เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 17 ตอนที่ 506 ลงมือ
เล่มที่ 17 ตอนที่ 506 ลงมือ
“นายท่าน คนของพวกเราถูกเจอตัวแล้วขอรับ”
จื่อถงมองซูเช่ออย่างเต็มไปด้วยความตึงเครียด “เมื่อวานองครักษ์เงามารายงานว่า ยามที่พวกเขาเปลี่ยนเวรยามถูกอามู่เต๋อและหลันซือเฮ่อพบเข้า จากความสัมพันธ์ของพวกเขายามนี้ฉินรั่วเฉินต้องรู้แล้วเป็นแน่ขอรับ ว่าจวนเสียนหวางแอบจับตาดูตำหนักองค์ชายหกอยู่ ขอบังอาจถามนายท่านว่ายามนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดีขอรับ!”
“อามู่เต๋อและหลันซือเฮ่อ คนเจ้าเล่ห์สองคนนั้นสมรู้ร่วมคิดกับฉินรั่วเฉินข้าสามารถนำเรื่องไปแจ้งได้ พวกเขาจะทำอันใดก็ย่อมต้องนึกถึงผลที่จะตามมาด้วย จะกลัวอันใด หากฉินรั่วเฉินมีความสามารถก็ให้มาคิดบัญชีกับข้าที่จวนเสียนหวางเสีย ผู้ใดจะพิสูจน์ได้ว่าคนเหล่านั้นคือคนของจวนเสียนหวางกัน ต่อให้พิสูจน์ได้แล้วคนของข้าทำอันใดเล่า? มิใช่ว่าแค่เดินวนเวียนไปมาอยู่นอกประตูตำหนักองค์ชายหกหรือ ได้ไปขโมยข้าวหรือชิงตัวภรรยาและลูกของเขามาหรืออย่างไร? ในเมื่อล้วนไม่ได้ทำอันใด ต่อให้เขามาแล้วจะทำอันใดข้าได้”
ซูเช่อไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตา แต่กลับไม่รู้ว่าตนเองเข้าใจเจตนาของฉินรั่วเฉินผิดไปโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ต้องการจับตาดูกลับกลายเป็นศัตรูที่ปล่อยแมลงพิษในสายตาของฉินรั่วเฉินไปเสียแล้ว
“ระยะนี้หงยวนได้ส่งข่าวมาหรือไม่?” ซูเช่อเงยหน้า นึกถึงคนของตนเองที่อยู่ข้างกายหลิงมู่เอ๋อร์ แม้จะรู้ว่าหลังถูกคนพบเข้าอาจทำให้ถูกหลิงมู่เอ๋อร์เข้าใจผิด แต่เพียงแค่คิดว่ามีคนของเขาคอยดูแลอยู่ก็ทำให้เขารู้สึกวางใจ อีกทั้งในใจยังรู้สึกคลายกังวลไปไม่น้อย
“นกพิราบสื่อสารที่หงยวนใช้ติดต่อกับนายท่านระยะนี้มิได้กลับมาที่จวน คิดว่าคงยังมิมีข่าวอันใดขอรับ” จื่อถงตอบตามจริง “เมื่อวานยามที่ข้าน้อยไปตรวจสอบก็เห็นหงยวนและเจิ้งเฟยขององค์ชายรองออกไปที่ตลาด ดูจากท่าทางของพวกนางสองคนแล้วเหมือนว่าหงยวนจะทำได้ไม่เลวขอรับ”
“ดีมาก!”
ซูเช่ออารมณ์ดีอย่างถึงที่สุด “หาโอกาสบอกหงยวนว่าในเมื่อทำงานได้ดี เหยียย่อมมีรางวัลให้อย่างงาม”
เห็นรอยยิ้มที่หาได้ยากของนายท่าน เดิมจื่อถงไม่อยากจะขัดอารมณ์ของเขา แต่คิดไปคิดมาสุดท้ายก็อดไม่ได้ “นายท่าน ถึงอย่างไรหงยวนก็เป็นคนของท่าน นางกับข้าน้อยอยู่ข้างกายนายท่านมาหลายปีปกติก็จัดการหน้าที่ในจวนได้ไม่เลว เหตุใดนายท่านจึงทำเช่นนี้หรือขอรับ?”
“เจ้าคิดว่าข้าลงโทษนางหรือ?” ซูเช่อขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ใต้บังคับบัญชาจึงคิดเช่นนี้
แต่ในเมื่อจื่อถงเข้าใจผิด หงยวนก็คงย่อมเข้าใจผิดเช่นกัน
“มิใช่หรือขอรับ?” จื่อถงสูดหายใจเข้าลึกด้วยความลังเล ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรให้ถูกต้อง “เดิมทีข้าน้อยคิดว่าหงยวนมีความพิเศษในใจของนายท่าน แต่นายท่านกลับส่งนางไปทำงานต่ำต้อย นี่ดูจะไม่ค่อยยุติธรรมกับหงยวนเลยขอรับ!”
