เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 459 ข้าชอบบุรุษ
ตอนที่ 459 ข้าชอบบุรุษ
“อาจารย์อา ท่านอย่าทำให้ศิษย์กลัวสิขอรับ ความจริงแล้วศิษย์รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามของท่านบรรพจารย์หนิง ดังนั้นศิษย์ก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกเช่นกันขอรับ”
เจี้ยนอู๋เหินทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พลางเอ่ยเสียงอ่อย ๆ “หากมิใช่เพราะท่านเย่ ต่อให้จะมีความกล้ามากเพียงใด ศิษย์ก็มิกล้าบุกเข้ามาที่นี่หรอกขอรับ”
“เจ้ามิต้องหดหู่ไปหรอก”
ชวี่เหวินเซี่ยปรายตามองเจี้ยนอู๋เหินที่ขอบตาแดงเรื่อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความทดท้อใจ แล้วเอ่ยว่า “หากเจ้าบุกมาที่นี่วันอื่น ด้วยนิสัยของอาจารย์แล้ว จะต้องมิมีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน”
“แต่วันนี้ต่างออกไปหากอาจารย์สมหวังตามที่ปรารถนา คงจะมิลงโทษเจ้าหรอก มิแน่อาจจะมอบรางวัลให้เจ้าก็เป็นได้”
เจี้ยนอู๋เหิน “……”
‘แล้ววันนี้ต่างจากวันอื่น ๆ เยี่ยงไร ? ’
‘หรือว่าดวงตะวันของวันนี้ใหญ่กว่าทุกวัน อากาศดีกว่าทุกวันงั้นหรือ ? ’
‘มิใช่ ! ’
‘มิใช่เลยสักนิด ! ’
“อาจารย์อา ท่านอย่ามาล้อศิษย์เล่นเลยขอรับ”
เจี้ยนอู๋เหินใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย พลางส่ายหน้าไปมาและบ่นขึ้นเบา ๆ “มิว่าจะเป็นท่านเย่หรือว่าท่านบรรพจารย์หนิง หากถูกคนใดคนหนึ่งลงโทษขึ้นมา ศิษย์ก็มิอาจจะรับไหวแล้วขอรับ ! ”
“เช่นนี้ เจ้ากับข้าก็ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”
ชวี่เหวินเซี่ยถอนหายใจออกมาน้อย ๆ “หลังจากนี้หากมีอันใดเกิดขึ้นจริง ๆ ล่ะก็ ข้าจะช่วยพูดแทนเจ้าเอง”
เจี้ยนอู๋เหินหันไปโค้งศีรษะให้แก่ชวี่เหวินเซี่ย พลางคร่ำครวญออกมา “อาจารย์อา เรื่องมาถึงขั้นนี้ ชีวิตของศิษย์อยู่ในมือท่านแล้วนะขอรับ”
……
……
อีกด้านหนึ่ง
เย่ฉางชิงกำลังเดินเล่นอยู่บนพื้นที่ปูด้วยหินสีขาว
เนื่องจากไอหมอกที่หนาทึบทำให้ทัศนวิสัยถูกบดบัง เขาจำต้องเพ่งกระแสจิตออกไปเพื่อสำรวจโดยรอบ แน่นอนว่าทั้งนิกายกระบี่สวรรค์ผู้ที่สามารถเพ่งกระแสจิตในที่แห่งนี้ได้ คงมีเพียงเย่ฉางชิงผู้เดียวเท่านั้น
เพราะตบะบารมีของหนิงซู่ซู่นั้นอยู่ในระดับเซียนขั้นท้ายแล้ว
หากมีผู้ใดเพ่งกระแสจิตสำรวจที่นี่ นางจะสามารถรับรู้ได้ทันที ก่อนจะบุกไปสังหาร
อีกอย่างเพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นสามารถสอดแนมได้
รอบ ๆ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงได้มีการวางค่ายกลพิเศษเอาไว้หลายค่ายกล โดยมีศิลาชั้นนทีที่กำเนิดจากก้นมหาสมุทรแท้จริงเป็นอาวุธโบราณ จึงสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบด้วยกระแสจิตทั้งหมดได้
ทว่ามิว่าจะป้องกันหนาแน่นเพียงใด สุดท้ายก็ยังมิสามารถขัดขวางกระแสจิตของเย่ฉางชิงได้
“สระน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใดกันแน่ เดินมาจะครึ่งชั่วยามแล้ว เหตุใดถึงยังมิพบร่องรอยใด ๆ เลย ? ”
เย่ฉางชิงค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ พลางส่งกระแสจิตออกสำรวจรอบ ๆ พร้อมกับพร่ำบ่นไปตลอดทาง
ก่อนหน้านี้ตอนมองจากด้านบน ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้จะมีหมอกบาง ๆ ลอยปกคลุมอยู่ ว่าที่นี่มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์หลายสระกระจัดกระจายตั้งอยู่ตามที่ต่าง ๆ และเกิดไอลอยขึ้นมามิหยุด
ทว่าบัดนี้กลับมีหมอกปกคลุมหนาทึบ ทำให้มองเห็นแค่เพียงหมอกควันสีเทาเท่านั้น
