เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 9 ตอนที่ 261 วางยา
เล่มที่ 9 ตอนที่ 261 วางยา
“เสด็จพ่อ โปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ เป็นสตรีผู้นี้ที่ล่อลวงลูก นี่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของลูกเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
ผลักสตรีที่อยู่บนร่างออกอย่างรุนแรงคุกเข่าคำนับฮ่องเต้ไม่หยุด ท่าทีลนลานนี้ราวกับรู้ว่าตัวเองชนเข้ากับหายนะใหญ่เข้าแล้ว
สตรีที่ถูกผลักจนลงไปนอนบนพื้นก็ยังคร่ำครวญอย่างอ่อนช้อยไม่หยุด นางขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่พอใจทำให้เหล่าบุรุษด้านนอกได้เห็นเป็นบุญตาแล้ว
ในฝูงชนมหาเสนาบดีหลันที่ไม่อาจรักษาเกียรติไว้ได้นานแล้ว เมื่อเห็นฉากเบื้องหน้าเขาก็ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าทว่าก็ไม่ได้เดินจากไป โกรธเกรี้ยวจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“มหาเสนาบดีหลัน?” มีคนพยุงร่างของเขาทันที
แต่เพราะการกระทำเล็กน้อยนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดแจ้งว่า คนที่กำลังทำเรื่องโสมมเช่นนี้ถึงขั้นลอบพบกับไท่จื่อเป็นการส่วนตัวที่ห้องโถงด้านข้างในตำหนักก็คือ บุตรีคนโตของจวนมหาเสนาบดีหลันเชี่ยนหยิ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์ถูกฉากตรงหน้าทำให้ตะลึงงันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ แม้นางจะมองออกทันทีว่าหลันเชี่ยนหยิ่งถูกคนวางยา แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนาจนกลายมาเป็นเช่นนี้
หางตาเหลือบไปเห็นซูเช่อในฝูงชนอย่างไม่ได้ตั้งใจ นางกะพริบตาจนแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดไป เห็นเขาอดไม่ได้ที่จะโค้งมุมปากขึ้นมา แม้จะไม่รู้ว่าเขาปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชนตั้งแต่เมื่อใดแต่รอยยิ้มนั้นอธิบายเรื่องทั้งหมดได้อย่างชัดเจนยิ่ง
“ให้คนมาเอาตัวโสมมสองตัวนี้ออกไปเสีย!”
เห็นฮ่องเต้พิโรธยิ่งราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ หวางโฮ่วก็รีบออกคำสั่งให้นางกำนัลเอาคนออกไปทันทีก่อนจะหมุนร่างมองกลับไปข้างหลัง “ขุนนางทุกท่านวันนี้มีตำหนักในวังหลวงน้ำท่วมทุกคนล้วนเห็นแล้ว ไม่ใช่เวลาที่จะกลับไปงานเลี้ยงจริงๆ เช่นนั้นแยกย้ายเถิด”
ไท่จื่อและบุตรีจวนมหาเสนาบดีลอบมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน หากเรื่องเช่นนี้แพร่งพรายออกไปเกรงว่าไท่จื่อที่เพิ่งกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมคงต้องถูกปลดอีกครั้งแล้ว
เหล่าขุนนางใหญ่ที่ได้เห็นเป็นบุญตายังพูดคุยถึงฉากที่ได้เห็นเมื่อครู่ เมื่อได้ยินหวางโฮ่วออกคำสั่งส่งแขกย่อมไม่กล้าอยู่ต่อรีบทยอยถอยออกไปตามคำสั่ง
หลิงมู่เอ๋อร์ที่กำลังคิดจะเดินจากไปกลับถูกฮ่องเต้เรียกให้อยู่ต่อ “แม่นางหลิงช้าก่อน อย่างไรก็ต้องรบกวนให้ไปดูทั้งสองคนนั้นที่กำลังวุ่นวายเสียหน่อย”
อารมณ์อันดีที่มีมาทั้งวันถูกทำลายลง ฮ่องเต้ที่เดิมทีกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวากลับราวกับแก่ลงไปสิบปี ถึงอย่างไรเรื่องที่น่าขายหน้าเช่นนี้ก็เกิดกับโอรสมังกรแห่งราชวงศ์ เป็นธรรมดาที่จะเป็นเรื่องอัปยศอย่างใหญ่หลวงต่อราชวงศ์
“เพคะฝ่าบาท”
แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่หลิงมู่เอ๋อร์ก็ยังตามไป
มหาเสนาบดีหลันคุกเข่าลงบนพื้นโดยพลัน “กระหม่อมสั่งสอนบุตรสาวไม่ได้ความขอฝ่าบาททรงลงโทษพ่ะย่ะค่ะ!”
