เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 19 ตอนที่ 541 ยอมรับผิด
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 19 ตอนที่ 541 ยอมรับผิด
เล่มที่ 19 ตอนที่ 541 ยอมรับผิด
“อาเต๋อ แต่ก่อนข้าผิดไป ตั้งแต่เสด็จพ่อสวรรคตข้าก็เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง ความจริงข้าไม่ควรทำร้ายเจ้าด้วยกันกับเสด็จพ่อถึงขั้นทำให้เจ้าต้องกลายเป็นรูปลักษณ์ครึ่งผีเช่นนี้ ดังนั้นวันนี้ข้าจึงมาหาเจ้าถึงหน้าประตูเพื่อขอรับผิดกับเจ้า ไม่ทราบว่าเจ้าจะให้อภัยข้าได้หรือไม่”
อามู่ทั่วยืนข้างหลังอามู่เต๋อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจ เขาโค้งคำนับราวกับเด็กผู้หนึ่งที่ทำเรื่องผิดพลาดและคาดหวังอย่างจริงใจว่าจะได้รับการให้อภัย
“นี่ท่านกำลังทำอันใด?”
อามู่เต๋อมิได้ให้เขาลุกขึ้นมาก่อน แต่กลับมองพิจารณาเขาจากบนลงล่างครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้กี่ครา “แม้ข้าจะไม่รู้ว่าท่านวางแผนอันใดไว้ แต่ที่นี่ข้าไม่ต้อนรับท่าน ขอเชิญท่านออกไปด้วย!”
เสียงของเขายิ่งพูดยิ่งดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ สิ้นคำพูดก็กลายเป็นเสียงตะคอก
การไล่อย่างตรงไปตรงมาทำให้อามู่ทั่วเสียหน้าเป็นอย่างมาก แต่เขาข่มกลั้นไม่ให้ระเบิดโทสะออกมา
“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้องกัน…”
“ไร้สาระ!” อามู่เต๋อขัดจังหวะอย่างหยาบคาย “ท่านเคยนับว่าข้าเป็นน้องด้วยหรือ?”
เห็นอามู่ทั่วมีท่าทางจริงใจอามู่เต๋อก็รู้สึกเพียงว่าน่าขัน “อย่าได้มาเสแสร้งอยู่ที่นี่เลย หากท่านอยากทำให้โลกเห็น อยากทำให้เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ของแคว้นซีอวี้เห็น ท่านก็ควรออกไปจากที่นี่ไปยืนอยู่บนกำแพงเมืองแสดงละครอย่างน่าสงสารสักครา บางทีทุกคนอาจสะเทือนใจจริงๆ จนยกมือขึ้นต่อต้านให้ข้ามอบตำแหน่งฮ่องเต้ให้เจ้า แต่น่าเสียดายที่นามซึ่งเขียนไว้อย่างชัดเจนในราชโองการก่อนเสด็จพ่อสวรรคตคือข้าอามู่เต๋อ!”
“อาเต๋อ!” อามู่ทั่วกัดฟัน เดิมคิดอยากระเบิดโทสะแต่เพื่อแผนการของตน เขาจึงข่มกลั้นโทสะลงไป
ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ในอนาคตของแคว้นซีอวี้อย่างเป็นทางการ
อย่าว่าแต่อามู่เต๋อไม่มีความสามารถนี้เลย แม้แต่ใบหน้าของเขายังถูกทำลายซึ่งล้วนไม่เหมาะกับตำแหน่งฮ่องเต้องค์ใหม่แม้แต่น้อย!
ทว่าเขาไม่มีหลักฐานจึงทำได้เพียงค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น
“เจ้าเกลียดชังข้ามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ในเมื่อรู้แล้วยังไม่ไสหัวไปให้พ้นจากสายตาข้าอีก ดูท่าท่านคงจะว้าวุ่นใจมากทีเดียว” อามู่เต๋อนั่งไขว่ห้างลงบนเก้าอี้อย่างไม่ยี่หระด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“ข้าไม่ไปหาท่านแต่ท่านกลับมาหาข้าถึงที่ด้วยตนเอง ทั้งยังสังหารองครักษ์เงาของข้าไปหลายคน อามู่ทั่ว ท่านเชื่อหรือไม่ว่าวันนี้ข้าจะทำให้ท่านเดินออกไปจากตำหนักไม่ได้!”
