พึ่งกล่าวไปทั้งหมดจึงสรุปได้ว่ายัยคนนี้..
จูนิเบียว
ก็แบบว่ามันไม่มีคำอธิบายอื่นกับเหตุการณ์แปลกๆ ตรงหน้าแล้วนี่น่า!นอกจากตัดสินว่าอีกฝ่ายไม่ปกติน่ะ
จู่ๆ ก็โผล่ออกมา จู่ๆ ก็บอกว่าฉันดูถูกตัวเอง สักพักก็โจมตีหวังทำร้ายเข้ามาเฉยๆ ซะอย่างนั้นไม่อธิบายด้วยซ้ำว่าฉันไปทำอะไรหล่อนตอนไหน
แล้วสักพักก็ตีฉันที่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่โดนก็บอกว่าฉันใช้เวทมนตร์ประหลาดหลบการโจมตีของตนเองซะอย่างนั้น
แล้วพอสู้ไปได้สักพักก็เหมือนจะมีเซตติ้งที่ว่าฉันเคยช่วยหล่อนขึ้นมาเฉยๆ เลยเหมือนพึ่งนึกปมออกแล้วก็ใส่เข้ามากะทันหัน
ถ้านี่เป็นนิยายคงเป็นนิยายห่วยแตกแน่ๆ เลยตัวละครขาดความสมเหตุสมผลสุด ยังดีที่นี่เป็นความจริง
เพราะความจริงสามารถอธิบายได้ว่ายัยนี่เป็นจูนิเบียวนั่นเอง.. แน่จากดารอ่านหนังสือที่ผ่านมาของฉัน
โลกนี้เหมือนจะยังไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับจูนิเบียวหรอก.. กล่าวคือยังไม่มีใครเข้าใจคนที่เป็นจูนิเบียวเลย
มันก็คงเหมือนกับการที่ไม่มีใครเข้าใจว่าฉันอ่อนแอขนาดไหนเลย เหมือนมีระยะห่างของตัวเองกับทุกคนเสมอ…
พูดแล้วก็น้ำตาซึมเลยเนี่ย เศร้านะเออ เห็นแบบนี้.. เพราะงั้นฉันถึงเข้าใจความรู้สึกของยัยคนนี้ดี
คงจะรู้สึกแตกแยกเพราะตัวเองเบียวละสิ.. ไม่เป็นไรหรอกไอน์สไตน์ในโลกเดิมของฉันเคยกล่าวเอาไว้ว่า
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
เพราะงั้นการอยู่กับจินตนาการตัวเองไม่ผิดหรอก ขอแค่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบที่ทำกับฉันก็พอ
อีกอย่างจูนิเบียวในโลกนี้อันตรายว่ะ ก็พวกมันมีพลังกันจริงๆ นี่หว่า… ลองนึกภาพว่ามีไอ้คนหนึ่งเบียวว่าตนเองอยากครองโลก
สักพักก็ใช้พลังไล่ครองโลกเลย แบบนั้นน่ากลัวนะเฮ้ย สมดุลของโลกอยู่ไหนฟะ ก็แบบถ้าเป็นพวกตัวร้ายอยากครองโลกหรือเปลี่ยนโลก
มันก็ต้องมาแนวแบบโลกนี้รังแกฉัน บลาๆ นี่น่า.. แต่ถ้าตัวร้ายที่อยากครองโลกแม่งแค่เบียวขึ้นมาจะไม่ตลกเหรอนั่น
เออ ช่างเรื่องนั้นเหอะ ก่อนอื่นเลยกลับมาที่ยัยจูนิเบียวที่ไม่มีเพื่อนคนนี้ก่อนดีกว่า พอรู้ว่าหล่อนแค่เป็นจูนิเบียว
ฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องถามซักไซ้มากกว่านี้ เพราะยิ่งถามจี้เรื่องราวที่แต่งแบบสดๆ จะยิ่งขาดความลื่นไหล
มีโอกาสทำให้เหล่าผู้จูนิเบียวความฝันแตกสลายได้.. ฉันไม่ขอเป็นคนชั่วแบบนั้นหรอก แน่นอนว่าฉันไม่คิดจะเป็นจูนิเบียวตามไปเหมือ—
ไม่สิ ลองนึกภาพว่าตัวเองที่น่ารักขนาดนี้แล้วทำท่าแบบว่า
“คิดว่าพลังของฉันมีแค่นี้หรือไง?”
แบบนั้นไปด้วย.. มันจะไม่ดูทั้งน่ารักทั้งเท่ไปในเวลาเดียวกันเลยเหรอ อื้ม น่าลองแฮะ ไว้มีโอกาสจะลองทำดูดีกว่า
แต่ก่อนหน้านั้นฉันที่อายุวัยทำงานแล้ว ถึงจะชาติก่อนแต่ถ้าให้เออออเบียวตามไปด้วยมีหวังกลายเป็นประวัติอันดำมืดของฉันแน่
“อื้ม เธอบอกว่าอยากเข้าไวท์บลูสินะ..?”