“เอาเถิด เรื่องวันนี้แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ รอให้หลิงมู่เอ๋อร์ตรวจสอบสถานการณ์ให้ชัดเจนแล้วค่อยว่ากัน แต่เจ้าวางใจหากเป็นปัญหาในราชวงศ์ของข้าจะต้องมีคำอธิบายที่น่าพอใจให้แก่จวนมหาเสนาบดีอย่างแน่นอน!”
ไม่มองมหาเสนาบดีหลันแม้แต่คราเดียว หลังฮ่องเต้มอบหมายให้คนข้างตัวไปตรวจสอบเรื่องที่น้ำท่วม ก็สะบัดแขนเสื้อเดิมตามหลังหลิงมู่เอ๋อร์ไป
ไม่เพียงแต่เหล่าขุนนาง แม้แต่เหล่าสตรีทั้งหมดก็ล้วนถูกหวางโฮ่วสั่งให้แยกตัวออกไปแล้ว
ไท่จื่อถูกพากลับไปยังตำหนักจงชุ่ยเมื่อรับรู้วัตถุประสงค์ที่หลิงมู่เอ๋อร์เข้ามา เขาก็ยื่นมือคิดจะคว้าแขนของหลิงมู่เอ๋อร์แต่ก็ถูกซั่งกวนเซ่าเฉินที่หลบอยู่ด้านหลังปกป้องเอาไว้ข้างหลัง
“ทำไม น้องสามมีสตรีผู้หนึ่งปรนนิบัติยังไม่พอใจจนต้องมารบกวนพวกข้าอีกหรือ?”
แม้คำพูดนี้ของซั่งกวนเซ่าเฉินจะกวนอารมณ์ยิ่ง แต่ไท่จื่อก็รู้ว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียงกับเขา
ในยามนี้ฮ่องเต้รวมถึงมหาเสนาบดีหลันก็เดินตามกันเข้ามาพอดี ไท่จื่อกล่าวอย่างเคร่งเครียด “เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ หลิงมู่เอ๋อร์เป็นหมอหากนางตรวจสอบเสียหน่อยก็รู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ไท่จื่อชี้ไปยังหลันเชี่ยนหยิ่งที่ถูกควบคุมตัวไว้ ทั้งยังรีบวิ่งไปเบื้องหน้าฮ่องเต้ “เสด็จพ่อโปรดเชื่อลูกพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้หาใช่เรื่องพื้นๆ อย่างที่พวกท่านเห็นไม่ เป็นนางที่ล่อลวงกระหม่อม เป็นนางที่ล่อลวงกระหม่อมก่อนจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ความบริสุทธิ์ของสตรีผู้หนึ่งถูกทำลาย เจ้าในฐานะไท่จื่อ ในฐานะบุรุษกล้าทำแต่มิกล้ายอมรับ เจิ้นมีลูกชายขี้ขลาดตาขาวเช่นเจ้าได้อย่างไร…”
ฮ่องเต้พิโรธดึงดาบที่ห้อยอยู่ข้างเอวขององครักษ์ออกมาต้องการพุ่งเข้าไป ทว่าซั่งกวนเซ่าเฉินรีบมาขวางไว้ “เสด็จพ่อหากทรงคิดจะให้คำอธิบายแก่จวนมหาเสนาบดี รอให้ตรวจสอบเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจนค่อยลงโทษก็ยังไม่สายพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็ทำให้ความอับอายในยามนี้หายไปสิ้น ทั้งยังเป็นการไว้หน้ามหาเสนาบดีอีกด้วย
ได้ยินคำพูดนี้ก็มองไปยังลูกสาวที่มีท่าทีเย้ายวน มหาเสนาบดีหลันก็รู้สึกเพียงว่าไม่มีที่สำหรับเกียรติของเขาแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทยิ่งสำหรับความเห็นใจพ่ะย่ะค่ะ เป็นเหล่าเฉินที่สอนบุตรสาวไม่รู้ความทำให้คุณธรรมประจำตระกูลเสื่อมเสีย หลังตรวจสอบเรื่องนี้แน่ชัดแล้วจะพากลับไปสั่งสอนอย่างเต็มที่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
