เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 18 ตอนที่ 512 นักโทษที่ถูกคุมขัง
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 18 ตอนที่ 512 นักโทษที่ถูกคุมขัง
เล่มที่ 18 ตอนที่ 512 นักโทษที่ถูกคุมขัง
“ผู้ใดกัน? เหตุใดจึงบุกเข้ามาในฐานทัพลับของข้าได้!”
อามู่เต๋อคาดไม่ถึงว่าในฐานะทัพลับของเขาซึ่งตั้งใจออกแบบมาเป็นพิเศษจะยังมีผู้อื่นเข้ามาได้ เขาจะปล่อยให้แผนการอันยากลำบากทั้งหมดพังลงได้อย่างไร?
เห็นเพียงเขาสะกิดปลายเท้าอย่างแผ่วเบาก่อนจะทะยานร่างไปที่แห่งหนึ่งโดยพลัน ฝ่ามือใหญ่กดลงไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ลูกธนูแหลมคมนับหมื่นพุ่งเข้ามากลางอากาศโดยพลัน
คนชุดดำที่ช่วยหลิงมู่เอ๋อร์ไว้กำลังคิดจะทะยานร่างหนีไป แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหนีจากอาวุธลับที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันได้ บนไหล่ถูกธนูดอกหนึ่งยิงเข้าใส่ แม้จะเป็นเช่นนี้แต่กลับไม่ส่งผลต่อวิชาตัวเบาอันแกร่งกล้าของเขา ภายใต้คมอาวุธลับจำนวนมากของอามู่เต๋อ เขายังคงพาหลิงมู่เอ๋อร์หนีออกไปจากถ้ำน้ำแข็งได้อย่างง่ายดาย
“สารเลว!”
อามู่เต๋อโกรธเกรี้ยว “ทหารไล่ตามไป!”
อามู่เต๋อปิดกลไกก่อนหมุนกายออกไปจากถ้ำน้ำแข็ง เดิมคิดว่าภายนอกถ้ำน้ำแข็งจะเย็นยะเยือกแต่กลับธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง สตรีผู้หนึ่งภายในห้องมีสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นจ้องมองกระบอกยาวไร้ชื่อซึ่งวางอยู่ตรงหน้า ภายในกระบอกยาวสามารถมองเห็นทุกสิ่งภายในถ้ำได้พอดี
เห็นอามู่เต๋อออกมาสตรีผู้นั้นก็พุ่งเข้ามาคว้าแขนเสื้อของเขาแน่น “เสด็จพี่ ท่านมิใช่บอกว่าถ้ำน้ำแข็งนี้เป็นห้องทรมานที่ร้ายกาจที่สุดหรือ เหตุใดคนจึงหนีออกไปได้แล้วเล่า คนชุดดำผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างไร? ท่านปล่อยให้หลิงมู่เอ๋อร์หนีไปเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“เหยาเหยา เจ้าไม่เชื่อใจพี่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
อามู่เต๋อลูบเส้นผมบนขมับของมั่วจวินเหยาอย่างอ่อนโยนทั้งยังบีบจมูกของนาง แต่คำพูดที่กล่าวออกมากลับชั่วร้ายยิ่งกว่าวิญญาณร้าย “ข้าลงแรงไปตั้งมากเพื่อพานางจากแคว้นเทียนเฉามาที่แคว้นซีอวี้ เจ้าคิดว่าข้าทำเพียงแค่เล่นๆ หรือ?”
เห็นเพียงเขาราวกับเล่นกล หยิบนกหวีดอันประณีตชิ้นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อโดยพลันและวางไว้ใต้ริมฝีปากก่อนจะเป่าสองสามครา
ยามที่เสียงท่วงทำนองอันแปลกประหลาดดังขึ้น มั่วจวินเหยาก็ราวกับได้ยินเสียงบางสิ่งดังขึ้นมาอย่างไม่ชัดเจน นางขมวดคิ้ว “เสียงอันใดกัน?”
