เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 36 – ข่มเหงเกินไปแล้ว
ถ้าพวกเขาส่งคนออกไปหาที่เกิดเหตุในเทือกเขาวิญญาณ แน่นอนว่ามันอันตรายเป็นอย่ามาก.
สาวกชั้นสูงเป็นเสาหลักของตระกูลลั่ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาตระกูลลั่วทั้งหมดจะอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม
สถานะของเขาจะถูกคุกคาม
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ลั่วเทียนจับหูและเดินไปหาโดยไม่กังวลว่าพวกเขาคุยอะไรอยู่ และถามว่า “ข้าขอถามรักษาการณ์ประมุขหน่อยได้ไหมว่าจะประกาศผลได้หรือยัง?”
เขายังคงรอคอยที่จะกลับไปทำภารกิจของเขา
ถ้าลั่วจินซานไม่ประกาศผล มันก็เท่ากับว่าภารกิจของเขายังไม่สมบูรณ์ โดยปกติแล้วมันก็เท่ากับว่าเขายังไม่ผ่ายภารกิจและยังไม่ได้รับรางวัล.
สายตาของลั่วจินซานเริ่มหนาวเหน็บ เขามองไปกลุ่มสัตว์ระดับสองและสาม สุดท้ายสายตาของเขาก็ตกมาอยู่ที่สัตว์ระดับ 4 กระทิงเดือดตัวนี้และพูดกับตัวเอง“การเสียชีวิตของหลินเอ๋อร์อาจจะเกิดจากลั่วเทียน?”
เมื่อคิดถึงจุดนี้สายตาของลั่วจินซานก็เริ่มเย็นมากขึ้น ดวงตาของเขากวาดไปยังฝูงชนและสาวกตระกูลลั่วที่เข้าร่วมการล่าสัตว์โดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนี้ทำให้เขาสงสัยมากขึ้น.
ทันทีหลังจากนั้น…
ลั่วจินซานหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาครั้งนึงและพูดว่า “ลั่วเทียนความจริงที่ตันเถียนของเขาเป็นพิการทุกคนก็รู้อยู่ คนที่มีตันเถียนพิการจะฆ่าสัตว์ปีศาจได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ปีศาจระดับ 2 และ 3 และระดับ 4 แม้กระทั่งบางคนที่อยู่ในปราณเชียวชาญ(ก่อตั้ง)จะมีบางเวลาที่จะรับมือกับสัตว์ระดับ 2 ได้อย่างยากลำบากแล้วทำไมเจ้าถึงล่าพวกเขาได้?”
ตาของลั่วเทียนครึ้มลง “เพียงแค่พูดในสิ่งที่เจ้าต้องการ.”
“ดี!”
“ข้าสงสัยว่าเจ้าโกง!” ลั่วจินซานตะโกนออกมาทันที
ความหวังปรากฎขึ้นในสายตาของลั่วชางซานและเขาก็ตะโกนขึ้นมา“สิ่งที่ผู้รักษาการณ์กล่าวมานั้นถูกต้อง! ความสำเร็จของลั่วเทียนน่าสงสัยอย่างยิ่ง!”
ลั่วเฉินที่โหวงเหวงอยู่เงยหน้าซีดๆของเขาและชี้ไปที่ลั่วเทียนและพูดด้วยความตื่นเต้น “ไอ้เศษขยะลั่วเทียนต้องโกงอย่างแน่นอน!”
แขนของเขาที่ขยับขึ้นอย่างรวดเร็วได้ทำให้เศษอึกระเด็นออกจากเสื้อของเขาและเข้าไปในปาก ลั่วเฉินกลายเป็นคุ้มคลั่งมากขึ้น.
“บัดซบ!”
ลั่วเทียนด่าออกมากก่อนที่จะมีรอยยิ้ม “ข้าสงสัยว่าท่านไม่สามารถให้รางวัลเป็นหินหยวนได้ เหราะเหตุนี้ท่านจึงเลี่ยงประเด็นมาที่ข้า ผู้รักษาการณ์เป็นไปได้ไหมว่าท่านไม่สามารถให้รางวัลเป็นหินหยวนได้เพราะว่าท่านได้ให้กับลูกชายของท่านแล้ว?”
เมื่อลั่วเทียนพูดจบผู้อาวุโสหลายคนมองไปที่ลั่วจินซาน.
ลั่วจินซานกลายเป็นอึมครึมแต่เขาก็แกล้งเป็นสงบ. “ไร้สาระ! ทำไมข้าถึงทำอย่างนั้น? ลั่วเทียนดูเหมือนว่าเจ้าจะกลัวการสอบถามของข้า อีกครั้ง ขยะเช่นเจ้าจะมีความสำเร็จอย่างนี้ได้อย่างไร?”
