บทที่ 12 – การต่อสู้ที่แท้จริง
แม้แต่ตัวของโรซาเรียยังไม่ทราบว่าเรื่องราวมันมาจบลงที่เธอกำลังยืนอยู่กลางสนามประลองทั้งที่ตัวเองอ่อนกว่าแมลงสาบเสียอีกได้ยังไง
ขนาดแมลงสาบในโลกนี้ยังใช้เวทมนตร์ได้เชียวนะ แต่ตัวเธอใช้ไม่ได้ไม่พอค่าสถานะพละกำลังก็ยังถูกเว้นว่างไว้
แม้จะไม่ใช่กรณีที่มีค่าพละกำลังเป็นศูนย์ก็ตาม เลยไม่ใช่ว่าโรซาเรียอ่อนเท่าเด็กทารกแต่อย่างใด ทว่าหากเทียบกับคนอื่นจริงๆ
เผลอๆ โรซาเรียอาจจะน้อยกว่ามาตรฐานอยู่นิดหน่อย กล่าวคือนอกจากโชคที่สูงไปถึงสวรรค์แล้วโรซาเรียแทบไม่มีอะไรเลย
แล้วโชคในโลก.. ไม่สิ โชคจริงๆ มันไม่ได้มีความหมายแบบที่คิดว่าแค่ปาเหรียญทีเดียว เหรียญนั้นก็กระเด็นกระดอนไปมาจนฆ่าศัตรูได้แต่แรก
ถ้าหากนั่นเป็นจริงคงเรียกว่าพรวิเศษมากกว่าโชค.. นับตั้งแต่โรซาเรียอยู่ในโลกนี้มาโชคที่เธอคิดว่าน่าจะใช่ ก็มีแค่ ‘ความคิดคนอื่นที่มีต่อตนเอง’ เท่านั้น
แต่นั่นก็ไม่น่าใช่อีกเพราะทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนซวยมากกว่าโชค.. ดังนั้นในตอนนี้ไม่มีนิยายเกี่ยวกับค่าโชคที่เกินจริงของเธอในตอนนี้
เอาง่ายๆ คือถ้าจะหวังซีนแบบในอนิเมะหรือการ์ตูนโยนเหรียญพิชิตโลกานั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่เกิดจากเหรียญส่งผลกระทบต่างๆ เหมือนโดมิโน
มันไม่ใช่โชค แต่เป็นการที่มียางอย่างที่คาดไม่ถึงถูกวางเอาไว้ โชคไม่ได้กำหนดสิ่งที่ว่านั้น.. สรุปแล้วนิยามของโชคก็เป็นแค่ความเข้าใจ
หรือรูปแบบการคิดหนึ่ง
เช่นสมมุติว่า โรซาเรียเดินไปยังร้านที่ขายของซึ่งจะปิดร้านทุกวันอาทิตย์.. แล้วโรซาเรียดันไปวันอาทิตย์ทำให้เธอตระหนักว่าตนเองโชคร้ายที่มาผิดวัน
แต่ถ้ามองกลับกันหากโรซาเรียรู้แต่แรก และไม่มาแต่แรกเธอจะไม่มองว่าตนเองโชคดีแต่จะเป็นเรื่องธรรมดาที่ตนเองจะไม่ไปร้านที่เปิด
แต่ถ้าหากเปลี่ยนว่าร้านนั้นจะปิดวันไหนก็ได้.. แล้วโรซาเรียไปถูกวันเธอจะบอกว่านี่โชคดี แต่นั่นก็แค่โรซาเรียไม่รู้เฉยๆ ว่าร้านจะเปิดวันนี้
เพราะต่อให้โรซาเรียไม่มาร้านก็จะยังเปิดอยู่ดี..
สรุปคือนิยามของโชคก็คือรูปแบบความคิดที่เกิดจากการวิเคราะห์ซึ่งตัวเราอาจจะไม่มีสิ่งที่มาวิเคราะห์เลยตีความว่ามันคือโชค
ทั้งที่หากมองลึกเข้าไปอีกเราอาจจะสามารถเข้าใจว่ามันไม่ใช่โชคแต่เป็นเรื่องแน่นอน..
แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วที่ยกตัวอย่างไว้ก็เป็นเพียงรูปแบบการคิดหรือโชคง่ายๆ เพราะในความเป็นจริงแล้วมันมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้น
พูดอีกอย่างคือ ไม่มีใครเข้าใจมันได้หรอก
แต่ถ้าหากเข้าใจมันได้ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถใช้เหรียญเดียวพิชิตโลกได้เช่นกันเหรอ..? และสุดท้ายแล้วนั้นจะไม่ใช่ค่าโชคแต่เป็นค่าความรู้งั้นสิ ?