ได้ยินคำพูดนี้อามู่ทั่วก็จ้องมองไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยไอสังหาร แต่ไม่นานเขาก็เบนสายตาออกไป
“ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ข้าก็ถูกคนวางแผนร้ายเช่นกัน ข้าเพียงแค่พาคนมาตามสังหารผู้ที่ต้องการลอบสังหารข้า ผู้ใดจะรู้ว่าพวกลูกน้องไร้ค่าพวกนั้นจะตามหาผิดคนจนตามไปสังหารที่เรือนพักตากอากาศของเจ้า ข้ามาวันนี้ก็เพื่อแสดงความขอโทษต่อเรื่องนี้” อามู่ทั่วกล่าวอย่างหน้าไม่แดงใจไม่เต้นด้วยสีหน้าสงบเป็นอย่างยิ่ง “เดิมข้าจับผู้ที่ตามหาคนผิดเพื่อจะพาตัวมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่คนผู้นั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่งระหว่างทางเขาจึงหลบหนีไปได้ แต่เจ้าวางใจข้าให้คนไล่ตามไปแล้ว หลังจากตามจับมาได้จะพามาส่งให้ที่ตำหนักของเจ้าก่อน!”
“ไม่จำเป็น!” อามู่เต๋อโบกมืออย่างเกียจคร้าน “คนผู้หนึ่งที่มิได้สำคัญจะเป็นหรือตายข้าหาได้สนใจไม่ ท่านพูดจบแล้วใช่หรือไม่ หากพูดจบแล้วท่านก็ไสหัวไปได้แล้ว!”
ความหมายโดยนัยคือข้ายังไม่ยกโทษให้ท่าน
“อาเต๋อ!”
นี่เป็นครั้งที่สามของวันนี้แล้วที่เขาเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้ ในที่สุดก็ทำให้อามู่เต๋อโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
“ผู้ใดจะเรียกข้าเช่นนี้ก็ย่อมได้ แต่มีเพียงท่านที่ไม่ได้!” อามู่เต๋อขุ่นเคืองจนโกรธเกรี้ยว ตะโกนออกมาด้วยโทสะโดยพลันทำให้ทุกคนในห้องล้วนตกใจกลัวจนกลั้นหายใจ
เขายืนขึ้นโดยพลันและจ้องมองคนตรงหน้าซึ่งอยู่ในฐานะพี่ชายของเขา
“เป็นท่าน ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะท่าน! เพราะท่านเกิดก่อนข้าหนึ่งชั่วยามท่านจึงเป็นพี่ เพราะแม่เป็นของท่านเป็นชายาเอกของเสด็จพ่อดังนั้นท่านจึงเป็นองค์ชายใหญ่ แต่ท่านเก่งกาจกว่าข้าที่ตรงใดกัน? ตั้งแต่เด็กข้าก็ฉลาดเฉลียวกว่าท่าน ขยันหมั่นเพียรกว่าท่าน แต่เพราะสถานะของท่านเสด็จพ่อจึงทำราวกับข้าเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้ท่านโดดเด่น ราวกับเป็นเงาของท่าน พวกท่านเคยยอมรับข้าด้วยหรือ”
ตราบใดที่นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างในอดีต อามู่เต๋อก็จะรู้สึกราวกับเขาถูกล้อมไปด้วยระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่ทำอย่างไรก็ไม่อาจออกมาได้
“ข้าก็เป็นองค์ชาย ข้าก็เป็นลูกของเสด็จพ่อ ข้าก็ยังเป็นแค่เด็กเช่นกัน ยามนั้นข้าเพิ่งอายุห้าขวบ!” เขายื่นนิ้วทั้งห้าออกไป “เสด็จพ่อเอาข้าไปทิ้งไว้ในห้องลับบังคับให้ข้าฝึกฝนการใช้ยาพิษให้ข้าอยู่ร่วมกับเหล่าแมลงพิษทุกเมื่อเชื่อวัน แม้ข้าจะถูกสัตว์พิษกัดจนเกือบสิ้นลมหายใจเขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะเขาบอกว่าจะให้ข้ามาปกป้องท่านในอนาคต”
อามู่เต๋อโค้งริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ท่านมีอันใดต้องปกป้อง เพราะกลัวคนจากแคว้นศัตรูจะมาสังหารท่านแต่พวกท่านเคยคิดหรือไม่ว่าท่านกับข้าอายุเท่ากัน ในยามนั้นข้าก็ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเช่นกัน!”
