เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน - ตอนที่ 350 ข้าจะบาเพ็ญเพียรด้วยเคล็ดวิชาขั้นสูงนี้ได้ หรือไม่ขอรับ ?
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
- ตอนที่ 350 ข้าจะบาเพ็ญเพียรด้วยเคล็ดวิชาขั้นสูงนี้ได้ หรือไม่ขอรับ ?
‘มิใช่หรอกกระมัง ! ’
‘หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่จะเอาคืนจริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘นี่มันดูจริงจังเกินไปหน่อยกระมัง ! ’
‘คิดมิถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่ปกติเป็ นคนสุภาพอ่อนโยน เวลานี้กลับ จะเอาคืนด้วยการใช ้ก าลัง ! ’
‘แต่คราก่อนอาจารย์ทุบตีศิษย์พี่ใหญ่ไปหนักเพียงนั้น อาจารย์ คงจะมิยอมให้ศิษย์พี่ใหญ่เอาคืนหรอกกระมัง ! ’
‘มิหนาซ้าเรื่องนี้ก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว คิดมิถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่จะ จาฝังใจเช่นนี้ ดูท่าต่อไปคงต้องระวังศิษย์พี่ใหญ่ให้มากซะแล้ว’
‘จริงสิ ! ’
‘อีกอย่างเมื่อสองปีก่อน ข้าเคยยืมศิลาวิญญาณศิษย์พี่ใหญ่มา สองก้อนแต่ยังมิได้คืน ศิษย์พี่ใหญ่จะเก็บเอาเรื่องนี้ไว้ในใจหรือไม่นะ ? ’
‘หลังศิษย์พี่ใหญ่เอาคืนอาจารย์เรียบร ้อยแล้ว คงต้องรีบเอาไป คืนซะแล้ว ! ’
ระหว่างที่ศิษย์อีกแปดคนที่เหลือ กาลังคิดกันไปต่าง ๆ นานา
ตอนนั้นเองนักพรตชิงอวิ๋นที่ยืนหันหลังให้กับพวกเขาอยู่ กลับ รู ้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
ตอนนั้นเขามอบเงิน 500 ตาลึงให้แก่หลี่ซิวหยวนขณะลงเขาไป เพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช ้ที่จาเป็ นในสานัก
แต่สุดท้ายหลี่ซิวหยวนมิเพียงใช ้เงิน 500 ตาลึงนั้นจนหมด เกลี้ยง ทว่ากลับยังเอายันต์หยกอีกหนึ่งชิ้นไปแลกกับภาพเทพปีศาจ โบราณภาพนั้นมา
เงิน 500 ตาลึงนั้น เขามิได้เสียดายเท่าไรนัก
แต่สิ่งสาคัญคือยันต์หยกชิ้นนั้นต่างหากเล่า
เพราะยันต์หยกชิ้นนั้นเทียบเท่ากับค่ายกลรวมวิญญาณแบบ พกพาเลยก็ว่าได้ ตอนบ าเพ็ญเพียรหากพกติดกายเอาไว้ จะช่วยใน เรื่องการบาเพ็ญเพียรได้เป็ นอย่างดี
แค่คิดก็รู ้แล้วว่ายันต์หยกชิ้นนั้นล้าค่าเพียงใด
หากเป็ นโลกมนุษย์อย่าว่าแต่หมื่นตาลึงเงินเลย ต่อให้ขายใน ราคาหมื่นก้อนทองก็ยังน้อยไปเสียด้วยซ้า
และสิ่งที่น่าโมโหมากที่สุดก็คือ
ทั้งสานักชิงหยางยังมิมีผู้ใดสามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณ ได้แม้แต่คนเดียว
เช่นนั้นจึงเป็ นที่สงสัยว่าตัวภาพเทพปีศาจโบราณภาพนี้ใช่ของ จริงหรือไม่
หรือหลี่ซิวหยวนจะถูกคนหลอกมา
จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งเดือน
นักพรตชิงอวิ๋นจึงรู ้สึกโมโหอย่างมาก จึงได้เรียกหลี่ซิวหยวนเข้า พบ จากนั้นก็ปิดประตูแล้วชกเขาไปหนึ่งที
อีกทั้งตอนนั้นหลี่ซิวหยวนเป็ นตายเยี่ยงไรก็มิยอมรับผิด และคิด ว่าเป็ นเพราะคุณสมบัติของคนทั้งสานักชิงหยางต่าเกินไป จึงมิ สามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้นได้
นักพรตชิงอวิ๋นที่จากเดิมก็รู ้สึกโมโหมากอยู่แล้ว เมื่อถูกหลี่ซิว หยวนพูดจาอวดดีเช่นนั้นอีก ในที่สุดเขาก็ระเบิดอารมณ์ออกมา
วันนั้นทั่วทั้งเขาอวิ๋นชางกลับดังระงมไปด้วยเสียงครวญครางอัน บีบคั้นหัวใจ ที่ดังขึ้นเป็ นระลอก
ทั่วทั้งสานักชิงหยางที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน บรรยากาศ เช่นนั้นกลับยิ่งสร ้างความรู ้สึกกดดันให้แก่ทุกคน อย่างมิเคยมีมา ก่อน
หลังจากนั้นหลี่ซิวหยวนมิได้ก้าวลงจากเตียงอีกเลย เป็ นเวลา กว่าสองเดือน
ในตอนนั้นนักพรตชิงอวิ๋นเองก็ทาเกินกว่าเหตุไปจริง ๆ
หากทาให้ศิษย์เอกผู้นี้เป็ นอะไรขึ้นมา สิบกว่าปีที่เขาคอยสั่งสอน มามิเท่ากับเสียเปล่าหรอกหรือ ?
