เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 19 ตอนที่ 547 จำได้
เล่มที่ 19 ตอนที่ 547 จำได้
คิดไว้แล้วว่าอามู่เต๋อจะต้องแว้งกลับมาเล่นงานเช่นนี้ แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ยังคงมีสีหน้าประดุจอาบสายลมในฤดูใบไม้ผลิทั้งไม่หยิ่งผยองและไม่ใจร้อน
“ในเมื่อองค์ชายรองพูดถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเจิ้นก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบัง ในระหว่างที่มั่วจวินเหยาซึ่งเป็นองค์หญิงได้เป็นตัวแทนของแคว้นซีอวี้มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นเทียนเฉาของข้า นางได้ทำการสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกลอบทำร้ายสามีของนางเสียนหวางซูเช่อ เดิมเจิ้นยังคิดจะเก็บเรื่องนี้ไว้เพื่อหารือกับองค์ชายรองเป็นการส่วนตัว แต่คาดไม่ถึงว่าองค์ชายรองจะกดดันคนเช่นนี้ เช่นนั้นเจิ้นก็จะไม่พะว้าพะวังอีก”
น้ำเสียงของซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ดังไม่เบา แต่ทุกคำพูดล้วนดังไปเข้าหูของทุกคนได้อย่างพอดิบพอดี
มั่วจวินเหยาถูกหย่าอย่างกะทันหันจนต้องกลับมาแคว้นซีอวี้ สาเหตุที่แท้จริงมีเพียงอามู่เต๋อผู้เดียวที่รู้ ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ เหล่าทูตที่มาแสดงความยินดีจึงเริ่มชี้นิ้ววิจารณ์แคว้นซีอวี้อีกครา
องค์หญิงที่ไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ผู้หนึ่งกลับวางแผนลอบทำร้ายสามีตนเอง? นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าแคว้นใดก็ล้วนไม่อาจยอมได้ แต่แคว้นเทียนเฉากลับไม่สังหารนางนับว่าเป็นความเมตตาอย่างถึงที่สุดแล้ว ทว่าแคว้นซีอวี้กลับไม่ยอมรับผิดทั้งยังย้อนกลับมาเล่นงานอีกฝ่ายด้วยหรือ?
“เจ้าพูดเหลวไหล!”
อามู่เต๋อสะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธเกรี้ยว เห็นสายตาดูหมิ่นของทุกคนเขาก็กัดฟัน “เหยาเหยาเคยทำเรื่องอย่างการวางแผนลอบทำร้ายซูเช่อตั้งแต่เมื่อใด? เหยาเหยาเป็นองค์หญิงผู้เป็นที่รักมากที่สุดของแคว้นซีอวี้ แคว้นซีอวี้ของข้าส่งนางไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อแสดงความจริงใจของแคว้นซีอวี้! แต่พวกเจ้าไม่เพียงแต่หย่ากับนางและส่งกลับมา ทว่ายังถึงขั้นทำให้นางอับอายอีกด้วย ซั่งกวนเซ่าเฉิน เจ้าต้องการละทิ้งสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นซีอวี้และแคว้นเทียนเฉาจริงหรือ?”
สิ้นคำพูดนี้สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปโดยพลัน
แคว้นซีอวี้และแคว้นเทียนเฉาเดิมได้เริ่มสงครามกันมาตั้งแต่กว่าครึ่งปีก่อนแล้วโดยที่สูสีกันมาโดยตลอด และจู่ๆ พวกเขาก็เลือกการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างกัน เดิมมันเป็นเรื่องที่มีความสุขกันทุกฝ่าย แต่เพราะการหย่าร้างและส่งตัวกลับจึงทำให้กำลังจะเกิดสงครามขึ้นอีกคราซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่อยากเห็น
“น้องโปรดระงับโทสะก่อน” อามู่ทั่วก้าวออกมาในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ “ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉามาเยือนด้วยตนเองคิดว่าต้องเป็นเพราะไม่อยากเห็นสงครามระหว่างทั้งสองแคว้นเป็นแน่! บางทีเรื่องนี้อาจมีบางสิ่งเข้าใจผิดกันก็เป็นได้”
“เหอะ เข้าใจผิดหรือ?” อามู่เต๋อแค่นเสียงเย็นชี้ไปที่ใบหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉิน “พวกเขาบอกว่าเหยาเหยาวางแผนทำร้ายซูเช่อ เหตุใดข้าจึงได้ยินมาว่าหลังจากเหยาเหยาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แล้วกลับไม่ได้รับการต้อนรับ ทั้งยังไม่เป็นที่โปรดปรานถึงขั้นได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาด้วยเล่า! ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามากล่าวหาว่าเหยาเหยาทำร้ายคน ขอบังอาจถามว่ามีหลักฐานหรือไม่?”
