เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 44 – คลั่งแค้น
ที่ประตูทางทิศใต้ของเมืองภูเขาหยก ที่จันทราที่สว่างไสว แต่ก็แทบไม่มีหมู่ดาวให้มองเห็น.
ลั่วเทียนและอีกสองคนกำลังเดินช้าๆไปยังที่นั่น
“นายท่าน ท่านควรจะพาข้าไปด้วย” ฟางเล่ยพูดด้วยความกังวลใจ
ซูเอ๋อเปิดหากน้อยๆของเธอ “พี่ใหญ่ลั่วเทียน ท่านควรจะพาข้าไปด้วย ข้าจะไม่ทำตัวเป็นภาระ.”
ลั่วเทียนต้องการเข้าไปในเทือกเขาวิญญาณเพียงลำพัง เมื่อเขาเข้าไปในนั้นเขาจะกลายเป็นปีศาจที่บ้าคลั่งเพื่อเพิ่มเลเวล.
เพราะเรื่องนี้เขาจึงต้องการไปคนเดียว.
ด้วยวิธีนี้เขาจะไม่มีข้อจำกัดและสามารถทำทุกอย่างได้เท่าที่ต้องการ.
เขามีเวลา 8 วัน เขาจะต้องตัดผ่านไปยังปราณเชี่ยวชาญ ใน 8 วัน หรือถ้าสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 4 ตอนนี้ก็มีแต่ความตายที่เขาจะต้องเดิน
เขาไม่ยอมให้ลั่วจินซานประสบความสำเร็จ
เขาต้องการเห็นใบหน้าของลั่วจินซานที่ไม่สามารถเอาหินหยวนออกมาได้และดูว่าเขาจะรักษาสถานะ ผู้นำ ของเขาได้อย่างไร.
เขายังต้องการให้คนในเมืองภูเขาหยกหุบปากของพวกเขา!
เขาอยากจะพิสูจน์ว่าใครก็ตามที่เข้ามายุ่งกับบิดาคนนี้จะให้พวกมันสำนึกเสียที่สุดในชีวิตของพวกมัน!
ทุกอย่างต้องใช้ความแข็งแกร่ง!
ตั้งแต่ที่ลั่วเทียนจำได้มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง – ฆ่ามอนฯอัพเวล.
เทือกเขาวิญญาณเป็นที่อันตรายอย่างมากและมีสัตว์ปีศาจมากมาย แม้กระทั่งคนที่อยู่ในระดับปราณจิตก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปในกลางหุบเขา แต่สถานที่แห่งนี้ของเมือง ลั่วเทียนเปรียบได้กับอยู่ในสวรรค์!
สวรรค์ของการเพิ่มเลเวล!
ลั่วเทียนยิ้มน้อยๆแล้วพูด “ข้าต้องเข้าเทือกเขาวิญญาณเพื่อที่จะได้ตัดไปยังระดับปราณจิต ดังนั้นการเข้ามาคนเดียวมันก็เหงาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้า อย่าลืมว่าหุ่นเหล็กไปกับข้า 4 ตัว!”
เขารู้ว่าซูเอ๋อร์และฟางเล่ยกังวลเกี่ยวกับเขา
ซูเอ๋อร์กัดริมฝีปากลงเธอดูเหมือนจะพูดอะไรเล็กน้อยแต่การแสดงท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไป เธอรู้สึกถึงความอันตายไม่ว่าจะมองไปทางไหน.
ลั่วเทียนก็เหมือนกันจิตใจของเขาก็มืดมนเป็นอย่างมาก.
“เจ้าได้วางแผนไว้เพื่อจะหนีงั้นรึ?”
หลากหลายร่างกายปรากฎขึ้นในเงามืด หัวหน้าคือลั่วจินซานและด้านหลังของเขาก็ยังมีอีกสองคน – ลั่วเซียวซานและลั่วชางซาน.
ด้วยแสงสีทองเหล่านั้นดวงตาของลั่วเทียนเผยให้เห็นถึงความโลภและหัวใจของเขาก็เริ่มคัน.
ทุกครั้งที่ได้พบลั่วจินซานลั่วเทียนก็คิดอยากแฮ็กระบบและทุกครั้งที่เขาต้องระงับความคิดของเขาทำให้เขากลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้.
การจัดการลาสบอสมันอันตรายเกินไป.
ลั่วเซียวซานยิ้มกว้างและพูดด้วยความรังเกียจ “เจ้าไม่ได้พยายามหนีเพราะความกลัว?”
ลั่วชางซานมีท่าทีขี้เล่นก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชา “หนีเพราะความกลัวเป็นสิ่งที่ดีที่เราจะกำจัดเขาให้หมด มันจะช่วยให้เราประหยัดเวลาที่จะต้องเสียไปถึง 8 วัน.”
“5555…”
“ถูกต้อง เขาจะตายด้วยกรงเล็บของสัตว์ปีศาจระดับ 4 ใน 8 วันน่ะสิ.” ลั่วเซียวซานหัวเราะเหมือนคนบ้า.
