เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 411 คำตอบ
ตอนที่ 411 คำตอบ
“ศิษย์น้องซ่ง เจ้าใช้ยาหญ้าหัวใจหนอนไปกว่าครึ่งขวดแล้วจริง ๆ หรือ ? ”
เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ในกระจก หลวนผิงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมา
“ศิษย์พี่หลวน……ข้าจะโกหกท่านไปทำไมกัน”
ซ่งจืออวี่หันมาเอ่ยด้วยสีหน้าหงุดหงิด มุมปากพลางกระตุกน้อย ๆ
ขณะเดียวกันเขาก็นำหญ้าหัวใจหนอนที่เหลืออยู่ส่งให้แก่หลวนผิง
หลวนผิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรับขวดหยกที่บรรจุยาหญ้าหัวใจหนอนมา
วินาทีต่อมา เขาก็ได้เพ่งสมาธิ จากนั้นใบหน้าอันหล่อเหลาพลันเต็มไปด้วยความสับสน
หญ้าหัวใจหนอนแท้จริงแล้วคือยาอะไร เขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
อีกทั้งเขายังเคยสัมผัสความร้ายกาจของหญ้าหัวใจหนอนด้วยตนเองมาแล้ว
เพราะแม้หญ้าหัวใจหนอนจะเป็นหนึ่งในยาวิญญาณที่ใช้ในการกลั่นโอสถ ทว่ายังเป็นยาที่มีฤทธิ์หลอนประสาทประเภทหนึ่งอีกด้วย
ผู้บำเพ็ญเพียรที่มีระดับต่ำกว่าแดนเทวา หากเผลอไปแตะต้องหญ้าหัวใจหนอนเข้า
มิว่าระดับจิตใจจะถูกขัดเกลาจนแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็มิอาจต้านทานฤทธิ์ของยานี้ได้ จิตใจจะเกิดความผิดปกติและจมดิ่งลงไปในภาพมายา โดยมิสามารถถอนตัวได้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้จิตใจสลาย จนกลายเป็นคนเสียสติก็เป็นได้
ตอนนั้นเพราะหลวนผิงเผลอกินหญ้าหัวใจหนอนเข้าไปหนึ่งใบ จึงทำให้เขาถูกขังอยู่ในภาพมายาของตนเองเป็นเวลาถึงครึ่งปี
เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าฤทธิ์ของหญ้าหัวใจหนอนนั้นร้ายกาจมากเพียงใดกัน !
แต่ภายในขวดหยกใบนี้ของซ่งจืออวี่ อย่างน้อยต้องมียาจากหญ้าหัวใจหนอน บรรจุไว้หนึ่งต้นเต็ม ๆ
และตอนนี้เขาก็ใช้มันไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ทว่ากลับมิส่งผลใด ๆ ต่อเย่ฉางชิงเลย
หลังจากที่เงียบไปสักพัก หลวนผิงก็ลุกขึ้น พลางพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “ศิษย์น้องซ่ง เจ้าควรพอแค่นี้เถอะนะ”
ซ่งจืออวี่แค่นเสียงออกมาเบา ๆ แต่หาได้สนใจหลวนผิงไม่
“คิดว่าตอนนี้เจ้าก็คงจะมองออกแล้วกระมัง ? ”
หลวนผิงถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา พลางเอ่ยด้วยความอดทนอดกลั้นว่า “เย่ฉางชิงผู้นี้แม้จะเป็นเพียงศิษย์ใหม่คนหนึ่ง แต่ตอนนี้เกรงว่าจิตใจของเขาน่าจะสูงถึงระดับจิตบริสุทธิ์ไปแล้ว สิ่งนี้หมายความว่าเยี่ยงไรนั้น คงมิต้องให้ข้าอธิบายอะไรให้มากความแล้วกระมัง ! ”
“อีกทั้งการที่ท่านบรรพจารย์ขงให้ความสำคัญกับคนผู้นี้ เกรงว่าคงมีเหตุผลของเขา และหากข้าเดามิผิดแล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้ที่คนผู้นี้จะได้กลายเป็นศิษย์สายสืบทอดของท่านบรรพจารย์ขงอีกด้วย”
ซ่งจืออวี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยพร้อมยกยิ้มอย่างมิแยแสออกมา “ศิษย์พี่หลวน ท่านอย่าลืมสิว่านี่เพิ่งจะเป็นการทดสอบหัวข้อแรกเท่านั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของหลวนผิวก็มีประกายบางอย่างพาดผ่าน ก่อนจะส่งขวดหยกคืนให้ซ่งจืออวี่อีกครั้ง
“ศิษย์น้องซ่ง เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”