กล่าวจบสายตาของทุกคนก็มองกลับมาโดยพลัน ราวกับล้วนรอให้ซั่งกวนเซ่าเฉินหยิบหลักฐานออกมา
หลิงมู่เอ๋อร์อยากหันกลับไปแต่ผลของยาที่อามู่เต๋อใช้กับนางรุนแรงมาก นางไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ทว่าแม้แต่ร่างกายก็ยังแข็งทื่อ
นางไม่อาจหลบเข้าไปในมิติเพื่อหายาถอนพิษต่อหน้าทุกคนได้ จึงทำได้เพียงปล่อยให้ถูกควบคุมด้วยยา นั่งอยู่บนเก้าอี้ใช้หางตามองพิจารณาซั่งกวนเซ่าเฉิน
แต่เหตุใดเขาจึงไม่มองมาที่ตนแม้แต่คราเดียวเลยเล่า? หรือเซ่าเฉินจะจำนางไม่ได้จริงๆ?
“องค์หญิงผู้มาแต่งงานเชื่อสัมพันธ์จะวางแผนทำร้ายสามีจริงหรือไม่ ให้นางออกหน้ามาอธิบายด้วยตนเองความจริงย่อมกระจ่างมิใช่หรือ?” น้ำเสียงเปิดเผยของซั่งกวนเซ่าเฉินดังขึ้น สายตาของเขามองไปทางอามู่ทั่ว “รบกวนองค์ชายใหญ่ช่วยส่งคนไปเชิญองค์หญิงมาที่วังด้วย”
“ไม่ได้!”
แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของซั่งกวนเซ่าเฉิน อามู่เต๋อก็กล่าวคัดค้านโดยพลัน
จะให้มั่วจวินเหยาออกมาปรากฏตัวได้อย่างไร? ฝีปากของซั่งกวนเซ่าเฉินร้ายกาจถึงเพียงนี้ล้วนย่อมกลับดำให้เป็นขาวได้ หากถูกอีกฝ่ายหลอกล่อให้พูดความจริงออกมา ความพยายามอย่างยากลำบากของเขาทั้งหมดจะไม่เสียเปล่าหรือ?
“ตั้งแต่เหยาเหยาถูกซูเช่อหย่าจนต้องกลับมาก็ล้มป่วย ร่างกายไม่สู้ดีไม่อาจมาเข้าวังได้!”
อามู่เต๋อกล่าวอย่างหนักแน่น สายตาชั่วร้ายมองซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครา “ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉา ข้าเห็นว่าท่านจงใจอย่างชัดเจน รู้ทั้งรู้ว่าเหยาเหยาป่วยหนักแต่ก็ยังจงใจยกเรื่องที่ทำร้ายจิตใจนางขึ้นมาพูด แม้ราชวงศ์เทียนเฉาที่แสนสูงส่งจะทำผิดแต่กลับไม่ยอมรับ เช่นนี้ยังจะนับว่าเป็นผู้นำของทั้งห้าแคว้นได้อย่างไร?”
อามู่เต๋อหมุนกายไปโดยพลัน ดวงตาทั้งสองข้างเฉียบแหลมราวกับจะสามารถยิ่งลูกธนูนับหมื่นออกมาได้ “กล่าวคือไม่ว่าอย่างไรท่านในฐานะตัวแทนของแคว้นเทียนเฉาจะต้องให้คำอธิบายที่น่าพึงพอใจแก่แคว้นซีอวี้ของพวกเรา!”
ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาผู้ยิ่งใหญ่ถูกองค์ชายจากแคว้นเล็กๆ ชี้หน้าออกคำสั่งเช่นนี้ หากการกระทำในวันนี้แพร่ออกไปจะไม่เป็นการทำให้ชื่อเสียงของแคว้นเทียนเฉาเสียหายหรือ?
แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินยังคงมีสีหน้าสงบ ไม่ได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของเขาแม้แต่น้อย “เป็นความสะเพร่าของเจิ้นเอง เจิ้นคาดไม่ถึงว่าองค์หญิงเหยาเหยาจะล้มป่วยเพราะตำหนิตนเอง แต่ไม่เป็นอันใด องค์หญิงป่วยหนักจะไม่ส่งคนไปรักษาได้อย่างไร? หวางโฮ่วของเจิ้นมีทักษะแพทย์สูงส่งทั้งยังมีชื่อเสียงในแคว้นเทียนเฉาถูกเรียกว่าแม่นางเซียนแพทย์ หากองค์ชายรองไม่ถือสารบกวนช่วยเรียกองค์หญิงเหยาเหยาออกมา ให้หวางโฮ่วของเจิ้นรักษาให้เป็นอย่างไร?”
ได้ยินประโยคที่เอ่ยถึงหวางโฮ่วของซั่งกวนเซ่าเฉิน หลิงมู่เอ๋อร์ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ราวกับรูปปั้นแกะสลักก็ใจสั่น ‘ตึกตัก’ ขึ้นมาโดยพลัน
ก่อนนางจะมาอยู่ที่แคว้นซีอวี้ ซั่งกวนเซ่าเฉินยังเป็นเพียงองค์ชายแม้แต่ไท่จื่อก็ยังมิได้เป็น ทว่าจู่ๆ เขาก็กลายเป็นฮ่องเต้ไปเสียแล้ว!
หวางโฮ่วของเขาคือผู้ใดกัน? มิใช่กำลังพูดถึงนางหรือ? แต่ตลอดการกระทำนั้นเขาไม่ได้มองมาที่ตนแม้แต่คราเดียว ยามนี้ตัวนางสวมใส่ชุดของสตรีแคว้นซีอวี้ทั้งยังสวมหน้ากาก หรือเขาจะจำนางไม่ได้จริงๆ?
“ได้” อามู่เต๋อตอบรับอย่างแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง “แต่ดูเหมือนฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาจะมาเพียงลำพัง มิทราบว่าหวางโฮ่วของท่านอยู่ที่ใด? หรือต้องการจะให้ข้าพาเหยาเหยาที่เหนื่อยยากกับการเดินทางไปรักษาที่แคว้นเทียนเฉาเล่า?”
คำพูดนี้กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลนเป็นอย่างยิ่งอีกทั้งในสายตายังมีแววยั่วยุอีกด้วย
ได้ยินเสียงเย้ยหยันของอีกฝ่ายดังขึ้น ซั่งกวนเซ่าเฉินกลับยกมุมปากขึ้นอย่างมั่นใจ “หวางโฮ่วของเจิ้นมาที่แคว้นซีอวี้ก่อนแล้ว บังเอิญว่านางอยู่ข้างหลังเจ้า!”
สิ้นคำพูดนี้ของเขา ยามที่ทุกคนยังไม่มีการตอบสนองที่ใต้เท้าของเขาก็เกิดสายลมหอบหนึ่ง ทันใดนั้นก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าหลิงมู่เอ๋อร์ เขาเตรียมกริชในมือไว้ก่อนแล้วและผ่าเปิดหน้ากากของนางโดยพลัน ได้ยินเพียงเสียง ‘เปรี๊ยะ’ คราหนึ่งก่อนหน้ากากจะแตกออกเป็นสองซีก เผยให้เห็นใบหน้าอันอ่อนช้อยและแปลกใจของหลิงมู่เอ๋อร์
“มู่เอ๋อร์?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินจับไหล่ทั้งสองข้างของหลิงมู่เอ๋อร์ไว้แน่น ไม่สนใจสายตาตกตะลึงของทุกคนในที่นั้น เขาบีบจมูกของนางอย่างอ่อนโยน “เมื่อก่อนเจ้าจะซุกซนอยู่ข้างกายเจิ้นก็แล้วไปเถิด ยามนี้เหตุใดจึงซุกซนถึงขั้นวิ่งตามองค์ชายรองมาถึงแคว้นซีอวี้เช่นนี้เล่า?”