เช่นนั้นทุกคืนขณะที่ทุกคนหลับไปแล้ว เขาจึงต้องไปช่วยหลี่ซิว หยวนในการฟื้นฟูลมปราณ
และด้วยเหตุนี้จึงทาให้ศิษย์รองชวี่เหวินเซี่ย คอยงัดข้อกับเขา ตลอดหลายปีมานี้
“ตาเฒ่าชิงอวิ๋น ทาไมเจ้ามิตีเจ้าเศษสวะหลี่ซิวหยวนนั่นให้ตาย ไปซะเลยล่ะ ตีให้ตายไปเลย ข้าก็จะได้ขึ้นเป็ นศิษย์เอกแทนอย่างไร เล่า ! ”
“ตาเฒ่าชิงอวิ๋น รอข้าได้ขึ้นเป็ นศิษย์เอกเมื่อใด เจ้าก็จะทากับ ข้าเหมือนที่ทากับเขาด้วยงั้นหรือ ? ”
“ตาเฒ่าชิงอวิ๋น ในเมื่อเจ้าช่างมีอานาจถึงเพียงนี้ ทาไมมิเห็นเจ้า วางอ านาจเช่นนี้ ต่อหน้าคนของนิกายกระบี่สวรรค์บ้างเล่า ? ”
“……”
“……”
ต้องบอกว่าหลายปีที่ผ่านมา คาพูดเหล่านี้ของชวี่เหวินเซี่ย ล้วน คอยตอกย้าและสร ้างความเสียใจอย่างมากให้แก่นักพรตชิงอวิ๋น
บัดนี้แม้ความสัมพันธ ์ระหว่างศิษย์อาจารย์จะเริ่มดีขึ้น
ทว่าสุดท้ายการที่เย่ฉางชิงรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณได้สาเร็จ
จึงท าให้บาดแผลในอดีต ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก นักพรตชิงอวิ๋นก็อดมิได้ที่จะทอดถอน ใจออกมา ก่อนจะพูดกับตัวเองว่า ‘ซิวหยวน ดูเหมือนว่าในตอนนั้น เป็ นอาจารย์ที่ทาผิดต่อเจ้า มิใช่เพราะภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้น มีปัญหา แต่เป็ นเพราะคุณสมบัติวิถีเซียนของพวกเราต่าเกินไปจริง ๆ จึงทาให้มิมีผู้ใดสามารถรู ้แจ้งภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้นได้’
‘แต่ในโลกมนุษย์มีคากล่าวหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่า เป็ นศิษย์ อาจารย์เพียงวันเดียว เปรียบดั่งเป็ นพ่อลูกกันตลอดชีวิต หลายปีมานี้ อาจารย์ดูแลเจ้าอย่างดี หวังว่าเจ้าจะไว้หน้าอาจารย์บ้าง’
‘เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากเจ้าต้องการเอาคืนจริง ๆ อาจารย์ก็จะมิ ว่าอะไร แต่ขอให้พวกเราไปตกลงเรื่องนี้กันที่เขาด้านหลังเถอะนะ’
คิดได้เช่นนั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหมุน กายไปมองหลี่ซิวหยวน
“ซิวหยวน มีอะไรเจ้าก็พูดมาตามตรงเถอะ อาจารย์พร ้อมแล้ว ! ”
นักพรตชิงอวิ๋นกวาดตามองคนที่เหลือ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่าง ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
หลี่ซิวหยวนได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปทันที
‘เตรียมพร ้อมแล้ว ? ’
‘อาจารย์หมายความว่าเยี่ยงไร ? ’
‘คงมิได้ให้ข้าเอาคืนจริง ๆ หรอกนะ?’
