เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 19 ตอนที่ 546 เซ่าเฉินมาแล้ว
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 19 ตอนที่ 546 เซ่าเฉินมาแล้ว
เล่มที่ 19 ตอนที่ 546 เซ่าเฉินมาแล้ว
จำต้องยอมรับว่าอามู่เต๋อเป็นผู้ที่ฉลาดเฉลียวผู้หนึ่ง แต่น่าเสียดายที่นางไม่พูดอันใดแม้แต่น้อย ผลสุดท้ายนางจึงถูกพากลับไปคุมตัวที่เรือนพักตากอากาศอีกครา
หลังจากคืนนั้นทุกครายามที่นางออกมาตรวจรักษาโรค อามู่เต๋อก็ล้วนมาอยู่ข้างกายนางไม่ออกห่างแม้เพียงก้าวเดียว
แต่ทำเช่นนี้แล้วอย่างไรเล่า?
ตงฟางเชวี่ยก็เป็นคนฉลาดเฉลียวผู้หนึ่ง วันแรกเขาซื้อตัวเด็กผู้หนึ่งมาทำให้ชื่อของผู้ที่เข้ารับการรักษาถูกเปลี่ยนไปเป็นเรื่องเล่าส่วนที่สองของนาง วันที่สองเขาปลอมตัวเป็นสาวน้อยขายดอกไม้แสร้งมาขอน้ำดื่ม ยามพลบค่ำที่โรงหมอปิดก็หาโอกาสให้นางใส่เรื่องเล่าส่วนที่สามลงไปในตะกร้าดอกไม้ของเขา วันที่สามเขาก่อความวุ่นวายอย่างใจกล้าเพื่อล่ออามู่เต๋อออกไป ยามที่เขาต่อสู้กับอามู่เต๋อก็พุ่งเข้ามาข้างกายนางเพื่อรับเรื่องเล่าส่วนที่สี่ไป…ผ่านไปเจ็ดวัน เหลืออีกเพียงสามวันดอกไม้ประจำแคว้นก็จะเบ่งบานผลิดอกออกผล
เช้าวันนี้อามู่เต๋อพานางไปเข้าวัง แม้จะไม่เคยบอกนางว่าเพราะเหตุใด แต่ระหว่างทางนางก็ได้ยินข่าวเรื่องที่จะมีทูตจากแคว้นใกล้เคียงมาแสดงความยินดีล่วงหน้า
ซั่งกวนเซ่าเฉินมาแล้ว!
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้ปิดบังความตื่นเต้นจากก้นบึ้งในหัวใจ เห็นอามู่เต๋อมีท่าทีสำรวมใจกว้างก็อยากเห็นนักว่าเขาจะอดทนไปได้อีกนานเพียงใด
เป็นไปดังคาด ยามที่รถม้าใกล้ถึงวังหลวงเขาก็อดทนต่อไปไม่ไหว สีหน้านิ่งสงบของเขาค่อยๆ มืดครึ้ม “ยังเร็วเกินไปที่จะดีใจ! อย่าคิดว่าเขามาแล้วจะสามารถพาเจ้าหนีไปได้!”
“จะพาข้าไปได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขา หากเจ้ามีความสามารถที่จะจัดการเขาได้คงไม่ใช้เล่ห์กลพาข้ามาที่แคว้นซีอวี้”
หลิงมู่เอ๋อร์แค่นเสียงพิงพนักพิงด้วยสีหน้าผ่านคลาย
เมื่อนับวันดูนางก็มาแคว้นซีอวี้เกือบเดือนหนึ่งแล้ว ในที่สุดก็จะได้พบซั่งกวนเซ่าเฉิน! แม้จะไม่รู้ว่าเขาพบเจอสิ่งใดที่เมืองหลวงบ้าง แต่ผ่านไปนานจึงเพิ่งมาเช่นนี้เขาย่อมจัดการกับเรื่องที่แก้ไขได้ยากไปมากมายเป็นแน่
อีกไม่นานขอเพียงจัดการทุกเรื่องตรงหน้าจนได้ดอกไม้ประจำแคว้นมาเพื่อบำรุงร่างกายนาง พวกเขาก็จะกลับบ้านด้วยกันและไม่แยกจากกันอีกตลอดไป
“นี่คือสิ่งใด?”
