เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 18 ตอนที่ 514 หอข้อมูล
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 18 ตอนที่ 514 หอข้อมูล
เล่มที่ 18 ตอนที่ 514 หอข้อมูล
“ทุกสิ่งล้วนสำคัญ!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินตอบกลับอย่างเด็ดขาดแทบไม่ต้องครุ่นคิดให้ลึกซึ้ง ราวกับเป็นคำตอบที่ฝังอยู่ก้นบึ้งในใจของเขามานานมากแล้ว
“มู่เอ๋อร์คือชีวิตของข้า ไม่มีมู่เอ๋อร์บางทีข้าอาจไม่ได้อยู่บนโลกนี้นานแล้ว และข้าย่อมไม่มีทางปล่อยให้เมืองหลวงตกไปอยู่ในมือของฉินรั่วเฉินที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมอำมหิต”
“อ่า พูดเสียสวยหรูผ่าเผยถึงเพียงนี้ ความจริงมิใช่จะบอกว่าอำนาจสำคัญกับท่านหรือ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขอองค์ชายรองอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเปิ่นหวางเลย”
ซูเช่อทำมือเป็นท่าทางเชื้อเชิญสื่อว่าเขาควรออกไปได้แล้ว
จื่อถงเคาะประตู ยามที่เข้ามาเห็นสถานการณ์ตึงเครียดของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองคน เขาก็กลั้นหายใจหลังจากทำความเคารพซั่งกวนเซ่าเฉินก็มาตรงหน้าซูเช่อ “นายท่าน อิ๋นถงกลับมาแล้วขอรับ”
ก่อนหน้านี้อิ๋นถงทำหน้าที่ล้มเหลวจึงถูกเขาลงโทษและปฏิบัติอย่างเย็นชา ยามนี้กลับมาอีกคราหลังจากถูกส่งไปตรวจสอบเรื่องภรรยาและลูกของสี่กงกง ดูท่าจะได้ข้อมูลอันใดมาเป็นพิเศษ
ซูเช่อกำลังคิดจะให้ซั่งกวนเซ่าเฉินออกไป ทว่าคิดไปคิดมาเขาก็กล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ในเมื่อองค์ชายรองนึกถึงจวนเสียนหวางก็อยู่ฟังด้วยกันเถิด”
โบกมือให้จื่อถงพาคนเข้ามา
ยามที่ซั่งกวนเซ่าเฉินหันกลับไปด้วยความสงสัยก็เห็นองครักษ์ผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“นายท่าน ข้าน้อยนำยาบำรุงมากมายไปยังที่พักของสี่เต๋อเซิ่ง ยามที่ไปเยี่ยมภรรยาของเขาก็ได้พูดคุยกับนางอยู่นาน เมื่อนางรู้ว่าพวกเราเป็นคนของเขาที่มาเยี่ยมเยียนก็ลดการระวังตัวลง ยามที่เซ่นไหว้สี่เต๋อเซิ่งนางก็ร่ำไห้ออกมาอย่างโศกเศร้า ที่แท้เขาเคยถูกองค์ชายหกข่มขู่เพราะสี่เต๋อเซิ่งแอบมาตบแต่งโดยพลการ มีวันหนึ่งอารมณ์ของสี่เต๋อเซิ่งฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่ง หลังดื่มเหล้าก็พูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจว่าองค์ชายหกเคยถามเขาเกี่ยวกับทุกสิ่งในห้องทรงพระอักษร ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกข่มขู่ สี่เต๋อเซิ่งจึงเปิดเผยให้องค์ชายหกรู้ว่าเลือดของเจิ้งเฟยขององค์ชายรองต่างกับคนทั่วไป นอกจากนี้ก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติแล้วขอรับ ไม่ทราบนายท่านยังมีคำสั่งอันใดอีกหรือไม่ขอรับ”
อิ๋นถงคุกเข่าตรงหน้าซูเช่อรายงานข้อมูลตามจริงอย่างไม่มีตกหล่นแม้แต่น้อย กล่าวจบเขาก็มองผู้เป็นนายของตนด้วยความคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง
ถูกปฏิบัติอย่างเย็นชามานานในที่สุดก็ได้รับความสำคัญอีกครา เขามองมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง เกรงว่าผู้เป็นนายจะลงโทษเขาเพราะข้อมูลที่ได้มาไม่ครบถ้วน
