เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 18 ตอนที่ 515 โฉนดที่ดิน
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 18 ตอนที่ 515 โฉนดที่ดิน
เล่มที่ 18 ตอนที่ 515 โฉนดที่ดิน
ซั่งกวนเซ่าเฉินเปิดปากขัดคำพูดของหลิงจือเซวียนทำให้ทุกคนที่นั่นชะงักไป ในวินาทีต่อมาก็เห็นเขาค้อมกายคำนับเพื่อขอโทษพวกเขา
“เฉินเอ๋อร์นี่เจ้าทำอันใด?” ทุกคนล้วนตะลึงงัน หยางซื่อรีบพุ่งเข้าไปพยุงเขาขึ้นมา
หลิงจือเซวียนในฐานะขุนนางผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาโดยตรงรีบคุกเข่าข้างหนึ่งลงไปบนพื้น “ท่านพ่อท่านแม่ไม่ทราบความสำคัญของเรื่องนี้จึงบุกเข้ามาในตำหนักองค์ชายรองอย่างกะทันหัน รบกวนองค์ชายรองแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอองค์ชายรองโปรดละเว้นโทษด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ซั่งกวนเซ่าเฉินโบกมือสื่อให้เขาลุกขึ้น มองครอบครัวของหลิงมู่เอ๋อร์ที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลอีกครา เขาก็รู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง
“ทำให้พวกท่านต้องเป็นกังวลแล้ว เป็นความผิดของเปิ่นหวางจื่อเอง ไม่สิ ต่อหน้าพวกท่านข้าหาใช่องค์ชายรองไม่ ข้าคือสามีของมู่เอ๋อร์และเป็นลูกชายคนหนึ่งของตระกูลหลิง แต่ข้ากลับไม่อาจปกป้องมู่เอ๋อร์ให้ดีได้ เป็นข้าที่ควรขอโทษทุกคน”
กล่าวจบเขาก็โค้งคำนับอีกคราแสดงท่าทีขอโทษอย่างสุดซึ้ง
ถังซื่อ หยางต้าหนิว หลิงต้าจื้อ หยางซื่อ ทั้งสี่คนเห็นซั่งกวนเซ่าเฉินซึ่งมีฐานะเป็นองค์ชายทำเช่นนี้ก็พากันตกใจรีบพุ่งเข้ามาพยุงเขาแทบไม่ทัน
“เฉินเอ๋อร์เจ้าจะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นพวกเราก็เป็นกังวลเช่นกัน หากมิใช่เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของมู่เอ๋อร์ พวกเราย่อมไม่บุกเข้ามาอย่างกะทันหันเช่นนี้ แต่ตกลงเรื่องราวมันเป็นเช่นไรกันแน่หรือ?”
หยางซื่อกล่าวด้วยสีหน้าที่ยังคงมีความกังวลอย่างยากจะปิดบัง
ยามที่จัดที่นั่งให้ทุกคนและยืนยันว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบข้าง ซั่งกวนเซ่าเฉินก็สูดหายใจเข้าลึก “มู่เอ๋อร์หายตัวไปจริงๆ แต่เรื่องนี้หาได้เหมือนในข่าวลือที่พวกท่านได้ยิน นางกับเสียนหวางถูกคนวางแผนร้ายแต่พวกข้าช้าไปก้าวหนึ่ง ยามที่พวกข้าเร่งรุดไปมู่เอ๋อร์ก็หายตัวไปแล้ว ทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนไม่พบร่องรอยของนางเลย!”
“มิน่าเล่านางจึงไม่ออกหน้ามาอธิบาย” เจาหยางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา กล่าวจบจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองพูดผิดไป “ไม่สิ ความหมายของข้าคือมู่เอ๋อร์ถูกผู้ใดพาตัวไป ผู้ที่บงการเรื่องนี้คือผู้ใด? เป็นผู้ใดที่รู้สึกไม่พอใจมู่เอ๋อร์มาโดยตลอด?”