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว มือทั้งสองข้างของอามู่เต๋อกำเป็นหมัดแทบอยากจะฟาดหัวของคนตรงหน้าผู้นี้ให้แตก
“ยามที่พวกท่านทั้งครอบครัวกำลังมีความสุข ข้าต้องถูกแมลงพิษกัดอยู่ในห้องลับ ยามที่ท่านทำตัวเกียจคร้านออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดเสด็จพ่อ ข้าต้องถูกหมอเจาะเลือดออกเพื่อล้างพิษ ยามที่ท่านนั่งเรียนอยู่ในสำนักศึกษาอย่างอิสระ แล้วข้าเล่าต้องอยู่ในห้องลับโดยไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีเพียงความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด! ท่านว่าเหตุใดข้าจึงต้องอภัยให้ท่านด้วย หืม?”
เห็นดวงตาทั้งสองข้างของอามู่เต๋อหรี่ลงจนเป็นเส้นเดียว แต่ที่หางตาฉาบไปด้วยไอสังหารราวกับจะสังหารเขาได้ทุกเมื่อ ทั่วทั้งร่างของอามู่ทั่วก็ระแวดระวังขึ้นมา “เป็นพี่ผิดเอง พี่ควรขอร้องแทนเจ้า ควรยืนอยู่ข้างเจ้าจึงจะถูก”
อามู่ทั่วก้มศีรษะอีกคราด้วยท่าทางจริงใจ ทั้งยังมีท่าทียอมรับความผิดอย่างนอบน้อมยิ่ง “แต่นั่นเป็นการตัดสินใจของเสด็จพ่อ ยามนั้นเจ้ากับข้าต่างก็ยังเด็กทั้งยังไม่รู้ความและไม่อาจต่อต้าน ทว่ายามนี้เสด็จพ่อกลับสู่สวรรค์แล้ว เชื่อว่าดวงวิญญาณของเขาที่อยู่บนสวรรค์จะต้องนึกเสียใจภายหลังกับการตัดสินใจของตนเองในคราแรกเป็นแน่ อาเต๋อ เจ้าให้โอกาสพี่อีกคราได้หรือไม่?”
“ถุย!”
อามู่เต๋อถ่มน้ำลายใส่ชุดของอามู่ทั่วอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าจงใจทำเพราะอยากเห็นเขาโกรธ ผู้ใดจะคิดว่าอามู่ทั่วผู้นี้วันนี้จะมีความอดทนมากถึงเพียงนี้ ไม่เอ่ยอันใดทั้งยังไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักครา
“นี่ เหตุใดวันนี้ท่านจึงนิสัยดีถึงเพียงนี้เล่า ข้าจำได้ว่ายามที่ยังเป็นเด็กเพราะข้าเคยไม่ระวังจนทำให้ชุดของท่านขาด ท่านจึงไปฟ้องเสด็จพ่อทำให้ข้าถูกทุบตี ทำไมเล่า ยามนี้ไม่มีที่พึ่งพิงแล้วจึงมิกล้าหรือ?”
