เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 18 ตอนที่ 530 ศึกสายเลือด
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 18 ตอนที่ 530 ศึกสายเลือด
เล่มที่ 18 ตอนที่ 530 ศึกสายเลือด
ทันทีที่สิ้นเสียง ชายหนุ่มก็จากไปอย่างรวดเร็วดั่งสายลมที่โบกพัดกรรโชกแรง ราวกับว่าอามู่ทั่วไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาที่นี่ก็ไม่ปาน
“ไอ๊หยา เหตุใดถึงไปแล้วเล่า? คงมิใช่กลับไประดมกองกำลังนักฆ่ามาสังหารข้าหรอกกระมัง อย่างไรเสียเมื่อครู่ข้าก็เพิ่งจะปฏิเสธเขาไป?”
หลิงมู่เอ๋อร์เองก็หวาดกลัวเล็กน้อย นางมองตงฟางเชวี่ยด้วยท่าทีน่าสงสาร “ทำอย่างไรดี ข้าควรหาที่ซ่อนใช่หรือไม่? หลีกเลี่ยงการตายโดยไม่รู้ตัว”
“สุดยอดการละคร” ตงฟางเชวี่ยหันสายตากลับมามอง ก่อนกลอกตาขึ้นฟ้า
หลังจากแน่ใจแล้วว่าอามู่ทั่วจากไปไกลแล้วจริงๆ เขาก็เอ่ยด้วยความจริงจังอย่างหาได้ยาก “ในฐานะองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นซีอวี้ ทว่ากลับต้องการสังหารน้องชายแท้ๆ ของตนเอง แต่กลับมาขอความช่วยเหลือจากเจ้า เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกว่าทั่วทั้งแคว้นซีอวี้นี้แปลกพิกลนัก”
“อามู่เต๋อสามารถวางแผนสังหารบิดาของตนเองได้ แล้วเหตุใดอามู่ทั่วจะสังหารน้องชายของตนเองบ้างไม่ได้ ดังนั้นแล้วชาวซีอวี้ล้วนมีจิตใจที่โหดเหี้ยม มิสู้พวกเรารีบฉวยโอกาสยามนี้หนีไปกันเถิด”
หลิงมู่เอ๋อร์พูดพลางรีบร้อนหยัดกายลุกขึ้น แสร้งทำท่าจะไปจัดสัมภาระ ในยามนั้นนางถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่านางถูกลักพาตัวมา หาได้มีสัมภาระเดินทางใดๆ ไม่
“กว่าเจ้าจะมาถึงแคว้นซีอวี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วเจ้ารู้วิธีหนีออกไปหรือ?” ตงฟางเชวี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากแขวะ “คิดถึงบุรุษของเจ้าแล้วก็เอ่ยมาตามตรง จะอ้อมค้อมไปเพื่ออันใด”
“เจ้าเอ่ยได้ถูกต้อง ข้าคิดถึงเซ่าเฉิน คิดถึงเขาเหลือเกิน”
หลิงมู่เอ๋อร์นั่งยองๆ อยู่กับพื้น ซุกศีรษะลงในอ้อมแขน ไม่เคยรู้สึกว่านางคิดถึงผู้ใดมากขนาดนี้มาก่อน
ราวกับว่าทารกน้อยในครรภ์จะเข้าใจคำพูดของนาง เด็กน้อยเตะท้องของนางสองครา หลิงมู่เอ๋อร์พลันเงยหน้าขึ้น ก่อนจะลูบท้องเบาๆ อย่างระมัดระวัง “เจ้าเองก็คิดถึงท่านพ่อเหมือนกันใช่หรือไม่? แม่จะรีบพาเจ้ากลับประเดี๋ยวนี้ดีหรือไม่?”
เห็นนางเอ่ยเองเล่นเอง ราวกับว่ากำลังติดอยู่ในเรื่องราวที่มิอาจปีนออกมาได้เอง ตงฟางเชวี่ยก็ทนไม่ไหวอยากจะพุ่งเข้าไปต่อยนางสักหมัดสองหมัด ให้นางตั้งสติให้ดี
“หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าอย่าทำให้ข้ารังเกียจมากไปกว่านี้ได้หรือไม่?”