แทบจะทันทีที่สิ้นสุดคำพูดของนาง ที่หน้าประตูก็มีผีเสื้อหลายร้อยตัวซึ่งหลากสีหลากชนิดบินเข้ามาโดยพลัน และกำลังเริงระบำต่อหน้านกหวีดของอามู่เต๋อ
อามู่เต๋อผู้สวมหน้ากากดุร้ายอาศัยเพียงนกหวีดอันเดียวก็สามารถควบคุมเหล่าผีเสื้อหลายร้อยตัวให้กระพือปีกเริงระบำ ด้วยท่าทางราวกับรื่นเริงเป็นอย่างยิ่ง ภาพนี้…ดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง
“ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์ถูกข้าขังอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง บนร่างถูกข้าโรยแป้งหอมพิเศษเอาไว้ คนธรรมดาย่อมไม่อาจรับรู้ถึงกลิ่นได้แต่ย่อมไม่อาจหนีจากการไล่ตามของเหล่าผีเสื้อพวกนี้ได้”
อามู่เต๋อมีสีหน้ามั่นใจหันนกหวีดไปในทิศทางหนึ่งก่อนจะเป่าอีกไม่กี่ครา เสียงอันแปลกประหลาดของนกหวีดแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียดแทงแก้วหูโดยพลัน เหล่าผีเสื้อราวกับถูกควบคุมทันใดนั้นก็บินไปในทิศทางหนึ่ง
“ไปกับพี่เถิด ไปจับเหยื่อของพวกเรากัน”
——————
“ท่านเป็นใครเหตุใดจึงปรากฏตัวมาช่วยข้าอย่างกะทันหันได้?”
หลิงมู่เอ๋อร์ถูกคนชุดดำลากแขนวิ่งพุ่งเข้าไปในป่าอย่างบ้าคลั่ง นางไม่สนใจจะพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรอบ รู้สึกเพียงว่าวิ่งเร็วจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว
“ไม่ได้ ข้าวิ่งไม่ได้แล้ว ท้องข้าเจ็บมาก!”
สะบัดแขนของคนชุดดำออกโดยพลัน ก่อนหลิงมู่เอ๋อร์จะพิงต้นไม้ใหญ่ด้านข้างและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อตระหนักได้ถึงความรู้สึกไม่สบายที่ช่องท้อง นางก็รีบหยิบลูกกลอนจากในมิติออกมากินโดยที่มิได้เห็นสีหน้าประหลาดใจของคนชุดดำ
“ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์เพิ่งตระหนักได้ว่าเขาถูกลูกธนูลูกหนึ่งยิงโดน ยื่นมือออกไปหมายจะตรวจสอบบาดแผลของเขา คนชุดดำคิดว่านางต้องการถอดผ้าคลุมหน้าของเขาออกจึงหลบเลี่ยงกายโดยพลัน
“แค่บาดแผลภายนอกหาใช่ปัญหา อามู่เต๋อย่อมไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ ไม่นานเขาต้องไล่ตามมาทันเป็นแน่ ในเมื่อร่างกายเจ้าไม่สู้ดีก็ต้องเดินไป”
น้ำเสียงอันน่าฟังของชายผู้นั้นดังขึ้นมา ฝ่ามือใหญ่จับแขนของหลิงมู่เอ๋อร์อีกครา แต่เมื่อเห็นนางขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาก็ชะงัก “จับข้าให้แน่น ข้าจะพาเจ้าไป”บราวนี่ออนไลน์
“เช่นนั้นข้าก็จะกลายเป็นภาระของท่าน และจะทำให้ท่านเข้ามาพัวพันด้วย”
แน่นอนว่าหลิงมู่เอ๋อร์คุ้นชินกับนิสัยของอามู่เต๋อแล้ว นางถูกคนช่วยออกมาใต้จมูกของเขา ต่อให้ต้องทุ่มสุดตัวเขาก็ต้องไล่ตามมาเป็นแน่
นางราวกับได้ยินเสียงอันใดอย่างคลุมเครือก่อนจะลอบร้องในใจว่าท่าไม่ดีแล้ว “คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะไล่ตามมาเร็วถึงเพียงนี้ ผู้มีพระคุณอย่าได้สนใจข้าเลย ข้ามีหนทางหนีของตนเอง วันนี้ขอบคุณผู้มีพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยชีวิต ไม่ทราบผู้มีพระคุณมีนามว่าอันใด ในภายภาคหน้ามู่เอ๋อร์จะไปตอบแทนผู้มีพระคุณได้ที่ใด?”