โดยที่ไม่รอการตอบสนองของลั่วเทียน ลั่วจินซานกล่าวต่อว่า“ผู้อาวุโส พวกท่านคิดว่าอย่างไรกับการทำงานของลั่วเทียน ในตอนนี้เราควรจะตรวจสอบอย่างละเอียด?”
“ฟังดูดี!”
“ความสำเร็จของลั่วเทียนเป็นสิ่งที่น่าสงสัยมากดังนั้นข้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของผู้รักษาการณ์.”
“เห็นด้วยน้องสาวเจ้า!”
“สุนับเฒ่าสารเลวพวกนี้ บิดามองเห็นการกระทำของพวกเจ้าทั้งหมด” ความโกรธของลั่วเทียนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เขามองไปยังผู้อาวุโสเหล่านี้กับพวกสาวกตระกูลลั่วสารเลวที่คอยรับผิดชอบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมตระกูลลั่วจึงตกต่ำ.
ในใจของลั่วเทียนเริ่มสาปแช่งทุกคนที่อยู่ในครอบครัวของลั่วจินซาน นอกจากนี้เขาไม่อาจทำอย่างไรได้เพราะความกังวลในการยอมรับของลั่วจินซาน อย่างแรกการแข่งล่าสัตว์ยังไม่ถูกประกาศ สำหรับหินหยวนนั้นไม่มีทางที่ลั่วจินซานจะมอบออกมาได้เนื่องจากมันอยู่ที่ลั่วเทียน เขาไม่สนใจเรื่องหินและอยากจะทำเควสให้มันเสร็จๆไปเท่านั้น.
เควสนี้ได้รับจากลั่งจินซาน ดังนั้นถ้าเขาไม่ยอมรับความสำเร็จของลั่ว เขาจะไม่ได้รับรางวัล.
นี่คือทักษะการต่อสู้ระดับสามที่เรากำลังพูดถึง!
ทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างมาก ลั่วเทียนจะได้รับประโยชน์เมื่อเขาต่อสู้กับคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน ทุกษะการต่อสู้ที่ดีเป็นทุนของพื้นฐาน.
ยิ่งไปกว่านั้น…
ทักษะการต่อสู้แบบสนับสนุนคืออะไร?
การสร้างเม็ดยา,สร้างอาวุธ,การจารึก สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นทักษะสนับสนุน แต่ละคนที่มีชีวิตอยู่มันจะน่ากลัวเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเม็ดยา
ตอนนี้ลั่วเทียนสามารถเพิ่มปราณได้จากการฆ่าสัตว์ปีศาจ ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าได้เขาก็สามารถเพิ่มปราณผ่านเม็ดยาได้ นั่นคือเหตุผลที่เม็ดยามีความสำคัญต่อเขาเป็นอย่างมาก
กลับมาที่ของรางวัลระดับ A มันทำให้ลั่วเทียนตื่นเต้นอย่างมาก.
ลั่วเทียนระงับความโกรธและถาม “้ข้าขอถามผู้อาวุโสหน่อยสิ ว่าเมื่อไหร่จะจบการสอบสวน?”
ลั่วเซียวซานตอบด้วยภาพลักษณ์ที่ดูฉลาดของเขา “มันอาจจะเป็นวันหรือเดือน แต่เราไม่อาจรู้ได้ มันอาจจะเกิน 1 ปีหรือมากกว่านั้น สิ่งเหล่านี้ยากที่จะตัดสินได้อย่างถูกต้อง.”
ลั่วโจวซานบอกเพิ่ม “ลั่วเทียนเราจะพยายามตรวจสอบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดก็เป็นไปได้ แม้ว่าเราจะไม่มีเวลาก็ตาม.”
สอบสวน?
พวกเขาจะไปสอบสวนที่ไหว?
สอบสวนป้าเจ้า! เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจะละเลยลั่วเทียน.
ลั่วเทียนเห็นได้อย่างชัดเจน ผ่านความยากลำบากมากมายและเกือบจะทำให้เขาเสียชีวิตเป็นเวลา 3 วันและนี่คือข้อสรุป?
เปลวเพลิงแห่งความโกรธวิ่งเข้าไปให้หัวของเขา
มีรอยยิ้มน้อยๆบนริมฝีปากของลั่วจินซานก่อนที่เขาจะพูดอย่างจริงจัง “ลั่วเทียนมีวิธีที่รวดเร็วในการพิสูจน์ตัวเอง.”
