เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 5 – ทุบตีหม่าทง
ช่วงเวลาผ่านไปถึงตอนเย็นอย่างรวดเร็ว.
ลั่วเทียนแบกก้อนหญ้าไว้ที่หลังและไปที่คอกม้าและก่อนที่เขาจะไปถึงเขาก็ได้ยินเสียงคนถูกลงโทษ.
“ฟางเล่ยไอ้หมาชั่ว ถ้าเจ้าออกไปอีกครั้ง คอยดูว่าข้าจะตีเจ้าให้ตายได้อย่างไร.”
“นายน้อยยังดีอยู่ไหม?”
“กับเศษขยะเจ้าต้องการมีปัญหากับนายน้อยลั่วหยู่? ทำไมเจ้าไม่ไปฉี่และมองดูเงาตัวเองในนั้นเล่า?”
“นายน้อยไม่เป็นไรจริงๆใช่ไหม?”
“พลัก ผัวะ~…”
ในระหว่างการสนทนาก็มีเสียงตบให้ได้ยิน.
เด็กหนุ่มที่มีรูปร่างเหมือนวัวและมีความสูงเกือบสองเมตรเกาะหม่าทงอยู่ ไม่ว่าเขาจะถูกชกเท่าไรเด็กหนุ่มคนนั้นก็ไม่ปล่อยพลางยิ้มโง่ๆออกมาราวกับว่าเขาเป็นโรคจิต.
คนรับใช้คนเดียวของลั่วเทียน.
แทนที่จะเรียกเขาว่าเป็นคนรับใช้ ควรจะเรียกเขาว่าพี่ชาย.
ทั้งสองโตมาด้วยกัน พวกเขาไม่ได้มีสกุลเดียวกัน แต่ก็ใกล้เคียงกับพี่น้องแท้ๆ.
หลังจากที่ลั่วเทียนถูกทำลาย ฟางเล่ยก็ไม่ได้ทิ้งเขาเพื่อเป็นสาวกทางการของตระกูลลั่ว แต่เขาเลือกที่จะรับใช้ลั่วเทียนต่อ.
เพราะความสัมพันธ์กับลั่วเทียน ทำให้ฟางเล่ยถูกทุบตีทุกวัน.
ส่วนใหญ่แล้วเขาจะยอมถูกทำร้ายแทนลั่วเทียน แผลนับไม่ถ้วนที่อยู่บนร่างกายเขาแทบทุกตารางนิ้ว แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของเขา.
เขาทำตัวแบบนี้ตลอด ยิ้มโง่ๆออกมา.
เมื่อพูดถึงเบื้องหลังของฟางเล่ย ไม่มีใครในตระกูลลั่วรู้เรื่องนี้ เขาถูกนำกลับมาโดยพ่อของลั่วเทียนจากเทือกเขาวิญญาณ ในเวลานั้นเขามีอายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น แววตาของเขาดูคล้ายสัตว์ร้ายและเขาก็แสดงท่าทางแปลกๆกับทุกคนในตระกูลลั่วที่อยู่ใกล้ๆเขา แต่ลั่วเซินได้ใช้ฐานะของผู้นำตระกลูยืนกรานให้เขาอยู่.
ลั่วเซินได้ให้ชื่อเขา อย่างช้าๆเขาก็อ่านและพูด เขาได้รับการปฏิบัติเหมือนกับลูกจริงๆ.
1ปีต่อมาลั่วเทียนก็เกิดและฟางเล่ยก็มองไปที่น้องชายด้วยความสนิทสนม ตั้งแต่วันนั้นฟางเล่ยก็ให้คำสาบานว่าเขาจะดูแลลั่วเทียนให้ดี.
แต่…
ต่อมาไม่นานความสามารถของลั่วเทียนก็ถูกเปิดเผยและเขาก็มีการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้ามฟางเล่ยยังมีการบ่มเพาะที่ห่วงแตกแม้ว่าจะใช้เวลาไปกับมันมาก มันกลายเป็นว่าลั่วเทียนปกป้องเขา.
จนกระทั่งการบ่มเพาะของลั่วเทียนพิการ.
ชีวิตของพวกเขาทั้งสองก็พลันตกอยู่ในนรกทันที.
ทุกครั้งที่เขาเห็นลั่วเทียนถูกทุบตี ฟางเล่ยก็ไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีการบ่มเพาะเท่าไร เขาจะเร่งตัวมาบังให้กับลั่วเทียน.