“ต่างจากคนทั่วไปหรือ?” ซูเช่อตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เขาเบนสายตาไปมองซั่งกวนเซ่าเฉิน “หรือจะเกี่ยวข้องกับโรคประหลาดนั่น?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินส่ายศีรษะ “มู่เอ๋อร์ศึกษาทักษะแพทย์มาหลายปีร่างกายผ่านการบำรุงด้วยยามานานแล้ว แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าอำนาจของฉินรั่วเฉินจะมากถึงเพียงนี้ ถึงขั้นถามสี่เต๋อเซิ่งถึงความลับเช่นนี้”
“ฉินรั่วเฉินผู้นี้เป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานทั้งยังชั่วช้าจะต้องวางหลุมพรางพวกท่านอีกเป็นแน่ ในเมื่อเขารู้ความลับของหลิงมู่เอ๋อร์แล้ว เช่นนั้นท่านยังจะรออันใดอีก?” ซูเช่อยืนขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“เจ้าคงลืมไปแล้วกระมังว่าข้าเคยแลกเปลี่ยนเลือดกับนาง?” ซั่งกวนเซ่าเฉินกลับไม่รีบไม่ร้อนทั้งยังมีสีหน้าสงบเป็นอย่างยิ่ง
ยามนี้จึงเพิ่งตระหนักได้ว่าก่อนหน้านี้ที่หุบเขาเย่าหวางหลิงมู่เอ๋อร์เคยแลกเปลี่ยนเลือดกับเขา เป็นเพราะวันนั้นปกป้องพวกนางจึงได้รับบาดเจ็บจนวันนี้ก็ยังไม่หายดี ไม่เช่นนั้นครานี้คงไม่ตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้ามจนต้องต่อสู้โรมรันกับองครักษ์เงาของอามู่เต๋อทั้งยังจบลงด้วยการพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
“กระหม่อมยุ่งมากจนเลอะเลือนไปจริงๆ เรื่องสำคัญเช่นนี้ก็ยังลืมไปได้” ซูเช่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มถากถาง “ยามนี้ต่อให้ฉินรั่วเฉินจะรู้จุดอ่อนของหลิงมู่เอ๋อร์อย่างไรแต่ท่านสองคนแลกเปลี่ยนเลือดกันแล้ว ในเลือดของท่านมีส่วนประกอบของไป่หลิงเซียนทำให้ร้อยพิษไม่อาจกล้ำกราย ต่อให้เขาอยากจะทำอันใดหลิงมู่เอ๋อร์ก็ย่อมไม่ตกอยู่ในอันตราย แต่…”
ซูเช่อชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉินรั่วเฉินจงใจถามข้อมูลของพวกท่านสองคนเพื่อวางแผนทั้งหมด ยามนี้หลิงมู่เอ๋อร์หายตัวไปจากเมืองหลวงอย่างไร้ร่องรอย ท่านวางแผนจะทำอย่างไร?”
ซั่งกวนเซ่าเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เงยหน้ามองดวงตาของซูเช่ออย่างจริงจัง “ข้าเคยบอกแล้วว่ามู่เอ๋อร์คือชีวิตของข้า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของข้า ดังนั้นไม่ทราบว่าข้าจะขอยืมใช้หอข้อมูลของเสียนหวางได้หรือไม่?”
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกมาทั้งสามคนในห้องก็ตกตะลึง
เรื่องที่ซูเช่อมีสถานะเป็นผู้นำของหอข้อมูลหาใช่เรื่องที่ทราบกันโดยทั่ว กล่าวได้ว่านอกจากพวกเขาสองคนจื่อถงและอิ๋นถงซึ่งเป็นคนสนิท แม้แต่คนในจวนจวิ้นอ๋องก็ไม่ทราบ
ในเมื่อซั่งกวนเซ่าเฉินยกคำขอนี้ขึ้นมาขอย่อมต้องตรวจสอบอย่างละเอียดมาก่อนแล้วเป็นแน่ แน่นอนว่าเขาจะไม่ให้ยืมก็ย่อมได้ ตราบใดที่เขาไม่ยอมต่อให้เป็นองค์ชายรองแล้วจะทำอันใดเขาได้?
“ได้!”
ซูเช่อแทบจะไม่ลังเล ยามที่มือขวาซึ่งล้วงเข้าไปในแขนเสื้อถูกดึงออกมาอีกคราก็โยนวัตถุสีดำชิ้นหนึ่งไปให้บราวนี่ออนไลน์
ซั่งกวนเซ่าเฉินรับไว้ได้อย่างมั่นคง เมื่อเปิดฝ่ามือก็เห็นป้ายออกคำสั่งที่มีตัวอักษร ‘เช่อ’ อยู่บนนั้นอย่างชัดเจนหนึ่งอักษร
“หอข้อมูลยอมรับเพียงป้ายออกคำสั่ง ผู้ที่ถือป้ายออกคำสั่งเฮยหลิงชิ้นนี้จะถือว่าเป็นผู้นำของหอข้อมูล ตราบใดที่สามารถช่วยหลิงมู่เอ๋อร์ออกมาได้ ท่านต้องการให้เปิ่นหวางทำอันใดก็ย่อมได้ทั้งนั้น”
“ขอบคุณมาก!”