ยามที่นึกได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงพี่ชายของตน นางก็รีบมองมาอย่างระแวดระวัง “องค์ชายรอง ท่านพี่แม้ก่อนหน้านี้จะมีความคิดเช่นนั้นแต่เขาหาใช่คนเช่นนั้นเพคะ ดังนั้นท่าน…”
“เสียนหวางก็เป็นผู้เสียหาย ยิ่งไปกว่านั้นเสียนหวางยังมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากในการตามหามู่เอ๋อร์ ข้าหาใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิด เจ้าวางใจเถิด”
สิ้นคำพูดนี้ก็ราวกับทำให้จิตใจของทุกคนสงบลงและถอนหายใจอย่างโล่งอก
ตระกูลหลิงเปิดเหลาอาหารเป็นข่าวคราวที่คนทั่วไปรู้มานานแล้ว เมื่อห้าวันก่อนยามที่ข่าวลือนี้แพร่ไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน คราแรกพวกเขาก็มิเชื่อทว่าในไม่ช้าข่าวลือนี้นับวันก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปเร็วขึ้น มีการกล่าวหาทุกรูปแบบทำให้ชื่อเสียงของหลิงมู่เอ๋อร์ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
อีกทั้งเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับเสียนหวาง ความรู้สึกที่เสียนหวางมีต่อหลิงมู่เอ๋อร์…ทุกคนในตระกูลหลิงต่างรู้ดี หากครานั้นหลังจากมาเมืองหลวงไม่ได้พบซั่งกวนเซ่าเฉิน พวกเขาย่อมล้วนได้รับความช่วยเหลือทั้งหมดจากเสียนหวางที่มีต่อหลิงมู่เอ๋อร์ สิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดก็คือการที่ซั่งกวนเซ่าเฉินจะคิดมาก
พวกเขาอยากมาหาคนที่ตำหนักองค์ชายรองนานแล้ว ทั้งยังเป็นห่วงหลิงมู่เอ๋อร์ที่กำลังตั้งครรภ์จึงกลัวว่าจะกระทบจิตใจนาง แต่ผ่านไปห้าวันเต็มๆ พวกเขาก็รอไม่ไหวอีกต่อไป
“มู่เอ๋อร์หายตัวไปได้อย่างไรกัน นางยังตั้งครรภ์อยู่หากคนผู้นั้นทำอันใดนางเล่า?” ประโยคหลังหยางซื่อไม่กล้ากล่าวต่อ ขอเพียงคิดว่าลูกสาวของนางอาจได้รับความทุกข์ทรมาน นางก็รู้สึกปวดใจจนหายใจไม่ออก
“เช่นนั้นคุณหนูก็อาจมีอันตรายได้ทุกเมื่อหรือเพคะ?”
ซางจือและเจี้ยงเซียงสบตากัน เดินผ่านผู้คนออกมารีบคุกเข่าลงเบื้องหน้าซั่งกวนเซ่าเฉิน
“มิน่าเล่าหลายวันมานี้พวกเราจึงรู้สึกกระสับกระส่ายมักจะรู้สึกว่ามีเรื่องใหญ่อันใดเกิดขึ้น จนกระทั่งฮูหยินมาที่โรงหมอและได้เล่าเรื่องราวส่วนใหญ่ให้ฟัง พวกเราจึงเพิ่งรู้ว่าที่แท้เกิดเรื่องกับคุณหนูจริงๆ” ซางจือกล่าวโดยที่ในเบ้าตามีหยาดน้ำตาอยู่ แต่ยามที่มองซั่งกวนเซ่าเฉินอีกครานางก็รีบอดกลั้น “องค์ชายรองเพคะ ซางจือและเจี้ยงเซียงตามหาทุกสถานที่ที่คุณหนูอาจเข้าออกแต่ก็ไม่พบร่องรอยเลยเพคะ หลังจากนั้นจึงนึกขึ้นได้ว่าก่อนเกิดเรื่องคุณหนูเคยมาที่โรงหมอคราหนึ่ง พวกเราจึงไปที่ห้องพักส่วนตัวของคุณหนูเพคะ”
ซางจือและพยักหน้าให้เจี้ยงเซียง ก่อนที่ฝ่ายหลังจะรีบหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากอกและส่งไปให้ “เรียนองค์ชายรอง ยามที่พวกเราตามหาคุณหนูก็ได้พบสิ่งนี้อยู่ที่ลิ้นชักในห้องพักส่วนตัวของคุณหนูเพคะ”
ทุกคนรีบเข้ามาดู แม้จะล้วนไม่เข้าใจว่าหลิงมู่เอ๋อร์ทำเช่นนี้ด้วยเหตุใดแต่ก็ล้วนพากันแปลกใจ
“โฉนดที่ดิน? เหตุใดจึงเป็นโฉนดที่ดินของโรงหมอเล่า?”
“ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีจดหมายฉบับนี้อีกด้วยเพคะ” ซางจือส่งจดหมายฉบับหนึ่งมา “ต่อให้พวกเราจะยุ่งแต่ก็มาทำความสะอาดห้องของคุณหนูทุกวัน เพราะเกรงว่าบางครั้งคุณหนูอาจอยากมาพักผ่อน หากเห็นว่าในห้องไม่เป็นระเบียบอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของคุณหนูเพคะ ซึ่งพวกเราได้พบจดหมายฉบับนี้ในกล่องผ้าไหมของคุณหนูเพคะ”
เจี้ยงเซียงพยักหน้า “ปกติในกล่องผ้าไหมของคุณหนูจะมีเพียงเข็มเงิน แต่หลังจากคุณหนูตั้งครรภ์เข็มเงินก็ถูกนำกลับไปที่ตำหนักองค์ชายรองเพคะ ดังนั้นในกล่องผ้ากล่องนี้จึงว่างเปล่ามาโดยตลอด เมื่อวานยามที่เก็บกล่องผ้าไม่ทันระวังจึงทำหล่นทำให้พวกเราได้พบสิ่งนี้เพคะ เจี้ยงเซียงยืนยันได้ว่าจดหมายฉบับนี้ต้องเป็นคุณหนูใส่ไว้ไม่นานแน่นอนเพคะ”
ได้ยินว่าหลิงมู่เอ๋อร์ทิ้งจดหมายไว้ซั่งกวนเซ่าเฉินก็รีบคว้าไป แม้จะเป็นจดหมายที่ทิ้งไว้ให้ซางจือและเจี้ยงเซียงแต่เนื้อหาด้านในก็พอที่จะทำให้เขาตื่นตระหนกได้แล้ว
‘ซางจือ เจี้ยงเซียง ในฐานะอาจารย์ข้าไม่มีสิ่งใดที่สามารถเหลือทิ้งไว้ให้พวกเจ้าได้แล้ว นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่ข้าส่งมอบให้พวกเจ้าและเกรงว่าจะเป็นชิ้นสุดท้ายเช่นกัน! พวกเจ้ามีพรสวรรค์ด้านการแพทย์มากจริงๆ ดังนั้นข้าจึงซื้อโรงหมอและส่งมอบให้พวกเจ้า ครอบครัวของสตรีซึ่งมีทั้งฝีมือและโรงหมอต่อให้เจอลมฝนก็ย่อมไม่สั่นคลอน ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการหาเลี้ยงชีพไม่รู้ว่าพวกเจ้าชอบหรือไม่? หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำลายความคาดหวังของข้า พยายามเข้าเล่า’
ยามที่ซั่งกวนเซ่าเฉินเห็นประโยคสั้นๆ ไม่กี่ประโยคนี้ร่างก็ทรุดลงไปนั่งบนเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง
น้อยครั้งที่ทุกคนจะได้เห็นยามที่ซั่งกวนเซ่าเฉินตกต่ำเช่นนี้ ซางจือไม่สนใจฐานะที่แตกต่างกันและรีบชิงจดหมายไป
ยามที่อ่านจบน้ำตาก็เอ่อคลอ
“มู่เอ๋อร์นี่มันหมายความว่าอย่างไร? นี่คือคำสั่งเสียของนางหรือ? หรือว่านางจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตนเอง…”
“อย่าพูดจาเหลวไหล!” หลิงต้าจื้อดุนางรุนแรงเกินไปบ้าง “มู่เอ๋อร์เป็นผู้มีวาสนาที่ได้รับพรจากสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีทักษะแพทย์ล้ำเลิศ คนตายยังล้วนสามารถช่วยให้มีชีวิตได้ แล้วจะไม่อาจช่วยชีวิตตนเองได้อย่างไร?”