รับของที่อามู่เต๋อโยนมา หลิงมู่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูก็เห็นว่าเป็นหน้ากากสีเงินอันหนึ่ง
“ข้าว่าเจ้าคงเคยชินกับการสวมหน้ากากมากกระมัง จึงไม่คุ้นเคยกับการแสดงใบหน้าที่แท้จริงให้คนเห็น! เจ้าจะมีนิสัยแปลกประหลาดก็ช่างเถิด แต่ยังจะมาบังคับผู้อื่นอีกหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์โยนหน้ากากทิ้งไปด้านข้างอย่างรังเกียจ
หน้ากากสีเงินอันนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก ดูก็รู้ว่าเป็นของที่สตรีสวม
เหตุใดอามู่เต๋อจึงให้นางสวมหน้ากากไปต้อนรับซั่งกวนเซ่าเฉิน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาต้องมีแผนการอันใดอยู่เป็นแน่
“หรือเจ้ามิเชื่อว่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดผู้ชายของเจ้าก็จะจำเจ้าได้ในทันที?” อามู่เต๋อยิ้มบาง “บุรุษที่รักเจ้าอย่างแท้จริงไม่ว่าเจ้าจะมีรูปลักษณ์เช่นไร ร่างกายแบบใด เขาก็ย่อมสามารถมองเจ้าออกในปราดเดียว! แต่หากทำไม่ได้…”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง สีหน้าราวกับมองการละเล่นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง “เช่นนั้นก็นับว่าเขาตาบอดจริงๆ คงไม่จำเป็นต้องตามเขากลับไปที่แคว้นเทียนเฉาแล้ว”
“เจ้าคิดว่าเซ่าเฉินเป็นเจ้าหรือ? แม้เจ้าจะตาบอดแต่เขาย่อมไม่เป็นเช่นนั้น”
หลิงมู่เอ๋อร์ยืนกรานไม่สวมหน้ากาก
อามู่เต๋อกลับบังคับสวมหน้ากากไว้บนหน้านาง ของสิ่งนี้ไม่ทราบว่าถูกเขาใช้เล่ห์เหลี่ยมอันใดไว้ทำให้สวมแล้วถอดไม่ออก
“อย่าเสียแรงเปล่าเลย ข้าสวมหน้ากากมาหลายปีเรื่องประสบการณ์ย่อมไม่มีผู้ใดเทียบได้ หากไม่มีน้ำยาพิเศษของข้าไม่ว่าเจ้าจะทำอันใดก็ไม่อาจถอดออกได้”
รอยยิ้มมุมปากของอามู่เต่อยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น ทันใดนั้นก็เข้ามาใกล้หลิงมู่เอ๋อร์พลางจ้องมองดวงตาทั้งสองข้างของนางอย่างละเอียด “หลิงมู่เอ๋อร์อยากมาพนันกันหรือไม่ หากซั่งกวนเซ่าเฉินจำเจ้าไม่ได้ตั้งแต่แรกเห็นต้องตามข้ามา ว่าอย่างไร?”
หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกหน่วงหัวใจ
เห็นความต้องการครอบครองอย่างแรงกล้าซึ่งปรากฏขึ้นในก้นบึ้งดวงตาของเขาอย่างกะทันหัน นางก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาโดยพลัน
แต่นางไม่กลัว
“ได้ แต่หากเจ้าแพ้ ข้าต้องการให้เจ้าคุกเข่าโขกศีรษะยอมรับผิดต่อหน้าข้า!”
“ข้าไม่มีทางแพ้”
ยามที่รถม้าหยุด อามู่เต๋อก็ลงนำไปก่อนพลางยื่นมือคิดจะพยุงหลิงมู่เอ๋อร์แต่ถูกนางปฏิเสธ
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ใช้เข็มเงินที่ซ่อนไว้ในระหว่างนิ้วอาศัยจังหวะที่นางไม่ทันได้ตั้งตัวแทงเข้าไปบนเส้นเลือดที่ข้อมือของนาง ไม่นานนางก็รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างปวดชาจนไม่มีเรี่ยวแรง
“เจ้า…”
“วันนี้เป็นวันสำคัญของข้า มีทูตจากต่างแคว้นมาร่วมยินดีล่วงหน้าไม่น้อย หากระหว่างนั้นเจ้าทำเรื่องบ้าบออันใดขึ้นมาจะไม่ลำบากข้าหรือ?”
