เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 38 – ขี้แพ้ลั่วหยู
“โอ้ โอ้ นี่เป็นใครสักคนที่เรารู้จัก!” ลั่วเทียนยิ้มเย็น.
ลั่วหยูตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นลั่วเทียนแล้วกล่าวด้วยความรังเกียจ “เคษขยะอย่างเจ้ายังไม่ตายอีก?”
“เจ้าซ่อนตัวอยู่ในถ้ำเหมือนกับสุนัขสามวันสามคืนในเทือกเขาวิญญาณ?”
“ไม่ต้องคิดเลย มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน”
“ขยะก็เป็นขยะตลอดชีวิต เจ้าต้องการเปลี่ยนชะตากรรมของเจ้าด้วยการเข้าร่วมแข่งขันล่าสัตว์? ลั่วเทียนความต้องการของเจ้ามากเกินไป…”
ใบหน้าของลั่วหยูเต็มไปด้วยความรังเกียจขณะที่เขากิดซูเม่ยเล็กน้อย.
เมื่อถูกกอดเพิ่มอีกนิด ภูเขาของซูเม่ยก็ดันออกราวกับมันจะระเบิดเสื้อผ้าของเธอ.
ซูเม่ยมองไปทางลั่วเทียนและเยาะเย้ยอย่างเย็นชา“พี่ใหญ่ลั่วหยู เจ้าขยะนี่ไม่สามารถเทียบกับท่านได้? เขาสามารถเข้าร่วมการแข่งล่าสัตว์ได้เป็นร้อยๆครั้งเขาก็ยังไม่ได้เป็นสาวกหลัก ท่านไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมแต่ท่านก็เป็นมันได้ นี่คือความแตกต่างของชะตากรรม.”
“ถูกต้องมันเป็นความงานเล็กๆน้อยๆที่เจ้าพูด มันเป็นชะตากรรม เจ้าเคยเป็นคู่หมั้นของเขา แต่ตอนนี้เป็นผู้หญิงของข้า ทั้งหมดนี่ถูกกำหนดโดยชะตากรรม 5555…” ขณะที่ลั่วหยูพูดเขาก็เชยคางซูเม่ยและจูบอย่างดูดดื่ม เธอมีท่าทางมีความสุขมากๆบนหน้าตาของเธอก่อนที่เธอจะเหลือบมองลั่วเทียนด้วยหางตาอย่างเย็นชา.
“ฟางเล่ย เจ้ามีความรู้สึกกระสันหรือไม่?” ลั่วเทียนถามเสียงอู้อี้เบาๆ.
ฟางเล่ยทำหน้าตาโง่ๆและตอบว่า “บอส เจ้าตัวน้อยของข้ามันตั้งขึ้น.”
ใบหน้าของลั่วเทียนเปลี่ยนไปขณะที่เขาเหลือบมองส่วนล่างของฟางเล่ย “โอ้เวร! เจ้าชอบอย่างนี้?”
ลั่วเทียนรู้สึกว่าเขามีปัญหากับเรื่องนี้…
ฟางเล่ยไม่รู้จะตอบอย่างไรได้แต่งี่เง่าออกมาเท่านั้น.
ฟางเล่ยก็เหมือนกับเด็กโง่ที่หัวล้านเลี่ยนสีแดงทำให้เขาไม่รู้จักสิ่งที่เขากลัว.
ซูเม่ยได้ยินการพูดคุยของเขาและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอรู้สึกว่าลั่วเทียนจะยกเธอให้กับพี่ชายขยะของเขาฟางเล่ย นั่นทำให้เขาโกรธ “พี่ใหญ่ลั่วหยู เขา..เขา..เขากล้าที่จะดูถูก.”
มีเสียงโหวกเวกโวยวายเพราะกลิ่นที่ปกคลุมพวกเขา มันเป็นอะไรที่ลั่วหยูไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แม้ว่าเขาจะพยายาม.
“ผลัก!”