“ไม่ใช่!” อามู่ทั่วรีบส่ายศีรษะ “ยามนั้นพี่ยังไม่รู้ความแต่ยามนี้พี่เข้าใจแล้ว ในยามนี้เสด็จพ่อก็กลับสู่สวรรค์แล้วเหลือก็แต่เพียงเจ้ากับข้าที่เป็นพี่น้องกัน พวกเราควรจะรักใคร่ปรองดองกันเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันจึงจะถูก”
“ไม่สู้ท่านเอามีดมาจ่อคอข้าตรงๆ เลยจะดีกว่า เสแสร้งเช่นนี้ท่านไม่เหนื่อยหรือ?” อามู่เต๋อยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกดูแคลน
“ยามนี้ท่านรู้ว่าผิดแล้วหรือ? ในครานั้นท่านทำสิ่งใดลงไปเล่า? ท่านบอกว่าในยามนั้นยังเด็ก เช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้ไม่นานเล่า ข้าแพ้สงครามให้แคว้นเทียนเฉาข้าจึงเสนอให้ยอมจำนนและแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ทั้งท่านและเสด็จพ่อพูดว่าอันใดอย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้!”
ปัง
ทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว ยามที่อามู่เต๋อมองมาอีกครา ใบหน้าก็แดงก่ำราวกับจะฆ่าอีกฝ่ายจริงๆ ได้ทุกเมื่อ
“ช่างเถิด พูดมากเกินไปแล้ว ข้าคร้านจะพูดกับท่านให้มากความ! ท่านกราบทูลต่อหน้าเสด็จพ่อครั้งแล้วครั้งเล่าให้สังหารข้า ทั้งยังเป็นท่านที่ทำให้เสด็จพ่อเปลี่ยนให้ข้ากลายเป็นสภาพเช่นนี้ ข้าล้วนจำทุกสิ่งได้”
เขาทุบอกของตนเอง “อามู่ทั่ว ยามที่พวกท่านนำข้าเข้าไปขังไว้ในห้องลับ ข้าก็เคยบอกแล้วว่าข้าจะทำให้พวกท่านเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน! การละเล่นของพวกเราเพิ่งจะเริ่มต้น ในเมื่อท่านก็สนใจถึงเพียงนี้เช่นนั้นพวกเราก็มาเล่นกันอย่างช้าๆ เถิด”
กล่าวจบเขาก็หยัดกายขึ้นใช้สายตาส่งสัญญาณไปให้องครักษ์ ก่อนจะมีองครักษ์ทำมือเป็นท่าทางเชื้อเชิญอามู่ทั่วโดยพลัน
“องค์ชายใหญ่ เชิญทางนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“อามู่เต๋อ ข้าเป็นพี่ของเจ้า ข้ามาเยี่ยมเจ้าแต่เจ้ากลับรีบร้อนไล่ข้าไปเช่นนี้หรือ? ข้าสำนึกผิดจากใจจริงจึงคิดจะมายอมรับผิดกับเจ้า เจ้าไม่ซาบซึ้งก็แล้วไปเถิดแต่เหตุใดจึงไม่ฟังข้าพูดให้จบก่อนเล่า?” อามู่ทั่วไม่เพียงแต่ไม่ยอมออกไปทว่ายังถึงขั้นชนองครักษ์อย่างหุนหัน เข้ามาขวางเบื้องหน้าซึ่งเป็นทางไปของเขาไว้
“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็พูดมา วันนี้ตกลงเจ้าต้องการจะทำอันใดกันแน่?”
คาดไม่ถึงว่าเขาจะตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้ อามู่ทั่วชะงักแต่ไม่นานก็กลับเข้าเรื่อง “เจ้าจะไม่ยอมให้อภัยข้าก็ย่อมได้ เจ้าจะยึดตำแหน่งฮ่องเต้ของข้าไปก็ย่อมได้ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าชื่อในราชโองการถูกเจ้าสับเปลี่ยน เพื่อแสดงให้เห็นความจริงใจของข้า ข้าสามารถไม่ถือสาเรื่องเหล่านั้นได้ แต่วันนี้ข้ามาเพื่อขอคนผู้หนึ่งจากเจ้า”
“ในที่สุดเจ้าก็พูดจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเองออกมาหรือ?”
อามู่เต๋อจ้องมองอย่างดูแคลน “หากต้องการหลิงมู่เอ๋อร์ ย่อมไม่ได้!”