เมื่อเห็นริมฝีปากของลั่วจินซานแล้วลั่วเทียนรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดี แต่เขาก็ยังต้องเดินหน้าต่อและถามว่า “ทางไหน?”
“วิธีง่ายๆอย่างเช่น.”
“เจ้าจะต้องพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าสามารถฆ่าสัตว์ปีศาจระดับ 4 ได้.” ลั่วจินซานตอบ.
“ไปฆ่าสัตว์ปีศาจระดับ 4?”
“นั่นเป็นทางออกที่ดี มันสามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของลั่วเทียน! และความสามารถในการฆ่าสัตว์ระดับ4 มันจะยืนยันความสำเร็จดังกล่าวได้.”
“ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้.”
แม้แต่ผู้ที่อยู่ในขั้นปราณเชี่ยวชาญยังตกตายลงเบื้องหน้าสัตว์ปีซศาจระดับ 4 ตอนนี้พวกเขาต้องการให้เขาฆ่ามันต่อหน้าพวกเขา? มันไม่กลั่นแกล้งกันเกินไปหรอกหรอ?
ลั่วเทียนกล่าวออกมาทันที “ไปมารดาเจ้า!”
จากนั้นลั่วจินซานก็กล่าวว่า “แน่นอน่าสัตว์ปีศาจระดับ 4 คือการดำรงอยู่ที่ไม่มีใครเทีบยได้ดังนั้นข้าจะอนุญาติให้เจ้านำคนไปด้วย ตราบเท่าที่คนๆนั้นเห็นด้วยตระกูลลั่วก็ไม่ว่าอะไร.”
“ข้าตกลง!”
“ข้าตกลง!”
ฟางเล่ยและซูเอ๋อกล่าวออกมาทันที.
ลั่วเทียนมองไปที่พวกเขาด้วยความซาบซึ้ง แต่เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ.
สัตว์ปีศาจระดับ4แข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญคนนึงที่ไปยังปราณเชี่ยวชาญได้ แต่ก็ไม่มีทางไหนท่ี่จะฆ่ามันด้วยวิธีการปกติ เห็นได้ชัดว่าลั่วจินซานส่งเขาไปตาย.
ไม่ใช่ทุกตัวที่สัตว์ปีศาจระดับสี่จะมีความเร็วเท่ากับกระทิงเมื่อเขาเจอตัวที่เร็วกว่าเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ลั่วเทียนจะสู้ไหวได้อย่างไร
เขาไม่อาจจะมีเวลาใช้มนตร์เสน่ห์เพราะว่าเขาตายแล้ว.
วิธีการนี้โหดหินเกินไป!
ถ้าเขาไม่ยอมรับเรื่องนี้เขาก็จะไม่มีทางใดที่จะได้รับรางวัลจากการเควส.
ถ้าเขายอมรับมัน เท่ากับว่าเขาจงใจเดินไปสู่ความตายด้วยตัวเอง!
ลั่วเทียนไม่คิดอย่างนั้นและสิ่งยิ้มออกมา “ผู้รักษาการ์ คุณเป็นคนที่โหดร้ายอย่างมาก อย่างแรกที่นี่เป็นสถานที่ไม่น่าไว้วางใจในสายตาของข้า.”
“หืมมม!”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าทำผิด.”
“ตามกฎของตระกูลลั่วคนที่โกงในการแข่งขันล่าสัตว์จะต้องถูกหัดแขนหักขาและไล่ออกจากตระกูลลั่ว!”ลั่วจินซานพูดด้วยเสียงอันร้ายกาจขณะขมวดคิ้ว.
เขาคิดว่าลั่วเทียนไม่เห็นด้วยกับมัน!
“ใครก็ได้ไปจับเขา!” ลั่วจินซานโบกมือและสาวกระดับสูงวิ่งไปหาลั่วเทียน.
ลั่วจินซานมีท่าทางที่ประสบความสำเร็จบนหน้าและพูดกับตัวเอง “ลั่วเทียน เจ้าจะสามารถพิสูจน์ให้เราเห็นว่าเจ้าสามารถฆ่าสัตว์ปีศาจระกับ 4 หรือ…ฮี่ๆ…ข้าจะหักขาเจ้าด้วยตัวเอง!”
ร้ายกาจอย่างมาก!
ลั่วเทียนขมวดคิ้วด้วยความโกรธของเขาที่วูบวาบอยู่ในหัวขณะที่เขารู้สึกว่ากำลังเต้นอยู่บนฝ่ามือขงอผู้อื่น ดวงตาของเขามืดครึ้มและมองไปที่ลั่วจินซาน “ลั่วจินซานเจ้าโหดร้ายมากเกินไปแล้ว.”