ลั่วหยูก็ลุกขึ้นตบไปที่โต๊ะก่อนที่จะจ้องมองฟางเล่ย “แกไอ้สุนัขบัดซบ บิดาคนนี้คิดว่าเจ้าเบื่อชีวิตแล้ว!”
ในเวลาเดียวกันลั่วเทียนก็ตระหนักถึงความนัยของลั่วเทียนและอธิบายว่า “นี่เจ้านายข้าพยายามจะบอกว่าข้าต้องไปเอาอึ มันต้องออกมาจากตูดของข้าเท่านั้นที่จะโยนไปให้คนอื่น ผู้หญิงประเภทนี้ไม่ใช่มาตรฐานของข้า.”
ฟางเล่ยได้ยินเสียงคำรามของลั่วหยูแต่เขาไม่สนใจ.
“5555…”
“ฟางเล่ยทำไมข้าถึงไม่รู้ว่าเจ้าพูดจาได้ฉะฉานอย่างนี้?” ลั่วเทียนเกือบจะพ่นน้ำลายออกจากเสียงหัวเราะของเขา เขาไม่เคยได้ยินว่ามันเป็นความอับอายถ้าจะได้กับผู้หญิงคนนึง เจ้าอ้วนมีความสามารถอย่างมาก.
ซูเอ๋อร์ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปเธอเริ่มมีเสียงหัวเราะออกจากปากของเธอ.
จากนั้นลั่วเทียนก็พูด “อย่างที่เจ้าพูด ผู้หญิงประเภทรถทัวร์นี้ถือเป็นของสาธารณะดังนั้นเจ้าต้องการที่จะอึ๊บเธอมันจึงเป็นเรื่องปกติมากๆ.”
ฟางเล่ยเกาหัวแล้วถาม “เจ้านาย ผู้หญิงประเภทรถทัวร์คืออะไร?”
ลั่วหยูมองไปที่ลั่วเทียนเพื่อรอคำตอบ.
ซูเม่ยยังมองไปที่ลั่วเทียนด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่ศูเอ๋อร์ยังรอคำตอบ.
ลั่วเทียนยิ้มน้อยๆไปที่ลั่วหยูก่อนจะตอบ “ผู้หญิงรถทัวร์เหล่านี้ใครๆก็ขึ้นไปขี่ได้และเป็นหญิงราคาถูก.”
“อุ?”
“แล้วมันต่างอะไรกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆว่าไม่ได้เป็นหญ้าบ้านที่ให้ความบันเทิง?” ¹ ฟางเล่ยถามด้วยความรู้สึกที่จริงจัง.
(ที่หอนางโลมมักจะเรียกหญิงสาวที่ให้ความบัญเทิง(เด็กดริ๊ง)ว่าหญ้าหน้าบ้าน ส่วนที่รับงานจริงๆจะเป็นพวกโสเภณี/ไรต์)
(ที่หอนางโลมมักจะเรียกหญิงสาวที่ให้ความบัญเทิง(เด็กดริ๊ง)ว่าหญ้าหน้าบ้าน ส่วนที่รับงานจริงๆจะเป็นพวกโสเภณี/ไรต์)
“บัดซบ!”
“เจ้าไม่สามารถดูถูกน้องหญิงซูเม่ยว่าเป็นหญิงที่ให้ความบัญเทิงได้? ซูเม่ยมีค่ามากกว่าที่จะถูกเปรียบเทียบได้? คืนเดียวของหญิงสาวเหล่านั้นมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยเหรียญ ขณะที่ซูเม่ยแพงกว่านังซูเม่ยอีกถูกไม๊?”ลั่วเทียนพูดเสียงดังจากนั้นเขาก็ยิ้มแย้มไปที่ลั่วหยูและพูดว่า “มีใครสังเกตเห็นประกายสีเขียวอยู่ที่หัวของเขามั่ง?”
หางเล่ยสะดุ้งชั่วคราวขณะที่ถามด้วยความสับสน “บอสเสียงสีเขียวคือ?”