‘และแม้ว่าข้าจะอยากเอาคืนจริง ๆ ก็เถอะ แต่เรื่องบางเรื่องแค่ เก็บไว้ในใจก็พอแล้ว’
‘หากข้าเอาคืนจริง ๆ อาจารย์อาจจะแอบใช ้ลมปราณเพื่อ ป้ องกัน และสะท้อนกลับทาให้ข้าบาดเจ็บได้ หากเป็ นเช่นนั้นต่อไป อาจารย์จะมีหน้ายืนอยู่ในสานักชิงหยางได้เยี่ยงไรกัน ? ‘
‘ยิ่งไปกว่านั้น แม้อาจารย์จะตีข้าอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็เป็ นคน ช่วยฟื้นฟูลมปราณให้ ทั้งยังมอบโอสถบารุงปราณให้อีก’
‘ท้ายที่สุดแล้ว ก็เป็ นเพราะคุณสมบัติของข้ามิดีเอง’
หลังจากชั่งใจอยู่สักพัก
“อาจารย์ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
หลี่ซิวหยวนมุมปากยกยิ้มฝื ดเฝื่ อนขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “อาจารย์ ข้าหมายความว่า คุณสมบัติของศิษย์น้องฉางชิงสูงถึงเพียง นี้ ศิษย์คงจะไร ้ความสามารถจริง ๆ ขอรับ”
ทันทีที่สิ้นเสียง นักพรตชิงอวิ๋นก็ถอนหายใจออกมาทันที จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี “เรื่องนี้มิยาก ฉางชิงนั้นยังมิเคย บ าเพ็ญเพียรมาก่อน เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ให้เจ้าเป็ นคนสอนเขา โดยเริ่ม ตั้งแต่หลักการขั้นพื้นฐานเสียก่อน”
หลี่ซิวหยวนพยักหน้ารับอย่างมิมั่นใจนัก
“ส่วนพวกเจ้าต้องจ าเอาไว้ให้ดี”
นักพรตชิงอวิ๋นเอ่ยกาชับอีกครั้ง “ฉางชิงเกี่ยวพันถึงอนาคตของ สานักชิงหยางของเรา หากอีกครึ่งปีฉางชิงสามารถเข้านิกายกระบี่
สวรรค์ได้ล่ะก็ เชื่อว่าสานักชิงหยางของเราจะต้องพลอยรุ่งเรืองตาม ไปด้วยอย่างแน่นอน”
“คุณสมบัติของพวกเจ้ามิได้ด้อยกว่าผู้อื่น ขอเพียงมีทรัพยากร ในการบาเพ็ญเพียรมากกว่านี้ จะต้องเป็ นยอดฝีมือที่ไร ้เทียมทานได้ อย่างแน่นอน”
เอ่ยเพียงเท่านั้นนักพรตชิงอวิ๋นก็สบตากับหลี่ซิวหยวนอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวจากไป
ตอนนั้นเองชวี่เหวินเซี่ยที่นั่งตรงข้ามกับหลี่ซิวหยวน ก็กลอกตา ใส่หลี่ซิวหยวนอย่างมิเกรงใจ
“หลี่ซิวหยวน ข้าคิดว่าครานี้เจ้าจะมีความกล้ามากกว่านี้เสียอีก แต่สุดท้ายก็ยังกระจอกเหมือนเดิม”
ชวี่เหวินเซี่ยกระตุกมุมปาก พลางแค่นเสียงออกมา
หลี่ซิวหยวนหัวเราะเยาะตัวเอง พลางเอ่ยว่า “ข้าเคยคิดที่จะเอา คืนจริง ๆ แต่เยี่ยงไรเสียอาจารย์ก็คืออาจารย์จะด้วยความผูกพันหรือ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ข้าจะทาเช่นนั้นได้เยี่ยงไรกัน ? ”
ชวี่เหวินเซี่ยมีท่าทีอ่อนลง พลางเอ่ยเรียบ ๆ ว่า “แม้จะเป็ นคนไร ้ ประโยชน์ แต่อย่าได้ขัดขวางการบ าเพ็ญเพียรของศิษย์น้องเล็ก เด็ดขาด มิเช่นนั้นข้ามิเอาเจ้าไว้แน่”
