เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 427 คำสั่งของบรรพจารย์ขง
ตอนที่ 427 คำสั่งของบรรพจารย์ขง
วินาทีต่อมา เย่ฉางชิงรีบก้าวเท้าอีกข้างลงไปในสระบัวทันทีโดยมิลังเล
ในตอนแรกนั้นน้ำศักดิ์สิทธิ์ในสระบัวเหมือนจะดูใสและเย็นสดชื่น แต่หลังจากเกิดนิมิตต่าง ๆ ขึ้นมา น้ำศักดิ์สิทธิ์ภายในสระบัวกลับอุ่นขึ้นราวกับน้ำพุร้อน
ขณะเดียวกัน เมื่อเย่ฉางชิงจุ่มฝ่าเท้าลงไปในสระบัว ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีจิตวิญญาณที่บางเบา ทะลุผ่านทุกรูขุมขนเพื่อเข้าสู่ภายในร่างกาย
หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินเข้าไปตรงกลางของสระบัวอย่างระมัดระวัง ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลง
มินานหลังจากนั้นเคล็ดเทพปีศาจโบราณ ก็เริ่มโคจรภายในร่างกาย
ทำให้จุดเซินฉางทั้งหกตำแหน่งเปิดขึ้น จากนั้นก็ดูดซับเอาจิตวิญญาณต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ภายในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ร่างอย่างบ้าคลั่ง
มิกี่อึดใจต่อมา
เย่ฉางชิงก็ถูกหมอกแสงหลากสีที่เปล่งประกายระยิบระยับจำนวนมหาศาลปกคลุมเอาไว้ และบดบังร่างของเขาไปจนหมด
ส่วนจุดเซินฉางทั้งหกภายในร่างของเขาที่เปิดออกนั้น ราวกับมีสะพานสายรุ้งทั้งหกเชื่อมกับสระบัว จิตวิญญาณธาตุต่าง ๆ เรียกได้ว่าหลั่งไหลเข้าสู่จุดเซินชางอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน แผ่นหยกหลากสีที่อบอวลไปด้วยไอพลังหยินหยาง ที่ลอยอยู่ภายในจุดตันเถียนของเขา
หลังจากดูดซับจิตวิญญาณธาตุต่าง ๆ เข้าไปอย่างต่อเนื่องแล้ว บัดนี้ก็ลุกโชนขึ้นราวกับเปลวเพลิง จนเกิดคลื่นแสงเป็นชั้น ๆ ราวกับร่างกำลังจะเกิดการพัฒนาขึ้นมิหยุด
จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม
หลังจากนั้นเย่ฉางชิงก็ยกยิ้มพึงพอใจออกมา
ผมดำสลวยของเขาพลันขยับ ร่างกายเริ่มเปล่งแสงระยิบระยับออกมา
ขณะเดียวกันร่างของเขาก็ได้แผ่คลื่นแสงอันรุนแรงออกมา สาดส่องไปทั่วทุกทิศทุกทาง
วินาทีนี้ เย่ฉางชิงจึงดูราวกับเทพ ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในสระบัวก็มิปาน
ถูกต้อง !
เขาบรรลุแล้ว !