“คนที่แพ้ท้องก็เป็นหาใช่เจ้า แล้วเจ้ามารังเกียจอันใด?” หลิงมู่เอ๋อร์พ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างเย็นชา “ช่างมันเถิด เจ้ามันตัวคนเดียว ต่อให้คิดอยากคำนึงถึงใครสักคนก็คงไม่มี อย่าได้โจมตีเจ้าดีกว่า ทว่าอามู่ทั่วคนนี้มิได้มาดี ต้องมีแผนการตามมาแน่ พวกเราควรจะทำเช่นไรดี?”
“ง่ายมาก คราวหน้าหากเขามาอีกก็แค่ตะโกนว่าไม่มีมารยาท”
ดวงตาของหลิงมู่เอ๋อร์หรี่ลงจนกลายเป็นขีดเดียว แสงในดวงตากะพริบเป็นประกาย “เช่นนี้อามู่เต๋อก็ได้จะรู้ว่าอามู่ทั่วบุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต สองพี่น้องก็จะยิ่งทวีความเคียดแค้นชิงชังมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อถึงเวลานั้นศึกระหว่างพี่น้องก็ยิ่งเพิ่มพูนความรุนแรงมากกว่าเดิม… ตงฟางเชวี่ย แผนการนี้ของเจ้าโหดเหี้ยมนัก”
ปรากฏว่าอามู่ทั่วมิได้มาอีกครา แต่กลับส่งคนมามอบของขวัญให้
ครานี้มิได้ทำตัวลับๆ ล่อๆ เป็นนักย่องเบาอย่างคราวที่แล้ว แต่กลับส่งทหารองครักษ์มาอย่างสง่างามเปิดเผยสองคนมาภายใต้นามขององค์ชายใหญ่ ทั้งคนหน้าคนหลังล้วนถือหีบใบใหญ่เอาไว้
“แม่นางหลิง ของในหีบล้วนแล้วแต่เป็นของพิเศษเฉพาะของแคว้นซีอวี้ องค์ชายใหญ่ทรงตรัสว่านี่คือหัวใจของเขา เขาหวังว่าจะได้ผูกมิตรเป็นสหายกับแม่นาง ได้โปรดรับมันไว้เถิดขอรับ”
ทหารองครักษ์ทั้งสองทิ้งหีบเอาไว้ก่อนจากไป ตงฟางเชวี่ยรีบลุกขึ้นเดินมาหยุดไม่ให้หลิงมู่เอ๋อร์เปิดกล่อง “เจ้ารับของเหล่านี้เอาไว้ไม่ได้”
“เพราะเหตุใด?”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่สนใจคำคัดค้านของตงฟางเชวี่ย นางยืนกรานที่จะเปิดหีบไม้ ปรากฏว่าในนั้นมีสิ่งของมากมายกองอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้เพียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าล้ำค่าไม่ธรรมดาทั้งสิ้น
“หากผู้ใดเป็นฝ่ายเริ่มเสนอของให้เจ้าก่อน ของที่ไม่ต้องเสียเงินก็จงอย่าได้ไม่รับมันมา เหตุใดไม่รับมาเล่า?”
ตงฟางเชวี่ยถอนหายใจด้วยความทดท้อ เขาใช้สายตามองนางราวกับกำลังมองคนโง่ “อามู่ทั่วจงใจส่งของขวัญในนามขององค์ชายใหญ่ เพราะต้องการให้อามู่เต๋อรู้ว่าเจ้าสองคนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เจ้าถูกอามู่เต๋อลักพาตัวมา ทว่าไปตกลงเป็นสหายกับองค์ชายใหญ่ตั้งแต่เมื่อใด? ยามนี้เจ้ายอมรับของขวัญจากเขาก็ย่อมแสดงว่าเจ้ายอมเป็นสหายกับเขาแล้ว เจ้าลองเดาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าต่อไป?”
