บทที่ 22 – ห้ะที่แท้จริง
‘ปัก’ ดาบถูกเก็บเข้าฝักจนสุดพร้อมเสียงแบบนั้น ทำให้ฉันสะดุ้งพร้อมกับลูบคลำไปทั่วร่างกายตัวเองด้วยความสับสนว่ามีตรงไหนขาดหรือเปล่า
แต่จะหาขนาดไหนก็หาไม่เจอเลยสักจุด ทำให้ฉันงุนงง.. และหันไปมองนินจาเจแปนนิสที่พูดอะไรไม่รู้เรื่องด้วยความสงสัย
ความเร็วเมื่อกี้มันเร็วจนฉันยังไม่ทันได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เอาจริงมันเร็วถึงขั้นนั้นเลยนั่นแหละ.. แน่นอนว่าฉันไม่ได้หลบได้แต่อย่างใด
เพราะฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายัยนั่นเริ่มเคลื่อนไหว .. สรุปคือที่ฉันยังไม่เป็นอะไรก็เพราะยัยคนนี้ฟันพลาดสินะ?
“จะ.. เจ้า.. เมื่อกี้ทำได้ยังไง?!”
ห้ะ.. ฉันทำอะไรวะ ไม่ได้ทำอะไรเลยนะเฮ้ย ในขณะที่ฉันกำลังทำสีหน้างุนงงอีกฝ่ายก็หายตัวไปปรากฏตัวห่างออกไปอีกรอบ
“อย่ามาทำเป็นไขสือ! เมื่อกี้เจ้าทำอะไรลงไป?!”
“ถึงจะบอกงั้นก็เถอะ.. ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย มีแต่เธอเองไม่ใช่เหรอที่พยายามโจมตีฉันน่ะ ด้วยความเร็วระดับนั้นน่ะ”
“…..”
หือ ทำไมเงียบไปล่ะ หลังเงียบไปสักพักหล่อนก็เงยหน้าขึ้นด้วยหน้าที่แดงก่ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือความอายกันแน่
แต่ถ้าพิจารณาจากเมื่อกี้ที่ฟันพลาด ยัยนี่อายอยู่สินะ.. คงจะอายนั่นแหละ.. นินจาเจแปนนิสในโลกนี้ก็อายเป็น
“เจ้าจะบอกว่า.. ที่ทำไปเมื่อกี้.. ไม่นับว่าเป็นการ ‘ลงมือ’ ด้วยซ้ำ.. งั้นเหรอ.. แถมยังบอกว่าความเร็วของข้าช้า..”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะดูถูกข้าถึงขั้นนั้นเลยสินะ!! ทั้งในฐานะของนินจาและในฐานะของฟูจินตัวแทนแห่งความเร็ว!”
อิหยังของหล่อนวะเนี่ย เขินอยู่ไม่ใช่เหรอพูดด้วยหน้าแดงก่ำแบบนั้นมันเหมือนโกรธอยู่เลยนี่หว่า
แล้วอีกอย่างฉันพูดตอนไหนวะ ว่าหล่อนช้าเฮ้ย! อ้อ.. เข้าใจละ ยัยนี่กำลังแก้เขินด้วยการโกรธสินะ
เพื่อให้ฉันไม่คิดว่าตัวเองกำลังเขินเพราะโจมตีพลาดน่ะ.. ฉันมองหน้าหล่อที่หน้าโกรธสุดขีดแถมแดงแปร๊ด.. เอ่อ หล่อนกำลังเขินใช่ป่ะ
“ก็ได้.. ในเมื่อเจ้าท้าทายเรื่องความเร็วกับข้าขนาดนั้น.. ข้าในฐานะเทพฟูจินแห่งแคว้นเท็นเซย์จะเป็นคนแสดงศักยภาพให้เห็นเองว่าใครเร็วกว่า!”
“นินจุทสึขั้นที่สอง.. ทะลุขีดจำกัด!”