จนกระทั่งซั่งกวนเซ่าเฉินจากไป จื่อถงจึงมาหาซูเช่อจากข้างหลังอย่างไม่ยินยอม “นายท่าน หอข้อมูลเป็นนายท่านใส่ใจบ่มเพาะมาหลายปี ต่อให้เขาจะเป็นองค์ชายรองแล้วอย่างไรขอรับ บอกว่าจะยืมก็ยืมได้หรืออย่างไรขอรับ? ยิ่งไปกว่านั้นการมีอยู่ของหอข้อมูลมีน้อยคนนักที่รู้ หากไม่รู้ขอบเขตเกรงว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึงนะขอรับ!”
จื่อถงมีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นตระหนก “ยิ่งไปกว่านั้นฝ่าบาททรงมีรับสั่งแต่งตั้งให้องค์ชายรองเป็นไท่จื่อแล้ว อีกทั้งพระวรกายของฝ่าบาทยังทรงประชวรหนักเกรงว่าอีกไม่นานไท่จื่อย่อมได้เข้าพิธีราชาภิเษก เขาในฐานะผู้สืบทอดบัลลังก์ในอนาคตจะได้รับอนุญาตให้มีกลุ่มอำนาจอย่างหยิ่งผยองในแผ่นดินที่เป็นของฝ่าบาทได้อย่างไรขอรับ? เมื่อครู่เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธการมีอยู่ของหอข้อมูลถึงขั้นส่งให้เขาควบคุมอีกด้วยเล่าขอรับ?”
“เพราะเพื่อหลิงมู่เอ๋อร์มันย่อมคุ้มค่า”
ซูเช่อหมุนกายเดินไปที่หน้าต่างยกมือขึ้นไปยังหิมะบนยอดไม้ตรงหน้า ในขณะที่สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “ทั้งหมดต้องโทษเปิ่นหวาง หากข้าเก็บซ่อนหัวใจไว้ตั้งแต่ต้นย่อมไม่ถูกคนชั่ววางแผนร้าย หลิงมู่เอ๋อร์ก็ย่อมไม่ต้องตกหลุมพรางจนทำให้นางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นเจ้าว่าแค่หอข้อมูลเล็กๆ จะนับเป็นอันใดได้?”
“ทุกคนในยุทธภพต่างรู้จักหอข้อมูลของยุทธภพดี ในใต้หล้าไม่มีข้อมูลใดที่หอข้อมูลของพวกเราไม่รู้ นายท่านจะบอกว่าหอข้อมูลไม่นับเป็นอันใดได้อย่างไรขอรับ?”
จื่อถงส่ายศีรษะ “นายท่านเสียสติไปแล้วจริงๆ เกรงว่าในอนาคตนายท่านจะไม่เหลือสิ่งใดเลยจริงๆ ขอรับ!”
“หืม? เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า?”
สองวันต่อมา
“ญาติผู้พี่ ป้ายคำสั่งเฮยหลิงชิ้นนี้ช่างมีประโยชน์มากจริงๆ ข้อมูลที่ก่อนหน้านี้พวกเราไม่สามารถสืบหาได้มากมายล้วนได้คำตอบโดยง่าย มิน่าเล่าในราชสำนักจึงมีคนมากมายต้องการเป็นพวกเดียวกับซูเช่อ!”