อามู่เต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เจ้าวางใจเถิด ขอเพียงสิ้นสุดวันนี้ข้าก็จะให้ยาถอนพิษกับเจ้า แน่นอนว่าหากเจ้าเก่งกาจจนความสามารถปรุงยาถอนพิษเองได้ในช่วงที่ถูกคุมตัวอยู่จะลองดูก็ย่อมได้”
อามู่เต๋อเดินไปข้างหน้าเพียงลำพังโดยที่ไม่พูดอันใดกับนางอีก เขาเตรียมพร้อมไว้อย่างสมบูรณ์แล้วราวกับไม่กังวลว่านางจะหนีไประหว่างทางแม้แต่น้อย
เห็นผ่านไปนานนางก็ยังไม่ตามไปจึงมีสาวใช้สองคนจับแขนนางไว้ทั้งด้านซ้ายและขวา ราวกับช่วยพยุงแต่แท้จริงกำลังบังคับลากนางไปข้างหน้า ถูกผงเอ็นอ่อนสูตรพิเศษของเขาเล่นงานร่างกายของนางจึงอ่อนแอไร้กำลังโดยพลัน ทำได้เพียงปล่อยให้คนข้างกายพานางไปถึงตำหนักและกดให้นั่งลงข้างหลังอามู่เต๋อ
ในยามนั้นเองที่มีคนตะโกนเสียงดัง “ทูตจากแคว้นตงเฉิงมาถึงแล้ว…”
ไม่นานก็มีทูตร่างกายอ้วนท้วนพาองครักษ์มากมายถือของขวัญแสดงความยินดีเข้ามา
หลังจากนั้นทูตของแคว้นหนานหลิงและแคว้นเป่ยฉีก็พากันเข้ามาแสดงความยินดี หลิงมู่เอ๋อร์ซึ่งสวมหน้ากากนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ตั้งแต่เริ่มจนจบราวกับเฝ้ามองทุกสิ่งด้วยความสงบเป็นอย่างยิ่ง แต่มีเพียงอามู่เต๋อที่รู้ว่าตราบใดที่มิใช่ซั่งกวนเซ่าเฉินนางย่อมไม่รู้สึกอันใด
“จุ๊ๆๆ ทูตจากทั้งสามแคว้นล้วนมาถึงอย่างพร้อมเพรียง เหตุใดผู้ชายของเจ้าจึงยังไม่มาเล่า เจ้าลองเดาเถิดว่าเขาประมาทศัตรูจนตายตกไประหว่างทางแล้วหรือไม่?”
อามู่เต๋อหันไปมองนางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นซึ่งเป็นส่วนเดียวที่เผยให้เห็น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง “ฮ่ะ ฮ่าๆๆ หากเขาตายไปแล้วจริงข้า…”
“ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาเสด็จแล้ว!”
หลังจากเสียงตะโกนของบ่าวดังขึ้นทุกคนในตำหนักก็พากันยืดคอมอง เส้นทางที่เดิมถูกปิดกั้นแยกออกเป็นสองข้างอย่างอธิบายไม่ได้
แผ่นดินใหญ่เสิ่นโจวมีผู้นำคือแคว้นเทียนเฉาจึงย่อมต้องยำเกรงแคว้นเทียนเฉา
ทั้งสามแคว้นที่มาร่วมอวยพรต่างล้วนส่งทูตมา มีเพียงแคว้นเทียนเฉาที่ส่งฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉามา
ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์เห็นร่างอันคุ้นเคยค่อยๆ เข้ามา ใบหน้าภายใต้หน้ากากก็แข็งทื่อด้วยความตกตะลึงไปนานแล้ว
เมื่อครู่นางเพิ่งได้ยินสิ่งใด?
ทูตที่มาจากแคว้นเทียนเฉาคือฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาหรือ?
แต่ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้านางเห็นได้ชัดว่าเป็นสามีของนางซั่งกวนเซ่าเฉิน!
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายอามู่ที่ใกล้จะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แคว้นซีอวี้ด้วย”
ซั่งกวนเซ่าเฉินสวมชุดผ้าไหมแบบดั้งเดิมยืนอยู่เบื้องหน้าอามู่เต๋อในขณะที่มีองครักษ์รายล้อม เขาโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเปิดของขวัญ ในกล่องทั้งหกเต็มไปด้วยของขวัญจากความใจกว้างเป็นอย่างยิ่งทำให้ทุกคนที่เห็นต่างตกตะลึงโดยพลัน
บนตำหนัก อามู่เต๋อ อามู่ทั่ว รวมถึงเหล่าองค์ชายองค์หญิงและเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างพากันมองด้วยสายตาทึมทื่อ ของขวัญเหล่านี้หาใช่ของธรรมดา แค่เพียงกล่องเดียวตรงหน้าก็มีค่ามากพอจะเลี้ยงดูคนในวังหลวงไปได้ระยะหนึ่ง
“แคว้นเทียนเฉาช่างใจกว้างมากทีเดียว!”