ว่าแล้วยัยนั่นก็หายวับไปอีกรอบปรากฏตัวขึ้นด้านหลังฉันอีกครั้งพร้อมกับเสียงเก็บดาบดัง ‘ปัก’
“นี่เจ้าทำบ้าอะไร! ไอ้เวทมนตร์เมื่อกี้มันคือบ้าอะไร! เจ้าทำอะไรกับข้า ภาพลวงตาหรือยังไง เจ้าคนขี้ขลาด!!”
พอฟันพลาดอีกรอบยัยนี่ก็เริ่มตะโกนด้วยความหงุดหงิดใจออกมาอีกครั้ง.. ทำลายภาพลักษณ์นินจาสาวในฝันฉันไปจนหมดเลยแฮะยัยนี่
นึกว่านินจาสาวจะออกแนวมาดนิ่ง หล่อเท่ซะอีก.. แต่ตั้งแต่เจอกันมายัยนี่ก็ทำท่าเหมือนโกรธฉันตลอดเลย
นี่ฉันไปทำบ้าอะไรให้เธอฟะ ฆ่าพ่อฆ่าแม่เธอมาก็ไม่ได้ทำสักหน่อยนะเฮ้ย แถมไอ้ท่าทางที่เหมือนตัวเองฟันไม่โดนเองแล้วมาว่าฉันใช้เวทมนตร์
เอ้ะ.. หรือว่ายัยนี่ท่าจะบ้า..?
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าฉันไม่ได้ขยับ ไม่ได้ใช้เวทมนตร์ ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่พอฟันพลาดก็บอกว่าฉันใช้เวทมนตร์อีก
หรือเป็นแบบ ไบโพล่าร์ อะไรทำนองนั้นเหรอ.. ในขณะที่ฉันคิดแบบนั้นเจ้าตัวก็ถอยออกไปอีกรอบ
“เอ่อ บอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นะ ถ้าฉันทำเธอน่าจะเห็นตอนฉันร่ายเวทหรืออะไรทำนองนั้นใช่ไหมล่ะ แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนี่?”
ลองพยายามอธิบายไปดู.. แต่ถ้ายัยนี่ยังคิดว่าฉันทำอะไรไปโดยไม่ฟังความเห็นฉันหรือข้อเท็จจริงน่าจะสมองไม่ปกติจริงๆ
ควรแนะนำไปพบแพทย์ด่วนๆ เลยก็แบบจู่ๆ มาหาเรื่องฉัน ฟันไม่โดนเองแล้วก็มาว่าฉันซะอย่างนั้นเนี่ย
“….เจ้า.. ใช้วิชาจากต่างทวีปที่ไม่ใช้เวทมนตร์งั้นเหรอ?!”
“….”
ตูบอกว่าตูไม่ได้ใช้เวทมนตร์ ไม่ได้แปลว่าตูใช้วิชาอื่นเว้ยยย เข้าใจบ้างไหมเนี่ย!!! ฉันถอนหายใจออกมาดังๆ
“ก็ได้.. ถ้าไม่คิดจะบอกอะไรก็เตรียมตัวเจอวาระสุดท้ายของตนเองได้เลย..”
“ต่อให้เจ้าจะเร็วแค่ไหน.. ก็ไม่มีทางที่จะเร็วกว่าความเร็วสูงสุดของโลกได้หรอกใช่ไหม”
“ทว่า.. นินจุทสึไม้ตาย ฟูจิน.. ความเร็วเหนือโลก”
คราวนี้หล่อนไม่ได้หายวับเหมือนเดิมแต่ก้าวขามาข้างหน้าหนึ่งก้าวและวินาทีนั้นเองผิวหนังก็แตกออก เลือดสีแดงไหลทะลักออกมา
…น่ากลัวเฮ้ย!..
แต่เหมือนยัยนี่จะบ้าไปแล้วจริงๆ เพราะผิวหนังของเธอแตกร้าวไปตามร่างกายลามไปจนถึงหน้าผาก เลือดอาบไปทั่วทั้งร่างราวกับมนุษย์เลือด
หนังสยองขวัญเรอะ!