ภายในสระบัวแห่งนี้ เขาใช้เวลาสั้น ๆ แค่หนึ่งชั่วยาม ก็สามารถบรรลุอย่างก้าวกระโดด จากระดับ สร้างรากฐานปราณขั้นท้าย ไปสู่ระดับแดนสร้างแก่นได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่ระดับแดนสร้างแก่นของเขานั้น กลับแตกต่างจากระดับแดนสร้างแก่นของผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่น ๆ เนื่องจากจินตานของเขาได้มีแสงหลากสีสันปรากฏขึ้น และอบอวลไปด้วยไอพลังหยินหยาง
ราวกับมีสัญลักษณ์มหามรรคามากมายนับมิถ้วนเปล่งแสงราง ๆ ออกมา ขณะเดียวกันยังได้แผ่ไอพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาด้วย
มินาน เย่ฉางชิงก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น
วินาทีที่ลืมตาขึ้นมานั้น ดวงตาของเขากลับมีแสงเปล่งประกายระยิบระยับออกมาด้วย
“จิตวิญญาณธาตุต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ภายในสระแห่งนี้เรียกได้ว่ามิมีที่สิ้นสุด หากข้าสามารถกลั่นจนหมดได้จริง ๆ มิแน่อาจจะสามารถบรรลุจุดสุดยอดแห่งวิถีเซียน กลายเป็นผู้ที่ไร้พ่ายจริง ๆ ก็เป็นได้”
เอ่ยเพียงเท่านั้น เย่ฉางชิงก็หันไปมองภาพโบราณที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็หลับตาทั้งสองข้างลง และโคจรบำเพ็ญเพียรเคล็ดเทพปีศาจโบราณอีกครั้ง……
ขณะเดียวกัน ห่างจากสถานที่ทดสอบบันไดเมฆาออกไปมิไกลนัก ก็ได้มีจัตุรัสที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ซึ่งก่อนหน้านี้ชวี่เหวินเซี่ยรวมถึงศิษย์หญิงของสำนักต่าง ๆ หลังจากเข้าไปในค่ายกลห้วงเวลาบนบันไดเมฆาแล้ว
วินาทีต่อมาพวกนางก็ได้มาปรากฏขึ้นบนจัตุรัสลอยฟ้าแห่งนี้
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกนางรู้สึกมึนงง ก็คือ เมื่อพวกนางปรากฏตัวขึ้นที่จัตุรัสแห่งนี้ บนจัตุรัสอันกว้างใหญ่กลับไร้ซึ่งผู้คน
ทว่าหลังจากพวกนางยืนรออยู่พักใหญ่ ก็มีชายชรากลุ่มหนึ่งทยอยมาถึงที่นี่
หลังจากที่อีกฝ่ายพิจารณาดูพวกนางแล้ว ก็ได้ส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มิได้สนใจพวกนางอีก
แต่ก็มิได้มีท่าทีเช่นนี้ทั้งหมด
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสเหล่านี้เห็นชวี่เหวินเซี่ยและศิษย์หญิงที่มีใบหน้าพริ้มพราย ท่าทางโดดเด่นอีกนางหนึ่ง กลับมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเดินเข้ามาถาม
จนสุดท้ายเมื่อท่านประมุขเหยาห้าวหยานปรากฏตัวขึ้น
“ศิษย์ทุกท่าน ข้าคือ ประมุขของนิกายกระบี่สวรรค์ ประการแรก ข้าขอแสดงความยินดีด้วยที่พวกเจ้าสามารถผ่านการทดสอบครั้งนี้มาได้ และได้กลายเป็นศิษย์คนหนึ่งของนิกายกระบี่สวรรค์ของเราแล้ว”
เหยาห้าวหยานกวาดสายตามองทุกคน พลางเอ่ยด้วยใบหน้าที่แฝงรอยยิ้มอ่อนโยนว่า “ประการที่สอง เนื่องจากการทดสอบยังดำเนินอยู่ ดังนั้นต้องรอการทดสอบสิ้นสุดลงเสียก่อน พวกเจ้าจึงสามารถไปจากที่นี่ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะหันมาสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะคารวะให้
เหยาห้าวหยานพยักหน้าให้ จากนั้นก็ลอบพิจารณาพวกนางทีละคน
เหมือนกับที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้มิมีผิด ศิษย์หญิงเหล่านี้แม้ว่าจะสามารถก้าวขึ้นบันไดเมฆาหกสิบขั้นได้สำเร็จ แต่คุณสมบัติของพวกนางนั้นยังมิดีพอ
แต่หนึ่งในนั้นกลับมีคนหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นมากที่สุด และเหมาะสมที่จะเข้ามาเป็นศิษย์สายใน และมี 11 คนที่พอถู ๆ ไถ ๆ ให้บำเพ็ญเพียรเป็นศิษย์สายนอกได้
ส่วนคนอื่น ๆ การให้บำเพ็ญเพียรที่นิกายกระบี่สวรรค์ นับเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรในการบำเพ็ญเพียรโดยใช่เหตุ
ทว่าท่านบรรพจารย์ขงกลับสั่งเอาไว้ ว่าให้รับศิษย์หญิงเหล่านี้เอาไว้เป็นศิษย์สายในทั้งหมด
เรื่องนี้สร้างความงุนงงให้เขาเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น
ทว่าเมื่อเหยาห้าวหยานที่พร่ำบ่นอยู่ในใจนั้น บังเอิญเหลือบไปเห็นชวี่เหวินเซี่ยที่ยืนอยู่มิไกลนัก
ทันใดนั้นแม้แต่เขาเองก็ยังอดมิได้ที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป
รากปราณชั้นยอดสองธาตุงั้นหรือ ?