นั่นแหละ ดังนั้นไอ้เหรียญพิชิตโลกจึงไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวกับโชคแต่เป็นพลังจัดการความจริงตรงหน้ารูปแบบหนึ่งเลยละมั้ง
แน่นอนว่าสำหรับค่าโชคของโรซาเรียไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ซึ่ง.. โรซาเรียก็ทราบดีเช่นกัน.. โรซาเรียได้แต่ปาดเหงื่ออย่างหน่ายใจ
เธอหวนคิดว่าตูไม่น่ามาห้องประชุมเลย.. ให้เล่าแบบรวบรัดก็เพราะเธอไม่เห็นมิเกลมาหานานวันผสมกับความเหงาเพราะโรเซลี่จากไปแล้ว
เลยตัดสินใจมาคุยมิเกลเรื่องที่เจ้านั่นอยากให้ช่วย แต่พอรู้ว่าประชุมอยู่โรซาเรียเลยหาทานของในวังรอไป
แต่พอเดินซ้ายเดินขวาก็ดันได้ยินที่พวกนั้นคุยกันอยู่นอกประตูก็แถมเหมือนจะได้ยินชื่อตัวเองจากในนั้น ซึ่งไม่ใช่อะนะ
แต่พาดพิงถึงอะใช่แน่ เลยพรวดเข้ามา.. พอเปิดมาก็ดันเจอกับยายแก่หนังย่นที่น่าจะอยู่มานาน ซึ่งโรซาเรียรู้จากคนนี้
เพราะได้ยินเรื่องซุบซิบมาก่อน.. เพราะยายแก่อายุร้อยปี อยู่นานได้ขนาดนี้แสดงให้เห็นว่าอึดจริง แถมมีฉายาอมตะด้วยโคตรดูโง่
หมายถึงโคตรดูทรงพลัง สักพักก็ถูกท้าดวลแบบงงๆ โรซาเรียเลยรีบพูดว่าไม่ไหวหรอก!! เพราะเธออ่อนจะตาย
แต่เหมือนนึกขึ้นได้ว่าถ้าพูดแค่นั้นไม่เคลียร์แน่เลยรีบเสริมไปอีกคำ แต่เหมือนคุณยายจะเข้าใจผิดว่าหาเรื่องเลยแหกปากจนฟันปลอมหลุด
ฟันปลอมหลุดจริงนะเออ เพราะงั้นโรซาเรียเลยได้มายืนรออยู่กลางสนามที่คุณยายยังใส่ฟันปลอมอยู่..
แน่นอนทางฝั่งเฒ่าอมตะก็กำลังใส่ฟันปลอม.. แต่เหมือนพอใส่จะลื่นหลุดออกจากปากทันที
“อะไรเนี่ย?!”
เธอบ่นพึมพำ.. แต่พอหยิบขึ้นมาอีกรอบแล้วเมองด้านบนฟันปบอมเส้นเลือดก็ปูดขึ้นบนสมองของคุณยาย หมายถึงเฒ่าอมตะน่ะ
ฟันปลอมของเธอชุ่มไปด้วยความมัน.. บางทีคงมาจากมือของโรซาเรียที่มือโคตรจะมัน แน่นอนว่าหล่อนแค่ไม่ได้ล้างมือเพราะพึ่งสวาปามมาในวังนั่นแหละ
แต่เฒ่าอมตะถึงกับโกรธ
“ยัยเด็กเวรนั่น!! หล่อนจะทำให้ข้าอับอายต่อหน้าประชาชีให้ได้เลยใช่ไหม?! ตั้งแต่ที่พูดเหมือนยอมเสียหน้าแล้ว.. ครั้งนี้ก็จะให้ข้าไม่มีฟัน! ทำเป็นหยิบฟันปลอมมาให้เป็นคนดี!! ยัยชั่ว!! ถึงจะแสร้งทำเป็นคนดีแต่ฉันรู้ไต๋แกแล้วเว้ย!”
“ไอ้ท่าทางน่าหมั่นไส้นั่น แค่นึกก็อ้ากกกกก!”