“ดูเหมือนจะไม่สนใจคำขู่ของข้าคนนี้เลยสินะ.. ความเร็วของข้าคือความเร็วที่เทียบเคียงแสงในระยะที่ 1”
“ความเร็วระยะที่สองคือความเร็วที่ทะลุขีดจำกัดเข้าสู่ ‘ความเร็วของแสงที่แท้จริง’ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าข้าเร็วเท่าแสง”
“เพราะแสงนั้นจะเร็วกว่าเราเสมอ นั่นคือกฎของโลกใบนี้.. สาเหตุที่เราสามารถรับรู้ว่าแสงเร็วได้สามแสนกิโลเมตรต่อวินาที เพราะนั่นคือขีดจำกัดของคนทั่วไป”
“แต่หากข้าเร็วขึ้นเท่าสามแสนกิโลเมตรต่อวินาที.. ข้าจะไม่ได้เร็วเท่าแสง.. เพราะแสงยังจะ ‘เร็วกว่าข้าอีกสามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีเสมอ’ ..”
“ใช่แล้ว.. คำว่าแสงคือนิยามสูงสุดของความเร็วในกฎโลกใบนี้.. ไม่มีทางที่คนเราจะสามารถเร็วเทียบความเร็วที่เป็น MAX ของทุกสิ่งได้”
“ทว่า… ความเร็วเหนือโลกของข้า.. คือการจำลองโลกเสมือนขึ้นมาและดึงความเร็วในโลกนั้นมาใช้ ใช่.. เป็นความเร็วที่อยู่เหนือกฎของโลก”
“จำลองโลกที่เหนือกว่า.. และสร้างความเร็วที่.. ‘เท่าแสง’ ที่แท้จริงขึ้นมา!”
“กล่าวคือ.. ความเร็วของข้า.. จะเร็วกว่าทุกคนในโลกนี้สามแสนกิโลเมตรต่อวินาทีเสมอ!!!”
พูดอะไร.. ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ะ ง่วงแล้วเนี่ย…
“ข้าไม่เคยใช้ท่านี้มาก่อนเพราะว่าหากใช้มีโอกาสที่ข้า… ช่างเถอะ.. ขอแค่เจ้าบาดเจ็บ.. ไม่สิ คืนคำที่เจ้าพูดก็พอแล้ว”
คืนคำอะไรฟะ ฉันพร้อมคืนทุกคำนะ ถ้าทำให้หล่อนเลิกทำท่าทางเหมือนอันตรายแบบนั้นได้
“ตาย!”
ก็ไม่ฟังกันอยู่ดีนี่เฮ้ย!วินาทีเดียวกันที่หล่อนพูดแบบนั้นเอง เจ้าตัวก็หายไปจากสายตาฉันอีกรอบ
แต่รอบนี้เหมือนจะหายไปเลยประมาณสิบวิเห็นจะได้ก่อนเจ้าตัวจะปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของฉันพร้อมกับเข่าทรุดลงกับพื้น
ฉันหันไปมองก็เห็นว่าหล่อบาดแผลหายไปหมดแล้ว มีแค่ท่าทางเหนื่อยล้าที่ยังคงหลงเหลืออยู่
ยัยนี่ มีแม้แต่ healing factor เลยอ่ะ.. ฉันมั่นใจว่าถ้าเจอกับเมอร์ลินยัยนี่คงไม่มีทางแพ้เมอร์ลินแน่
พลังเมอร์ลินเหมือนจะเป็นพลังเกี่ยวกับการเร่งอายุขัยอะไรสักอย่าง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรแบบนั้นคงโดนยัยนี่ปาดคอทิ้งก่อนแน่ๆ
แต่ติดที่ยัยนี่ตาไม่ดีชอบฟันพลาดเนี่ยสิ… เจ้าตัวหันมามองฉันด้วยสายตาที่ต่างไปจากตอนแรก ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาฉัน
ฉันถึงกับถอยหลังด้วยความกลัวเล็กน้อย ก็แบบยัยนี่มันน่ากลัวจริงนี่หว่า จะไม่ให้กลัวได้ไงอ่ะ ถูกไหม
เอ้ะ.. มองดูดีๆ แล้วยัยนี่ดูอายุเยอะขึ้นป้ะเนี่ย ก่อนหน้านี้ยังเหมือนยี่สิบต้นๆๆ อยู่เลยตอนนี้เหมือนยี่สิบกลางๆ แล้วอ่ะ
คิดไปเองมั้ง..
