เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 15 – Undercurrents
การสาปแช่งของผู้อาวุโสรวมทั้งยังต่อหน้าผู้นำตระกูลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในลานฝึกซ้อมได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองภูเขาหยกอย่างรวดเร็ว.
ไม่ว่าจะเป็นถนนสายหลัก ตรอกซอกซอยต่างๆหรือแม้แต่ร้านอาหารเล็กๆก็คุยกันเรื่องนี้.
ทางด้านใต้ของเมือง ตระกูลซู.
“นี้ดูเหมือนว่าลั่วเทียนจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน.”
“อาวุโสสามมันดีแล้วที่ให้ซูเม่ยออกจากการแต่งงานเร็วพอก่อนที่เธอจะถูกลากลงไปด้วย.”
“คนที่ครั้งหนึ่งเป็นคนอัจริยะและเย่อหยิ่งตอนนี้เหมือนกับคนบ้า นี่คือความขัดแย้งในตระกูลลั่ว.ตระกูลลั่วที่ครั้งนึงเป็นของลั่วเทียนมันควใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะหายไปจากเมืองภูเขาหยก…”
“ท่านผู้นำเราจำเป็นต้องทำอะไรสำหรับเรื่องนี้?”
“ไม่จำเป็น เราไม่จำเป็นต้องยุ่งในสถานการณ์นี้.ผู้อาวุโสสามซูเม่ยยังคงยึดมั่นลั่วหยู.ข้าจะเป็นต้องใช้ความสัมพันธ์นี้เพื่อควบคุมตระกูลลั้วทั้งหมดในอนาคต.เมื่อเราได้พื้นที่ทั้งหมดในตระกูลลั่วแล้วเมืองภูเขาหยกทั้งหมดจะกลายเป็นของตระกูลซู. 5555…”
“น่าสนใจยิ่ง. ผู้อาวุโสสี่แอบจับตาดูทั้งสองตระกูลโจวและซ่ง. ถ้าหากมีสัญญาณปัญหาหรือการเคลื่อนไหวโปรดแจ้งให้เราทราบทันที.”
ในพื้นที่อื่น.
ทางตะวันตกของเมือง ตระกูลโจว.
“ความตายกำลังเข้ามาหาลั่วเทียนอย่างแท้จริง เขากล้าที่จะมีส่วนร่วมกับการล่าสัตว์นี่ไม่ใช่ขุดหลุดฝังตัวเอง?”
“เมื่อลั่วเทียนตาย แน่นอนว่าลั่วจินซานจะใช้โอกาศนี้ในการเป็นผู้นำอย่างเป็นทางการ แต่ผู้อาวุโสคนอื่นๆจะใช้โอกาสนี้ในการปลุกระดมตระกูลลั่ว?”
“ตระกูลลั่วในช่วงสองสามปีมานี้อยู่อย่างมีความสุขเนื่องจากลั่วเทียน.เราสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นคนพิเศษ.แต่หลังจากที่ลั่วจินซานได้จัดการเขาออกไป.ความสมดุลในตระกูลลั่วและความขัดแย้งจะรุนแรงขึ้น.”
“ท่านผู้นำ หากลั่วเทียนไม่ตาย?”
“ไม่ตาย?”
“ท่านผู้นำข้าคิดว่าลั่วเทียนต้องตาย เพราะมันจะสร้างโอกาสให้กับตระกูลโจว…”
โจวไท่เหล่ตาและบ่นพึมพัมคนเดียว “ลั่วเทียน เด็กคนนี้ต้องตายดูเหมือนว่าคราวนี้ข้าต้องกระตุ้นคลื่นใต้น้ำของตระกูลลั่วซะแล้ว.”
บนพื้นผิวในเมืองภูเขาหยกดูเหมือน4ตระกูลจะอยู่ในความสามัคคีและเป็นระเบียบสำหรับคนอื่น แต่พวกเขาได้แอบต่อสู้กันมานานหลายทศวรรษและไม่มีใครเปิดเผย.
แต่ละครอบครัวของ4ตระกูลใหญ่ต่างก็อยากจะครอบครองเมืองภูเขาหยก.
หลังของตระกูลลั่วค่อยๆลดลงในหลายๆปีที่ผ่านมาและ3ตระกูลใหญ่เริ่มมีความหวัง.
ตราบใดที่เขาได้พื้นที่ของตระกูลลั่วมาไว้ในอ้อมแขนแล้วการครอบครองเมืองภูเขาหยกก็เป็นเรื่องของเวลา!
ด้านทิศเหนือของเมืองตระกูลซ่ง.
ซ่งหยู่หนานกำลังขมวดคิ้วขณะคิด.
สักพัก…
ซ่งหยู่หนานก็เงยหน้าขึ้นและถาม “เจ้าได้เห็นพลังภายในของลั่วเทียนขณะที่ทำลายฝ่ามือภายในของลั่วเสียวซาน?”
“ศิษย์คนนี้ได้เห็นมัน.” เด็กคนนึงที่สวมเสื้อผ้าของตระกูลลั่วตอบอย่างจริงจัง.