ได้ยินคำพูดนี้ชายผู้นั้นก็หัวเราะเยาะ “ตนเองยังเอาตัวแทบไม่รอดยังคิดจะมาตอบแทนผู้อื่นอีกหรือ?”
น้ำเสียงนี้เหตุใดจึงฟังแล้วคุ้นหูเช่นนี้กัน?
หลิงมู่เอ๋อร์มองคนชุดดำอย่างละเอียด กำลังคิดจะฉวยโอกาสยามที่เขาไม่ทันระวังตัวถอดผ้าคลุมหน้าออก ทันใดนั้นก็มีผีเสื้อฝูงหนึ่งโผล่มาเบื้องหน้าของนางอย่างกะทันหัน “เหตุใดจึงมีผีเสื้อมากมายถึงเพียงนี้?”
“ไม่ดีแล้ว เป็นทักษะการดึงดูดผีเสื้ออันเป็นเอกลักษณ์ของราชวงศ์ซีอวี้ พวกเขาไล่ตามมาแล้ว” ชายผู้นั้นมีท่าทีเคร่งเครียด เบนสายตาไปข้างหลังซึ่งมีคนชุดดำกลุ่มหนึ่งกำลังค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้
“เจ้าเป็นเช่นนี้ย่อมหนีไปได้ไม่ไกลอีกทั้งเกรงว่าจะเป็นการทำร้ายทารกในครรภ์ของเจ้า ข้าจะคิดหาวิธีมาช่วยเจ้าอีกครา!”
กล่าวทิ้งท้ายก่อนชายผู้นั้นจะหายไปจากเบื้องหน้าหลิงมู่เอ๋อร์โดยพลัน
หากมิใช่เพราะฝุ่นละอองที่ลอยขึ้นมาโดยรอบ หลิงมู่เอ๋อร์คงรู้สึกว่าคนชุดดำผู้นั้นไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
“วิชาตัวเบาล้ำเลิศทีเดียว”
ทอดถอนใจเพียงคราหนึ่งก็มีดาบยาวอันเย็นเฉียบจ่ออยู่บนลำคอขาวผ่องของหลิงมู่เอ๋อร์แล้ว อามู่เต๋อกล่าวชมเชยในขณะที่พามั่วจวินเหยามาปรากฏตัวตรงหน้าของหลิงมู่เอ๋อร์
“บอกมาว่าผู้ที่ช่วยเจ้าคือผู้ใด!”
“ฐานทัพลับของเจ้าถูกคนบุกเข้าไป เจ้าไม่รีบไปตรวจสอบแต่กลับมาถามข้าหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์แค่นเสียงพลางคิดว่าจะดึงดูดความสนใจของพวกเขาอย่างไรเพื่อเข้าไปซ่อนตัวในมิติ
มั่วจวินเหยากลับพุ่งเข้ามาโดยพลัน “เจ้ามันหญิงสารเลว ในเมื่อตกมาอยู่ในกำมือของข้าแล้วก็เลิกหวังที่จะหนีไปได้เลย ข้าต้องได้รับความอัปยศอดสูตั้งกี่มากน้อยในเมืองหลวง ข้าจะเอาคืนให้เจ้าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ถึงความร้ายกาจของข้า!”