ทำให้มิรู้ที่ตั้งของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์เข้าไปกันใหญ่
จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป
แววตาของเย่ฉางชิงพลันเปล่งประกายขึ้น เหมือนสัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง
วินาทีต่อมา เขาก็รีบก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่เร็วขึ้น เข้าไปทางส่วนลึกที่มีหมอกหนาทึบอย่างเร่งรีบ
ในที่สุดเย่ฉางชิงก็ได้พบสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งเข้าแล้ว
ภายในสระมีของเหลวสีขาว ขณะเดียวกันก็มีไอระเหยขึ้นมา
พอเข้าไปใกล้ ๆ ไอพลังปราณอันบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่ง พลันลอยมากระทบจมูก
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ฉางชิงรู้สึกหน้าชาขึ้นมาก็คือ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กลับดูคับแคบอย่างมาก และสามารถแช่ได้เพียงเท้าทั้งสองข้างเท่านั้น
“นี่……นี่คงมิเรียกว่าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์หรอกกระมัง ? ”
เย่ฉางชิงหัวเราะออกมาแห้ง ๆ จากนั้นก็ได้ส่งกระแสจิตออกไปสำรวจต่อ
ทว่าในวินาทีต่อมา ดูเหมือนว่าในที่สุดเขาก็ค้นหาสิ่งที่เรียกว่าสระน้ำศักดิ์สิทธิ์เจอแล้ว
ลักษณะเหมือนสระน้ำแห่งหนึ่ง ก้นสระมีของเหลวสีขาว และไอพลังที่แผ่ออกมาก็ยังบริสุทธิ์อย่างมากอีกด้วย
“เจอแล้ว ในที่สุดก็หาเจอแล้ว ! ”
ใบหน้าของเย่ฉางชิงเผยความตื่นเต้นยินดีขึ้นมาอย่างปิดมิมิด ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในทันที
ทว่าขณะที่เขากำลังตื่นเต้นและกำลังจะหยุดเพ่งกระแสจิตนั้น ก็บังเอิญสัมผัสได้ถึงไอพลังที่ต่างออกไป
ถูกต้อง !
พูดให้ถูกก็คือสิ่งที่สัมผัสได้เวลานี้ คือ ไอพลังวิถีเซียนของผู้บำเพ็ญเพียรนั่นเอง !
‘หรือเวลานี้จะมีคนอยู่ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ ? ’
คิดได้ดังนั้นเย่ฉางชิงก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเพ่งกระแสจิตออกไปอีกครั้ง
เพียงชั่วอึดใจ
ในส่วนลึกของไอที่ระเหยขึ้นมา ก็พบว่ามีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏขึ้นราง ๆ
เย่ฉางชิงยังมิยอมแพ้ และเพ่งกระแสจิตขยายขอบเขตการสำรวจให้กว้างขึ้น
มินานเมื่อสามารถมองทะลุไอหมอกที่หนาทึบ ก็พบร่างอรชรร่างหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ผมยาวสลวยเนื่องจากคลอเคลียไปกับน้ำศักดิ์สิทธิ์ และมีไอจาง ๆ ลอยขึ้นมา
ใบหน้างดงามผุดผ่องไร้ซึ่งตำหนิ ราวกับหยกบริสุทธิ์ที่ยังมิผ่านการแกะสลัก เปล่งแสงระยิบระยับไปทั้งร่าง ผิวกายละเอียดอมชมพู คิ้วเรียวยาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางงดงาม มุมปากยกยิ้มบาง ๆ ราวกับดรุณีน้อยอีกด้วย
มิหนำซ้ำรอยยิ้มนี้กลับงามล่มเมือง ทำให้คนจิตใจสั่นไหวอย่างห้ามมิได้
ลำคอระหง เห็นกระดูกไหปลาร้าเรียวเล็กสองข้าง มีประกายระยิบระยับออกมา
……
ส่วนด้านล่างผิวขาวนวลเนียนปรากฏขึ้นวับ ๆ แวมๆ ตามการหายใจและมือที่กวักน้ำศักดิ์สิทธิ์ของนาง ยิ่งทำให้คนมองรู้สึกสั่นไหวเป็นอย่างมาก……
เมื่อสมองมีภาพอันงดงามปรากฏขึ้น
บัดนี้เลือดลมของเย่ฉางชิงจึงสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าขาวใสมีสีแดงเรื่อขึ้นอย่างอดมิได้
เยี่ยงไรซะที่ผ่านมาทั้งสามโลก เขายังมิเคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน และมิเคยเห็นภาพของสตรีที่เย้ายวนเช่นนี้มาก่อน
เห็นได้ชัดว่าสตรีที่แช่กายอยู่ในส่วนลึกของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์เวลานี้ ก็คือบรรพจารย์ท่านนั้นของนิกายกระบี่สวรรค์
หนิงซู่ซู่ !
