บทที่ 2 – แรงงานทาสที่แท้จริง
“ก็อย่างที่ว่าไป เพราะสิ่งที่เธอเจอ ฉันเลยจะให้โอกาสเธอไปเกิดใหม่อะนะ”
“ให้ฉันไปเกิดใหม่เพราะความไม่สมเหตุสมผลในชีวิตสินะ ถึงเธอจะหัวเราะใส่ฉัน แต่ก็ใจดีเกินคาดนะเนี่ย”
ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่นับถือ เอาเถอะถึงเรื่องที่ตัวเองตายจะคอนข้างทำให้ฉันประหลาดใจก็เถอะนะ
แต่น่าแปลกที่ฉันไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะที่แห่งนี้ไม่มีหัวใจให้เต้นรัวหรือไม่มีสมองให้เครียดละมั้งนะ
แต่จะว่าไปตอนนี้ฉันยืนสองขา มีแขนสองข้างก็จริง แต่ร่างกายฉันตอนนี้เหมือนกลุ่มก้อนโฟตอนมากกว่าแฮะ.
พึ่งสังเกตเลยล่ะ เบตตี้ที่ได้ยินฉันถามแบบนั้นเธอก็ส่ายหน้าตอบ
“ไม่หรอกกก ความไม่สมเหตุสมผลในชีวิต ทุกคนล้วนเคยเจอมาหมดนั่นแหละ ถ้าให้เกิดใหม่เป็นกรณีพิเศษด้วยเหตุผลแค่นั้น ทุกคนคงไปเกิดใหม่ได้หมดนั่นแหละ”
“อ่าว.. งั้น…”
“เธอได้เกิดใหม่เพราะทำให้ฉันขำได้ต่างหาก”
“…..”
ฉันถอนหายใจออกมาเพราะเบตตี้ เอาเถอะยังไงซะก็ได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่ดี ถึงจะมีหลายอย่างที่ยังรู้สึกแปลกประหลาด
แต่ถ้าฉันตายด้วยเหตุผลแบบนั้น อย่างน้อยก็ขอมีโอกาสอีกสักครั้งเถอะ ฉันยังใช้ชีวิตไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลยนะ ถ้าหากได้มีโอกาสใหม่ฉันก็รับไว้ด้วยความยินดี
“ไม่โวยวายออะไรเลยเหรอ?”
“ก็นะ เธอจะเป็นคนช่วยให้ฉันไปเกิดใหม่ใช่ไหมล่ะ?”
“นั่นก็ใช่อยู่หรอกนะ แต่เอาจริงทุกคนก็ได้ไปเกิดใหม่หมดนั่นแหละนะ?”
“ห้ะ.. หมายความว่าไง?”
“ก็การเวียนว่ายตายเกิดเป็นกฎธรรมชาติของจักรวาลนี่น่า”
“อ่าว.. แล้วที่ว่าให้โอกาสนี่หล่อนจะบอกว่าเป็นโอกาสทำไมไม่ทราบ?”
“ก็.. คนปกติแล้วจะเวียนว่ายตายเกิดในโลกเดิมของตนเอง แต่เธอได้รับโอกาสฉันเลยจะส่งไปอีกโลกน่ะ”
“แบบนี้นี่เอง.. ฉันจะได้เปรียบคนอื่นเพราะมีความทรงจำจากชาติที่แล้วอะไรทำนองนี้สินะ?”
“ไม่หรอก.. อุตส่าห์ให้เกิดใหม่ต่างโลกแล้วยังแถมความทรงจำไปด้วยนี่จะได้เยอะเกินไป”
“ห๋า..!!?”
ฉันชักไม่แน่ใจแล้วว่ายัยเทพตรงหน้านี้มันอยากจะให้อะไรกับฉันกันแน่ ให้ไปเกิดใหม่ต่างโลกถ้าฉันไม่มีความทรงจำก็ไม่มีค่าน่ะสิ
ก็ไม่ต่างอะไรจากฉันเป็นคนธรรมดาในโลกนั้นเลย.. ไม่สิ ในเมื่อคนธรรมดาก็เวียนว่ายตายเกิดเป็นปกติแค่อยู่ในโลกตัวเอง
ฉันก็เหมือนคนพวกนั้นเลยนี่หว่า.. เทพหลอกลวงนี่พูดซะฉันนึกว่า พล็อตแบบในนิยายจะมีอยู่ในชีวิตจริงฉันซะได้
อุตส่าห์คาดหวังอะไรแบบนั้น เฮ้อออ
ได้แต่คิดแล้วรู้สึกเสียดายไป แต่ก็นะยังไงก็ตายไปแล้วแถมถ้าฉันจะซวยจนตายขนาดนั้นก็ช่างหัวมันแล้วกัน
“อ้ะๆ ช่างเถอะๆ รีบๆ ส่งฉันไปเกิดได้ละ”
ฉันรู้สึกช่างมันไปซะหมด แต่ทว่าเทพสาวเบตตี้ตรงหน้าก็พูดขึ้น
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้น ฉันกำลังทำเอกสารให้ แต่ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับงานอีกอันนะ รอสักนิดแล้วกัน”
พอเห็นเบตตี้ที่ดูยุ่งๆ อยู่ฉันก็ได้แต่นั่งเงียบๆ รอคุณเธอปั่นงานอื่นให้เสร็จเพราะฉันก็เข้าใจความรู้สึกของหล่อนดี
บริษัทเทาๆ มันจะใช้งานพนักงานเหมือนหมูเหมือนหมา. หรืออรงงานทาสแบบนี้แหละ อันที่จริงถามว่าฉันเข้าใจความรู้สึกเบตตี้ไหม.. ก็คงพอเข้าใจ
ถึงยัยนี่จะน่าโมโหเพราะทำความตายของฉันเป็นเรื่องตลกก็เถอะ แต่ในฐานะเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมเป็นทาสบริษัทก็พอเข้าใจ..