เพียงผิวเพินเขาเป็นลูกศิษย์ตระกูลลั่วแต่เขาก็ยังเป็นคนตระกูลซ่ง.
แต่ละครอบครัวมักจะมีสายลับ 007 อยู่ในตำแหน่งต่างๆ.
คิ้วของซ่งหยู่หนานย่นขึ้นก่อนจะถาม “เจ้าคิดว่าพลังของลั่วเทียนอยู่ขั้นที่เท่าไร?”
เด็กหนุ่มคิดสักพักก่อนจะพูดว่า “ศิษย์ไม่รู้ แต่ข้ามีความรู้สึกว่าลั่วเทียนแข็งแกร่งกว่าข้ามาก.ปราณที่ออกมาจากร่างกายของเขาสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าได้ทันทีและทักษะกำปั้นของเขาก็เป็นสิ่งที่ศิษย์ไม่เคยเห็น.ทักษะเหล่านั้นน่าจะอยู่ระดับ 1.”
“พลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน?”
“ทักษะการต่อสู้อย่างน้อยก็ขั้น 1 ?”
คิ้วของซ่งหยู่หนานย่นเล็กน้อยก่อนจะโบกมือ, “เจ้าสามารถกลับไปได้ตอนนี้ แม้บ้านหลิวไปที่ห้องบัญช้และให้เขาไป 100 เหรียญเงินเป็นรางวัล.”
คิ้วของเด็กหนุ่มเลิกขึ้นและกำหมัดแน่นก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณท่านผู้นำ.”
หลังจากที่เด็กหนุ่มออกไป ซ่งหยูหนานก๊มีสีหน้ากลับมาเป็นปกติก่อนจะพูดเบาๆ “พวกเจ้าคิดว่าไง?”
ภายในห้องยังมีคนอีก5คน พวกเขาเป็นผู้อาวุโสตระกูลซ่ง.
“พี่ใหญ่เจ้าเด็กตระกูลลั่วนี่ไม่ได้เป็นเด็กพิการ? เขาจะต้านการโจมตีพลังภายในของลั่วเสียวซานได้อย่างไร? เด็กคนนี้อาจจะแสร้งว่าเป็นอย่างนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา?”
“มันไม่ได้ดูเหมือนอย่างนั้น.ข้าไอ้แอบติดตามเด็กคนนั้น เขาโดนทั้งดูถูกเยาะเย้ยและทุบตี.เขายังเด็กอยู่นอกจากนั้นถ้าเขายังมีการบ่มเพาะอยู่จริงๆ ไม่มีทางที่เขาจะทนได้กับทุกคนที่ทำผิดต่อเขา.”
“ท่านผู้นำไม่ว่าอย่างไรลั่วเทียนก็จะเข้าร่วมการล่าสัตว์ไม่ว่าอย่างไรลั่วจินซานจะไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่.เมื่อลั่วเทียนตายความสมดุลของตระกูลลั่วจะมาถึงจุดแตกหัก.ลั่วจินซานต้องการเป็นผู้นำอย่างราบรื่น แต่น่าจะมีผู้อาวุโสบางคนที่มีความคิดเห็นต่างออกไปและเกิดการต่อสู้ขึ้น.นี่ถือว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับตระกูลใหญ่อื่นๆ การตายของลั่วเทียนจะกาจก่อให้เกินความแตกต่างระหว่างสี่ตระกูลในเมืองภูเขาหยก.”
“ตระกูลซและโจวทั้งสองกำลังรอคอยวันดังกล่าว พี่ใหญ่เราต้องเตรียมตัว.”
ซ่งหยู่หนานไม่ได้ให้ความสนใจกับการโต้เถียงภายในห้อง ความคิดของเขามุ่งเน้นไปยังพลังของลั่วเทียนที่น่าสงสัย ในการต่อต้านฝ่ามือของลั่วเสียวซาน.
แม่ว่าเขาจะฟื้นคืนพลังแต่เขาก็ยังอยู่ในภายในขั้นพื้นฐานเท่านั้น.
ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขตแดนพื้นฐานก็ไม่อาจจะต่อต้านการโจมตีของลั่วเสียวซาน.
แน่นอนว่าลั่วเทียนได้เผชิญหน้าอย่างมหัศจรรย์!
ยิ่งไปกว่านั้น…
แม้แต่เด็ก3ขวบก็รู้ผลของการต่อสู้ระหว่างศิษย์และผู้อาวุโส แล้วทำไมลั่วเทียนไม่รู้? เขาไม่กลัวความตาย?
ซ่งหยู่หนานรู้สึกว่าลั่วเทียนไม่เหมือนกับที่เขาเคยเป็นมาก่อนมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน.
ทันใดนั้น…
สายตาของซ่งหยู่หนานก็เปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่ยากที่สุดและรวดเร็วที่สุดในชีวิต. “ผู้อาวุโสทั้งห้า แอบเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์ในตระกูลลั่วและปกป้องลั่วเทียนอยู่ในเงามืด เมื่อเกิดความจำเป็นพวกท่านสามารถเปิดเผยตัวกับเขาได้.”
