เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 37 – บอกไปไม่นุกเอานะ
ลั่วเทียนไม่พอใจเท่าไรนักเมื่อเขาตกหลุมพรางของลั่วจินซาน.
อย่าแรกเลยคือเขาทำเควสไม่เสร็จซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างมากๆๆๆที่สุด.
แต่…
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตแต่ระบบไม่ใช่ ระบบเพียงต้องการรับรู้บางอย่างท่านั้น.
นั่นเป็นเหตุผลที่ลั่วเทียนจงใจตั้งคำถามของเขาด้วยวิธีแบบนี้โดยการให้ลั่วจินซานยิมรับบางอย่าง เมื่อเขายอมรับระบบจะทำให้ภารกิจเสร็จสิ้นโดยอัติโนมัติ.
“ติ้ง!”
“ขอแสดงความยินดี ผู้เล่นลั่วเทัยนได้ทำเควส แรงค์ A สำเร็จ.คุณจะได้ค่าประสบการณ์ 20,000 จากเควส พลังปราณ 1,000 หน่วยและสกิลสนับสนุนการต่อสู้แบบสุ่ม.”
แถบประสบการณ์ของเขาพุ่งทันทีที่ได้มา 20,000 แต้มและปราณอีก 1,000 หน่วย
“ติ้ง!”
“คุณต้องการเริ่มทำการสุ่มหรือไม่?”
ลั่วเทียนตอบอย่างไม่คิด “เริ่มได้!”
รูเล็ตขนาดใหญ่ก็ปรากฎในใจของเขามันเต็มไปด้วยรายชื่อสกิลต่อสู้ที่แตกต่างกันบนกงล้อรูเล็ต มีทั้งการกลั่นยา,การจารึก,การกลั่นอาวุธ,ชุดเกราะและอีกหลายอย่างที่เป็นสกิลสนับสนุนต่อสู้ ลั่วเทียนมองไปที่แทคนิคการกลั่นยาและอธิฐาน “พี่สาวกวนอิม, น้องสาวฉางเอ๋อ, สาวน้อยมาเรียโอซาวะ, คุณครูโซระ อาโออิ, โรล่า มิซากิ ฯลฯ…ขอให้ทุกคนอวยพระให้ผมได้การกลั่นเม็ดยาด้วยเถ้อออ.”
เขาไม่ต้องกังวลหากพลังปราณของเขาหมดไปเมื่อเขาได้ความสามารถในการปรับแต่งเม็ดยา.
แม้ว่าจะเจอคนที่เขาไม่สามารถฆ่าได้ แต่อย่างน้อยเขาก็จะยังไม่ตาย
“กลั่นเม็ดยาๆ!”
ลั่วเทียนอธิฐานด้วยพลังทั้้งหมด.
ล้อรูเล็ตหมุนไม่กี่นาทีและมันก็หยุดและเข็มก็ขี้ไปที่สกิลสนับสนุนอันนั้น.
“ติ้ง!”
“ขอแสดงความยินดี ผู้เล่นลั่วเทียนได้รับ เทคนิคหุ่นเชิด!”
เมื่อเสียงจางหายไป หนังสือโบราณก็ลอยเข้ามาในใจของเขาและมีตัวหนังสือเขียนว่า เทคนิคหุ่นเชิดอยู่บนหน้าปกของมัน.
ลั่วเทียนหมดแรงอย่างฉับพลัน จากนั้นเขาก็พึมพำ “แกอีสาวระบบ! เพื่อที่จะทำให้ภารกิจเสร็จสิ้นข้าต้องเข้าไปที่เทือกเขาวิญญาณ และยังเกือบตายที่นั่นเพื่อทำให้ภารกิจเสร็จสิ้น พี่สาวเจ้าเถอะนี่เจ้าต้องการให้ข้าตายมากใช่มั๊ย? สิ่งที่ข้าต้องการคือเทคนิคกลั่นเม็ดยา ย้าาา…”
เป็นสิบๆล้านครั้งที่ได้มารดาระบบ พี่สาวระบบ สารเลวขี้ตืดนี่
หลี่ซูเอ๋อเห็นความไม่พอใจของลั่วเทียนและถามด้วยความห่วงใย “พี่ใหญ่ลั่วเทียน คุณเป็นอะไรไป?”