ในความทรงจำของลั่วเทียนส่วนใหม่เกี่ยวข้องกับฟางเล่ย.
ลั่วเทียนได้เคลื่อนไหวหลังจากที่เขาได้เห็นทุกอย่างในความทรงจำ.
เขายังอิจฉาความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสอง.
ดังนั้นลั่วเทียนที่พรวดพราดเข้ามาในคอกม้าและเห็นว่าฟางเล่ยกำลังถูกหม่าทงทุบตี เขารีบวิ่งและไปตะโกนใส่หม่าทง: “เจ้ากล้าที่จะทุบตีเขาอีกแล้ว!”
“นายน้อย!”
“นายน้อย ไม่เป็นไรใช่ไหม.”ฟางเล่ยยิ้มกว้างเหมือนคนโง่
ในเวลานี้ฟางเล่ยเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและร่างกายของเขาก็เปื้อนดิน ท่าทางเพียงอย่างเดียวที่สามารถบอกคนอื่นๆได้คือเขาถูกทุบตี.
เมื่อเขาพบว่าลั่วหยู่ได้ทุบตีลั่วเทียน ฟางเล่ยก็รีบวิ่งเข้าไปหาลั่วหยู่เพื่อแก้แค้น.
ในตอนบ่ายฟางเล่ยพบลั่วหยู่ที่ลานฝึก เขาไม่อาจเข้าใกล้ลั่วหยู่ได้เพราะคนรอบๆของเขาได้ขวางไว้ และเขาก็ถูกล้อมและคนกว่าครึ่งก็เตะเขาจนปางตาย.
ฟางเล่ยพยายามอย่างบ้าคลั่งที่จะเข้าใกล้ลั่วหยู่.
แต่ไม่เพียงแค่จำนวนที่อยู่รอบๆแม้กระทั่งการบ่มเพาะของเขาก็อ่อนแอเกินกว่าที่เขาจะเอาชนะได้ เมื่อต้องรับมือกับสาวกตระกูลลั่ว.
เขาไม่แม้แต่จะได้แก้แค้นและพ่ายแพ้อย่างรุนแรง.
เขาเริ่มตื่นตระหนกอีกครั้งเมื่อเขามาที่คอกม้าและไม่อาจหาลั่วเทียนได้และเขาเกือบจะเตะ ต่อย นัวเนียกับหม่าทง เมื่อได้ยินเสียงหม่าทงว่าลั่วเทียนออกไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อไปตัดหญ้า เขาก็มีรอยยิ้มโง่ๆและปล่อยให้หม่าทงสถบด่าออกมา.
หม่าทงหรี่ตามองลั่วเทียนอย่างเย็นชาก่อนที่จะสถบออกมา: “เฮ้ยๆ เจ้ากินหันใจหมีหรือดีเสือ?เศษขยะอย่างเจ้ากล้าพูดจาแบบนี้กับข้า?”
หลังจากที่พูดอย่างนั้น…
ตบไปที่หน้าอีกครั้งของฟางเล่ย หม่าทงจ้องมองลั่วเทียนและส่งเสียงกร้างออกมา: “ข้าก็คิดว่าเจ้าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้?”
“เจ้าไร้ประโยชน์กล้าที่จะท้าทายข้า? บิดาคนนี้จะดูว่าเจ้าเบื่อที่จะใช้ชีวิตแล้วหรือยัง!”
หลังจากที่พูด…
หม่าทงก็ตบและด่าออกมา: “ข้าได้ทำเขาอีกแล้วเจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้? ไอ้ขยะสองชิ้นที่ก่อให้เกิดความลำคาญไปทั่วกล้าที่จะมีเรื่องกับข้า หนึ่งได้กระตุ้นนายน้อยลั่วหยู่ ขณะที่อีกคนได้ไปแย้งเนื้อนายน้อยลั่วหลิน พวกเจ้าไม่คิดว่าทั้งสองเป็นเศษขยะ เป็นขยะที่สมบูรณ์แบบ! เจ้าทั้งสองเป็นขยะกองใหญ่ที่สุดของตระกูลลั่ว!”
“ผัวะ~!”
ตบอีกครั้ง.
“ผลัก~!”
และตยอีกครั้ง.
ฟางเล่ยอยู่ขั้นปราณพื้นฐานระดับ 1 กับหม่าทงที่อยู่ปราณพื้นฐานระดับ 3 ทำให้ไม่อาจต่อต้านได้.