มองอามู่เต๋อที่โกรธเกรี้ยวถึงขั้นคิดจะลงมือชิงหลิงมู่เอ๋อร์กลับไป ซั่งกวนเซ่าเฉินที่การตอบสนองว่องไวรีบกดหลิงมู่เอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน หมุนกายในขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างมองเขาด้วยโทสะ “มู่เอ๋อร์ขี้เล่นเหตุใดองค์ชายรองยังปล่อยให้นางทำตามใจทั้งยังมาเล่นกับนางด้วยเล่า? เมื่อครู่เจิ้นยังสงสัยว่าเหตุใดหวางโฮ่วในอนาคตของแคว้นซีอวี้จึงสวมหน้ากาก ทั้งยังมีท่าทางเย็นชาไม่สนใจผู้ใด ที่แท้ก็เป็นหวางโฮ่วของเจิ้นที่ตกลงกับเจ้าเล่นสนุกคิดทดสอบเจิ้นหรือ?”
กล่าวจบเขาก็เชยคางของหลิงมู่เอ๋อร์ มองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “เจิ้นจำเจ้าได้นานแล้ว เป็นอย่างไรเล่า เจิ้นเก่งกาจมากใช่หรือไม่”
ทั่วทั้งร่างที่แข็งทื่อของหลิงมู่เอ๋อร์ถูกซั่งกวนเซ่าเฉินบีบนวด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจโกรธเคืองได้
บุรุษร้ายกาจผู้นี้ตลอดเวลาล้วนไม่มองนางแม้แต่คราเดียวแม้จะจำนางได้นานแล้วจนทำร้ายจิตใจของนางอยู่นาน
“คนเลว ท่าน ท่านมองออกได้อย่างไร?”
“หากสตรีของตนเองยังจำไม่ได้จะยังนับเป็นบุรุษได้หรือ?”
ยามที่ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวคำพูดนี้ก็มองอามู่เต๋ออย่างยั่วโทสะ เมื่อครู่เขาจงใจบอกว่าหลิงมู่เอ๋อร์เพียงแค่มาละเล่นกับอีกฝ่ายเท่านั้นเป็นการปิดตายทางหนีทีไล่ทั้งหมด ยามนี้หากอามู่เต๋อยังอ้างว่านางเป็นคู่หมั้นของตนย่อมกลายเป็นเรื่องตลกจนอาจถึงขั้นทำให้ทั้งแคว้นซีอวี้ต้องอับอาย
เขาเดิมพันว่าอามู่เต๋อย่อมไม่ทำให้เรื่องวุ่นวายเป็นแน่
“สามีเก่งมาก”
หลิงมู่เอ๋อร์พิงไหล่ของเขาในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ ท่าทางใกล้ชิดรักใคร่ของทั้งสองคนยิ่งทำให้คนรอบข้างอิจฉา
ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นเช่นนั้นก็โอบเอวของนาง ก่อนจะแนะนำสถานะของหลิงมู่เอ๋อร์ให้แก่ทุกคน “มู่เอ๋อร์เป็นคนซุกซน คาดไม่ถึงว่าจะเล่นกับข้าในโอกาสสำคัญเช่นนี้ทำให้ทุกท่านหัวเราะแล้ว นางเป็นหวางโฮ่วของเจิ้น เป็นหวางโฮ่วของแคว้นเทียนเฉา”
สิ้นคำพูดนี้ทุกคนที่ยังไม่เข้าใจก็ราวกับเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นอย่างชัดเจน และพากันเข้ามาแสดงความยินดีกับซั่งกวนเซ่าเฉิน
ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งขึ้นครองราชย์เช่นกันและทั้งสองคนยังรักใคร่กันเช่นนี้อีกด้วย แม้ในใจจะยังมีคำถามแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าถามอามู่เต๋อสักประโยคว่าคำพูดนี้ของซั่งกวนเซ่าเฉินเป็นความจริงหรือไม่
อามู่เต๋อที่กำลังเดือดดาลเห็นเช่นนั้นก็แทบจะระเบิดโทสะ อามู่ทั่วที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบกดไหล่ของเขาและขวางหน้าเขาไว้ “ได้ยินว่าหวางโฮ่วของแคว้นเทียนเฉาซึ่งมีทักษะแพทย์ที่ล้ำเลิศยิ่งจนถูกเรียกว่าแม่นางเซียนแพทย์ ในเมื่อหวางโฮ่วเหนียงเหนียงก็ให้เกียรติมาที่แคว้นซีอวี้ของพวกเรา ย่อมไม่เสียหายที่จะให้คนไปเชิญเหยาเหยามา รบกวนหวางโฮ่วเหนียงเหนียงรักษาให้นางเสียหน่อย”
ได้ยินคำพูดนี้ของอามู่ทั่ว อามู่เต๋อก็ตะโกนออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่สนใจสถานะและกาลเทศะ “ไม่ได้!”