“มะ.. มีอะไร?”
ก่อนที่ทันจะได้พูดอะไรนอกจากนั้น เจ้าตัวก็สูดลมหายใจเข้าพร้อมกับ…
“ท่านโรซาเรีย! ในที่สุดข้าก็ได้พบกันท่านอีกครั้งแล้ว!”
“….?”
“นับตั้งแต่วันนี้ไปโปรดรับข้าเป็นลูกน้อง.. ไม่สิ ให้ข้าเข้าไวท์บลูด้วยเถอะ! ข้าสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป”
“??????”
ห้ะ?
……..
[มุมอธิบายความกาวที่ไม่มีทางถูกเปิดเผยในเรื่องและไม่มีทางที่จะมีใครรู้]
ตามกฎความเร็วที่ใช้กับสัมพัทธภาพพิเศษนั้นต่างจากกฎของอรงโน้มถ่วงคือ เมื่อผู้สังเกตเร็วขึ้นจะทำให้ระยะทางหดเล็กลง (ตามคำอธิบายคือ space มันหดเล็กลงจริงๆ) และเวลาจะยืดขยายออก.. และด้วยปรากฏการณ์นี้จึงมีคำถามเชิงความคิดที่เรียกว่า ‘Ladder Paradox’ ถ้าเป็นแบบนั้นหมายความว่าคนที่อยู่เฉยๆ จะเห็นคนที่เคลื่อนที่ยืดออก ในขณะที่ผู้เคลื่อนที่จะเห็นทุกอย่างหดเล็กลง เลยเกิดเป็นคำถามว่างั้นความจริงไหนจะเป็นสิ่งที่เกิด…
แต่ในเรื่องเราไม่ได้โฟกัสตรงจุดนั้น เราโฟกัสตรงจุดที่ว่า จิเสะสามารถพุ่งด้วยความเร็วเคียงแสงทำให้ space ในมุมมองของนางหดเล็กลง
แต่โรซาเรีย ‘ไม่สามารถ’ มองสิ่งนั้นได้ทันจึงไม่มีการเกิด ladder paradox แต่ทว่าอย่าลืมนะครับว่า space มันหดลงจริงๆ
ทำให้ในมุมมองของจิเสะ ‘หดเล็กลง’ ไปด้วย.. แต่แน่นอนว่ามุมมองนางเวลาช้าลงเช่นกัน แต่นางคิดว่ามันเป็นเวทมนตร์ลวงตา.. แถมภาพรอบๆ ตัวมันก็หดเล็กลงจนบิดงอแปลกตา.. นางเลยเล็งและฟันไปที่เดิม เลยทำให้นางฟันพลาดนั่นเอง
จริงๆ นางแม่นมากนะจิเสะ แม่นจนแม้แต่โรซาเรียหดลงในมุมมองนาง นางยังฟันเข้าที่ควรจะเป็นคอของโรซาได้แบบเป้ะๆ เลย.. (อิหนูโรซาเรียนางมั่วว่าอีกฝ่ายไม่แม่น และนางไม่ได้เขิน นางแค่โกรธที่โรซาเรียดูถูกนางครับ XD)
และใช่ครับ คำตอบของคำถามจากตอนที่แล้วคือ
‘ไม่ทำอะไร ก็ชนะ’ ขอบคุณครับ lol
MANGA DISCUSSION