ทว่าหลิงมู่เอ๋อร์กลับไม่คิดเช่นนั้น “อามู่เต๋อเป็นคนชั่วที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต จะเป็นอย่างไรหากเขารู้ว่าอามู่ทั่วบุกเข้ามาในเรือนคนอื่นเพื่อหาข้าด้วยตนเอง? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องการจะทำให้เขารู้ว่าอามู่ทั่วมาหาข้าเพราะมีแผนสมรู้ร่วมคิด ทำเช่นนี้เขาก็จะโกรธ หากโมโหก็ไม่แน่ว่าอาจจะหาเรื่องคิดบัญชีกับอามู่ทั่ว อย่างไรเสีย ซีอวี้ก็แสนน่าเบื่อ ได้ชมเรื่องสนุกสักหน่อยมินับว่าเป็นเรื่องดีหรือ?”
“นี่มันตรรกะอันใดของเจ้ากัน?” ตงฟางเชวี่ยตกตะลึงอึ้งค้างอย่างสมบูรณ์
“เจ้าลองดูสิว่านี่คืออะไร?” หลิงมู่เอ๋อร์หยิบจดหมายแผ่นหนึ่งออกมาจากหีบผ้า
นางย่อมรู้ดีว่าอามู่ทั่วมิได้มีจิตใจบริสุทธิ์เพียงแค่ส่งของขวัญให้เท่านั้น
ตงฟางเชวี่ยดูเหมือนจะเข้าใจความตั้งใจของนางในการเปิดหีบไม้แล้ว เขารีบรับจดหมายฉบับนั้นไป ยามที่มองแวบแรกกลับไม่พบสิ่งใดเลย ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตระหนักได้และเอ่ยว่า “ที่อยู่ อามู่ทั่วต้องการพบเจ้าเป็นการส่วนตัว”
“นัดพบข้าหรือ? เซ่าเฉินคงจะโกรธแน่หากเขารู้” หลิงมู่เอ๋อร์รีบคว้าจดหมายนั่นกลับมา ก่อนจะวางไว้บนเปลวเทียนเพื่อเผามัน
ยังไม่ทันที่ตงฟางเชวี่ยจะตอบสนองต่อสิ่งที่นางทำ จดหมายฉบับน้อยก็กลายเป็นเพียงกองขี้เถ้าแล้ว ชายหนุ่มกำลังคิดจะถาม เงาร่างที่ลุกพรึบด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะก็พุ่งทะยานเข้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงตรงเข้าบีบคอหลิงมู่เอ๋อร์ ก่อนจะกดเข้ากับผนังเย็นเฉียบทันที
เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป เขากำลังคิดจะช่วย ทว่ากลับเห็นสายตาปรามให้ดูท่าทีของหลิงมู่เอ๋อร์ก่อน ทว่าจะให้เขายืนทนมองหลิงมู่เอ๋อร์ถูกจับเป็นตัวประกันได้อย่างไร
“กรี๊ด! องค์ชายรอง องค์ชายรอง พระองค์ทรงทำอันใดเพคะ แม่นางหลิงทำอะไรผิดไปหรือ ได้โปรดทรงละเว้นด้วยเถิดเพคะ หากพระองค์ไม่ทันระวังจะกลายเป็นสังหารหนึ่งชีวิตสองศพนะเพคะ!” ตงฟางเชวี่ยเปลี่ยนกลับเป็นหม่าเซียะ กรีดร้องเสียงดังอีกครา
“เพิ่งรับใช้ได้เพียงสองวัน แต่กลับสามารถทำให้คนของข้าภักดีต่อเจ้าได้แล้ว หลิงมู่เอ๋อร์เจ้าช่างมีความสามารถจริงๆ” อามู่เต๋อกัดฟัน ไม่หันกลับไปมองแม้แต่นิด “หากไม่อยากตาย ก็ไสหัวออกไปเสีย!”
“เพคะ!”