ในยามนี้หลิงมู่เอ๋อร์เดินไปข้างกายหลันเชี่ยนหยิ่งแล้ว ในระหว่างที่นางก่อเรื่องวุ่นวายมากเกินไปก็ถูกคนตีจนหมดสติไป
หลิงมู่เอ๋อร์ตรวจดวงตาของนางก่อนหลังจากนั้นก็ตรวจชีพจร เดิมทียังมองไม่ออกว่ามีสิ่งใดผิดปกติแต่ตัวนางกลับมีกลิ่นฉุนเสียดแทงจมูกยิ่ง เพียงชั่วพริบตานางก็ส่ายหัว
“รบกวนนางกำนัลช่วยไปตักน้ำมาให้สักอ่างเจ้าค่ะ”
เมื่อได้รับการยินยอมจากหวางโฮ่วนางกำนัลก็ไปตักน้ำมา
น้ำเย็นหนึ่งอ่างถูกสาดบนใบหน้า หลันเชี่ยนหยิ่งที่หมดสติหลังไอออกมาไม่กี่ครั้งก็ได้สติโดยพลัน
นางมองไปรอบด้านด้วยสติเลือนรางทั้งยังมองไปยังคนตรงหน้า ก็เห็นฮ่องเต้และบิดาที่คุกเข่าอยู่บนพื้น นางรีบร้อนลุกขึ้นแต่ถูกหลิงมู่เอ๋อร์รีบกดร่างไว้ “แม่นางหลันตั้งสติก่อน”
หลันเชี่ยนหยิ่งชะงักไปชั่วครู่แต่ไม่นานก็รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง นางก้มศีรษะมองตัวเองที่เสื้อผ้ารุ่งริ่งไม่สมประกอบ ในหัวก็มีเสียงดังตูมอยู่พักหนึ่งราวกับถูกระเบิดออก
มองไปยังบุรุษที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นเดียวกันอีกครา คาดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่พี่เช่ออย่างที่จินตนาการไว้ก็ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ [1] อีกครั้ง
“ทำไม เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลันเชี่ยนหยิ่งหอบหายใจอย่างตึงเครียดสีหน้าซีดเผือด มือทั้งสองข้างกำผ้าห่มที่พันร่างกายไว้แน่นนางพยายามหามุมที่จะสามารถซ่อนร่างไว้
“นางเด็กเนรคุณ! ตัวเองทำเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้เจ้ายังกล้าถามผู้อื่นอีกหรือ?”
มหาเสนาบดีหลันโกรธจนแทบมีควันออกจากหัว ยามที่มองลูกสาวอีกคราเขาก็ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
ลูกสาวที่เขาเหน็ดเหนื่อยเลี้ยงดูมาแทบตายคาดไม่ถึงว่าจะมาถูกทำลายเช่นนี้ ไม่ใช่แค่นางแต่ทั้งจวนมหาเสนาบดีนับแต่วันนี้จบสิ้นแล้ว!
“ท่านพ่อ ท่านพ่อไม่ใช่เช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้า…” หลันเชี่ยนหยิ่งรีบร้อนอยากอธิบายแต่ผ่านไปนานกลับพูดประโยคที่สมบูรณ์ไม่ออกสักประโยค
นางมองไท่จื่อที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างตกตะลึงก็ยิ่งร้องไห้อย่างหนัก
“สตรีผู้นี้ชัดเจนว่าเจ้าเป็นคนล่อลวงข้าเจ้ายังจะร้องไห้อีกหรือ เจ้าจะร้องไห้หาอันใด!” ไท่จื่อเห็นนางไม่พูดความจริงให้ชัดเจนก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่านาง
“โอหัง!” ฮ่องเต้พิโรธยิ่ง “ในฐานะไท่จื่อทำเรื่องเช่นนี้แล้วนี่คือสิ่งที่เจ้าควรพูดออกมาหรือ?”