เอ่ยจบชวี่เหวินเซี่ยก็ลุกขึ้น และพาจื่อเหยาออกไปทันที
หลี่ซิวหยวนอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะมีสีหน้าสับสน พลางส่ายศีรษะ ไปมา
………………………………
วันต่อมา
เมื่อขอบฟ้ าค่อย ๆ สว่างขึ้น
เย่ฉางชิงที่หลับมิค่อยสนิทตลอดทั้งคืน หลังจากล้างหน้าล้างตา เสร็จเรียบร ้อยแล้ว ก็เฝ้ ารอการมาของศิษย์พี่ใหญ่อย่างเงียบ ๆ
ผ่านไปมินาน ด้านนอกก็มีเสียงเรียบนิ่งของศิษย์พี่ใหญ่หลี่ซิว หยวนดังขึ้น
“ศิษย์น้อง เจ้าเตรียมตัวพร ้อมหรือยัง ที่จะไปฝึ กกับข้าที่เขา ด้านหลัง”
สิ้นเสียงเย่ฉางชิงก็เดินออกมาจากด้านในห้อง
“เย่ฉางชิงคารวะศิษย์พี่ใหญ่”
ทันทีเห็นหลี่ซิวหยวนที่อยู่ในในชุดคลุมตัวยาว และมีลักษณะ โดดเด่น เย่ฉางชิงก็ได้ประสานมือคารวะทันที
เห็นเช่นนั้นสีหน้าของหลี่ซิวหยวนก็มีความสับสนเผยออกมา แวบหนึ่ง ก่อนจะโบกมือไปมา “ศิษย์น้องเย่ แม้เจ้าจะมิสามารถเข้ามา เป็ นศิษย์อย่างเป็ นทางการของสานักชิงหยางได้ แต่นับแต่นี้ไปพวก เราก็ถือว่าเป็ นพี่น้องร่วมสานักกันแล้ว เช่นนั้นมิจาเป็ นต้องมากพิธี หรอก”
เอ่ยถึงตรงนี้ หลี่ซิวหยวนก็ได้เพ่งสมาธิ พลางหยิบขวดหยกใบ หนึ่งออกจากแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะส่งให้เย่ฉางชิง
“ขวดหยกใบนี้มีโอสถบารุงกาลังอยู่หลายสิบเม็ด เจ้าเพิ่งจะเริ่ม บาเพ็ญเพียรยังมิสามารถที่จะมิกินอาหารได้ เช่นนั้นก่อนเริ่มบาเพ็ญ เพียรให้เจ้ากินยาบารุงนี่วันละหนึ่งเม็ด”
หลี่ซิวหยวนกาชับอย่างใจเย็น
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับ ก่อนจะเก็บขวดหยกนั้นเอาไว้ในแหวน เก็บสมบัติ
“จริงสิ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ามีค าถามอยากจะถามขอรับ”
เย่ฉางชิงลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็อดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
หลี่ซิวหยวนจึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ศิษย์น้องเย่ มีอะไรก็พูดมา เถอะ”
“ศิษย์พี่ใหญ่ เมื่อวานนี้ข้าเลือกภาพเทพปีศาจโบราณภาพนั้น มาจากหอเก็บต ารา”
เย่ฉางชิงเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียด “ทว่าเคล็ดวิชาที่ข้ารู ้แจ้งมา จากภาพเทพปีศาจโบราณนั้น หากฝึกแล้วจะมิสามารถใช ้เคล็ดวิชา อื่นได้อีก”
“ศิษย์พี่ใหญ่ ภายในสานักของเราคิดว่าคงมีคนเคยรู ้แจ้งเคล็ด วิชาขั้นสูงจากภาพเทพปีศาจโบราณมาก่อนแล้ว เช่นนั้นข้าจึงอยาก ขอคาชี้แนะจากศิษย์พี่ใหญ่ ว่าข้าจะสามารถบ าเพ็ญเพียรด้วยเคล็ด วิชาขั้นสูงนี้ได้หรือไม่ขอรับ ? ”
หลี่ซิวหยวน : ( ̄△ ̄; )