เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 7 – เดินเข้าไป
เทือกเขาวิญญาณทมิฬที่อยู่ด้านข้างของเทือกเขาวิญญาณ
มองเผินๆมันก็เหมือนกับเทือกเขาวิญญาณแม้กระทั่งยอดเขาสูง.
แต่…
มันเล็กกว่า แต่ที่นั่นมันก็ยังอันตราย.
แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะพบเจอกับสัตว์ปีศาจ แต่สัตว์ป่าที่นี่ก็ยังคงโหดร้าย ผู้คนมักไม่กล้าเข้าไปยังพื้นที่นั่น.
ลั่วหยาน,ลั่วหมิง,ลั่วหยู่และลั่วหว่าน ทั่งสี่คนกำลังฝึกฝนด้วยกันด้วยความหวังที่จะสร้างความก้าวหน้าขณะต่อสู้ พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการแข่งขันล่าสัตว์ของตระกูลลั่ว.
เที่ยงวัน พระอาทิตย์ที่แผดเผาอยู่เหนือหัว.
ทั้งสี่คนลงจากม้า ลั่วเทียนที่อยู่ด้านหน้ามองไปยังเทือกเขาทมิฬและพูดว่า“สามวัน เราต้องสร้างความก้าวหน้าในสามวัน”
“ไม่ต้องกังวล แน่นอนว่าปีนี้เราจะกลายเป็นสาวกหลัก!”
สาวกของตระกูลลั่วไม่ลังเลเลยในการก้าวไปเป็นสาวกหลัก.
เมื่อคนหนึ่งได้กลายเป็นสาวกหลัก พวกเขาจะได้รับทรัพยากรณ์ในการบ่มเพาะมากขึ้นและได้รับความสนใจจากตระกูลและมีหน้ามีตา.
การเป็นสาวกหลักยังมีสถานะ.
การแข่งขันล่าสัตว์ของตระกูลลั่วจะจัดขึ้นปีละครั้ง สำหรับเหล่าสาวกตระกูลลั่วที่อายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถเข้าร่วมได้ ตรายเท่าที่พวกเขาสามารถฆ่าสัตว์ปีศาจในเทือกเขาวิญญาณได้พวกเขาก็จะมีโอกาส สำหรับพวกเขามันเป็นทางที่ฉลาดที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้.
รางวัลสำหรับที่ 1 ในปีนี้ยิ่งหใญ่อย่างมาก.
ได้เข้าไปในหอตำราเพื่อเลือกทักษะต่อสู้และยาเพิ่มปราณสามชุดและในปีนี้ยังมีหินหยวนอีกด้วย.
การแข่งขันในปีก่อนๆก็ดุเดือดอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย.
สำหรับผู้ที่มีอายุต้ำกว่า 18 ปีอย่างลั่วหลินที่อยู่ในระดับปราณพื้นฐานขั้น 8 รางวัลเหล่านั้นอยู่ในกระเป๋าของเขาแล้ว.
ผ่านเส้นทางเล็กๆในเทือกเขาวิญญาณทมิฬมีร่างสองร่างกำลังใกล้เข้ามา.
คอของพวกเขาตกและริมฝีปากแตกจากความแห้งผากและทั่วร่างของพวกเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อจนไหลออกมจากผมของพวกเขา ทั้งสองวิ่งมาตลอดทางระหว่างมาที่นี่.
“ดูไอ้ขยะสองตัวนั่น เจ้าแค่วิ่งไปเล็กน้อยก็เป็นอย่างนี้แล้ว มันช่างเป็นความอัปยศจริงๆ”
“มันเป็นเรื่องดีมากแล้วที่ไม่มีใครมาที่นี่ ไม่งั้นมันจะทำให้เราอัปยศอย่างแท้จริง.”
“ลืมไปซะ หยุดยุ่งกับขยะพวกนี้ได้แล้ว เจ้าทั้งสองดูแลม้าของเราให้ดี หากมีปัญหาใดๆพวกเจ้าจะต้องรับสิ่งเหล่านั้น!”
หลังจากที่พูดอย่างนั้น ทั้งสี่ก็โยนบังเหียนให้พวกเขา หลังจากแวบหนึ่งที่ได้เหยียดหยามพวกเขาแล้ว ทั้งสี่ก็เข้าไปในป่าทึบ.
ลั่วเทียนกำลังพยายามหายใจและกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตาของหรี่ลง ขณะที่ด่าเงียบๆไปถึงแปดชั่วโครตของพวกคนทั้งสี่ ถ้าไม่ใช่เพราะการเจาะจงของพวกเขา เขาจะมาที่นี่งั้นรึ.