เมื่อถูกต่อว่าไท่จื่อก็ก้มหน้าตำหนิตัวเองแต่ก็ยังไม่ยอมรับ “เสด็จพ่อเหตุใดจึงไม่ยอมเชื่อลูกพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้ทรงผิดหวังเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าไท่จื่อจะพูดอันใดเขาก็ล้วนไม่คิดสนใจ
ดวงตามองตรงไปยังหลิงมู่เอ๋อร์ “ตกลงนางเป็นอันใด? เป็นอย่างที่ไท่จื่อพูดหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าหากวันนี้นางเปิดปากก็จะทำลายหลันเชี่ยนหยิ่งได้แล้ว นางควรช่วยอีกฝ่ายหรือไม่? แต่นางก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่ามีเหตุผลอันใดที่จะลืมเลือนเรื่องที่หลันเชี่ยนหยิ่งทำร้ายนางก่อนหน้านี้
“ทูลฝ่าบาทในร่างของแม่นางหลันได้รับยาปลุกกำหนัดปริมาณมากเกินไปเพคะ ดังนั้น…”
“ดูเอาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมบอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของกระหม่อมเพียงผู้เดียว เสด็จพ่อเรื่องนี้อย่าตำหนิกระหม่อมเลยพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อในที่สุดก็ได้รับคำตอบไท่จื่อก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เมื่อครู่กระหม่อมไปหาคนที่ตำหนักจงชุ่ยคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินเข้าประตูนางก็โถมตัวเข้ามา เสด็จพ่อกระหม่อมเป็นบุรุษจิตใจเด็ดเดี่ยว เพราะเป็นสตรีที่งดงามยั่วยวนเช่นนี้ลูกจึงควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะพ่ะย่ะค่ะ”
เพี๊ยะ!
ไท่จื่อเพิ่งพูดจบใบหน้าก็ถูกหนึ่งฝ่ามือตบอย่างแรง
ไท่จื่อหันกลับมามองอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เสด็จพ่อ!”
สายตาเห็นฮ่องเต้ยังอยากจะตีเป็นครั้งที่สองหวางโฮ่วก็รีบขวางไว้ “ฝ่าบาทเรื่องนี้ก็ชัดเจนแล้วเพคะ ไท่จื่อก็หาได้พูดผิดไม่ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็มิใช่ความผิดของเขาผู้เดียว ทรงลงโทษเพียงผู้เดียวเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสมเพคะ”
มหาเสนาบดีรู้ว่าฮ่องเต้ทำเช่นนี้ล้วนทำเพื่อให้เขาเห็น หากเขายังไม่ทำอันใดอีกเกรงว่าตำแหน่งมหาเสนาบดีคงถึงคราสิ้นสุดแล้ว
คุณหนูผู้เป็นบุตรีจวนมหาเสนาบดีวางยาไท่จื่อ หากมีคนสืบสาวไปถึงต้นตอ…
“นางเด็กชั่วปกติพ่อสั่งสอนเจ้าเช่นนี้หรือ? เป็นคุณหนูบุตรีผู้เพียบพร้อมดีๆ ไม่ชอบ คาดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ ข้าให้กำเนิดลูกสาวต่ำช้าเช่นเจ้าออกมาได้อย่างไร!”
มหาเสนาบดียกมือขึ้นต้องการตีลงไปแต่หลันเชี่ยนหยิ่งหลบเลี่ยงไปได้
“ท่านพ่อไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้มีอันใดกับไท่จื่อ ที่จริงข้า ข้า…” นางพูดตะกุกตะกัก สีหน้าน่ากลัวไม่น่าดู
เพราะนางก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนามาจนถึงขั้นนี้ได้
มองหลิงมู่เอ๋อร์อีกครา เหตุใดนางจึงอยู่ที่นี่? ใช่ เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนางเป็นแน่
“เป็นนางพูดจาเหลวไหลเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้วางยาตัวเองนะเจ้าคะ ข้าในฐานะคุณหนูใหญ่บุตรีแห่งจวนมหาเสนาบดีจะทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าไร้ศีลธรรมเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านพ่อเชื่อข้าเถิดเจ้าค่ะ”
พูดความจริงหรือไม่คนเป็นพ่อย่อมรู้ดี แต่ในยามนี้หากมีแพะรับบาปเกรงว่าเรื่องราวคงคลี่คลายลงมาก
มหาเสนาบดีหันกลับไปมองหลิงมู่เอ๋อร์ “รบกวนแม่นางหลิงลองตรวจสอบให้ละเอียดอีกครา ว่าในร่างกายของเชี่ยนหยิ่งมีสิ่งนั้นที่เจ้าพูดจริงหรือไม่?”