ไม่สิ เข้าใจมากเลยล่ะ.. ว่าแล้วฉันก็เดินไปข้างๆ เบตตี้ที่กำลังพิมพ์ตัวอักษรลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปแบบเร็วๆ
“นี่มันรายชื่ออะไร เยอะเชียว?”
“รายชื่อพวกนี้เป็นรายชื่อที่ต้องบันทึกลงในไทม์ไลน์น่ะ”
“หมายความว่าไง?”
“ก็ประมาณว่าในโลกที่มีไทม์แมชชีนมันจะมีข้อสงสัยชวนฉงนประมาณว่า ถ้าเราย้อนเวลากลับไปฆ่าปู่เรา ตัวเราจะเป็นยังไงใช่ไหมล่ะ”
Grandfather paradox สินะ.. ฉันพยักหน้า
“นั่นแหละ ถ้าฉันไม่ได้บันทึกลงไปละก็มันจะเกิดปัญหาเชิง Error ขึ้นได้น่ะ เช่นว่า ถ้ากลับไปทำแล้วอาจจะทำให้ไทม์ไลน์ทั้งหมดพังเพราะหาข้อสรุปไม่ได้”
“หรือก็คือเธอบันทึกไว้ไม่ให้มัน Error สินะ?”
“ใช่แล้ว ประมาณว่าบันทึกชื่อคนที่พยายามทำแบบนั้นแล้วไทม์ไลน์ก็จะเกิดการแตกแขนงออกเป็นไทม์ไลน์อื่นแทนที่จะเป็น Error น่ะ”
“เห๋.. นี่มันดูเหนื่อยน่าดูเลยนะ เธอทำเองคนเดียวทั้งหมดเลยเหรอ ไม่ทำนี่ไม่ได้เหรอ?”
“ใช่.. ถามว่าไม่ทำได้ไหมก็ได้แหละ เพราะมันมีระบบแบบออโต้อยู่.. แต่ระบบแมนนวลจะมีประสิทธิภาพกว่าน่ะ เพราะงั้นฉันเลยทำเองอยู่นี่แหละ”
“เอ่อ.. ฟังดูเป็นรูปธรรมไม่ค่อยแฟนตาซีเท่าไหร่เลยแฮะ พระเจ้าเนี่ย”
“ก็นะ ที่ฉันยกมาพูดแบบนี้เพราะทำให้คนในโลกของเธอเข้าใจง่ายนั่นแหละ ไม่ต้องคิดมาก”
ฉันพยักหน้าเข้าใจ หลังจากนั้นฉันก็ชวนเธอคุยบ้างเป็นพักๆ เวลาเธองานเร่งก็ไม่ได้พูดอะไรนั่งดูเธอเงียบๆ
ซึ่งฉันคิดว่ามันผ่านมานานมากแล้ว ถ้าเป็นในโลกจริงคงหลายวัน หลายเดือนแล้วมั้งแต่พออยู่ที่นี่น่าแปลกที่ไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่ออะไรเลย
หลังจากนั่งดูเบตตี้ทำงานมาพักใหญ่ฉันก็พูดขึ้น
“นี่เธอต้องทำแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
“ก็ประมาณนั้น ถ้าฉันไม่ทำแล้วใครจะทำละ?”
“อืม.. อาชีพเทพเนี่ยฟังดูเป็นอาชีพเทาพอสมควรเลยนะฉันว่า ให้ตายฉันก็ไม่เป็นแน่ นี่มันดูยังไงก็พนักงานในบริษัทมืด แรงงานทาสชัดๆ!”