ลั่งเทียนยังคงยิ้ม “มันเป็นแสงสีเขียวที่่มาจากหมวกใบเขียวๆของเขาและดวงตาของข้าเกือบจะบอดเนื่องจากมองมัน.”
“ปัง!”
ลั่วหยูลุกขึ้นยืนพร้อมกับล้มโต๊ะทำให้จานทุกใบตกลงไปที่พื้น. “แก้ไอ้เศษขยะ บิดาจะเล่นแกให้ตาย!”
“ไอ้เดรัจฉาน เข้ามา!”
“บิดาคนนี้รอคอยมานานแล้ว!”ลั่วเทียนตะโกน เขายังคงยืนและส่งสัญญาณให้ลั่วหยูที่กำลังแสดงท่าทาง เขาเอาความมั่นใจเหล่านั้นมาจากไหน?
เมื่อแมลงวัลที่น่ารำคาญบินไปรอบๆวิธีเดียวที่ดีที่สุดคือการฆ่ามันด้วยการตบเพียงครั้งเดียว!
“พี่ใหญ่ลั่วหยู ฆ่า ฆ่า ฆ่าเขา ตราบเท่าที่คุณฆ่าเขาคืนนี้คุณสามารถทำในสิ่งต้องการทำกับฉัน.”ใบหน้าของซูเม่ยซีดน้อยๆ.
ตาของหลี่ซูเอ๋อหดลงขณะที่จ้องมองไปที่ซูเม่ย.
ซูเม่ยรู้สึกเย็นเยียบเมื่อซูเอ๋อร์จ้องมองมาที่นางและอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น.
เมื่อได้ฟังคำพูดของซูเม่ยตาของลั่วหยูก็เปล่งประกาย เขาดึงแขนเสื้อและพูดว่า “น้องสาวซูเม่ย เพียงแค่ดูว่าข้าจะจัดการกับไอ้ขยะนั่นให้ตายได้อย่างไร.”
“ใครก็ได้ เข้าไปจัดการเขา!”
ขณะที่เสียงหายไป ก็มี3 คนวิ่งออกมาด้านหน้า
“เจ้านายคนนี้จะดูแลพวกเจ้าเอง!”
ฟางเล่ยเกาหัวขณะที่เดินไปด้านหน้าลั่วเทียน และมองดูสาวกของตระกูลลั่วที่รีบวิ่งออกไป ฟางเล่ยมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและพูดด้วยเสียงที่น่ากลัว “ช้าเกินไป ข้าไม่สามารถรอได้.”
เขาก้าวไปด้านหน้า.
“ตูม!”
ร้านอมตะเมามายสั่นเล็กน้อย ฟางได้ยกมือขึ้นตบออกไป.
“เพี๊ยะ!”
มีทับทิมอยู่บนใบหน้าของสาวกคนนึงซึ่งเขาได้ลอยไปบนอากาศก่อนที่จะปะทะกับกำแพงและสลบ.
อีกสองคนไม่มีเวลาตอบโต้ขณะที่ฟางเล่ยได้คว้าตัวไว้และโยนออกไปที่หน้าต่าง.
ทั้งสอง“กระเด็น” ไปยังแม้น้ำเบื้องนอก.
ใบหน้าของลั่วหยูเปลี่ยนไปก่อนที่จะเอาดาบออกมา จานั้นเขาก็ตะโกนราวกับฟ้าผ่าไปที่ลั่วเทียน “ไป และตายเพื่อข้า!”
ลั่วเทียนไม่ได้ขยับไปไหนและแสดงท่าทางโง่เง่า.
เมื่อเห็นลั่วเทียนหวาดกลัวจนกลายเป็นโง่ซูเม่ยมีท่าทางที่ขี้เล่นและแสดงท่าทางหยิ่งๆออกมา.