“ค่ะ เพื่อที่จะได้อยู่กับท่านโรซาเรียที่เคารพที่สุดน่ะค่ะ”
อะ.. อื้ม.. เป็นจูนิเบียวแล้วหล่อนจะสร้างเซตติ้งให้ตัวเองเป็นขี้ข้าทำไมละนิ อ้อ นินจาสินะ พูดถึงนินจาก็ต้องเร้นเข้าไปในเงาแบบเท่ๆ สินะ
“ก็ได้อยู่หรอก.. แต่ต้องสัญญากับฉันก่อนนะ?”
“สัญญา? แน่นอนว่าตกลงค่ะ”
“ฟังสัญญาก่อนสิเฮ้ย.. อะแฮ่ม เอาเถอะ สิ่งที่ฉันจะบอกคือห้ามทำคนอื่นเดือดร้อนเด็ดขาด”
“หือ หมายความว่าไงเหรอคะ?”
ก็หมายถึงความเบียวของเธอนั่นแหละโว้ย.. แต่จะพูดออกไปตรงๆ ก็ไม่ได้ด้วยสิ อื้มม ขอเลือกคำดีๆ มาพูดสักคำก่อน
คำพูดที่ไม่คิดเป็นอย่างอื่น มีความหมายเดียวแต่ไม่ทำร้ายความเป็นจูนิเบียวของตัวเอง.. อ้ะ.. ยัยนี่คิดว่าตัวเองเป็นนินจาสินะ
“หมายถึงว่า วิชานินจาน่ะ วิชานินจาน่ะ อย่าใข้ทำร้ายคนอื่นอีกล่ะ”
ก็นะ ในเมื่อเซตติ้วว่าตัวเองเป็นนินจา ก็งานง่ายเลยฉันแค่บอกให้ว่าอย่าใช้วิชานินจาทำร้ายคนอื่นก็พอแล้ว
ในขณะที่ฉันพยักหน้ากับการเลือกคำพูดของตัวเองอยู่นั้น ดวงตาของจูนิเบียวนินจาตรงหน้าก็ไหลออกมา
“เคยมีคนพูดแบบนี้กับข้ามาก่อน…”
“ตั้งแต่ข้ายังเด็กและฝึกวิชานินจาด้วยความหลงใหล”
“เธอมักจะบอกข้าเสมอว่าในโลกที่ไม่มีสงครามนี้นั้น จงใช้วิชาของตัวเองปกป้องคนอื่น”
“ปกป้องคนที่ไม่ได้มีโอกาสฝึกแบบเรา”
“วิชานินจาอาจจะดูเป็นวิชาตรงกันข้ามกับซามูไร เป็นเหมือนของคนขี้ขลาด..แต่พวกเราก็ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้กับความชั่วร้าย”
“พวกเรายอมมือเปื้อนเพื่อกำจัดความชั่วร้ายที่เหล่าซามูไรมองว่าโสโครก.. นั่นแหละคือความภาคภูมิใจของพวกเรา”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ข้าลืมคำเหล่านี้ไป ใช้วิชานินจาในการลอบสังหารเพื่อแลกเงินมา.. สังหารเพื่อตนเองไม่ใช่เพื่อปกป้อง”
“ข้ามักจะอ้างกับตนเองว่าเพราะมาที่ที่ไม่รู้จัก.. อ้างว่าไม่เป็นไรไม่ใช่แคว้นของข้า.. แต่ทุกครั้งที่ข้าพูดเช่นนั้นข้าก็เข้าใกล้ความชั่วร้ายที่ตัวต้องกำจัด”
“กลายเป็นความชั่วร้ายไปอย่างช้าๆ…”
“ท่านพี่เองก็จากไปแล้วเหลือเพียงแค่ข้า จนข้าหลงเดินทางผิด…”
“แต่ว่า.. ต้องขอบคุณท่านโรซาเรีย.. คำพูดเมื่อกี้ของท่านทำให้ข้าตาสว่าง!ไม่เพียงแต่ช่วยข้ายังชี้ทางให้กับข้าอีกต่างหาก”
“ท่านเหมือนกับ…”
“สิ่งที่ท่านพูดมันเหมือนกับ..”
อื้ม.. ไอ้ไดอาล็อกแบบนี้ … เออๆ ไม่ต้องบอกแล้ว รู้แล้วว่าจะพูดอะไร
“ท่านแม่เลย”
นั่นไง ก็ว่าแล้วไม่มีผิดเลยสักนิด นี่ฉันต้องเป็นแม่คนไปอีกกี่รอบวะเนี่ย..อีกอย่างฉันจะไปรู้ไหมว่าหล่อนมีปมแบบนั้น
เพราะงั้นไม่ต้องมาขอบคุณเลยนะเฮ้ย!
MANGA DISCUSSION