ตงฟางเชวี่ยพยักหน้า ราวกับจะวิ่งแทบกระโดดออกไปจนไกลลิบบราวนี่ออนไลน์
เดิมทีหลิงมู่เอ๋อร์ยังคิดจะเอ่ยปากรั้งเขาไว้ ทว่าเมื่อเห็นวิ่งหนีเร็วยิ่งกว่ากระต่าย วินาทีนั้นนางก็รู้สึกเสียใจในภายหลังทันทีที่บอกให้เขาใจเย็นรอดูเหตุการณ์ไปก่อน
“หากต้องการสังหารข้าก็ลงมือให้เร็วกว่านี้ หากไม่ฆ่าแล้วก็ปล่อยมือเสีย เปลืองแรงของเจ้าไม่ว่า แต่ข้าเจ็บ” หลิงมู่เอ๋อร์จ้องอามู่เต๋อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นไม่สนใจการบีบคอของเขา
อามู่เต๋อปรารถนาจะบีบคอหลิงมู่เอ๋อร์หลายคราหลายหน ทว่าท้ายที่สุดเข้าก็ปล่อยมือด้วยยอมแพ้
“ทางที่ดีที่สุดจงเอ่ยปากบอกความจริงมา เจ้าสัญญาอันใดกับไอ้ชั่วอามู่ทั่ว?”
“ดีร้ายอย่างไร เขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้านะ เหตุใดถึงได้กลายเป็นคนชั่วแล้วเล่า?” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่เข้าใจ
“เหอะ มันแย่งทุกอย่างไปจากข้า พรากฐานะของข้าไป ขนาดนี้แล้วยังมิใช่ไอ้สารเลวหรือ?” ตราบใดที่กล่าวถึงเรื่องนี้ ในท้องของอามู่เต๋อก็ดูจะเต็มไปด้วยน้ำขม ภาพตรงหน้าราวกับหวนย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้ว
สิบห้าปีที่แล้ว ยามที่เขามีอายุได้เพียงห้าขวบ เดิมทีเขาควรจะเป็นองค์ชายที่เสด็จพ่อโปรดปรานมากที่สุด ทว่าเป็นเพราะอามู่ทั่วและเสด็จแม่ของเขาที่ใช้วิธีน่ารังเกียจ ไม่เพียงแต่ทำร้ายเสด็จแม่เขาจนตาย ทว่ายังทำให้เขาต้องกลายเป็นฆาตกรที่สังหารบิดาของตนเองด้วย!
เสด็จพ่อทรงผิดหวังในตัวเขาคราใหญ่ และไม่เคยเรียกหาเขาอีกเลย
ด้วยเป็นเช่นนี้ อามู่ทั่วแย่งความโปรดปรานที่เดิมเป็นของเขาไป อีกทั้งยังสร้างเรื่องต่อหน้าเสด็จพ่อของเขาอย่างเหี้ยมโหด จนเสด็จพ่อเอาใจออกห่างเขาเป็นพันจั้ง ยิ่งไปกว่านั้นยังทรงบีบบังคับให้เขาศึกษาเรื่องยาพิษ กลายเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมและมีรูปลักษณ์ดั่งภูตผีปีศาจเช่นนี้!
นับวันชื่อเสียงดีงามยิ่งสั่งสม เอ่ยว่าเป็นแนวทางของพี่ชายในการดูแลน้อง ทว่าสิ่งที่เขาได้กลับมานั้นคืออะไร?
ได้คำพูดที่เอ่ยจากเสด็จพ่อว่าให้เขาเป็นคนที่คอยผลักดันอยู่เบื้องหลังอามู่ทั่ว สนับสนุนในทุกสิ่งที่เขาทำ ทว่าหัวขโมยอามู่ทั่วกลับไม่รู้คุณคน ยังคิดจะพุ่งเป้ามาที่เขาไม่ว่าจะอยู่แห่งหนไหน ต้องการให้เขากลายเป็นปีศาจโดยสมบูรณ์!