ด้วยความสนิทสนมดังกล่าวพร้อมกับสายตาที่อ่อนโยนทำให้ใจของลั่วเทียนพ่ายแพ้ ลั่วเทียนส่ายหัวพร้อมกับรอยยิ้มอันข่มขื่น “ข้าไม่เป็นไร.”
ซูเอ๋อส่งเสียงเบาๆ “โอ้” ก่อนที่จะพูดต่อ “พี่ใหญ่ลั่วเทียนคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้สัตว์ปีศาจรัดับ 4 ในเวลาครึ่งเดือน? ถ้าคุณเป็นห่วง ฉันทำได้…”
“ข้าไม่กังวล.”
ลั่วเทียนขัดจังหวะโดยไม่รอให้เธอพูดจบ.
ความรู้สึกของซูเอ๋อทำให้เขาไม่ปกติ อารมณ์ของเธอคำพูดของเธอการแสดงออกของเธอทำให้เธอต่างไปจากเด็กปกติคนอื่นๆอย่างสิ่นเชิง ทักษะดาบที่เธอบ่มเพาะก็มีพลังอย่างมากและเมื่อเพิ่มสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันลั่วเทียนได้ข้อสรุปว่าเธอไม่ใช่เด็กหญิงธรรมดาๆ
เธอต้องมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งมาก!
เกี่ยวกับเบื้องหลังที่แข็งแกร่งของเธอ? ลั่วเทียนไม่อาจคาดเดาได้ ความทรงจำตั้งแต่วัยเด็กของเขาเลือนหายไปจนหมดเขาจำไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงมาที่ตระกูลลั่วและจำไม่ได้ว่าภูมิหลังของเธอคืออะไร.
บางทีเพียงประโยคเดียวของซูเอ๋ออาจจะทำให้ลั่วจินซานกลืนคำพูดของเขาที่อยู่บนลานฝึก.
แต่ลั่วเทียนไม่ต้องการให้เธอทำอย่างนั้น.
เขาเป็นบุรุษ.
เขาไม่สามารถให้หญิงสาวมายืนเบื้องหน้าเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่ชอบเขา!
ไม่ว่าอย่างไรการกระทำทุกอย่างมีราคา ลั่วเทียนไม่ต้องการให้ซูเอ็อร์เป็นบางคน!
นั่นคือเหตุผลที่ลั่วเทียนปฎิเสธอย่างชัดเจน
ซูเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและทำท่าทางลังเลมันทำให้เธอน่ารักมาก
นิ้วชี้ของลั่วเทียนจิ้มไปที่จมูกของซูเอ๋อร์เบาๆและพูดค่อยๆ “เด็กโง่ไม่ต้องกังวลไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้า.”
ฟางเล่ยยิ้มโง่ๆกับเขา “น้องสะใภ้ไม่ต้องกังวลข้าจะใช้ชีวิตปกป้องนายท่านเอง.”
มองไปที่รอยยิ้มที่โง่เขลาของเขามัสเหมือนกับคนบ้าโดยสมบูรณ์ แต่คำพูดของเขาเฉือดเฉือนมาก มันร้ายกาจพอที่จะทำให้ลั่วเทียนตายได้เลย
นี่หรือที่เรียกพี่น้องกัน? นี่คือ!
ลั่วเทียนรู้สึกแย่มากที่รู้ว่าเขามีหญิงสาวและพี่ชายแบบนี้ “เจ้าทั่งสองลืมว่าข้าเป็นใคร ลั่วจินซานเพียงคนเดียวไม่อาจทำอะไรกับข้าได้!”
ทั้งสามยิ้มให้กันและกัน
หลังจากนั้น…
ลั่วเทียนเปิดระบบของสกิลเพื่อตรวจดูคุณสมบัติของเทคนิคหุ่นเชิด.