กล่าวจบมั่วจวินเหยาก็ชิงดาบขององครักษ์หมายจะฟันไปที่ใบหน้าของหลิงมู่เอ๋อร์ แต่น่าเสียดายที่ปลายดาบของนางยังไม่ทันได้สัมผัสกับผิวของอีกฝ่าย ดาบก็ถูกคนใช้หินก้อนหนึ่งจู่โจมจนหักเสียแล้ว
“เสด็จพี่!” มั่วจวินเหยากระทืบเท้าอย่างโกรธเกรี้ยว
“นางยังมีประโยชน์กับข้าอยู่ วางใจเถิดพี่รับปากเจ้าว่าหากใช้ประโยชน์จากนางเสร็จแล้วจะให้เจ้าจัดการกับนาง” อามู่เต๋อมีรอยยิ้มอ่อนโยน น้ำเสียงที่สงบเป็นอย่างยิ่งของเขาปลอบโยนมั่วจวินเหยาที่มีสีหน้าขาวซีด “เหยาเหยา พี่รู้ว่าเจ้าได้รับความอัปยศมาไม่น้อย แต่เจ้าจะฆ่านางอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้โดยที่ยังมิได้แก้ความรู้สึกเจ็บแค้นหรือ? เจ้าวางใจเถิด หลังจากที่พี่ทรมานนางแล้วจะเอาไปส่งให้ถึงมือของเจ้า ถึงครานั้นต่อให้เจ้าจะทำให้นางอยู่มิสู้ตายพี่ก็ล้วนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย”
“พูดจริงหรือ?” มั่วจวินเหยาเงยหน้าและคลายโทสะลงไปได้ไม่น้อย
“พี่จะไม่โกหกเจ้าอีก”
ใช้มือส่งสัญญาณให้องครักษ์ “พาตัวไป!”
เดิมหลิงมู่เอ๋อร์คิดจะฉวยโอกาสยามที่พวกเขาหันหน้าไปปัดดาบยาวขององครักษ์ออกและซ่อนตัวอยู่ในมิติ แต่นางเห็นท่าทีของมั่วจวินเหยาที่ต้องการสังหารนางทั้งยังจนปัญญา เมื่อนึกถึงอุบายที่ฉินรั่วเฉินใช้จัดการกับนางและซูเช่อ นางก็คิดจะอยู่ต่อโดยพลัน
ซูเช่อเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ชาญฉลาดมาโดยตลอดเหตุใดจึงถูกคนวางหลุมพรางได้ เรื่องนี้มิใช่เพราะมีมั่วจวินเหยาจึงสำเร็จหรือ?
หลิงมู่เอ๋อร์มิได้ถูกคนพากลับไปที่ถ้ำน้ำแข็งแต่เป็นห้องหนึ่งที่กว้างขวางและอบอุ่น
การจัดเรียงโดยรอบล้วนประดับด้วยสิ่งของที่สตรีชอบ ภายในห้องอบอุ่นจนหากจะกล่าวว่าเป็นคุกสภาพแวดล้อมเช่นนี้ก็นับว่าเคารพนางเกินไปจริงๆ
“เมื่อครู่ทำให้ข้าได้ผ่านความหนาวเย็นมายามนี้ยังพาข้ามาในห้องที่งดงามถึงเพียงนี้ อามู่เต๋อ เจ้าเล่นลูกไม้อันใดอยู่กันแน่?”
หลิงมู่เอ๋อร์ถูกมัดมือทั้งสองข้าง แต่บรรยากาศสูงศักดิ์โดยกำเนิดของนางทำให้ไม่เหมือนนักโทษที่ถูกคุมขังแม้แต่น้อย ทว่ากลับดูเหมือนแขกผู้ทรงเกียรติที่ถูกเชิญมาเสียมากกว่า
“ที่นี่คือห้องที่เสด็จแม่ของข้าเคยอยู่ยามที่ยังมีชีวิต หลิงมู่เอ๋อร์ นี่ก็พอที่จะแสดงให้เห็นว่าข้าให้เกียรติเจ้ามากแล้วกระมัง? เป็นอย่างไร คิดจะเอาสมบัติมาให้ข้าแล้วหรือไม่?”