ดาบห่างจากลั่วเทียนไม่ถึงเซนฯและเขาก็กำลังจะตายเร็วๆนี้ ลั่วหยูรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะถ้าเขาฆ่าลั่วเทียนและคืนนี้เขาจะสามารถจับตูดของซูเม่ยได้ นี่เป็นความฝันของเขาหลายปีแล้วและตอนนี้มันใกล้จะเป็นความจริงเจาไม่อาจไม่หัวเราะออกมาดังๆ
“ผึงงงง!”
ลั่วเทียนใช้นิ้วคีบกระบี่ เมื่อเขาคีบได้เขาก็ระเบิดระพลังความกดดันออกจากตัวของเขา
“ปังง!”
ใจของลั่วหยูจมดิ่งลง.
“เพี๊ยะ!”
ลั่วเทียนตบลั่วหยูและตะโกนว่า “ลองพูดว่าขยะอีกครั้งสิ!”
โดยไม่รอให้ลั่วหยูเปิดปากของเขาลั่วเทียนได้ตบลงไปอีกครั้ง “มารดาเจ้า บิดาบอกให้ลองพูดว่าขยะอีกครั้ง!”
“เพี๊ยะ!”
“เพี๊ยะ!”
“เพี๊ยะ…”
หลังจากนั้นสักพักหน้าตาของลั่วหยูก็กลายเป็นหมูและสายตาของเขาก็เหม่อลอย.
ลั่วเทียนที่มีความโกรธอยู่เต็มกระเพาะหลังจากที่อยู่ลานฝึกตระกูลลั่ว ตอนแรกเขาอยากกินอาหารดีๆแต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้พบกับลั่วหยู ถ้าเขาไม่ใช้โอกาศนี้ในการปลดเปลื้องความข้องใจของเขา เขาจะไม่ใช่ชื่อลั่วเทียนอีก.
การตบแต่ละครั้งกระแทกลั่วหยูจมไปที่พื้่น.
เมื่อเจอการกดขี่ที่ไม่มีวันจบลั่วหยูเริ่มที่จะสาปแช่งด้วยความเจ็บปวก “แก ไอ้ขยะ แกกล้าที่จะตีข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าออกไป! ข้าจะไปหาบิดาและให้เขามาจัดการกับแกและทำให้แกนอนหายใจรวยรินใกล้ตาย จากนั้นข้าจะให้ลุกใหญ่เตะเจ้าออกจากตระกูลลั่ว จากนั้น…”
“น้องสาวเจ้า! แกกล้าพูดอะไรง่ายๆออกมาจากปากเจ้างั้นรึ?”
“เจ้ากำลังถามหาความเจ็บปวด!”
ลั่วเทียนเตะเข้าไปที่ท้องของรัวๆอย่างกับพายุลั่วหยูกลัวเกินไปและไม่กล้าพูดอีก
สุดท้าย…
ลั่วเทียนยกลั่วหยูขึ้นไปบนอากาศและยิ้มเย็น “กลับไปบอกบิดาและลุงโง่ๆของเจ้าว่าให้ทำอะไรให้เรียบร้อยก่อนที่ข้าจะระเบิดพวกเขา!”
ขณะที่เสียงของเขาจากหายไปมือของลั่วเทียนก็ปล่อยลง.
ร่างกายของลั่วหยูตกลงขณะที่ลั่วเทียนกระโดนจักรยานอากาศเตะเข้าไปที่ลั่วหยู.
“ปัง!”
ลั่วหยูเหมือนกับลูกบอลที่ถูกยิงเข้าไปในโกลและผ่านหน้าต่างก่อนที่จะ“กระเด็น”สู่แม้น้ำเบื้องนอก
“ยิงได้สวย!”
ลั่วเทียนชมตัวเองพักแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงเตือนจากระบบ จากนั้นเขาก็ยิ้ม “งั้นคนที่ยังไม่ตายวันนี้จะคิดว่าเป็นโชคดีแล้วกัน”
จากนั้นลั่วเทียนก็หันกลับไปมองซูเม่ยที่กำลังตัวสั่นจากการต่อสู้.