หลวนผิงลุกขึ้นยืน “ข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ คงต้องขอกลับไปที่สำนักก่อน ทางนี้ฝากเจ้าช่วยดูแลด้วยก็แล้วกัน”
ซ่งจืออวี่ปรายตามองหลวนผิงด้วยสายตายียวน พลางเอ่ยราวกับจะหัวเราะว่า “หากศิษย์พี่หลวนมีธุระก็รีบไปเถอะ ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง”
ทันทีที่สิ้นเสียง หลวนผิงก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหายตัวไปทันที และปรากฏกายขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้า ก่อนจะเหาะไปทางส่วนลึกของนิกายกระบี่สวรรค์
ตอนนั้นเองเมื่อเห็นหลวนผิงจากไปแล้ว
“มิน่าเล่าตอนนั้นอาจารย์ถึงบอกว่า ภายภาคหน้าหลวนผิงยากที่จะทำการใหญ่ได้”
สีหน้าของซ่งจืออวี่พลันเย็นชาลงทันที พลางหัวเราะเยาะออกมา “หากจะวิตกกังวลถึงเพียงนี้ เจ้าจะมาบำเพ็ญเพียรด้วยเหตุใดกัน กลับบ้านไปทำนาซะเถอะ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งจืออวี่ก็หันไปมองกระจกที่อยู่เบื้องหน้าอีกครา ก่อนจะทำท่ามุทราพร้อมกับเพ่งสมาธิ และสาดยาจากหญ้าหัวใจหนอนลงไปอีกเป็นจำนวนมาก
มิกี่อึดใจต่อมา
รอยตราโบราณสีม่วงเข้มรอยหนึ่งก็ลอยอยู่กลางอากาศ
บัดนี้ยาหญ้าหัวใจหนอนได้แปรเปลี่ยนเป็นหมอกควันกลุ่มหนึ่ง และปกคลุมรอยตราโบราณนั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
วินาทีต่อมา รอยตราโบราณอันชั่วร้ายที่ถูกหมอกควันปกคลุมเอาไว้ ก็ค่อย ๆ ลอยออกไป จนในที่สุดก็หายไปในความว่างเปล่า
ทว่าเวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ
สิ่งที่ซ่งจืออวี่คาดมิถึงก็คือ ภาพในกระจกที่ปรากฏภาพของเย่ฉางชิงค่อย ๆ เลือนรางลง ก่อนที่ภาพนั้นจะปั่นป่วนไปหมด
ในขณะที่เย่ฉางชิงที่อยู่ในดินแดนโกลาหลแห่งนั้น ก็ได้กลิ่นหอมบางอย่างลอยเข้าจมูก อีกทั้งกลิ่นหอมนี้ยังให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างมากอีกด้วย เพราะก่อนหน้านี้มินาน ตอนที่เขาอยู่หน้าเรือนหลังนั้นก็ได้กลิ่นหอมนี้เช่นกัน
“กลิ่นหอมนี่มันสิ่งใดกัน ? ”
เย่ฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย อดมิได้ที่จะพึมพำขึ้นมา
ทว่าระหว่างที่สิ้นเสียงของเขา ดอกบัวที่ลอยอยู่ฝั่งตรงข้ามดอกนั้น ที่เย่ฉางชิงมีความรู้สึกผูกพันบางอย่าง ก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะพ่นหมอกแสงอันนวลตาออกมา
มินานดอกบัวดอกนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่พ่นหมอกแสงอันนวลตาออกมา แสงนั้นก็ค่อย ๆ ลอยวน พร้อมกับสัญลักษณ์มหามรรคาต่าง ๆ ปรากฏขึ้นในอากาศ ราวกับฝนดาวตกปกคลุมอยู่ก็มิปาน
ขณะเดียวกัน ไอพลังที่สงบเยือกเย็นและลึกลับกลุ่มหนึ่งพลันแผ่ออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของเย่ฉางชิงก็เปลี่ยนไปทันที ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เพราะสิ่งแรกที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เดิมทีเขาเห็นดอกบัวดอกนี้ ก็เกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่เมื่อดอกบัวเกิดการเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกคุ้นเคยที่ว่าก็ทวีความรุนแรงขึ้น ราวกับว่าเขาและดอกบัวเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันก็มิปาน
ความรู้สึกนี้จะบรรยายเช่นไรดี !