“ทุกสิ่งที่ข้าเป็นในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะอามู่ทั่วที่ทำร้ายข้า แล้วเจ้ายังต้องการให้ข้ามีความรักอันลึกซึ้งฉันพี่น้องกับเขาอยู่อีกงั้นหรือ?” อามู่เต๋อรู้สึกเพียงว่านี่คือเรื่องตลกที่น่าขันที่สุดในโลก
“อย่ามองข้าด้วยสายตาฆ่าฟันเช่นนั้น ข้าไม่ใช่เขา” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่สนใจเรื่องครองบัลลังก์ของทั้งเขาหรืออามู่ทั่ว “น่าเสียดาย คนที่เจ้าเกลียดชังถึงเพียงนั้นกลับสามารถเข้าออกเรือนของเจ้าได้อย่างอิสระ มิน่าเล่าเจ้าถึงได้โมโหขนาดนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของอามู่เต๋อก็ยิ่งดำคล้ำ ราวกับว่าชายหนุ่มพร้อมที่จะระเบิดทุกเมื่อ
“พูดมา เพราะเหตุใดจู่ๆ เขาถึงได้ปรากฏขึ้นที่นี่? อีกทั้งยังส่งคนมามอบของให้เจ้าด้วย เจ้ากับเขาสมคบคิดกันตั้งแต่เมื่อใด!”
ชั่วขณะนั้นหลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกรำคาญจากการถูกกวนประสาทเข้าให้แล้ว “อามู่เต๋อ คำพูดนี้เจ้าต้องการจะดูถูกผู้ใดกัน”
ยามที่เห็นสีหน้าอันไร้ความกรุณา ชั่ววินาทีนั้นอามู่เต๋อพลันเข้าใจทันทีว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะซื่อสัตย์ต่อซั่งกวนเซ่าเฉินขนาดนี้ ก็ใช่ที่อามู่ทั่วนั้นโลภมากกินไม่เลือก ทว่าก็คงจะไม่ลงมือกับสตรีท้องใหญ่เช่นเจ้า ทว่า เขามิใช่คนที่มีสหายกว้างขวาง แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นเพียงแค่ของขาดทุนไร้ประโยชน์ หากเจ้ามิได้สัญญาว่าจะทำผลประโยชน์ให้เขา แล้วเขาจะส่งของเหล่านี้ให้เจ้าได้อย่างไร?”
สิ้นเสียง หลิงมู่เอ๋อร์ก็ได้ยินเสียงดัง ‘โครม’ หีบไม้ที่อามู่ทั่วส่งมาถูกเตะโครมจนกลายเป็นเพียงเศษไม้ ของที่อยู่ด้านในแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อย่าคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงมือทำอะไรเจ้าจริงๆ”
น้ำเสียงของอามู่เต๋อแฝงไปด้วยความชั่วร้าย ทว่าหากฟังให้ละเอียดจะพบว่ามันแฝงไปด้วยกลิ่นอายสังหารอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดว่าเขาโมโหเข้าแล้วจริงๆ
ดูท่าว่าความเคียดแค้นชิงชังระหว่างเขากับอามู่ทั่วนั้นจะสูงกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มากทีเดียว
“เขาบอกว่าจะช่วยให้ข้าได้ครอบครองดอกไม้ประจำแคว้น ทว่าเงื่อนไขของเขาคือการสังหารเจ้า”
นางบอกความจริงทุกสิ่งที่อามู่ทั่วพูดอย่างมิคิดปิดบังเลยสักนิดให้อามู่เต๋อฟัง
ยิ่งเห็นใบหน้าของอามู่เต๋ออาบย้อมไปด้วยความอาฆาตที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ถอยหลังอย่างมีสติไปสองสามก้าว
นางยังไม่อยากกลายเป็นตัวประกอบที่ตายอย่างน่าอนาถและไม่จำเป็นของเรื่อง
“สารเลว!”
หมัดที่เก็บกักพลังปราณถึงห้าส่วนถูกส่งออกไปทำลายกำแพงฝั่งตรงข้าม เห็นได้ชัดว่าอามู่เต๋อโกรธจนถึงขีดสุด!
“เจ้าตกลงกับเขาแล้วใช่หรือไม่?”
“เรื่องที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เหตุใดถึงไม่ตกลงเล่า? อย่าลืมเสียล่ะว่าข้าถูกเจ้าลักพาตัวมา!”