“เจ้าจิ้งจอกเฒ่า เจ้าจะพูดอะไร?” ฟางเล่ยแสดงอาการโกรธอย่างไม่กลัวตาย ตาของเขาจ้องมองไปที่ลั่วเซียวซานราวกับว่าเขาเป็นคิงคอง
“แสดงความเครารพต่อผู้สูงอายุ เจ้าจะไม่ตาย!”
สายตาของลั่วเซียวซานเริ่มเย็นชาก่อนที่ร่างกายของเขาจะกระพริบและไปตบใบหน้าของฟางเล่ย.
ด้วยการที่ปล่อยหลังปราณออกมาลมก็ตีขึ้น แค่การตบธรรมดาก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังปราณที่หนาแน่น แม้ว่าเขาจะไม่ตายเพราะการตบแต่ชีวิตก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย.
ความต้องการฆ่าปรากฎออกมา ตามที่คาดพวกที่เก่งกว่าจะมีชื่อสีแดงและโจมตีอัตโนมัติเมื่อคุณเข้าใกล้!
ไม่มีทางที่ฟางเล่ยจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็วพอกับปราณเชี่ยวชาญขั้น 3.
ตาของลั่วเทียนลึกลงขณะที่ปลอดปล่อยพลังเบอร์เซิร์กอย่างไม่ลังเลใจ ร่างกายของเขากลายเป็นภาพลวงตาปรากฎอยู่ตรงหน้าฟางเล่ยและโจมตีไปยังฝ่ามือนั่น
“ปัง!”
ทั่งสองฝ่ามือเต็มไปด้วยแรงเฉื่อยก่อนที่จะปะทะกัน มือของลั่วเทียนชาด้านและใจของเขาเริ่มบังคับท่าทางเพื่อรักษาความสมดุล หัวใจของเขาจมลงและเขาเริ่มที่จะพูดกับตัวเอง “ความแข็งแกร่งของปราณเชี่ยวชาญขั้น 3 มีพลังอย่างยิ่ง…ปราณพื้นฐานขั้น 9 อย่างข้าและมีพลังเบอร์เซิร์กไม่ใช่คู่ต่อสู้.”
ร่างกายของลั่วเซี่ยวซานสั่นและถอยหลังออกไป3ก้าวก่อนที่จะหยุด เขามีท่าทางที่น่าเกลียดอยู่ที่หน้าและใจของเขาก็ตกใจในหัวใจ. “มีวิธีไหนในโลกนี้จะเพิ่มพลังการบ่มเพาะให้แข็งแกร่งได้ในไม่กี่วัน?”
หน้าลั่วจินซานและลั่วชางซานกลายเป็นมืดลง.
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลั่วเทียนตั้งแต่การแข่งขันล่าสัตว์ พวกเขาไม่คิดว่าปราณเชี่ยวชาญขั้น 3 ของลั่วจินซานจะไม่สามารถทำให้ลั่วเทียนมีปัญหา ถ้าเขาให้เวลามากขึ้นอีก?
ในหัวใจภัยคุกคามของลั่วเทียนกลายเป็นระดับสูงสุด.
ในเวลาเดียวกันความคิดที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งสามก็เกิดในใจของเขา – เด็กนี่ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้!
“อาวุโสลั่ว ท่านไม่สามารถทำรายคนของข้าได้” ลั่วเทียนตอบอย่างขณะโน้มตัวไปด้านหน้า.
ตาของลั่วเซียวซานมีความเย็นเยียบอย่างมากและกำลังเคลื่อนไหวอีกครั้งแต่ลั่วจินซานหยุดเขา.
“ลั่วเทียนเจ้าวางแผนจะไปที่ไหน?”
“อย่าลืมว่าในเวลา8วันนี้เจ้าจะต้องต้องสู้กับสัตว์ปีศาจเลเวล 4 ในสนามต่อสู้ นอกจากนอนตอนกลางคืนแล้วเจ้าไม่ได้วางแผนที่จะหนีไปใช่ไหม?” ลั่วจินซานพูดเบาๆ.
“ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าข้าจะทำอะไร? ตัวแทนผู้นำของข้า.” คำพูดของลั่วเทียนแปลว่าเขาจะไม่หนี.
ด้วยคำพูด “ตัวแทนผู้นำ” เป็นเหมือนหนามที่แทงเข้าไปในใจของลั่วจินซาน การแสดงของเขามืดลงและกำหมัดแน่นในแขนเสื้อของเขา ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะเขาพยายามที่จะหาว่าแกนปีศาจของกระทิงอยู่ที่ไหนเขาจะระเบิดอารมณ์ใส่ไปแล้ว.
ลั่วจินซานหัวเราะออกมาอีกครั้งและพูด “เจ้าตกลงที่จะสู้แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ไหน? อย่างนั้นแล้วข้าจะบอกกับคนอื่นในตระกูลลั่วได้อย่างไร?”