อย่างไรก็ตามเมื่อคำพูดของลั่วหยานเสร็จสิ้น ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังออกมาในใจ.
“ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นลั่วเทียน ในการทำภารกิจสำเร็จ คุณได้รับ 80Exp.”
หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะมีความสุข.
“เวรเอ้ย เควสได้เสร็จแล้ว อย่างนั้นบิดาคนนี้ก็ไม่ต้องอดทนอีก”
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของลั่วเทียนไม่เคยได้วิ่งนานเท่ากับในปัจจุบัน นี่มันยิ่งกว่าโครตมาราธอนเสียอีก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสามารถวิ่งได้ไกลขนาดนี้.
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่มากที่สุดในบางครั้งคือ ลั่วหยานและพวกของเขาที่ล้อเลียนและเยาะเย้ยไม่หยุด ความโกรธเต็มหัวใจลั่วเทียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีอยู่หลายครั้งที่เขาเกือบจะคุมไม่อยู่ โชคดีที่เขาให้เหตุผลปลอบใจตัวเองโดยบอกว่าเขาไม่อาจทำได้ ก่อนที่จะเสร็จภารกิจเขาไม่สามารถลงมือได้ เขาต้องทำเพื่อให้ได้แต้มเป็นอย่างน้อยและต้องทนทุกอย่าง.
“ข้าได้รับความทุกข์จนเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะการสืบเสาะ เขาจะเคลื่อนไหวแล้ว!”
นั่นเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่ง!
ด้วยความแข็งแกร่งคนนึงสามารถเข้าไปในภูเขาและฆ่าสัตว์ร้ายเพื่อให้ได้ประสบการณ์โดยอาศัยเควสเล็กๆเหล่านี้ เขาไม่อาจพูดได้ว่าหลังจากที่เขาเลือกแล้วและเขาก็เกือบตายจากการวิ่งมากเกินไป.
หลังจากนั้นทันที…
ลั่วเทียนก็มองไปที่ฟางเล่ยที่นอนเหมือนหมูตายและพูดว่า“ฟางเล่ย พักและดูม้าด้วย ข้าจะไปหาอาหารให้เรากิน”
ฟางเล่ยเบิกตาและพูด“ระวังด้วยนายน้อย ลั่วหยานและพวกของมันอยู่ในนั้น อย่าให้มันเห็นท่าน.”
“อืม ไม่ต้องเป็นห่วง.”
ลั่วเทียนเยาะเย้ยและพูดอย่างเงียบๆ“บิดาคนนี้กำลังไปหาพวกมัน!”
หลังจากออกคำสั่งบางอย่างลั่วเทียนก็ได้เข้าสู้ป่าทึบ.
เทือกเขาวิญญาณทมิฬคล้ายกับป่าในชีวิตก่อนหน้านี้ รากต้นไม้ที่ไขว้ไปมาและใบของมันก็ปกคลุมท้องฟ้า มันมืดมากภายในป่าและยากที่จะแยกทิศทาง.
มันไม่อาจรู้ได้ว่าถ้าลั่วหยานและคนอื่นๆพลัดหลงกันพวกเขาจะไม่สามารถออกจากป่าแห่งนี้ได้หรือหากว่าพวกเขาแยกกันคนละทาง.
ระหว่างทางทั้งสี่จะทำเครื่องหมายที่ลำต้นโดยสัญลักษณ์ของพวกเขา ราวกับว่าเขากลัวที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายและกลัวที่จะหาทางกลับบ้านของพวกเขาไม่เจอ.
ขี้นอยู่กับเครื่องหมายเหล่านี้ ลั่วเทียนได้ไล่ตามพวกเขาอย่างรวดเร็ว.
ลั่วเทียนรอโอกาสอย่างระวัง.
“ทำไมข้ารู้สึกเหมือนมีคนติดตามพวกเรา?”ลั่วหยานที่อยู่ในระดับปราณพื้นฐานขั้น 4 หันไปมองรอบๆและสำรวจพื้นที่ แต่ก็ไม่เห็นอะไร.
“พี่ใหญ่ ท่านกังวลอะไรมากนัก?”
“ถูกต้อง มันจะไม่เป็นผีเมื่อมันอยู่ในสายตาพวกเรา?เว้นแต่ว่าไอ้ขยะสองตัวลั่วเทียนและฟางเล่ยตามพวกเรามา?”
“ถ้ามันเป็นขยะทั้งสองตัวนั่นข้าจะทุบให่เละด้วยมือข้างเดียว.”
“5555…”
ทันใดนั้น…
ตาของลั่วหยู่ก็หดและเตรียมพร้อมเงียบๆ ทันใดนั้นเขาก็ลดเสียงและพูด“มีเสือดำที่หลังต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า”
ทั้งสี่มองไปพร้อมกัน.