“เพราะเหตุใดเล่า?”
อามู่ทั่วแสร้งทำเป็นสับสน “เมื่อครู่น้องมิใช่บอกว่าเหยาเหยาป่วยหนักหรือ หากป่วยย่อมต้องให้หมอดูอาการแล้วเหตุใดจึงปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อออกไปเล่า?”
รู้ว่าอามู่ทั่วจงใจทำเช่นนี้ อามู่เต๋อก็แทบอยากจะบีบคอเขาให้ตายไปเสีย แต่ก็จนใจเพราะที่นี่มีคนเยอะเกินไป
หากมั่วจวินเหยาออกมาจริงไม่เพียงแต่จะเป็นการเผยให้เห็นว่านางมิได้ป่วย แต่หากนางทนไม่ไหวจนก่อเรื่องวุ่นวายอีกคราย่อมเป็นการทำลายแผนการมากมายของเขาไปด้วย
“อาการป่วยของเหยาเหยาเป็นอาการป่วยทางใจ อาการป่วยทางใจย่อมต้องรักษาด้วยยาทางใจ นางถูกซูเช่อทำให้ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ หลังจากกลับมาก็คิดถึงซูเช่อมาโดยตลอด ทั้งยังเพราะถูกคนเข้าใจผิดจึงรู้สึกซึมเศร้าจนล้มป่วย เพิ่งจะล้มป่วยเช่นนี้ย่อมไม่จำเป็นต้องรบกวนหวางโฮ่วเหนียงเหนียงของแคว้นเทียนเฉา”
คำพูดนี้กล่าวอย่างเกรงใจ แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินจะปล่อยโอกาสที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากไปได้อย่างไร?
“แต่องค์หญิงเหยาเหยาไม่ออกหน้าด้วยตนเองจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่านางล้มป่วยจริง มิใช่เพราะกลัวถูกแคว้นเทียนเฉาของข้าประณามจึงจงใจหลบซ่อนตัวกระมัง?”
เห็นอามู่เต๋ออยากจะพูดอันใด มุมปากของซั่งกวนเซ่าเฉินก็ประดับรอยยิ้มเย็นชา “มั่วจวินเหยาในฐานะองค์หญิงที่มาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กลับวางแผนลอบทำร้ายสามีที่ตบแต่งด้วย แม้นี่จะเป็นเรื่องในครอบครัวของพวกเขาแต่นางลอบทำร้ายเสียนหวางของแคว้นเทียนเฉาของข้า เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากตำหนักองค์ชายรองยึดมั่นว่าต้องการคำอธิบายของแคว้นเทียนเฉา เช่นนั้นวันนี้เจิ้นในฐานะตัวแทนของแคว้นเทียนเฉาก็ต้องการคำอธิบายของแคว้นซีอวี้เช่นกัน! นอกจากว่ามั่วจวินเหยาจะออกหน้ามายืนกรานด้วยตนเองว่านางมิได้ทำ อย่างไรก็ขอองค์ชายรองใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนด้วย”
“เหยาเหยานาง…” อามู่เต๋อข่มกลั้น สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะซึ่งไม่รู้ว่าจะระเบิดออกมาเมื่อใด มองซั่งกวนเซ่าเฉินรวมถึงสายตาสงสัยใคร่รู้ของทุกคนรอบข้าง คำที่เขาอยากพูดทั้งหมดก็ติดอยู่ในลำคอ
“ขอฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาโปรดระงับโทสะด้วยเถิด!”
อามู่ทั่วก้าวออกมาในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะอีกครา “เข้าใจผิด นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดเป็นแน่! เหยาเหยาป่วยหนักเช่นนั้นก็ให้นางพักผ่อนเถิด เรื่องที่นางมิได้ทำนางย่อมต้องออกหน้ามาอธิบายด้วยตนเอง แน่นอนว่าหากนางทำผิดนางย่อมถูกขับไล่ออกจากแคว้นซีอวี้และได้รับการลงโทษไปนานแล้ว อย่างไรก็ขอให้เห็นแก่ความสัมพันธ์ของแคว้นซีอวี้และแคว้นเทียนเฉา ไม่สู้ปล่อยเรื่องนี้ไปจะดีกว่าหรือไม่?”