“ใช่เจ้าค่ะฮูหยิน ทักษะแพทย์ของคุณหนูเป็นหนึ่งในใต้หล้า ไม่มีโรคที่ซับซ้อนและรักษาได้ยากอันใดที่นางไม่อาจรักษาได้ บางทีจดหมายนี้อาจเป็นเพียง…เป็นเพียงการหยอกล้อข้ากับเจี้ยงเซียงเจ้าค่ะ” ซางจือปลอบใจหยางซื่อทั้งยังเป็นการปลอบใจตนเองอีกด้วย
ซั่งกวนเซ่าเฉินราวกับคิดบางสิ่ง แม้จะอดกลั้นเอาไว้แต่สีหน้าก็ยังคงเคร่งเครียดอยู่บ้าง “ข้าขอตัวก่อนแล้วจะรีบกลับมา ขอทุกท่านโปรดรอสักประเดี๋ยว”
ออกคำสั่งเหล่าบ่าวรับใช้ให้ต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติให้ดี ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ก้าวเดินออกไปจากโถงส่วนหน้าอย่างรวดเร็ว
หลิงมู่เอ๋อร์ย่อมไม่ทิ้งคำสั่งเสียอันใดไว้อย่างกะทันหันเด็ดขาด นางจะต้องค้นพบบางสิ่งเป็นแน่ นึกถึงท่าทีที่ต่างจากปกติของนางในระยะนี้ขึ้นมา ซั่งกวนเซ่าเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตระหนก
ทันทีที่กลับมาในเรือนนอนเขาก็เริ่มค้นลิ้นชักแต่ละชั้น
ในเมื่อแม่นางน้อยผู้นั้นสามารถทิ้งจดหมายและโฉนดที่ดินไว้ให้ลูกศิษย์ในกล่องผ้าไหมที่โรงหมอได้ ด้วยนิสัยของนางย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เหลือของสิ่งอื่นทิ้งไว้ด้วย
แต่ไม่ว่าเขาจะพลิกหาในลิ้นชัก เครื่องนอน รวมถึงในกล่องยาของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างไรก็ล้วนไม่มีสิ่งใดเหลือทิ้งไว้แม้กระผีกริ้น
“เป็นไปไม่ได้!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินเชื่อมั่นในความคิดของตนเองเป็นอย่างมาก แต่การที่เขาไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อยทำให้เขาหัวเสียเป็นอย่างยิ่ง
เขาทรุดนั่งลงไปบนเตียงมองทุกสิ่งในห้อง นึกถึงทุกท่าทางในวันวานที่หลิงมู่เอ๋อร์เดินอยู่ในห้องราวกับมีเงาร่างของนางอยู่ทุกที่
“มู่เอ๋อร์ ตกลงเจ้าถูกพาไปที่ใดกันแน่?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินยื่นมือไปคว้าปิ่นปักผมที่นางถอดทิ้งไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนที่โต๊ะเครื่องแป้ง นี่คือของที่เขาบังเอิญเจอในตลาดเมื่อไม่กี่วันก่อน ปิ่นปักผมสีขาวบริสุทธิ์ทั้งชิ้นซึ่งงดงามประณีตเป็นอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่าเหมาะกับนิสัยของหลิงมู่เอ๋อร์จึงซื้อมามอบให้นาง
เด็กสาวที่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง คาดไม่ถึงว่าจะชอบปิ่นปักผมชิ้นนี้เป็นอย่างมากจนแทบตัดใจถอดมันออกไม่ได้
ยามนั้นเขาถือมันไว้ในฝ่ามืออย่างระมัดระวังคิดจะเก็บไว้ในกล่องผ้าไหมแทนนาง ยามที่กำลังเปิดกล่องผ้าไหมก็พบว่าข้างในล้วนว่างเปล่า
‘เหตุใดข้างในกล่องผ้าไหมจึงล้วนว่างเปล่าเล่า ในฐานะเจิ้งเฟยขององค์ชายรองทั้งของกินของใช้รวมถึงเสื้อผ้าย่อมล้วนมีคนจัดเตรียมไว้ให้ เหตุใดข้าจึงไม่รู้เลยว่าสนมรักของข้าถูกโกงเช่นนี้?’
‘ท่านเข้าใจผิดแล้วเซ่าเฉิน ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้ามีสมบัติลับอยู่ เพราะเหตุนี้ของมีค่าทั้งหมดของข้าจึงล้วนถูกเก็บไว้ในมิติแล้ว’
ในหัวนึกถึงคำพูดที่หลิงมู่เอ๋อร์เคยพูดกับเขา ซั่งกวนเซ่าเฉินจึงราวกับเพิ่งตื่นจากฝันโดยพลัน
“ใช่แล้ว มิติ!”