อามู่เต๋อกล่าวอย่างไม่รีบไม่ร้อนราวกับสมบัติชิ้นนั้นที่เขาพูดหาใช่ของสำคัญถึงเพียงนั้น
เขาสาวเท้ายาวก้าวเดินไปที่ข้างตั่งนอนนุ่มก่อนจะพิงลงไปราวกับใต้เท้าผู้หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีสาวใช้ยกของว่างและน้ำชามาให้ เขากินราวกับไม่มีผู้ใดอยู่รอบข้างด้วยอารมณ์สุนทรีย์เป็นอย่างยิ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “สมองของเจ้ามิใช่ว่าถูกลาเตะยามที่ไล่ตามข้าเมื่อครู่หรือ หากข้าจะส่งสมบัติของข้าให้เจ้าง่ายดายถึงเพียงนั้น เจ้าจะจำเป็นต้องลงแรงอย่างยากลำบากเพื่อพามาที่แคว้นซีอวี้หรือ?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือแคว้นซีอวี้?” ในดวงตาของอามู่เต๋อฉายแววชื่นชม
“สภาพแวดล้อม อากาศ และการแต่งกายของพวกเขาล้วนมิใช่รูปแบบของแคว้นเทียนเฉา” ดวงตาเฉียบแหลมของหลิงมู่เอ๋อร์กะพริบอย่างดูแคลน “ข้าหมดสติไปนานเพียงใด?”
อามู่เต๋อไม่พูดอันใดและยื่นนิ้วมือออกมาห้านิ้ว
“จากแคว้นเทียนเฉามาถึงแคว้นซีอวี้ปกติต้องใช้เวลานานถึงครึ่งเดือน เจ้าช่างใช้เวลาได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง” หลิงมู่เอ๋อร์แค่นเสียงเย็นออกมาจากจมูกคราหนึ่ง
“เพราะนำเจ้าไปใส่ไว้ในกล่องไม้ ระหว่างทางที่เคลื่อนย้ายมาก็โคลงเคลงอยู่ไม่น้อย หากข้าไม่รีบเสียหน่อยข้าเกรงว่าเจ้าจะขาดอากาศหายใจตายไปเสียก่อน”
มุมปากของอามู่เต๋อยกขึ้นแสดงท่าทีราวกับ ‘ข้าทะนุถนอมเจ้าถึงเพียงนี้’ ทำให้หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกรังเกียจ
“เจ้าและฉินรั่วเฉินร่วมมือกันไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของข้าและเสียนหวาง ทั้งยังพาข้ามาที่นี่ทำให้เซ่าเฉินต้องเป็นห่วง ยามนี้แคว้นเทียนเฉาจะต้องวุ่นวายเป็นแน่ อามู่เต๋อ เจ้าคิดว่าจุดจบของเจ้าจะเป็นเช่นไรเล่า?”
“นี่ ข้าขอบอกให้ชัดเจนก่อนว่าเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงของเจ้ากับเสียนหวาง ข้าหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นแผนการของฉินรั่วเฉิน” อามู่เต๋อแบมือทั้งสองข้างพลางไหวไหล่อย่างผู้บริสุทธิ์ “เมื่อครู่ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่าในเรื่องนี้ข้าเป็นคนช่วยเจ้าไว้ ฉินรั่วเฉินต้องการสังหารเจ้ากับเสียนหวาง ข้าปรากฏตัวไปพาเจ้าออกมาได้ทันเวลา ไม่เพียงแต่ช่วยเจ้าทว่ายังช่วยเสียนหวางอีกด้วย มิใช่ว่าพวกเจ้าควรขอบคุณข้าหรือ?”