เห็นได้ชัดว่าตัวเองทำผิดแต่กลับยังหวังลมๆ แล้งๆ เอาความผิดมาใส่หัวนางด้วย หลิงมู่เอ๋อร์ที่ไม่อาจข่มกลั้นกับตัวเองได้อีกต่อไปรู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันใด
“ข้าเพียงบอกว่านางได้รับยาปลุกกำหนัดแต่หาได้บอกว่านางวางยาตัวเองไม่ คุณหนูหลันสารภาพออกมาเองโดยไม่ต้องบังคับเช่นนี้ หรือต้องการจะโทษข้าด้วยหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็เพิ่งจับประเด็นสำคัญในคำพูดเมื่อครู่ของหลันเชี่ยนหยิ่งได้
ไท่จื่อพุ่งพรวดออกมาทันที “ดีหลันเชี่ยนหยิ่ง เจ้าเป็นสตรีผู้หนึ่งคาดไม่ถึงว่าจะใช้ยาเช่นนี้กับข้า เจ้าคงไม่ใช่ว่าอยากได้ตำแหน่งเช่อเฟยของไท่จื่อมานานแล้วกระมัง? หากเจ้าพูดมาให้ชัดเจนข้าจะขอสมรสพระราชทานจากเสด็จพ่อให้ อาศัยเพียงความงดงามของเจ้าก็สามารถเข้าไปในตำหนักไท่จื่อได้โดยง่าย แต่เจ้ากลับไม่สนใจชื่อเสียงทั้งยังใส่ร้ายข้า สตรีเช่นเจ้านี่ช่าง…” ไท่จื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีส่วนใดที่ผิดปกติแม้แต่น้อย
เพิ่งพูดจบก็มีสตรีสองคนรีบวิ่งเข้ามาจากข้างนอก
“ตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่นี่ ลูกชายของข้าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?” อี้กุ้ยเฟยที่ให้คนประคองอยู่รีบพุ่งเข้าไปข้างกายไท่จื่อ
ไท่จื่อเฟยเห็นว่าหลันเชี่ยนหยิ่งที่อยู่ด้านข้างมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง นางกัดริมฝีปากล่างแน่นแม้จะไม่ได้พูดสักประโยค แต่ในดวงตาฉายชัดถึงความผิดหวังและเกลียดชัง
“ฝ่าบาท นี่…”
“เอาเถิด ไม่ใช่ว่าอี้กุ้ยเฟยล้วนเห็นชัดเจนแล้วหรือ?”
ขัดจังหวะอี้กุ้ยเฟยที่เปิดปากพูด ฮ่องเต้นวดหว่างคิ้วหายใจเข้าลึกๆ พลางกล่าว “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วทั้งยังเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของราชวงศ์ เจิ้นไม่คิดจะซักไซ้ให้มากความ จะถูกคนใส่ร้ายก็ดี จะเป็นตัวเองเต็มใจสมยอมก็ช่าง พวกเจ้าว่าเอาเองเถิดว่าคิดอยากจะตัดสินใจเช่นไร”
ฮ่องเต้ไม่คิดจะซักไซ้ไล่เลียงว่าเป็นจวนมหาเสนาบดีต้องการล่อลวงไท่จื่อ ก็นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่อจวนมหาเสนาบดีแล้ว มหาเสนาบดีรู้ว่าในยามนี้มีแต่ต้องขอบคุณในความกรุณาของฮ่องเต้เท่านั้น “กระหม่อมขอบพระทัยในความกรุณาของฝ่าบาทยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เรื่องทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
ลูกสาวที่ดีเยี่ยมต้องส่งให้คนอื่นเปล่าๆ เช่นนี้ก็ยังต้องการขอรางวัลด้วย เรื่องน่าอับอายเช่นนี้เป็นธรรมดาที่จะทำให้เขาจิตใจว้าวุ่นจากสถานการณ์ที่เลวร้าย ยิ่งกว่าต้องการชีวิตเขาเสียอีก
มหาเสนาบดีหลันล้วนไม่มองหลันเชี่ยนหยิ่งสักครา ต้องการเพียงแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด
“แม้หม่อมฉันจะไม่เข้าใจว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ไม่สู้ให้คุณหนูหลันเข้าตำหนักไท่จื่อเถิดเพคะ ตำหนักไท่จื่อย่อมไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ยุติธรรมเพคะ”
เชิงอรรถ
[1] ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หมายถึง เรื่องที่คาดไม่ถึงซึ่งน่าตกใจเป็นอย่างมาก