หลังจากนั้นซ่งหยู่หนานได้หยบขวดลายครามและกล่าวว่า “มียาปราณจิตวิญญาณอยู่ในนี้ 10 เม็ดพวกท่านจงใช้มันอย่างระมัดระวัง.”
“ท่านผู้นำ ท่าน…?”
“ทำไมคุณต้องปกป้องชีวิตลั่วเทียน? เมื่อเขาตายตระกูลลั่วจะเข้าสู่ในช่วงวุ่นวายและมันจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลซ่ง.สำหรับตระกูลโจวและซูทั้งสอง ความแข็งแกร่งปัจจุบันไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามของพวกเราทำไมถึงต้องกลัวด้วย?”
ทุกคนในตอนนี้ไม่เข้าใจสิ่งที่ซ่งหยู่หนานตัดสินใจเคลื่อนไหวแบบนี้.
ซ่งหยู่หนานยิ้มน้อยๆ “ทุกคนเชื่อว่าลั่วเทียนจะตายแล้วถ้าเขาไม่ตาย? เขาสามารถอดทนกับความทุกข์ทรมาณขณะที่คนปกติไม่สามารถอดทนได้.ตอนนีี้ลั่วเทียนไม่ใช่คนเดิม เฝ้าดูเด็กคนนี้เขาอาจจะทำให้ตกใจอย่างมาก.”
ทั้งห้ากลายเป็นตัวโง่งม.
————
ตระกูลลั่ว ภายในศาลาดาบ.
ศาลาดาบจะเป็นสถานที่ๆตระกูลลั่วมาฝึกดาบ.
นับตั้งแต่ที่หลี่ซูเอ๋อร์ได้ตกลงที่จะมาฝึกดาบกับลั่วหลินสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสนามฝึกส่วนตัวของเขา.
หลี่ซูเอ๋อร์ได้ถอดดาบออกและปรากฎความตกใจบนใบหน้าของเธอ “ลั่วเทียนต้องการเข้าร่วมการล่าสัตว์?”
ริมฝีปากของลั่วหลินได้โค้งขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นรอยยิ้มที่หยาวเย็นก่อนที่จะหัวเราะออกมา “ ใช่เขาต้องการเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยความแข็งแกร่งเล็กๆ? เขากัดมาเกินกว่าที่จะเคี้ยว. ข้าจะแสดงให้เขาเห็นถ้าเขาเจอข้า… น้องสาวซูเอ๋อร์ท่านจะไม่มีกับข้าในการแข่งล่าสัตว์จริงๆ?ถ้าท่านเข้าร่วมข้าจะให้เจ้าเป็นอันดับแรก.”
หลี่ซูเอ๋อร์ย่นคิ้วก่อนที่จะแสดงความขยะแขยงในสายตา.เธอกังวลเกี่ยกับสถานการณ์ของลั่วเทียนดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า “คนนอกอย่างข้าท่านผู้นำจะให้เข้าร่วม?”
ตาของลั่วหลินเบิกกว้างก่อนจะพูดว่า “เยี่ยม มันไม่เป็นไร ใครก็ตามที่กล้าพูดข้าจะฉีกปากของพวกมัน.”
หลี่ซูเอ๋อร์ะกล่าวเบาๆ“ดี งั้นข้าจะเข้าร่วม.”
ลั่วหลินยิ้มด้วยความตื่นเต้น.เพียงแค่คิดเกี่ยวกับหุบเขาวิญญาณไม่ว่ามนุษย์และสัตว์ร้ายมักมีอยู่ทั่วทุกที่ เขาก็สามารถที่จะเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามได้. เขาสามารถแม้กระทั่งกดตัวลงบน… ในคืนนึง เมื่อคิดไปถึงจุดนั้นลั่วหลินก็กลืนน้ำลายของเขา.
คราวนี้…
มีคนเข้ามาในศาลาดาบ.
ลั่วหมิงเป็นผู้คุ้มกันของลั่วจินซานที่เป็นนายของลั่วหลิน.
ลั่วหมิงเข้ามาและพูดว่า “นายน้อย นายท่านต้องการให้ท่านกลับไปทันที.”
โดยปกติแล้วลั่วหลิงจะไม่กล้าเข้าไปหาลั่วหลินด้วยตัวเองดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะรอช้า. “ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้.”
จากนั้นก็หันกลับไปยิ้ม “น้องสาวซูเอ๋อร์ตอนนี้ได้เวลากลับแล้ว.ปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องการให้ท่านล่าสัตว์.พรุ่งนี้เราจะเข้าสู่หุบเขาวิญญาณและข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะปกป้องท่าน.”
หลังจากที่พูดอย่างนั้นแล้วทั้งสองก็ออกไป.
เหลือเพียงหลี่ซูเอ๋อร์ที่อยู่ในศาลาดาบด้วยความรู้สึกเศร้าบนใบหน้าของเธอ เธอมองออกไปด้านนอกหน้าต่างขณะที่พระอามิตย์กำลังตกดินและกอดดาบของตัวเองพร้อมกับพึมพัม “พี่ใหญ่ลั่วเทียนซู่เอ๋อร์จะไม่ปล่อยให้ใครมารังแกท่าน…”