“เซ่าเฉินหาข้าไม่พบอีกทั้งเสียนหวางยังตกหลุมพรางของพวกเจ้า ยามนี้เมืองหลวงย่อมต้องวุ่นวายเป็นแน่ หากฉินรั่วเฉินยังมีแผนการอื่นอีกเกรงว่าเซ่าเฉิน…” หลิงมู่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกไม่กล้าคิดมาก
ยิ่งไปกว่านั้นนางหมดสติไปห้าวัน ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่ทราบว่าเขาตรวจสอบรู้หรือไม่ว่านางถูกพาออกไปจากแคว้นเทียนเฉาแล้ว ทั้งยังไม่ทราบว่าเขารู้หรือไม่ว่านางอยู่ที่แคว้นซีอวี้ ยังมีคนชุดดำผู้นั้นอีก ตกลงว่าเป็นผู้ใดกันแน่?
“ต่อให้เจ้าจะขังข้าไว้ที่นี่ทั้งชีวิตข้าก็จะไม่ให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ และอีกไม่นานเซ่าเฉินย่อมหาที่นี่พบ เจ้ารอสงครามใหญ่ครั้งต่อไปของแคว้นเทียนเฉาและแคว้นซีอวี้เถิด”
หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวจบก็ไม่มองอามู่เต๋ออีกแม้แต่คราเดียว ถึงอย่างไรก็ถูกมัดไว้แล้วไม่สู้สงบใจไปเสียจะดีกว่า
ขาทั้งสองข้างของนางหาได้ถูกมัดไว้ดังนั้นยามที่คนคิดว่านางกำลังจะหนี นางกลับเดินไปนอนลงอย่างสบายที่ตั่งนอนนุ่มซึ่งอยู่ตรงข้ามอามู่เต๋อ ราวกับยังรู้สึกไม่สบายนักนางจึงเบิกตาโตจ้องมองสาวใช้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ชงชาให้ข้าแล้วก็เอาผ้าห่มขนสัตว์มาให้ด้วย ข้าหนาว”
เพิ่งผ่านความรู้สึกอันเย็นยะเยือกมา นางก็รู้สึกเพียงว่าทั่วทั้งร่างล้วนมีความหนาวเย็นแทรกซึมอยู่ แม้ว่าในห้องจะอุ่นอย่างไรก็ยังไม่รู้สึกสบายแม้แต่น้อย
สาวใช้ตกตะลึงคาดไม่ถึงว่าผู้ที่ถูกคุมขังจะเย่อหยิ่งเช่นนี้ ก่อนจะมองไปทางองค์ชายรองอย่างไม่มั่นใจ
เมื่อได้รับสัญญาณจากสายตาขององค์ชายรอง สาวใช้จึงไปนำสิ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์ต้องการมาอย่างไม่เต็มใจ
“เชื่อฟังดีมาก” หลิงมู่เอ๋อร์ส่งสายตาขอบคุณให้สาวใช้ ดื่มชาอึกหนึ่งก่อนจะห่มผ้าและหลับตาลงอย่างสบายใจยิ่ง ไหนเลยจะมีท่าทางราวกับนักโทษที่ถูกคุมขัง?
“เจ้าเพลิดเพลินมากทีเดียวกระมัง?” อามู่เต๋อหัวเราะเยาะ
“ในเมื่อเจ้าชอบที่นี่มากถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่เถิด ไว้ข้าจะมาพบเจ้าอีกคราวันหลัง”
ยามที่เดินไปถึงหน้าประตูเขาก็หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน “อ้อใช่ ซูเช่อหย่ากับเหยาเหยาแล้วถือว่าละทิ้งการเชื่อมสัมพันธ์ของแคว้นเทียนเฉาและแคว้นซีอวี้ ควรเป็นแคว้นซีอวี้ของข้าที่ยกทัพไปปราบแคว้นเทียนเฉาจึงจะถูก เจ้าดูให้ดีเถิด ผู้ที่เจ้าห่วงใยจะจ้องตกมาอยู่ในกำมือของข้าอีกครา”