คำพูดเหล่านี้ยิ่งให้อามู่เต๋อโกรธขึ้นอีกครา “ข้าเคยเอาเปรียบเจ้าหรือ? ตั้งแต่ที่ข้าจะพาเจ้าจากแคว้นเทียนเฉามาซีอวี้ ข้าเคยกักขังและทำร้ายเจ้าสักคราบ้างหรือไม่? หลิงมู่เอ๋อร์ เยี่ยมจริงๆ เจ้าจะช่วยเขาต่อกรกับข้าจริงๆ ใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าจะไปสังหารเขาก่อนแล้วค่อยกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า!”
อามู่เต๋อจากไปพร้อมความโกรธเกรี้ยว
หลังจากแน่ใจว่าคนไปไกลแล้ว หลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบวิ่งออกจากห้อง
ทหารองครักษ์ทั้งแปดตรงเข้าขัดขวางนางทันที “หากไม่มีคำสั่งจากนายท่าน แม่นางหลิงไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้ โปรดกลับเข้าไปในห้องด้วยขอรับ!”
“ได้ๆๆ ข้าถอยแล้วข้าถอย แต่ว่าพวกเจ้าวางดาบลงก่อน” หลิงมู่เอ๋อร์รีบยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ลง นางค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปช้าๆ ยามที่หมุนกายกลับไป เมื่อแน่ใจว่าพวกเขาคลายท่าทีระแวดระวังลง นางก็สะบัดเข็มเงินที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกไปทันที
ฉึกๆๆ สิ้นเสียงของเข็มเงิน เหล่าทหารองครักษ์ก็พากันล้มลงไปกองกับพื้น
ข้างกาย แว่วเสียงชื่นชมของตงฟางเชวี่ยดังมาให้ได้ยิน “ไม่เลว ไม่เลว วิธีการใช้เข็มเงินนี้ของเจ้านับว่างดงามยอดเยี่ยม แม้ว่าเจ้าจะไม่มีพลังปราณ อีกทั้งไม่มีทักษะอื่น ทว่าเข็มเงินนี้นับเป็นอาวุธร้ายแรงที่คนอื่นจะมองข้ามมากที่สุด ทั้งๆ ที่เจ้าสามารถใช้วิชานี้สังหารอามู่เต๋อได้ ทว่าเหตุใดเมื่อครู่นี้ถึงไม่ตกลงกับอามู่ทั่วไปเล่า?”
“เจ้าคิดว่าอามู่ทั่วจะเจรจาได้ง่ายดายเพียงนั้นหรือ?”
แม้ว่าสิ่งที่บุรุษผู้นั้นเอ่ยเมื่อครู่นี้จะถูกต้อง แม้นางจะถูกลักพาตัวมาจริง ทว่าตั้งแต่คราแรกที่วางหมาก เขากลับไม่เคยใช้ประโยชน์จากนางเลย
ในยามปกติก็ให้อยู่ดีกินดี ให้คนมาคอยปรนนิบัติรับใช้ มีเพียงแค่ไม่ให้ออกไปนอกเรือนก็เท่านั้น มีที่ใดที่เหมือนนักโทษบ้าง?
แน่นอน นางรู้ดีว่าหากมิใช่เพราะมิติเทพที่ดึงดูดเขาเอาไว้ เขาคงไม่มีวันปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพเช่นนี้ ดังนั้นนางย่อมต้องใช้มิติเทพนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ยังยืนบื้ออันใดอยู่ตรงนั้น? อามู่เต๋อไปชำระบัญชีแค้นกับอามู่ทั่ว นี่ย่อมเป็นโอกาสที่หายากมิใช่หรือ? เจ้าอยากไปสำรวจห้องลับอีกสักคราหรือไม่เล่า?”
“ใจตรงกันเลยนี่นา”
เห็นได้ชัดว่าตงฟางเชวี่ยคิดไม่ถึงว่านางจะไปพร้อมกันกับเขา ไม่รอให้หลิงมู่เอ๋อร์ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาก็เหาะมาข้างๆ นางก่อนจะเกี่ยวแขนยาวพาดไว้รอบเอว แตะเท้าพานางใช้วิชาตัวเบาเหาะออกไปด้วยกัน ราวกับนกอินทรีที่เหินฟ้าบินไปบนนภากว้างด้วยส่วนโค้งอันสมบูรณ์แบบ