หนานกงอี้จือนำป้ายเฮยหลิงมาเล่นอย่างไม่วางมือ น้อยครั้งนักที่เขาจะพบสิ่งที่ชอบและอยากครอบครองจริงๆ
“ในเมื่อมีเบาะแสเช่นนั้นก็รีบไปตรวจสอบเสีย หากหาหลักฐานพบก็จะยิ่งดี”
น้ำเสียงของซั่งกวนเซ่าเฉินเย็นชาไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย ราวกับหุ่นกระบอกที่ไร้ความรู้สึกตัวหนึ่ง
“ฉินรั่วเฉินสมรู้ร่วมคิดกับมั่วจวินเหยาวางแผนร้ายต่อมู่เอ๋อร์และซูเช่อ ยามนี้นอกจากเมืองหลวงจะอยู่ในความวุ่นวายมู่เอ๋อร์ก็ยังหายตัวไปอีก ข้ารอต่อไปไม่ไหวแล้ว”
ยามที่ซั่งกวนเซ่าเฉินลืมตาขึ้นมาอีกคราก็มีไอสังหารที่อธิบายไม่ได้แผ่ออกมา หากมิใช่เพราะหนานกงอี้จือเป็นสหายกับเขาจะต้องรู้สึกว่าเขาเป็นมัจจุราชที่ขึ้นมาบนโลกเป็นแน่
“ญาติผู้พี่โปรดวางใจ มู่เอ๋อร์ต้องไม่เป็นอันใดแน่นอน นางมีความสามารถยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นทุกคราก็ล้วนสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดีได้ ครานี้ก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้นอย่างแน่นอน”
หนานกงอี้จือปลอบใจ แต่ไหนเลยภายในใจจะไม่รู้สึกเป็นห่วง?
“ข่าวลือภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง?” ซั่งกวนเซ่าเฉินถาม
“ไม่ดี” หนานกงอี้จือรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาโดยพลันแต่ก็ยังอธิบายตามจริง “สถานการณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก! แม้คนส่วนใหญ่ที่พูดเรื่องนี้จะล้วนถูกจวนเสียนหวางจับไปแล้ว แต่เพราะการกระทำเช่นนี้ของซูเช่อจึงมีคนไม่น้อยโกรธเกรี้ยวทำให้ข่าวลือยิ่งแพร่กระจายรวดเร็วยิ่งขึ้น แม้จะไม่ถึงขั้นรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ทว่าผู้คนต่างก็รู้ว่าเสียนหวางและเจิ้งเฟยขององค์ชายรองมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะไม่ควรต่อกัน อีกทั้งมู่เอ๋อร์ก็หายตัวไปจึงไม่ได้ออกหน้ามาอธิบาย ทุกคนต่างคิดว่ามู่เอ๋อร์ไม่กล้าออกหน้าและไม่มีหน้ามาพบผู้คน กล่าวคือชื่อเสียงของพวกเขาสองคนถูกทำลายจนสิ้นแล้ว!”
“สารเลว!”
หมัดถูกทุบลงไปบนโต๊ะอย่างรุนแรง ใบหน้าของซั่งกวนเซ่าเฉินเต็มไปด้วยความชั่วร้ายกำลังคิดจะพูดอันใดแต่กลับมีบ่าวเข้ามารายงานอย่างร้อนรนเสียก่อน
“นายท่าน มีคนจากจวนตระกูลหลิงมาพ่ะย่ะค่ะ”
“อ่า ดูท่าทุกคนในจวนตระกูลหลิงจะรู้เรื่องที่หลิงมู่เอ๋อร์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย รวมถึงข่าวลือภายนอกแล้วจึงมาซักไซ้เอาความ ข้าทนดูสถานการณ์เช่นนี้ไม่ไหวจริงๆ ญาติผู้พี่โปรดรักษาตัวด้วย”
หนานกงอี้จือไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนของจวนตระกูลหลิงมาเพื่ออันใด อาศัยเรื่องที่จะไปตรวจสอบเบาะแสของหลิงมู่เอ๋อร์ ก่อนเขาจะรีบหนีออกไปจากตำหนักองค์ชายรอง ผลคือหลังจากทะยานร่างออกไปก็ได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้ของถังซื่อ
“มู่เอ๋อร์ของข้าเหตุใดชีวิตจึงทุกข์ยากเช่นนี้ เซ่าเฉินแม้เจ้าจะเป็นองค์ชายรองแต่ก็เป็นลูกเขยจวนสกุลหลิงของข้าด้วยเช่นกัน พวกเราปฏิบัติต่อเจ้าราวกับลูกชายแท้ๆ เจ้าบอกความจริงมาเถิดว่าตกลงแล้วเกิดอันใดขึ้นกับมู่เอ๋อร์? นางเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังซื่อปิดปากคว้าซั่งกวนเซ่าเฉินเอาไว้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
นางเป็นแม่เฒ่าที่อายุมากแล้ว แม้นางจะทนรับความทุกข์ยากไม่ได้แต่ก็ไม่กลัวความตายมากที่สุด หากวันนี้ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่มีคำอธิบายให้นาง นางก็จะไม่ยอมไปเด็ดขาด
“ใช่เซ่าเฉิน ตกลงมันเกิดอันใดขึ้น พวกเราล้วนได้ยินมาแล้ว คำพูดเหลวไหลของคนเหล่านั้นข้างนอกมิใช่ความจริงใช่หรือไม่?” หยางซื่อใบหน้าเต็มไปด้วยความซีดเซียว แม้แต่เส้นผมที่ข้างขมับก็ยังกลายเป็นสีขาวหลายเส้น ราวกับแก่ขึ้นหลายปีในชั่วข้ามคืน
“อ่า ไม่ ย่อมไม่ใช่เรื่องจริงเป็นแน่ มู่เอ๋อร์หาใช่คนเช่นนั้น แต่เหตุใดมู่เอ๋อร์จึงไม่ออกหน้ามาอธิบายเล่า? มู่เอ๋อร์ไปอยู่ที่ใดหรือ?”