อามาเต๋อยืนขึ้นก่อน วางมือข้างหนึ่งไว้บนไหล่พลางโค้งตัวเล็กน้อยแสดงความขอบคุณอย่างถึงที่สุดต่อซั่งกวนเซ่าเฉิน “ขอบคุณแคว้นเทียนเฉาเป็นอย่างยิ่ง ขอบคุณฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาเป็นอย่างยิ่ง อีกสามวันเปิ่นหวางจื่อจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ อย่างไรก็ขอให้ท่านอยู่ต่ออีกสามวันรอให้ถึงพิธีราชาภิเษกด้วยเถิด แต่ของขวัญเหล่านี้แคว้นซีอวี้ของข้าไม่อาจรับไว้ได้!”
หลังสิ้นคำพูดทุกคนก็ต่างตกตะลึงโดยพลัน
แม้ทูตของทั้งสามแคว้นจะมิได้มีสถานะสูงส่งเท่ากับซั่งกวนเซ่าเฉิน อีกทั้งของขวัญก็ยังไม่ได้ใจกว้างเท่าของเขา แต่อย่างน้อยอามู่เต๋อก็รับของขวัญที่พวกเขาส่งมาถึงขั้นกำชับให้เหล่าบ่าวนำไปเก็บไว้ท้องพระคลังให้ดี นับเป็นการให้เกียรติพวกเขา
เขาปฏิเสธของขวัญที่ซั่งกวนเซ่าเฉินส่งให้เช่นนี้มิใช่เป็นการไม่ให้เกียรติเขาหรือ นั่นมิใช่ว่าเป็นการหมิ่นเกียรติของทั้งแคว้นเทียนเฉาหรือ
อามู่ทั่วเกรงว่าเพราะคำพูดเดียวนี้จะทำให้เกิดสงครามจึงรีบลุกขึ้น “น้องหมายความว่าอย่างไร ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉามาแสดงความยินดีด้วยตนเองนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง อีกทั้งท่านยังส่งของขวัญมากมายให้อย่างใจกว้าง พวกเรามิใช่ว่าควร…”
“เสด็จพี่!” ไม่รอให้อามู่ทั่วกล่าวจบ อามู่เต๋อก็ขัดจังหวะด้วยเสียงเย็นชา มองซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครามุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างชั่วร้าย “ขออภัย ยังมิได้แนะนำฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาอย่างเป็นทางการ ทางนี้คือเสด็จพี่ของข้าเป็นองค์ชายใหญ่ของแคว้นซีอวี้ อามู่ทั่ว” กล่าวจบเขาก็ดึงหลิงมู่เอ๋อร์ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เงียบๆ ขึ้นมาราวกับเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะผลักนางไปเบื้องหน้าซั่งกวนเซ่าเฉิน “คนผู้นี้คือคู่หมายของเปิ่นหวางจื่อ ทั้งยังเป็นหวางโฮ่วในอนาคตของแคว้นซีอวี้อีกด้วย”
สิ้นคำพูดนี้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ตกตะลึงอีกครา!
องค์ชายรองแคว้นซีอวี้มีคู่หมายแล้วหรือ?
ตั้งแต่ไหนแต่ไรองค์ชายรองก็โดดเดี่ยวและตัวคนเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าก่อนหน้านี้เขาสวมหน้ากากอันแสนน่าเกลียดมาโดยตลอดจึงไม่เคยคิดจะตบแต่ง ทว่ายามนี้แม้จะถอดหน้ากากออกแล้ว แต่ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเหตุใดจึงมีคู่หมายอย่างกะทันหันเช่นนี้ อีกทั้งยังแนะนำต่อฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาอย่างโอ้อวดเช่นนี้
สีหน้าของอามู่ทั่วเปลี่ยนไปและหันไปมองหลิงมู่เอ๋อร์โดยพลัน ภายในดวงตาแฝงไปด้วยความสงสัย “ไม่รู้ว่าน้องมีคู่หมายตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดพี่จึงไม่รู้เล่า?”