ทักษะต่อสู้: เทคนิคหุ่นเชิด
ระดับ: ระดับ 3
ความเชี่ยวชาญ: 0/1000
พลังปราณในการใช้: 100
รายละเอียดสกิล: ผู้บ่มเพาะสามารถสร้างหุ่นเชิดทหารได้ 3 ตัว.เลเวล 1 เทคนิคหุ่นเชิดสามารถสร้างทหารออกมาได้เท่ากับสัตว์ปีศาจ ระดับ 1. เลเวล 2 เทคนิคหุ่นเชิดสามารถสร้างทหารออกมาได้เท่ากับสัตว์ปีศาจ ระดับ 2, ระดับ 3 สามารถสร้าง… ในขั้นสุดท้ายระดับสมบูรณ์แบบ ผู้บ่มเพาะสามารถเรียกสัตว์สงครามได้ 5 ตัวและแต่ละตัวมีพลังเท่ากับสัตว์ปีศาจระดับ 10.
เพิื่มเติม:เลเวล 1 หุ่นเชิดจะมีพลังชีวิต 1000และเลเวล 2 จะมี 2000…ตราบเท่าที่เขายังมีพลังชีวิต เขาสามารถต่อสู้ได้โดยไม่จำกัดเวลา.
“โอ้ ว้าวว!”
“นี่เป็นเรื่องน่าสนใจมาก”
ลั่วเทียนกระพริบตาปริบๆและบอกกับตัวเอง “ดูเหมือนเทคนิคหุ่นเชิดก็ไม่ใช่ไม่ดี ถ้าข้าสามารถเพิ่มเลเวลขึ้นเล็กน้อยและสร้างหุ่นเชิดบางตัวและเอามันไปวางไว้ที่รอบนอกภูกเขาวิญญาณและรอค่าประสบกาณ์ฟรีๆ ถูกมั๊ย?”
“นี่มันสวยงามยิ่งนัก.”
ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แวบขึ้นมาในสายตาของลั่วเทียน.
ด้วยหุ่นเชิดเหล่านี้ที่ฆ่ามอนเตอร์ให้กับเขาและเขาก็ยังสามารถนอนบนเตียงกับเด็กสาวและยังได้อัพเวลอีกด้วย.
นี่มันเท่ห์ค่อดๆ!
นอกจากนี้ยังสามารถใช้หุ่นเชิดคอยสอดแนมหรือสะกดรอยตามที่คนปกติไม่สามารถทำได้ มีประโยชน์มากสำหรับเขา!
มีประมาณครึ่งเดือนก่อนที่เขาจะสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 4 และต้องเพิ่มเลเวลของตัวเองให้อยู่ในดับเดียวกันด้วยตัวเองเป็นเรื่องยากมาก ความยากลำบากมากขึ้นเมื่อเขาต้องเข้าไปบนยอดของภูเขาวิญญาณ แต่ตอนนี้แตกต่างกันเมื่อเขาสามารถใช้หุ่นเชิดบางตัวช่วย.
“555…”
ลั่วเทียนหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง “ทักษะสนับสนุนนี้แม่งโครตตอบโจทย์เลย.”
ฟางเล่ยเกาหัวของเขาและถาม “นี่นายท่าย ดีใจเรื่องอะไร?”
“บางอย่างที่ดี”
“บางอย่างที่ดีจริงๆ 555…” ลั่วเทียนตอยอย่างตื่นเต้น
ลั่วเทียนเหมือนปลาตายเมื่อเขาไม่เห็นวิถีทางที่จะจัดการกับสัตว์ปีศาจได้ แต่มันก็ไม่ทำให้เขาเกิดความรำคาญอีกต่อไปขณะที่เขาพูดกับตัวเอง “ลั่วจินซานเจ้าต้องการให้บิดาคนนี้ตาย? เจ้าเพียงแค่รอให้บิดาคนนี้แสดงอะไรดีๆให้เจ้าดู.”
ไม่นานหลังจากนั้น…
ลั่วเทียนโบกมือและพูด “ไปเถอะเราจะไปฉลองร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองถูกเขาหยก.”
“ร้านอาหาร อมตะเมามาย?”
น้ำลายของฟางเล่นไหลย้อยขณะที่วิ่งตามลั่วเทียนด้วยรอยยิ้มที่โง่เง่าของเขา พอเขาคิดถึงร้านอาหารอมตะเมามายทำให้เขายิ้มเหมือนคนงี่เง่า
————–
ห้องอาหารส่วนตัวในอมตะเมามาย.