ยามที่เขานึกในใจก็มาปรากฏตัวในมิติดังคาด
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาด้วยตนเอง แม้จะยังจนปัญญาที่จะยอมรับการมีอยู่ของสิ่งที่มหัศจรรย์เช่นนี้ แต่หากที่นี่สามารถหาหลิงมู่เอ๋อร์พบเล่า?
หลิงมู่เอ๋อร์สามารถมาจากมิติหลักของนางเข้ามาในสำเนามิติของเขาได้ เช่นนั้นมิใช่ว่าเขาก็สามารถข้ามไปได้ด้วยหรือ?
แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าซั่งกวนเซ่าเฉินจะพยายามเพียงใด เขาก็ไม่อาจข้ามสิ่งกีดขวางตรงหน้าได้ หรือเขาไม่อาจเข้าไปในมิติหลักได้?
รู้สึกไม่สบอารมณ์กับความล้มเหลวจนทำให้เขาหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด แม้มิติแห่งนี้จะมีลักษณะต่างจากก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปเป็นหรูหรางดงาม แต่เขาก็ไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย
กำลังคิดจะกลับออกไปแต่ราวกับมีแรงดึงดูดที่อธิบายไม่ถูกทำให้เขาอยากเข้าไปใกล้ที่พักในมิติ
ยังจำได้ว่าคราแรกที่นี่เป็นเพียงเรือนมุงหญ้าที่ทรุดโทรมเป็นอย่างมากซึ่งไม่เหมาะกับสถานะของเขาแม้แต่น้อย แต่ยามนี้เพราะการเอาใจใส่ของหลิงมู่เอ๋อร์ทำให้ที่นี่เปลี่ยนไปเป็นพระราชวังอันงดงามแห่งหนึ่ง
ทันใดนั้นเขาก็มีความคิดอันกล้าหาญอย่างหนึ่งขึ้นมา หลิงมู่เอ๋อร์นำสิ่งสำคัญทั้งหมดมาไว้ในมิติ เช่นนั้นจะเหลือสิ่งใดไว้ให้เขาเล่า?
ซั่งกวนเซ่าเฉินครุ่นคิดมาถึงส่วนนี้ก็รีบค้นหา ยามที่เขากำลังคิดจะยอมแพ้เขาก็พบกล่องผ้าไหมสีดำซึ่งซุกซ่อนอยู่ในมุมหนึ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์ชอบนำของที่มีค่าทั้งหมดไปใส่ไว้ในกล่องผ้าไหม อีกทั้งลวดลายของกล่องผ้าไหมก็ราวกับเขาเคยเห็นที่ใดมาก่อน?
เปิดออกโดยไร้คำอธิบายใดๆ ก่อนที่ทุกสิ่งตรงหน้าจะทำให้ซั่งกวนเซ่าเฉินตกตะลึงโดยพลัน
“โฉนดที่ดิน?” ยามที่ทุกคนจากจวนตระกูลหลิงเห็นสิ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์เหลือทิ้งไว้ก็พากันเผยสีหน้าประหลาดใจเช่นเดียวกับเขา
“เหตุใดมู่เอ๋อร์จึงมีโฉนดที่ดินมากมายถึงเพียงนี้?” หยางซื่อตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อครู่หลังจากลูกเขยเดินจากไปอย่างสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อก็รีบร้อนเดินออกมา พวกเขาล้วนคิดว่าเขาพบร่องรอยของหลิงมู่เอ๋อร์ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเหล่านี้
“มีจดหมาย ด้านล่างสุดมีจดหมาย รีบเปิดดูเร็ว!” หางตาของหลิงต้าจื้อพบบางสิ่ง เขาอยากจะโผเข้ามาอย่างตื่นตระหนกแต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้หนังสือ
ซั่งกวนเซ่าเฉินรีบเปิดจดหมายก่อน เมื่อมองคราแรกก่อนจะอ่านไปเพียงไม่กี่คำก็พอจะทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาเย็นเฉียบและสั่นเทาไม่หยุดได้แล้ว
“ท่านพ่อท่านแม่ โปรดอภัยที่ลูกสาวอกตัญญู…”