เหมือนกับว่าเขาคือดอกบัวดอกนี้ และดอกบัวดอกนี้ก็คือเขา
‘นี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะนี่ ? ’
‘จู่ ๆ ข้าก็มาปรากฏตัวยังดินแดนแห่งความโกลาหลอย่างคาดมิถึง และตัวตนที่แท้จริงข้า ก็คือ ดอกบัวเยี่ยงนั้นหรือ’
‘หรือว่า ! ’
‘หรือว่าตัวตนของข้าก็คือดอกบัวดอกนี้จริง ๆ ? ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มัน ! ’
‘นี่มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไร ! ’
‘ไร้สาระเกินไปแล้วกระมัง ! ’
มิกี่อึดใจต่อมา ภาพที่คาดมิถึงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เมื่อดอกบัวดอกนี้ค่อย ๆ เบ่งบาน พร้อมกับพ่นไอหมอกหลากสีสันอันเจิดจ้าออกมา
ขณะเดียวกัน ก็มีไอพลังมหามรรคาจำนวนมหาศาลแผ่ออกมาด้วยเช่นกัน
บนฐานดอกบัวมีแสงระยิบระยับเปล่งประกายขึ้น ฝนดาวตกโปรยปราย สัญลักษณ์มหามรรคาโบราณปรากฏ
เพียงพริบตาลำแสงสีทองสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ถูกต้อง !
เป็นแสงสีทองสายหนึ่ง !
มินานหลังจากแสงระยิบระยับ และสัญลักษณ์มหามรรคาจางหายไป แสงสีทองนี้ก็ค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น กลายเป็นร่างของบุรุษหนุ่มท่าทางสุภาพอ่อนโยน มีใบหน้าแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ฉางชิงตกใจเป็นอย่างมาก ก็คือ บุรุษผู้นี้กลับมีหน้าตาเหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้ว
‘เทพฉางชิง ? ’
‘หรือจะได้พบเทพฉางชิงที่นี่งั้นหรือ ? ’
‘มิใช่หรอกกระมัง ! ’
‘ดอกบัวก็คือเทพฉางชิงที่แปลงกายมางั้นหรือ ? ’
“มิเจอกันนานเลยนะ ! ”
เทพฉางชิงมองมาทางเย่ฉางชิง พลางเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นนิจ
“เจ้า……ท่านคือ ท่านเทพฉางชิงจริง ๆ งั้นหรือ ? ”
เวลานี้เย่ฉางชิงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก อดมิได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ใช่……และมิใช่ ! ”
ใบหน้าของเทพฉางชิงมิได้เผยสีหน้าใด ๆ ออกมา ขณะตอบกลับไป
“หมายความว่าเยี่ยงไร?” เย่ฉางชิงเอ่ยถามย้ำอีกครา
เทพฉางชิงส่ายหน้าไปมา “เพราะมีหลายเรื่องเพียงแค่เข้าใจ แต่มิสามารถอธิบายได้”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับรู้ และถามต่ออีกว่า “จริงสิ ข้าอยากรู้ว่าที่นี่แม้จะเป็นภาพมายา แต่เหตุใดข้าถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ ? ”
“อีกอย่าง หลังจากมาถึงแดนสวรรค์บูรพา เหตุใดข้าจึงสูญเสียพลังในการควบคุมทุกอย่างไป ? ”
ทันทีที่ได้ยินคำถามเหล่านั้น ครั้งนี้เทพฉางชิงกลับมีท่าทางลังเลขึ้นมา ซึ่งนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เย่ฉางชิง เห็นเทพฉางชิงเผยท่าทางลำบากใจออกมา
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก
“คำถามสองข้อนี้ของเจ้า ตอนนี้ข้ายังมิสามารถให้คำตอบกับเจ้าได้”
ในที่สุดเทพฉางชิงก็ได้เอ่ยขึ้น “แต่ว่าหากเจ้าต้องการที่จะรู้คำตอบ ก็ให้ตั้งใจบำเพ็ญเพียร วันหนึ่งหากเจ้าก้าวเข้าสู่แดนเทพบรรพกาลแล้ว ย่อมจะได้รับคำตอบทั้งหมดเอง”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เทพฉางชิงก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา พลางโบกมือไปมา “แล้วพบกันใหม่ ที่แดนเทพบรรพกาล”
สิ้นเสียงร่างของเทพฉางชิงก็ค่อย ๆ เลือนรางลง
ขณะเดียวกัน ก็มีไอพลังกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมา ทำให้รอบกายของเย่ฉางชิงก็เกิดการหมุนวนขึ้นอีกครั้ง
ผ่านไปมิกี่อึดใจ เขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งยังหุบเขาแห่งนั้น และศิษย์จากสำนักต่าง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้หายตัวไป ก็ปรากฏกายขึ้นอีกครา
ทว่าสีหน้าของแต่ละคนในเวลานี้ กลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก พร้อมกับแผ่รังสีที่มิเป็นมิตรออกมา จนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน แต่มินานก็ทุกคนก็เหมือนจะผ่อนคลายลง จากนั้นก็ทยอยลืมตาขึ้นมา