แน่นอนว่าเสือดำที่ซ่อนตามพุ่มหนา ได้มีแสงสีเขียวออกจากตาของมันและจ้องทั้งสี่อย่างไม่กระพริบ.
ซ่อนอยู่ในที่ลับ ลั่วเทียนรู้สึกประหลาดใจและพูดกับตัวเอง“โอกาสของเรามาถีงแล้ว!”
“รวบรวมพลังปราณของเจ้าและเราจะแสร้งว่าไม่เห็น ขณะที่เราโจวตีเราจะเคลื่อนไปที่ดื่น”ลั่วหยานสั่งการพวกเขา.
อีกสามคนไปยังด้านอื่นๆและยิ้มน้อยๆ.
พลังปราณของพวกเขากำลังไหลเวียนอยู่ภายในอย่างลับๆ ขณะที่พวกเขากำหมัดแน่นและรอโจมตี.
เสือดำไม่ได้สังเกตุเห็นอะไรเป็นธรรมดาและค่อยๆขยับตัวออกมาจากใต้พุ่มไม้ มันเฝ้ามองทั้งสี่ก่อนที่จะเผยรอยเขี้ยวของมัน.
เสือดำไม่ได้ถือเป็นสัตว์ปีศาจระดับ 0 ดังนั้นแน่นอนว่าไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับลั่วหยานและอีกสามคน.
แต่…
ลั่วเทียนต้องการยืมความแข็งแกร่งของเสือดำ เขาคนเดียวจัดการทั้งสี่คงยากเกินไปดังนั้นต้องมีเสือดำสร้างโอกาส และโอกาสนี้ก็เพื่อทำการฆ่าทันที!
ทันใดนั้น…
ลั่วเทียนหยิบก้อนหินเล็กๆขึ้นมาก่อนที่จะปาออกไป.
“วูซ~!”
หินก้อนเล็กๆได้ตกมายังเบื้องหน้าของเสือดำอย่างแม่นยำ เสือดำตกใจและเปิดปากที่แดงราวกับโลหิต มันใช้ขาทั้งสี่กระโจนไปเบื้องหน้า.
ในเวลาเดียวกัน…
ลั่วเทียนก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายออกมา“ว่ะฮ่าฮ่า… มุวว่ะฮ่าฮ่า…”
ลั่วเทียนได้หัวเราะอย่างชั่วร้ายและน่ากลัวมาก.
ลั่วหยานและอีกสามคนเครียดอย่างมาก ดังนั้นด้วยเสียงหัวเราะที่ฉับพลันพวกเขาจึงกลัวมาก การแสดงออกที่ใบหน้าของพวกเขาทั้งสามนั้นสามารถเห็นความตื่นตระหนกอย่างชัดเจนเมื่อทั้งสี่มองกลับไป.
มันเป็นเวลาเดียวกันที่เสือดำกระโจนมา.
ใบหน้าของลั่วหยานเปลี่ยนไปและตะโกน“ลั่วซิวเจ้ามองอะไร!”
ลั่วซิวเงยหน้ามองก็เห็นเสือดำกัดไปที่คอของเขา ความตกใจบนใบหน้าของเขาก็ปรากฏขึ้นณะที่เขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว พลังปราณเริ่มถดถอย ด้วยเหตุนี้ลั่วซิ่วไม่สนใจอะไรและวิ่งหนีออกไป.
“ฮี่ๆ…”
“นี่เป็นโอกาสของข้า!”
ภายในความมืดริมฝีปากองลั่วเทียนโค้งขึ้นและเขาก็เปิดเผยให้เห็นถึงเสียงหัวเราะที่เย็นชา เมื่อเขาเห็นลั่วซิวอยู่ห่างจากเขาไปเพียงไม่กี่ก้าว ลั่วเทียนก็คำรามขึ้น“หมัดพยัคฆ์สายฟ้า!”
กำปั้นทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยพลังขณะที่มันพุ่งออกไปคล้ายคลึงกับกระสุนดินปืน.
ใบหน้าของลั่วซิวซีดและเขาไม่มีเวลาตอบโต้.
“ปังๆ!”
หมัดคู่ได้กระแทกไปยังหน้าอกลั่วซิวและร่างกายของเขาก็ลอยออกไปหลายเมตรก่อนที่จะกระแทกกับต้นไม้และหยุดลง ดวงตาของลั่วซิวเบิกกว้างและเลือดออกจากปากของเขา ร่างกายของเขาไถลลงและไม่มีร่องรอยของการมีชีวิต.
เขาตาย!
ในเวลานั้นก็มีเสียงเตือนที่น่าฟังดังขึ้นในใจของลั่วเทียน…