“ผู้ใดกัน ! ”
เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น
เย่ฉางชิงที่กำลังเหม่อลอยถึงกับต้องสูดหายใจเข้าปอดในทันที จากนั้นก็ได้หยุดการเพ่งกระแสจิตลงอย่างรวดเร็ว
พร้อมกับรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ขนลุกชันไปหมด
‘ถูกจับได้หรือไม่ ? ’
‘นางเป็นถึงบรรพจารย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ และพลังอันแข็งแกร่งมากเชียวนะ ! ’
‘ทำเช่นไรดี ! ! ! ’
‘ตอนนี้จะทำเช่นไรดี ! ’
‘ข้าตอนนี้มีตบะบารมีเพียงระดับแดนก่อกำเนิดขั้นต้นเท่านั้น ส่วนบรรพจารย์ของนิกายกระบี่สวรรค์ท่านนี้กลับมีตบะบารมีถึงระดับในตำนานแล้ว’
‘หากนางสังหารข้าที่นี่เพราะเรื่องนี้ ข้ามิมีทางต่อกรกับนางได้อย่างแน่นอน ! ’
‘ทำเช่นไรดี ! ! ! ’
‘หรือจะหนีไปดี ? ’
‘การเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งวิถีเซียนเช่นนี้ มิมีทางที่จะสามารถหนีได้เป็นอันขาด ! ’
‘คุกเข่าขอร้อง ? ’
‘มิได้ ! ’
‘แทนที่จะมีชีวิตอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ ข้ายอมยืนให้นางทุบตีจนตายยังดีเสียกว่า……’
‘จริงสิ ! ’
‘บรรพจารย์นิกายกระบี่สวรรค์ท่านนี้ชื่นชอบข้านี่นา เรื่องมาถึงขั้นนี้คงต้องยอมสละร่างกายให้นางเสียแล้ว’
‘และหากถูกบังคับจริง ๆ ก็เพียงคบหาดูใจกันไปเท่านั้น แต่ข้าจะมิทำเรื่องอย่างว่ากับนางเด็ดขาด’
‘อืม ! ’
‘คงมีเพียงวิธีนี้แล้วสินะ ! ’
ขณะที่เย่ฉางชิงกำลังคิดไตร่ตรอง และหาแผนการเอาชีวิตรอดอยู่นั้น
ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ด้วยพลังอันมหาศาลภายในพริบตา
ก่อนที่อุณหภูมิบริเวณนั้นจะลดลง ทำให้ไอหมอกอันหนาทึบของที่นี่มลายหายไปอย่างรวดเร็ว
มิกี่อึดใจต่อมา
ร่างอรชรที่งดงามไร้ที่เปรียบ ห่อหุ้มด้วยไอพลังอันน่าสะพรึงกลัวร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ด้านบน
แต่เมื่อนางเห็นว่าเย่ฉางชิงยืนอยู่ด้านล่าง
พลังอันน่าสะพรึงกลัวจากไอสังหารที่รุนแรงก็พลันหายไป
“ท่านเย่ ? ”
หนิงซู่ซู่จึงหายวับไปทันที ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าของเย่ฉางชิง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่เล่าเจ้าคะ ? ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ใบหน้าของเย่ฉางชิงแม้จะยังคงเรียบนิ่งดังเดิม ทว่าภายในใจกลับสับสนวุ่นวายไปหมด จนสมองขาวโพลน
“ท่านเย่ ? ”
เมื่อเห็นท่าทางที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของเย่ฉางชิง หนิงซู่ซู่จึงอดมิได้ที่จะเอ่ยเรียกขึ้นอีกครั้ง
ทว่าในตอนนั้นเอง เย่ฉางชิงก็ได้สติขึ้นมา และโพล่งออกไปโดยมิทันยั้งคิดว่า “ขออภัย ข้าชอบบุรุษ”