เขามีท่าทางเด็ดขาดไม่อาจเอ่ยปากค้านได้โดยง่าย ยามที่สายตาอันตรายจ้องมองมาก็ราวกับหากอีกฝ่ายพูดมากอีกเพียงหนึ่งประโยคเขาจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมาโดยพลัน
อามู่ทั่วกลับไม่รีบไม่ร้อนเปิดปากกล่าวด้วยความอ่อนโยนยิ่ง “อาเต๋อช่างฉลาดเฉลียวนัก เจ้าพูดถูก เจ้าฉลาดเฉลียวที่สุดทั้งยังเก่งกาจที่สุด! แต่เจ้าฟังข้าให้จบก่อนค่อยปฏิเสธก็ยังไม่สาย”
เดินไปที่ข้างโต๊ะตามอำเภอใจก่อนจะรินชาร้อนสองแก้ว แก้วหนึ่งส่งให้อามู่เต๋อ อีกแก้วหนึ่งส่งให้ตนเอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่รับแต่เขาก็ยังคนดันไปเบื้องหน้าอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนด้วยท่าทางไม่โกรธเคืองอันใด
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอาเต๋อจึงพาสตรีผู้หนึ่งกลับมาจากแคว้นเทียนเฉา แต่ข้าเคยตรวจสอบแล้วว่านางเป็นแม่นางเซียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงของแคว้นเทียนเฉา! ในเมื่อทักษะแพทย์สูงส่งเช่นนี้ข้าจึงอยากเชิญนางมาที่ตำหนักของข้า เพื่อให้ตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยของเหล่าทหาร”
อามู่ทั่วกล่าวพลางมองดวงตาของอามู่เต๋อด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
ในฐานะองค์ชายแคว้นซีอวี้แต่ละคนล้วนมีทหารกล้าสองแสนนาย คราก่อนยามที่มีสงครามกับแคว้นเทียนเฉา พวกเขามีกองกำลังสนับสนุนไม่พอ กองกำลังทหารของอามู่ทั่วจึงเคยมาช่วยสนับสนุน คนมากมายที่ได้รับบาดเจ็บยามนี้ยังไร้หนทางจะได้รับการรักษา เขาย่อมไม่ทิ้งโอกาสอันดีเช่นนี้
“อาเต๋อก็รู้ว่าเหล่าทหารยังบาดเจ็บจากบาดแผลเก่าย่อมส่งผลเสียต่อการเดินทัพในภายภาคหน้า ข้าได้ยินว่าเจ้าจับแม่นางเซียนแพทย์ผู้นั้นมาทั้งยังคุมขังไว้ในตำหนัก ไม่สู้นำนางมาขังไว้ในตำหนักองค์ชายใหญ่ของข้า เพื่อมารักษาเหล่าทหารของแคว้นซีอวี้ของพวกเราจะดีกว่ากระมัง!”
เขากล่าว เมื่อเห็นอามู่เต๋อกำลังจะปฏิเสธเขาจึงรีบกล่าวเสริม “อาเต๋อ ข้าขอโทษแทนเรื่องที่ข้าและเสด็จพ่อเคยกระทำต่อเจ้าทั้งหมด ข้าไม่ต้องการตำแหน่งฮ่องเต้ก็ได้แต่เจ้าเชื่อเถิดว่าทุกสิ่งที่ข้าทำก็ล้วนทำเพื่อแคว้นซีอวี้ของพวกเรา! เจ้ามองเช่นนี้เถิด เจ้าให้หลิงมู่เอ๋อร์มารักษาเหล่าทหารแคว้นซีอวี้ของพวกเรา ไม่เพียงแต่จะทำให้เหล่าทหารกลับมายืนหยัดได้อีกครายังทำให้เหล่าทหารรู้สึกซาบซึ้งต่อเจ้าอีกด้วย! หากหมอของกองทัพศัตรูมาสร้างประโยชน์ให้แก่ราษฎรของพวกเรา เหล่าราษฎรย่อมซาบซึ้งต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ของพวกเขา ผู้ใดได้ใจปวงประชาย่อมได้ครองแผ่นดิน เจ้าว่าถูกหรือไม่?”
——————————