หยางซื่อถามจบ หลิงต้าจื้อก็ก้าวออกมาอย่างหาได้ยาก
“เฉินเอ๋อร์ ยามนั้นที่เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลหลิงพวกเราก็ปฏิบัติต่อเจ้าราวกับเป็นลูกชายคนหนึ่ง หลังจากมู่เอ๋อร์มาอยู่กับเจ้าก็นับเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในครอบครัวของพวกเรา แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่กลับมาอธิบายกับพวกเราที่จวนตระกูลหลิงเลยเล่า? พวกเราย่อมไม่เชื่อข่าวลือเหล่านั้นข้างนอกตั้งแต่แรก ทว่าผ่านมาห้าวันแล้ว ผ่านไปห้าวันเต็มๆ นับวันข่าวลือก็ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ ทว่ามู่เอ๋อร์ก็ยังไม่ออกหน้า พวกเราเป็นกังวลดังนั้นจึง…”
ซั่งกวนเซ่าเฉินยื่นมือออกไปแสดงท่าทีว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูดอีก ยามที่กำลังคิดจะเปิดปาก ที่นอกประตูหลิงจือเซวียนก็พาเจาหยางเร่งรุดเข้ามา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านยาย ท่านลุง เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่นี่ขอรับ?” หลิงจือเซวียนมองซั่งกวนเซ่าเฉินที่มีสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะมองครอบครัวที่กำลังเคร่งเครียด เมื่อยืนยันแล้วว่าระหว่างพวกเขาหาได้มีการทะเลาะเบาะแว้งกันจึงเพิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ข้ามิใช่บอกพวกท่านแล้วหรือว่าข่าวลือเหล่านั้นข้างนอกมีคนจงใจกุเรื่องขึ้น ขอให้พวกท่านอย่าได้กังวล? พวกท่านอยากรู้สถานการณ์ของมู่เอ๋อร์เหตุใดจึงไม่ไปหาข้าที่ที่พักของเจาหยางเล่าขอรับ ยามนี้องค์ชายรองกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่มีความขัดแย้งในการบริหารบ้านเมือง อีกทั้งยังต้องเผชิญกับการเลือกไท่จื่อ เหตุใดพวกท่านจึงบุกเข้ามาอย่างกะทันหันเช่นนี้ขอรับ?”
หลิงจือเซวียนกล่าว รีบให้เจาหยางปลอบโยนพวกเขาและพากลับไปก่อน
มิใช่ว่าเขากลัวซั่งกวนเซ่าเฉิน แต่เป็นเพราะเขาก็อยู่ในราชสำนักจึงรู้ส่วนได้ส่วนเสียของเรื่องนี้ดี อีกทั้งยังได้รู้จากหนานกงอี้จือแล้วอีกด้วยว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคือฉินรั่วเฉิน ทว่าเพราะเหตุนี้เขาจึงต้องห้ามครอบครัวไว้
ยามนี้ซั่งกวนเซ่าเฉินกำลังร้อนใจกับการตามหาหลิงมู่เอ๋อร์เป็นอย่างมาก หากท่านพ่อท่านแม่เข้ามาข้องเกี่ยวโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเกรงว่าจะยิ่งทำให้วุ่นวายมากขึ้นจนหาหลิงมู่เอ๋อร์ไม่พบ ยามนี้ทุกคนต่างรู้สึกไม่สบายใจกันทั้งนั้น
“องค์ชายรองโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ พวกท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงความปลอดภัยของมู่เอ๋อร์หาได้ตั้งใจมาสร้างความวุ่นวายที่ตำหนักองค์ชายรอง ท่านโปรดวางใจ กระหม่อมจะพาครอบครัวกลับไปและปลอบโยนให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
หลิงจือเซวียนกล่าวจบก็หมุนกายต้องการจะเดินไปหาพวกเขา
“ช้าก่อน…”