ลั่วหยูมีการแสดงออกที่เยาะเย้ยที่อยู่บนใบหน้าของเขาขณะที่ซูเหม่ยอยู่ในอ้อมแขนของเขาก่อนที่จะวางแก้วไวน์และพูดว่า “แน่นอนว่า พี่ใหญ่ลั่วหลินจะได้อันดับแรกในการแข่งขันล่าสัตว์ เศษขยะลั่วเทียนจะตายในเทือกเขาวิญญาณ 5555…”
เขาได้เพลิดเพลินกับตัวเองตลอดเย็นที่อมตะเมามายและไม่มีรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นภายในตระกูลลั่ว.
มีหลายคนนั่งอยู่รอบๆโต๊ะของเขาซึ่งเป็นสาวกตระกูลซู พวกเขามีความรู้สึกที่เครารพอยู่บนใบหน้า
ซูเม่ยหัวเราะคิกคักในอ้อมกอดของลั่วหยูและกล่าวว่า“พี่ใหญ่ลั่วหยูเศษขยะลั่วเทียนจะตายจริงๆ? ข้าไม่อยากเห็นเขาอีกเพราะข้าสังครืดเขาจริง ลั่วหลินได้กลายเป็นสาวกหลักหลังจากที่ได้ที่หนึ่งแล้วท่านหล่ะเมื่อไหร่จะได้เป็นกับเขาบ้าง?”
(สังครืดนี่ผมเปรียบเองนั ความจริงมัน ดูถูกเป็นอย่างมากไม่ชอบบอกได้ครับจะได้ไม่ใส่เอง ^^)
(สังครืดนี่ผมเปรียบเองนั ความจริงมัน ดูถูกเป็นอย่างมากไม่ชอบบอกได้ครับจะได้ไม่ใส่เอง ^^)
“ไม่ต้องห่วง.”
“บิดาของข้าได้บอกว่าลุงใหญ่ของข้าจะไม่ปล่อยเขาเพราะงั้นมันจึงเป็นความสวยงามเล็กๆ 555…” ลั่วหยูหยิกแก้มของซูเม่ยและมองไปที่ร่องคอของเธอพร้อมกับกลืนน้ำลายขณะที่เห็นยอดเขาสองยอดที่ปกคลุมด้วยผ้าคาดสีดำ ถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นอยู่รอบๆเขาจะผลักเธอลงไว้ใต้เขา.
หลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลั่วหยูมองไปรอบๆก่อนที่จะพูดเสียงนุ่มและลึกลับว่า “ข้าไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการล่าสัตว์และข้าก็ยังเป็นสาวกหลักได้ มันเป็นสิ่งที่ลุงใหญ่สัญญาไว้กับบิดาของข้า.”
รอบๆเวลานั้น…
ลั่วเทียน,ฟางเล่ยและหลี่ซูเอ๋อร์เดิมเข้ามาในห้องส่วนตัว
“อ้วนเล่ยเจ้าเอาถึงอึมากจากที่ไหน? มันมีทั้งเมือกและชวนอ้วกเป็นอย่างมาก แต่เจ้าก็ฉลาดจริงๆ!” ลั่วเทียนหัวเราะเสียงดังเขาไม่อาจที่จะอดกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป.
“สุนัขสารเลวที่กำลังคุยถึงเรื่องอึอยู่ข้างนอก? เจ้าไม่รู้หรือไงว่าบิดาอยู่ที่นี่?”ลั่วหยูตะโกนออกมา.
ลูกน้องของเขารีบวิ่งออกไปเปิดประตูห้องส่วนตัว.
ลั่วหยูที่การแสดงที่อ่อนลงและพูดเบาๆ “ปล่อยเด็กสาวไว้และเจ้าโง่สองตัวนั่นไสหัวไปซะก่อนที่ข้าจะเตะเจ้าออกจากร้านอมตะเมามาย ลองดูสิว่าจะมีสารเลวคนไหนกล้าพูดเรื่องอึต่อหน้าบิดาคนนี้.”
ลั่วเทียนหัวกลับมามองเข้าไปในห้องส่วนตัวก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะยกเป็นรอบยิ้มขึ้น “โอ้ โอ้ นี่เป็นคนที่เรารู้จึกนั่นเอง!”