มองหลิงมู่เอ๋อร์ที่สวมหน้ากากอีกคราเขาก็ยิ่งสับสน “ยิ่งไปกว่านั้นในโอกาสสำคัญเช่นนี้เหตุใดหวางโฮ่วจึงยังสวมหน้ากากเล่า หรือว่ามีความลับอันใดที่ไม่อาจบอกผู้อื่นได้?”
“เสด็จพี่พูดเช่นนั้นได้อย่างไร”
อามู่เต๋อถอยหลังไปหนึ่งก้าวยืนอยู่ข้างกายหลิงมู่เอ๋อร์ ก่อนจะจับมือนางไว้อย่างใกล้ชิด เดิมหลิงมู่เอ๋อร์คิดจะต่อต้านแต่น่าเสียดายที่ทั่วทั้งร่างชาหนึบไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย
“คู่หมายของข้า ยังไม่ถึงวันตบแต่งจะให้ผู้อื่นพบเห็นโดยง่ายได้อย่างไร? หากมีผู้ที่ต้องตาความงดงามของนาง เช่นนั้นเปิ่นหวางจื่อจะไม่ลำบากแย่หรือ?”
อามู่เต๋อยิ้มทั้งยังกดหลิงมู่เอ๋อร์ลงไปบนเก้าอี้อีกครา ระหว่างการกระทำทั้งหมดนี้หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ได้พูดอันใดแม้แต่คำเดียว ถึงขั้นมีท่าทีแข็งทื่อจนดึงดูดความสงสัยของคนมากมาย
ในตำหนักมีคนไม่น้อยพากันกระซิบกระซาบล้วนสงสัยในตัวตนของหลิงมู่เอ๋อร์ มีเพียงซั่งกวนเซ่าเฉินเท่านั้นที่ไม่ได้มองนางแม้แต่คราเดียว อีกทั้งยังแสดงความยินดีอีกด้วย
“ขอแสดงความยินดีกับองค์ชายรองที่มีมงคลสองชั้นด้วย ไม่ทราบว่าจะตบแต่งเมื่อใด?”
“ย่อมเป็นวันที่ข้าขึ้นครองราชย์!” เห็นเขามองหลิงมู่เอ๋อร์ไม่ออก ในใจอามู่เต๋อก็ตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ แต่ไม่นานรอยยิ้มบนใบหน้าก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความดุร้าย “แต่ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดข้าจึงไม่รับของขวัญที่แคว้นเทียนเฉาส่งมา?”
เห็นใบหน้าของเขาที่เดิมสงบนิ่งแปรเปลี่ยนไปเต็มไปด้วยชั่วร้าย ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ยังคงสงบไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ “หากเจิ้นเดาไม่ผิด องค์ชายรองคงโกรธที่มหาเสนาบดีซูของแคว้นข้าหย่ากับองค์หญิงเหยาเหยากระมัง? บังเอิญว่าที่เจิ้นเป็นตัวแทนทูตมาแสดงความยินดีกับการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้แคว้นซีอวี้ล่วงหน้าด้วยตนเอง ก็เพื่อมาอธิบายเรื่องนี้”
“มหาเสนาบดีซู?”
สีหน้าของอามู่เต๋อตกตะลึงแต่ไม่นานก็ตอบสนองออกมา “คาดไม่ถึงว่าภายในไม่กี่วันเสียนหวางจะกลายเป็นมหาเสนาบดีของแคว้นเทียนเฉาเสียแล้ว ฮ่องเต้แคว้นเทียนเฉาช่างมากความสามารถยิ่งนัก ไม่ผิด การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นซีอวี้และแคว้นเทียนเฉา เดิมเป็นการทำให้เกิดสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองแคว้นอย่างยั่งยืน แต่ซูเช่อหย่ากับองค์หญิงที่ไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ตามอำเภอใจโดยไร้ซึ่งคำอธิบาย ถึงขั้นขับไล่ให้นางกลับแคว้น การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำให้องค์หญิงที่ไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของแคว้นต้องอับอาย แต่ยังเป็นการทำให้แคว้นซีอวี้ของข้าอับอายอีกด้วย ขอบังอาจถามท่านว่าแคว้นเทียนเฉาของพวกท่านเอาแคว้นซีอวี้ของข้าไปไว้ที่ใดกัน!?”