หรือว่าศิษย์หญิงผู้นี้ ก็คือ ชวี่เหวินเซี่ยที่บรรพจารย์ขงเอ่ยถึง ?
อืม !
คงจะใช่ !
อีกทั้งด้วยนิสัยของท่านบรรพจารย์หนิง ไหนเลยจะเห็นการทดสอบศิษย์อยู่ในสายตา ?
เหยาห้าวหยานนิ่งเงียบอยู่สักพัก จากนั้นก็ได้ส่งกระแสจิตออกไป
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ท่านบรรพจารย์ขงมีคำสั่งให้พวกเจ้ารับศิษย์หญิงเหล่านี้เข้าเป็นศิษย์สายใน พวกเจ้าจัดสรรกันเองก็แล้วกันนะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงเหล่าผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหยาห้าวหยาน ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน
นี่มัน !
นี่มัน !
นี่มัน !
เป็นคำสั่งของท่านบรรพจารย์ขงจริงหรือ ?
นี่มันไร้สาระเกินไปกระมัง !
เหยาห้าวหยานกวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะส่งกระแสจิตอีกครั้ง “พวกเจ้ามิต้องตื่นตระหนกไป ข้ารู้ดีว่าศิษย์หญิงเหล่านี้มีคุณสมบัติที่ยังดีมิพอ แต่การที่ท่านบรรพจารย์ขงทำเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลของท่าน ดังนั้นพวกเจ้ามิต้องสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น”
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งจึงตอบกลับทันทีว่า “ท่านประมุข ในบรรดาศิษย์หญิงเหล่านี้ ส่วนใหญ่ล้วนมิมีแม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้าเป็นศิษย์สายนอกด้วยซ้ำ ให้พวกนางมาเป็นศิษย์สายใน ถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรในการบำเพ็ญเพียรโดยใช่เหตุนะขอรับ ! ”
ผู้อาวุโสอีกคนเอ่ยอย่างมิพอใจว่า “ท่านประมุข เพื่ออนาคตของนิกายกระบี่สวรรค์ของเรา พวกเราจะทำเรื่องสิ้นคิดเช่นนี้มิได้เด็ดขาดนะขอรับ ! ”
เหยาห้าวหยานส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตอบว่า “ความจริงแล้วข้าเองก็จนปัญญาเช่นกัน รวมทั้งมิเข้าใจอีกด้วย แต่ด้วยนิสัยของท่านบรรพจารย์ขง ทุกคนก็คงจะทราบดี”
“อีกอย่างศิษย์หญิงนามว่าชวี่เหวินเซี่ยผู้นั้นเข้าตาของท่านบรรพจารย์หนิงแล้ว ดังนั้นพวกเจ้ามิต้องฝากความหวังเอาไว้ที่นางจะดีกว่า”
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ผู้อาวุโสทุกท่านก็ถอนหายใจออกมา พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา ทำได้เพียงเดินเข้าไป และพยายามเลือกศิษย์หญิงที่เข้าตามากที่สุด ก่อนจะรับเป็นศิษย์สายในอย่างจำยอม
ทว่าด้วยเหตุนี้ ทำให้ศิษย์หญิงจากสำนักต่าง ๆ กลับรู้สึกคาดมิถึง
โดยเฉพาะศิษย์หญิงหลายคนที่มาจากสำนักระดับล่าง ๆ เดิมทีพวกนางตั้งใจมา แค่หาประสบการณ์ในการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์เท่านั้น
แต่มิมีผู้ใดคาดคิดว่า การติดตามข้างกายท่านพี่เย่ท่านนั้น มิเพียงพวกนางจะได้สัมผัสกับการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์แล้ว ยังสามารถผ่านด่านได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
และสิ่งที่ทำให้พวกนางคาดมิถึงมากที่สุด ก็คือ พวกนางกลับได้เป็นถึงศิษย์สายในของนิกายกระบี่สวรรค์อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ราวกับความฝันก็มิปาน !