“แถมยัยเด็กนั่นแม่งโคตรน่ารักซะด้วยสิ.. อ่า.. ใช่.. นึกอะไรดีๆ ออกแล้ว”
เฒ่าอมตะยิ้มชั่วร้ายออกมา เธอโยนฟันปลอมทิ้งแล้วเดินเข้าสนามไปทั้งแบบนั้น การประลองครั้งนี้มีคนดูอยู่ไม่เยอะเท่าไหร่
นอกจากพวกมิเกลกับแขกพิเศษก็มีไม่กี่คนเท่านั้น เพราะการประลองครั้งนี้ไม่ว่าจะใครจะแพ้ก็ต่างเป็นข่าวสะเทือนฟ้าดิน
เอาเถอะถึงท่านโรซาเรียจะไม่มีทางแพ้ก็เถอะ.. แต่เวทมนตร์ของเฒ่าอมตะมันค่อนข้างน่ารำคาญเนี่ยสิ
เธอมีความเชี่ยวชาญธาตุทั้งสี่ถึงถูกเรียกว่า ‘ผู้ใช้สรรพธาตุ’ ซึ่งทุกคนจะมีเวทมนตร์เฉพาะประจำตัวในชื่อที่เรียกว่า ‘World Magic’ (เวทมนตร์แห่งโลก)
ซึ่งเวทมนตร์ของเฒ่าอมตะเป็นหนึ่งในเวทมนตร์ที่น่ารำคาญมากๆ อย่างหนึ่ง
หลังจากเตรียมอะไรเสร็จมิเกลก็ประกาศว่า
“เริ่มได้!”
วินาทีเดียวกันนั้นเฒ่าอมตะก็โดดถอยหลังเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญอะไร พร้อมกับร่ายเวทแทบจะทันที
เวทมนตร์นี้นับเป็นท่าไม้ตายของเธอเลยก็ว่าได้
“เธอคิดจะปิดฉากตั้งแต่ต้นเลย!!”
“ไม่หรอก ถ้าเธอไม่รีบจัดการมีหวังท่านโรซาเรียจัดการก่อนสิ.. แล้วทางท่านโรซาเรีย.. เอ้ะ ?!”
“ท่านโรซาเรียยืนเฉย แถมทำหน้าเหมือน ‘เล่นอะไรวะ’ ด้วย!สมเป็นท่านโรซาเรียแม้แต่เวทมนตร์แห่งโลกกำลังถูกร่ายยังไม่เกรงกลัว!”
“แน่นอนอยู่แล้ว วินาทีที่เวทมนตร์แห่งโลกถูกร่ายออกมาทุกอย่างจะถูกบิดเบือนแม้แต่ความจริง ไม่มีใครที่จะไม่รู้ว่ามันคือเวทมนตร์แห่งโลกหรือไม่”
“กล่าวคือสำหรับท่านแค่นี้ทันโคตรสบาย!”
โรซาเรียได้แต่ยืนงงกับท่าทางของคุณยายที่ยกมือไปมาพยายามทำอะไรไม่รู้.. ใช่.. โรซาเรียมองไม่เห็นวงเวทนั่นแหละขอรับ……..?
“เหอะ มั่นใจเข้าไปเถอะ! เวทมนตร์แห่งโลกใหม่ของข้าเอาไปกินซะ!”
วินาทีนั้นเองวงเวทก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าโรซาเรียและบนหัวโรซาเรียพร้อมเกิดเป็นเสาแสงสูงทะยานฟ้าอย่างน่าหวาดหวั่น
เวทมนตร์ของเฒ่าอมตะคือเวทมนตร์ในการหยุดยั้งหรือทำลาย ‘อายุขัย’ ของอีกฝ่ายโดยตรง.. ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกล้วนมีอายุขัย
ไม่มีทางที่จะไม่มีอายุขัยโดยเด็ดขาด เพราะถ้าไม่มีอายุขัยก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแล้ว และแน่นอนว่าทำลายอายุขัยไม่ใช่การฆ่าทันที แบบนั้นเธอก็ทำไม่ได้
แต่มันจะทำให้ ‘ช่วงเวลา’ ของสิ่งนั้นๆ ถูกลบหายไปต่างหาก.. สมมุติว่าโรซาเรียจะเดินไปร้านอาหารและหากอายุขัยช่วงนั้นถูกทำลาย สิ่งนั้นจะไม่เคยเกิดขึ้นหรือเคยมีอยู่ในความทรงจำมาก่อน
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต.. แต่เป็นเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดด้วย!
อำนาจของเฒ่าอมตะ.. คือนั่นแหละ พลังที่เหมือนกับ..การควบคุมเวลาของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้!
และเวทมนตร์ใหม่ของเธอ
“วัฏจักรวงเวียน!”
วินาทีที่เธอกล่าวเช่นนั้นในตอนนั้นเองนาฬิกาแห่งชีวิตขนาดใหญ่ก็พลันปรากฏขึ้น ก่อนที่มันจะเริ่มขยับ!
‘ตึง!!’ เสียงนั้นดังขึ้นทุกครั้งที่เข็มนาฬิกาขยับ..
“ข้าจะทำให้เจ้าเป็นยายเฒ่าหนังเหี่ยวฟันหลุดต่อหน้าคนที่แกนับถือเลย!!”
เวทมนตร์นี้มันจะ…เร่งอายุขัยไปข้างหน้าจนถึงวัยแก่เฒ่า!
ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างพากันแสดงสีหน้าซีดเผือดเวทมนตร์นี้.. น่ากลัวมากๆ! ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้นโรซาเรียก็ยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เพราะในสายตาเธอทุกอย่างมันเงียบสงบ แม้เหมือนจะมีแสงอะไรบางๆ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดมากกว่านั้—
ทว่ายังไม่ทันไรร่างกายเธอก็เหมือนจะโตขึ้นซะอย่างนั้น.. จาก 6 ขวบ.. เป็น 7 ขวบ..
เป็น 8.. เป็น 9..
อายุขัยของโรซาเรียเพิ่มขึ้นแล้วเพิ่มขึ้นอีก.. ทว่าวินาทีที่อายุ 11-12 ขวบ.. ถึงจะบอกว่า 11-12 ขวบแต่โรซาเรียก็ยังเป็นโลลิตัวเล็กเหมือนเดิม
แต่ผมยาวไปจนถึงเอว เสน่ห์ของเธอในตอนนี้มันมีมากกว่าแต่ก่อนอีก ซึ่งเจ้าตัวไม่เห็นภาพตัวเองในตอนนี้ก็จริงแต่เธอมองเห็นผมตัวเองที่ยาวสลวย
“หว่าาาา ผมฉัน.. สวยจัง..!”
โรซาเรียกล่าวเช่นนั้นทุกคนต่างพากันอุทาน
“เอาแล้ว ท่านโรซาเรียร่ายเวทลึกลับแล้ว!”
“นั่นท่านกำลังทำอะไร …? จับผมเหรอ?! หรือว่า เวทมนตร์ของท่านมันต้องใช้บางอย่างเป็นเครื่องสังเวยด้วย?!”
“เพราะแบบนั้นเองเราถึงไม่สามารถวิเคราะห์คำนั้นของท่านได้สินะ!”
แน่นอนว่าโรซาเรียไม่ได้ยินเธอจับผมตัวเองมาดมฟุดฟิดอย่างชื่นใจ ลืมไปว่าอยู่หน้าทุกคน.. แต่ในเวลานี้เข็มนาฬิกาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงพอดี
ซึ่งทำให้คนไม่ได้มองโรซาเรียในตอนที่เธอสูดดมผมตัวเองเหมือนโรคจิต..และวินาทีเดียวกันที่นาฬิกาเปลี่ยนสีมันก็หมุนเร็วขึ้น
“นาฬิกาอายุขัยของข้ามีสามระดับ.. สีขาวระดับที่จะเพิ่มด้วยความเร็วปกติ.. เมื่อผ่าน Phase แรกไปจะเข้าสู่ Phase สองที่เป็นสีแดง.. เข็มนาฬิกาจะเร็วขึ้นเป็นร้อนเท่า! กล่าวคือหมุนรอบหนึ่งก็เพียงพอจะทำให้แก่เฒ่าจนตายได้ทันที แต่ข้าว่าแค่ร้อยปีเจ้าอย่างมากก็แค่แก่ใช่ไหม ?”
เฒ่าอมตะกล่าว ถึงเธอจะเกลียดความมั่นหน้าของโรซาเรียแต่เธอยอมรับว่าโรซาเรียที่เห็นเวทมนตร์แห่งโลกตนเองแล้วยังนิ่งเฉยนี่ต้องเก่งจริงๆ
เธอกล่าวเช่นนั้นเข็มสีแดงก็หมุนแทบจะทันทีมันเป็นสิ่งที่เกิดภายในเสี้ยววินาทีที่เข็มเริ่มหมุนมันก็กลับมาจุดเดิม
“หนังเหี่ยวไปซะ!!!”
เฒ่าอมตะตะโกนแบบนั้น… ทำให้ทุกคนหันไปมองโรซาเรีย และเพราะเสียงตะโกนของเฒ่าอมตะเลยทำให้โรซาเรียหลุดจากโลกตนเอง…
มองหน้าคุณยายอมตะ..
เงียบฉ่า~~~
“หือ..? มองทำไม.. ว่าแต่จะโจมตีเข้ามาเมื่อไหร่อะ?”
โรซาเรียที่คิดว่าทุกคนเห็นภาพแปลกๆ ตัวเองเลยถามแก้เขิน…
“หน๊า… นิ๊?!”
“ทะ.. ทำไมเจ้าไม่เป็นอะไรเลยวะ?!!”
…………
[ลองนึกภาพว่านี่เป็นฉากในหนังแต่ละคนในฉากแม่งทำกันคนละอย่างแบบอิรุงตุงนัง เหมือนคนกำกับเผลอหลับแล้วนักแสดงอ่านบทคนละใบอ่ะ ไปคนละทิศคนละทางเลยเว้ย ฮา — ผู้เขียน]
MANGA DISCUSSION