“พูดว่า ข้าจะไปไหน? เจ้าควรจะทิ้งแผนวิ่งหนีออกไปได้แล้ว แม้ว่าตระกูลลั่วของเราไม่ได้เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองภูเขาหยก แต่ไม่สามารถแม้แต่จะห้ามไม่ให้ขยะปราณพื้นฐานหลบหนีไปได้.”
สายตาลั่วเทียนเปลี่ยนไป.
มัคำของเขาถูกต้องอย่างแน่นอน.
ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่พื้นฐานขั้น 9 ซึ่งไม่สามารถจะรู้ปราณเชี่ยวชาณได้.
การเคลื่อนไหวของเขาใน2-3วันมานี้ถูกล่วงรู้ไปถึงหูของลั่วจินซาน หัวใจของเขาสั่นเพราะความประมาทของตัวเอง
ตั้งแต่ตอนนี้ลั่วเทียนไม่ได้ใส่ใจที่จะซ่อนอะไร จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ข้าวางแผนที่จะเข้าไปฝึกในเทือกเขาวิญญาณ นี่ไม่ได้ผิดกฎใช่มั๊ย?”
“555…”
“ฝึกในเทือกเขาวิญญาณ? ขยะอย่างเจ้าจะเข้าไปในเทือกเขาวิญญาณ? เจ้าไม่คิดว่าข้าจะหัวเราะทางตูดหน่อยหรอเมื่อทุกคนได้ยินเกี่ยวกับมัน? ดูเหมือนว่าเจ้าจะวางแผนที่จะหนีไป…” ลั่วเซี่ยวซานพูดด้วยความรังเกียจ.
ตาของลั่วเทียนเย็นลงขณะที่ลั่วเซียวซานทำให้เขาโกรธ
ใบหน้าของลั่วจินซานกำลังสงบและกล่าวว่า“มันไม่เกี่ยวว่ามันผิดกฎหรือไม่ แต่เจ้ารับประกันได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้วางแผนที่จะหนี?”
“แม่ง!”
“นายท่านของข้าจะเข้าไปในเทือกเขาวิญญาณเพื่อฝึกฝน มันก็หมายความว่าเขาจะฝึกฝน.”ฟางเล่ยตระโกนด้วยความโกรธ.
ลั่วจินซานจ้องมองฟางเล่ยด้วยความชิงชัง “งั้นเขาบอกกับเจ้าว่าฝึกก็คือจะฝึกงั้นหรอ…ถ้าเขาหนี? เจ้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าไม่หนี?”
“ข้ารับประกันได้!” ฟางเล่ยรีบเดินออกมา
ลั่วจินซานหัวเราะอย่างเย็นชา “ขี้ข้าตระกูลลั่วมีคุณสมบัติใดมารับประกันได้บ้าง?”
ลั่วเทียนขัดจังหวะ “ถ้าเจ้ามีบางอย่างที่อยากจะพูดก็พูด อย่าทำให้ข้าเสียเวลา”
เวลามีค่ามากกับลั่วเทียนเขาไม่ต้องการที่จะเสียมันไป ไม่ต้องพูดถึงลาสบอสที่อยู่ข้างหน้าที่กำลังดึงดูดเขา เขากลัวว่าเขาจะอดทนไม่ไหวอีกต่อไปและรัวกำปั้นใส่เขาและผลก็คือ…
ลั่วจินซานเหลือบไปที่หลี่ซูเอ๋อร์ก่อนจะพูดว่า “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะออกไปฝึกฝนหรือไม่ ถ้าเจ้าพยายามที่จะหนีข้าก็ไม่สามารถอธิบายกับคนตระกูลลั่วได้ นั่นเป็นเหตุให้เขาและเธอต้องอยู่.”
ขณะที่เขาพูดเขาชี้ไปที่ฟางเล่ยและหลี่ซูเอ๋อร์. “ข้าต้องการพวกเจ้าทั้งสองเป็นตัวประกัน ถ้าเจ้าไม่กลับมา ฮี่ๆๆ…จะมีสาวสวยถูกขายให้กับสวนวสันต์รื่นเริง พวกเราจะได้รับเงินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่ายิ่งเมื่อเธอเป็นนักสู้จะมีลูกค้าเป็นจำนวนมากที่ต้องการเอาชนะเธอ สำหรับเจ้าอ้วนปากเสียนี่ข้าจะเอามันไปขายเป็นทาสที่เหมืองก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่.”
เสียงของเขาจางหายไป…
ชนชั้นสูงตระกูลลั่วที่อยู่ตรงหน้ากับปราณพื้นฐานขั้น9ที่วิ่งเข้าใส่.
ในเวลาไม่ถึงครึ่งลมหายใจพวกเขาก็ได้ล้มหลี่ซูเอ๋อร์และฟางเล่ยแล้ว!
ความโกรธของลั่วเทียนกระโจนออกมาเบื้องหน้า…