พอฉันพูดออกไปแบบนั้นมือที่พิมพ์คอมพิวเตอร์ของเบตตี้ก็หยุดลง หันมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ
“อะไร ฉันแค่พูดตามที่ฉันคิด เอาจริงบริษัทแบบนี้เธอควรลาออกมากกว่าอยู่แบบโดนกดหัวใช้นะ”
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าฉันไม่ทำก็ไม่มีคนทำ”
เบตตี้พูดด้วยความลังเลใจ.. ฉันเข้าใจทันทีว่าเบตตี้เองก็อยากลาออกเต็มที่เหมือนกัน ถามว่าทำไมถึงรู้เหรอ..?
เพราะฉันเองก็เคยผ่านประสบการณ์แบบนั้นมาก่อนไงล่ะ!ในฐานะเพื่อนที่ผ่านประสบการณ์คล้ายกันมาฉันคงต้องแนะนำอะไรสักอย่าง
“ฟังนะ เบตตี้.. บริษัทน่ะ ต่อให้ขาดพนักงานไปสักคนมันก็ไม่ล้มละลายหรอก เชื่อฉันสิ.. เอาจริงถ้าล้มละลายเพราะเหตุผลแค่ขาดพนักงานคนเดียว ก็ไม่ต้องเปิดบริษัทต่อแล้วอ่ะ ฉันบอกเลย”
“นี่มันไม่ใช่บริ—”
“น่า ฟังฉันสิ ในฐานะที่ฉันหลุดพ้นมาแล้วถือเป็นรุ่นพี่เธอในตอนนี้.. ในฐานะรุ่นพี่จะให้คำแนะนำว่า… แค่ลาพักร้อนก็ได้จะเป็นอะไรไปถูกไหม?”
“….”
“มีคนบอกไว้ว่าชีวิตคือการเดินทาง เธอคิดว่าชีวิตที่เธอต้องการเดินคือในห้องแคบๆ แบบนี้จริงๆ เหรอ?”
“ไม่”
“ใช่แล้ว เบตตี้!บริษัทเฮงซวยที่ไม่มีวันหยุดพรรค์นี้ลาออกไปซะได้ก็ดี..เราควรเป็นนายของตัวเองนะ ไม่ใช่ให้ใครมาเป็นนายตัวเองกดหัวใช้แบบไม่มีวันหยุด! แถมตามที่เธอบอกมันมีระบบออโต้นี่ ยังมาใช้ระบบแมนนวลเพราะดีกว่านิดๆ หน่อยๆ เนี่ย ล้าหลังสิ้นดี!”
เมื่อเบตตี้ได้ยินแบบนั้นเธอเหมือนถูกกระตุ้น ฉันเชื่อว่าเธออยากออกจากจุดนี้มานานแล้วแหละ แต่ยังไม่มีใครพูดแบบนี้กับเธอ
ใช่ สิ่งที่เธอต้องการในตอนนี้ไม่ใช่ความเชื่อใจหรือความคาดหวัง.. แต่เป็นคำพูดกระตุ้นให้เธอกล้าลงมือที่จะก้าวเดินในเส้นทางตัวเองนั่นแหละ
จะว่าไป คำพูดของฉันก็ดูมีน้ำหนักเหมือนกันแฮะ.. พอมาคิดดูนี่ฉันอาจจะเหมาะกับอาชีพไลฟ์โค้ชก็ได้นะเนี่ย
“นั่นสินะ! ถูกอย่างที่เธอว่าเลย ฉันมันคิดเยอะเกินไปจริงๆ”
ว่าแบบนั้นเบตตี้ก็ลุกจากเก้าอี้แล้วตะโกนก้อง
“นับจากวันนี้ ฉันขอลาพักร้อนแบบไม่มีกำหนด!”
วินาทีนั้นเหมือนมีใบลางานไม่มีกำหนดปรากฏขึ้นกลางห้องแล้วเธอก็เหมือนกลัวจะไม่ได้ไปจึงรีบเสกประตูออกมาพร้อมกับกำลังจะจากไป
“เดี๋ยวสิเฮ้ย แล้วฉันล่ะ!”
“อ้อ.. เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับคำแนะนำ..เธอ..พิมพ์โลกที่อยากไปในคอม.. แล้วตั้งเซตติ้ง..เอง.. แล้วกด…ปริ้น.. เอกสาร..เลย”
เสียงค่อยๆ ขาดหายจนเงียบไปในที่สุดทิ้งให้ฉันยืนงงอยู่คนเดียว เหมือนเบตตี้กลัวไม่ได้ลางาน อันที่จริงพอเบตตี้จากไปตัวหนังสือที่อยู่ในคอมที่ตอนแรกพอแยกออกว่าเป็นชื่อหรือคำบอกเล่านิดๆ หน่อยๆ
ตอนนี้ก็ดันไม่เข้าใจซะแล้ว
“แล้ว..ฉัน.. จะไปเกิดใหม่ไงละนี่?”
MANGA DISCUSSION