ฟางเล่ยไม่หลบเพราะกลัวว่าหม่าทงจะละไม่ทุบตีเขาและไปทุกตีลั่วเทียนแทน ดังนั้นเขาทำได้เพียงยืนยิ้มโง่ๆและปล่อยให้หม่าทงทุบตีเขาได้ตามต้องการ.
หลังจากที่ตบไปหลายทีแล้วแก้มของฟางเล่ยก็บวมเป่งและเริ่มมีเลือดไหลออกตามมุมปาก.
ความโกรธกำลังอื้ออึงในหัวใจของลั่วเทียน ขณะที่เขาจ้องหม่าทงขณะที่เขาขู่กว่าต้องกินเพื่อให้มีชีวิตอยู่.
เตะอีกครั้งไปที่ร่างกายของฟางเล่ยและหน้าของหม่าทงก็ยังคงเย็นชาและเหลือบไปมองลั่วเทียนและชี้พร้อมกับสาปแช่ง: “เจ้าหมาเลว เจ้ากล้าที่จะมองหน้าข้าอย่างงั้นหรอ? เจ้าคิดว่าบิดาได้ทำให้เจ้าครั่นเนื้อครั่นตัว.”
หลังจากที่พูด…
หม่าทงได้ดึงแส้ออกจากเอวและยกมือขวาค้างไว้พร้อมกับตวัดไปทางลั่วเทียน.
ลั่วเทียนกำหมัดแน่นและเขาก็ไม่หลบ.
ปลายแส้ฟากไปที่หน้าอกพร้อมกับฝากรอยแผลและเริ่มไหม้ ความเจ็บปวดนั้นเหลือทนแต่ลั่วเทียนยังคงยิ้ม “ผู้ดูแลหม่า ข้าได้ตัดหญ้าเสร็จ 10 ก้อนแล้ว.”
“หึม?”
หลังจากนั้นสักครู่ หม่าทงไม่แน่ใจว่าจะตอบว่าอะไรได้แต่พยักหน้า.
“ติ้ง!”
“ขอแสดงความยินดีด้วยกับผู้เล่นลั่วเทียนสำหรับการทำเควสเสร็จสิ้น’ตัดหญ้าให้ม้า10ก้อน.’ คุณจะได้รับค่าประสบการณ์ 50 แต้มจากเควส.”
แถบEXPของลั่วเทียนก็เพิ่มไป 50 แต้มทันที.
หลังจากนั้นระบบก็ได้แจ้งเตือนอีกครั้ง.
“ติ้ง!”
“ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นลั่วเทียน ในการเพิ่มระดับ ตอนนี้คุณอยู่ขั้นปราณพื้นฐานระดับ 3แล้ว!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือน สีหน้าของลั่วเทียนก็เปลี่ยนไปและเขาก็กระโดดปล่อยหมัดพร้อมกับสาปแช่ง: “บรรพบุรุษเจ้า!”
ทุกความโกรธได้ระเบิดออกมาจากลั่วเทียน.
หมัดของเขากระแทกออกไป!
พลังของปราณพื้นฐานระดับ 3 ได้ทะลักออกมา.
เพลิงแห่งความแค้นในหัวใจได้ถูกปล่อยออกมาทันที.
ความทรงจำที่ถูกดูหมิ่นและเยาะเย้ยและถูกทุบตีได้ไหลออกมา…
ความอัปยศที่ได้รับหลังเขาจากลั่วหลิน…
ความเจ็บปวดที่ไม่อาจควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้…ความเจ็บปวกของการถูกเหยียบย่ำ…
ทั้งหมดนี้ระเบิดออกมาในหมัดเดียว!
เหมือนกับคลื่นคลั่ง!
ลั่วเทียนคล้ายกับปีศาจที่มีดวงตาสีแดงเลือด.
หม่าทงไม่มีเวลาที่จะป้องกันตั้งแต่ที่เขาไม่คิดว่าลั่วเทียนจะโต้ตอบ แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าลั่วเทียนจะอยู่ในขั้นปราณพื้นฐานระดับ 3.
หมัดนี้ได้ส่งเขาบินออกไปหลายเมตร.
แต่…
ขณะที่เขากำลังพูด เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาลั่วเทียน.
ลั่วเทียนยกยิ้มและพูดอย่างเย็นชา: “มาดูกันว่าใครแส่หาความตาย.”
ก่อนที่เขาจะอยู่ขั้นปราณพื้นฐานระดับ 3 เขาไม่กล้าที่จะเดินหน้า หลังจากที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเนื่องจากเขาอัพเลเวล ถ้าเกิดความล้มเหลวจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ผลที่ตามมาก็คาดไม่ถึง.
หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้วมันก็เพียงพอที่จะเขาจะเลเวลอัพ.
ปราณพื้นฐานระดับ 3 สู้กับ ปราณพื้ยฐานระดับ 3 ที่หนักหน่วงกว่า แม้ลั่วเทียนจะกลัวแต่เขาก็ต้องสู้.
คนที่อยู่ในเส้นทางบ่อมเพาะแล้วไม่มีอะไรต้องกลัว!
เขาไม่สบายใจถ้ามีความแตกต่างมากเกินไป แต่ทำไมเขาถึงไม่สู้กับคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน?
เฝ้ามองพี่ชายถูกทำร้ายและไม่แม้แต่จะยกมือป้องกัน นี่คือมนุษย์งั้นหรือ?
ลั่วเทียนยกหมัดทั้งสองข้างพุ่งไปข้างหน้าและตะโกนในใจ: “หมัดพยัคฆ์สายฟ้า!”
ในเวลาเดียวกัน…
หม่าทงก็ต่อยหมัดที่แรงที่สุดออกมา.
แต่ทักษะที่อยู่เบื้องหลังของเขามันแค่ระดับธรรมดาและไม่มีทักษะการต่อสู้ใดๆอยู่ในนั้น.
เขาไม่เคยเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ใดๆและในตระกูลลั่วเขาก็ไม่อาจฝึกทักษะการต่อสู้ได้.
หมัดทั้งสองข้างได้ประสานกันจนเกิดเสียง “แกร๊ก” ของกระดูกที่หักลง!
พ่ายแพ้ในหนึ่งหมัด!
นี่คือข้อได้เปรียบของการต่อสู้.
เมื่อคนเหล่านี้อยู่ในระดับเดียวกันกับการต่อสู้มีเพียงฝ่ายเดียวที่จะต้องพ่ายแพ้เมื่อฝ่ายตรงข้ามมีทักษะการต่อสู้ที่เหนือกว่า.
ใบหน้าของหม่าทงซีดอย่างรวดเร็วและมองไปที่ลั่วเทียนด้วยความตกใจ ความกลัวเพิ่มขึ้นในหัวใจของเขา ขณะที่เขาเดินโซเซไปข้างหลัง จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยความเจ็บปวด “เจ้า… เจ้า… ไม่ใช่ว่าเจ้ามีตันเถียนที่พิการ? ทำไมเจ้าถึงได้มีพลัง? เจ้า… เจ้า… ทำอย่างไรให้ข้าเจ็บปวดเยี่ยงนี้?”
“เข้ามา!”
พูดหลังจากที่เขาตบหน้าหม่าทง
“เข้ามาอีก.”
ตบอีกครั้ง.
“เจ้ากล้าที่จะเข้ามาอีกครั้ง เจ้าไม่ดุร้ายแล้ว? เจ้าไม่หยิ่งอีกแล้ว?วันนี้ทำไมเจ้าไม่ทำท่าทางหยิ่งยโสอีก?!”ลั่วเทียนคำรามออกมา.
การตบออกมาเป็นชุดทำให้หม่าทงรู้สึกสับสน ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ เขาไม่กล้าแม้กระทั่งมองไปที่ลั่วเทียน.
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกลัวขณะที่เขาเริ่มที่จะอ้อนวอนขอความเมตตา.
ด้วยการเตะของลั่วเทียน หม่าทงก็กระเด็นเข้าคอกม้า.
หม่าทงก็เป็นลม.
เมื่อเห็นหม่าทงเป็นอย่างนั้นเขาก็สถบกับตัวเอง: “เชี่ยเอ้ย ถ้าข้าไม่คิดว่าเจ้าจะให้เควสในอนาคต ไม่อย่างนั้นข้าจะเล่นเจ้าให้ตาย!”
เพื่อที่จะเพิ่มเลเวล เขาต้องพึ่งพาเควสรายวันเล็กๆและเขาก็ไม่ควรพลาด.
หรือไม่งั้น ลั่วเทียนจะระเบิดเขาให้ตายแน่นอน!
ฟางเล่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยอาการตกใจ เขาจ้องมองไปที่ลั่วเทียนเหมือนกับเป็นคนงี่เง่า มันนานพอควรก่อนที่เขาจะตะโกนว่า: “นายน้อยแข็งแกร่งนัก!”