“โหดร้าย?”
“ข้าเพียงทำหน้าที่ของข้าเท่านั้น” ลั่วจินซานหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า “ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวินาที มีสองตัวเลือกคือเจ้าจะไปฆ่าสัตว์ปีศาจระดับ 4 หรือว่าจะตัดของของตัสเอง?”
ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายก็เป็นความตายอยู่ดี!
ฟางเล่ยยืดอกและตะโกนเสียงดัง “เราเลือกที่จะไปฆ่าสัตว์ปีศาจระดับสี่และข้าไปจะพร้อมกับนายน้อย!”
“ดี!”
“ลั่วเทียนเจ้าไม่ทำง่ายๆเหมือนทาสของเจ้า.”ลั่วจินซานยิ้มและยังทำงานของเขาต่อ “ครึ่งเดือนหลังจากนี้มันจะเป็นสนามรบของสัตว์ปีศาจระดับ 4 ในเวลานั้นหากเจ้าฆ่ามันได้จริง การที่จะเป็นที่หนึ่งของการแข่งล่าสัตว์จะเป็นของเจ้า.”
“ฟางเล่ย!”ลั่วเทียนมองฟางเล่ย.
ฟางเล่ยโง่เกินเยียวยา “นายท่านนี่เป็นโอกาสของเรา.”
เขาเลือกคำตอบให้ลั่วเทียนเพราะเขารู้ว่าลั่วเทียนจะไม่ทำให้ชีวิตของซูเอ๋ออยู่บนเส้นด้าย.
ลั่วจินซานได้เปิดเผยความตั้งใจที่แท้จริงของเขาแล้วหากว่าฟางเล่ยไม่ยอมเลือกอะไรลั่วจินซานอาจจะทำบางอย่างกับลั่วเทียน.
ฟางเล่ยดูเหมือนเป็นคนโง่ทั่วๆไป แต่เขาเป็นคนฉลาดจริงๆ.
ตั้งแต่ที่ตกลงได้ลั่วเทียนได้มีรอบยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขาก่อนที่จะพูดว่า “ลั่วจินซาน เจ้ามันเลวบริสุทธิ์จริงๆ เราจะแสดงให้เห็นถึงพลังของเราออก วันหลังเจ้าจะได้ไม่ต้องตกใจ.”
“5555…”
“ไม่ต้องห่วงเว้นแต่ว่าเจ้าจะตกไปอยู่กลางวงสัตว์ปีศาจและถูกเป็นชิ้นๆ?” ลั่วเทียนพูดดูถูก.
มันเป็นสิ่งที่ดีที่ลั่วเทียนจะไปสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 4 เนื่องจากลั่วจินซานได้ให้เวลา 15 วันในการตรวจสอบทุกอย่าง มันจะดีที่สุดที่จะช่วยให้เขารู้ว่าแกนสัตว์ปีศาจระดับ 4 อยู่ที่ไหน!
“ไปเลย!”
ลั่วเทียนกำลังหันออกไปและเขาก็กระพริบตาพูดย่างสุภาพ“ผู้รักษากาณ์ จากที่นับอยู่ข้าเป็นอันดับ 1 และมีคะแนนรวมกันถึง 1200 แต้มในการล่าสัตว์?”
“ความสำเร็จที่ได้จากการโกง…” ลั่วจินซานยิ้ม.
โดยไม่รอให้เขาพูดจบลั่วเทียนพูดขัดขึ้น “ข้าไม่ได้สนใจประเด็นนั้น ข้าแค่ถามว่าครั้งนี้มันนับใช่หรือไม่”
ลั่วจินซานยิ้มให้ลั่วเทียน “มันถูกนับ แล้วไงหล่ะ? เจ้าโกง…”
“555…”
ทันใดนั้น…
ลั่วเทียนหัวเราะออกมาดังๆและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “สิ่งที่ข้าต้องการคือให้เจ้าพูดว่า ‘นับ’. มารดาเจ้า เจ้าได้วางแผนกับบิดาคนนี้โดยที่ข้าจะไม่โต้ตอบเจ้า.”
ลั่วจินซานทึ่งเล็กน้อยขณะที่เขาไม่รู้ว่าลั่วเทียนกำลังหัวเราะอะไรอยู่.
ในช่วงเวลานี้…
เสียงที่หวานหอมที่ลั่วเทียนคุ้มเคยดังขึ้นในใจ
“ติ้ง!”