“ก่อนหน้านี้อาจารย์ได้บอกเอาไว้ว่า ขอเพียงข้าสามารถผ่านการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์ได้ เขาจะยอมกลืนกระบี่ของเขาเล่มนั้น”
“หากเขารู้ว่าเจ้าได้กลายเป็นศิษย์สายใน เขาจะทำเยี่ยงไรกันนะ ? ”
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่ของข้าบอกว่าการทดสอบของนิกายกระบี่สวรรค์นั้นยากมาก หากข้าสามารถผ่านการประลองที่เมืองกระบี่สวรรค์ได้ คงเป็นเพราะใช้โชคทั้งหมดที่เหลือในชีวิตนี้ไปหมดแล้ว”
“และหากข้าสามารถผ่านการทดสอบทั้งหมด เขาจะออกจากสำนักสือเชวียน กลับบ้านไปทำไร่ ต่อไป จะมิคิดถึงการฝึกเซียนอีก”
“สาวน้อยทุกคน เยี่ยงไรซะการที่พวกเราสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้นั้น เป็นเพราะท่านพี่เย่คอยเมตตา ภายภาคหน้ามิว่าจะเยี่ยงไรก็ต้องจดจำบุญคุณนี้ของท่านพี่เย่เอาไว้ให้ดี”
“……”
“……”
ระหว่างที่ศิษย์หญิงของสำนักต่าง ๆ กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เหยาห้าวหยานรวมทั้งเหล่าผู้อาวุโสที่ยืนอยู่มิไกลนัก กลับมีสีหน้าย่ำแย่ลง ก่อนจะถอนหายใจและส่ายหน้าไปมาอย่างอดมิได้
ทว่าในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้แล้ว
ที่แท้ก่อนหน้านี้พวกเขาเข้าใจซ่งจืออวี่ผิดไปจริง ๆ ผู้ร้ายตัวจริงก็คือเย่ฉางชิง ที่บัดนี้ได้ก้าวขึ้นไปอยู่ด้านบนของบันไดเมฆาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม
ทันใดนั้นด้านบนของบันไดเมฆาก็เกิดลมกระโชกแรง ลำแสงหลากสีสันมากมายสาดส่องออกมา และหมอกค่อย ๆ ลอยต่ำลง ไอพลังเต๋าแผ่ซ่านไปทั่ว
เพียงมินาน ห้วงอากาศด้านบนทั่วทั้งนิกายกระบี่สวรรค์ ก็เกิดการสั่นสะเทือน พร้อมกับมีไอพลังสีม่วงรูปร่างคล้ายมังกรตัวหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทอดตัวยาวอยู่บนท้องนภา ราวกับพลังแห่งโชคที่ไร้รูปร่างของนิกายกระบี่สวรรค์……