เห็นสายตาเฉียบแหลมของซูเช่อตวัดมาโดยพลัน จื่อถงก็รีบอธิบาย “นายท่านโปรดอย่าเข้าใจข้าน้อยผิดขอรับ ข้าน้อยเพียงแค่รู้สึกว่าหงยวนพยายามทำหน้าที่ในจวนอย่างดีที่สุด แม้จะไม่ได้รางวัลตอบแทนแต่ก็ยังขยันทำงาน ยามนี้กลับต้องไปปรนนิบัติผู้อื่น แม้ว่าเจิ้งเฟยขององค์ชายรองจะหาได้เหมือนเป็นเจ้านายที่ไร้เหตุผล แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นสาวใช้ต่ำต้อยอยู่ดีขอรับ”
“ที่แท้การปรนนิบัติผู้อื่นก็เป็นเรื่องต่ำต้อยด้อยค่าหรือ? เช่นนั้นเจ้าเล่า มาปรนนิบัติเปิ่นหวางก็รู้สึกว่าต่ำต้อยหรือ?” ซูเช่อมีน้ำเสียงดูหมิ่นทั้งยังมีความหยอกล้ออยู่หลายส่วน
จื่อถงรู้ว่าเขาเข้าใจผิดจึงคุกเข่าลงไปบนพื้นโดยพลัน “หวางเย่โปรดระงับโทสะขอรับ ข้อน้อยหาได้หมายความเช่นนั้นไม่”
“ลุกขึ้นเถิดอย่าเอะอะก็คุกเข่า เปิ่นกงจื่อยังใช้ชีวิตไม่พอเลย ไม่อยากให้อายุขัยของข้าต้องมาสั้นลงเพราะการกระทำอันต่ำต้อยของพวกเจ้า!”
เขากัดฟันพลางเล่นถ้วยชาบนโต๊ะอย่างไม่ยี่หระ
มองจื่อถงที่มีท่าทางเกรงกลัวอีกคราเขาก็ยิ้มบาง “เดิมข้าคิดว่าคนของข้าจะเข้าใจความคิดของข้า ยามนี้ดูท่าข้าจะประเมินพวกเจ้าสูงเกินไปจริงๆ”
จื่อถงตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด “นายท่าน ข้าน้อยเพียงแค่…”
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่เป็นธรรมแทนหงยวน! นางอยู่ข้างหายข้ามาหลายปี ก่อนหน้านี้ก็ที่จวนจวิ้นอ๋อง หลังจากนั้นก็ที่จวนเสียนหวาง นางล้วนจัดการความเรียบร้อยเป็นอย่างดี นางกับเจ้าล้วนเป็นคนที่สำคัญของข้า ดังนั้นข้าจึงให้นางไปคอยปรนนิบัติคนสำคัญยิ่งของข้า นี่มิใช่เพราะเชื่อในตัวพวกเจ้าหรือ?”
จื่อถงเพิ่งตระหนักได้
“เช่นนั้นจนถึงยามนี้นายท่านก็ยังไม่ปล่อยวาง…” เรื่องของเจิ้งเฟยขององค์ชายรอง
“หวางเย่ขอรับ หวางเฟยมาขอพบท่านขอรับ”
บ่าวรับใช้เข้ามารายงาน ซูเช่อเงยหน้าขึ้นเห็นมั่วจวินเหยาซึ่งสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงสดยืนอยู่นอกประตู
อารมณ์อันดียิ่งแต่เดิมเมื่อพบนางก็กลายเป็นความหน่ายใจอย่างถึงที่สุด
ซูเช่อโบกมืออย่างหมดความอดทน “ไม่พบ”
“เหตุใดเจ้าจึงจะไม่พบข้า? ข้าเป็นหวางเฟยของเจ้า ข้าอยากเจอเจ้าทั้งยังมิได้ทำอันใดเจ้า เจ้าจะมาหลบเลี่ยงข้าถึงเพียงนี้มันเกินไปหน่อยหรือไม่?”
มั่วจวินเหยาชนองครักษ์ที่ขวางอยู่ออก และบุกเข้ามาโดยไม่สนใจสายตาที่หลบเลี่ยงของซูเช่อ นางดึงดันยืนอยู่ตรงหน้าเขา “ซูเช่อ เจ้ารังเกียจข้าถึงเพียงนี้เลยหรือ?”
“ใช่”
คำตอบเรียบง่ายชัดเจนไม่มีความเยิ่นเย้อแม้แต่น้อย ราวกับลูกธนูซึ่งยิงเข้ากลางอกของมั่วจวินเหยาอย่างไร้ความปรานี
“เจ้า…” มั่วจวินเหยาโกรธเกรี้ยว มือทั้งสองข้างที่อยู่ในแขนเสื้อกำเป็นหมัดแน่น ดวงตาทั้งสองข้างของนางราวกับมีหมอกปกคลุม น้ำตาแวววาวราวกับจะไหลรินลงมาได้ทุกเมื่อ วันนี้เป็นวันลงมือของพวกเขา
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่นางมอบให้ตนเอง แต่น่าเสียดายซูเช่อหนอซูเช่อเป็นเจ้าที่ไม่รู้จักรักษาไว้เอง!
“เจ้ามันคนสารเลวไร้ยางอายที่มาเล่นกับหัวใจผู้อื่น ข้าพอแล้ว วันนี้หากเจ้าไม่ให้คำอธิบายอันน่าพอใจกับข้า ข้าจะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด”
มั่วจวินเหยากล่าวก่อนจะโผตัวเข้าไปทางซูเช่อโดยพลัน ทั่วทั้งตัวคนเข้ามาพัวพัน ทุบตี ทั้งยังกระชากเขาราวกับสตรีปากคอเราะรายในตลาด
ซูเช่อขมวดคิ้วแน่นอย่างหมดความอดทน เดิมไม่คิดจะลงมือแต่ทนความดื้อดึงของนางไม่ไหวจริงๆ จึงผลักนางออกอย่างรุนแรง “เจ้าเคยไม่ก่อเรื่องบ้างหรือไม่!”
“ไม่เคย!”
มั่วจวินเหยาถูกผลักลงไปบนพื้นจนรู้สึกเจ็บแปลบที่ก้น นางคลานขึ้นมาจ้องมองซูเช่อด้วยความโกรธและความรู้สึกไม่เป็นธรรม “ข้าทำผิดอันใดเจ้าจึงปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ในแผนการของเจ้า ข้าเป็นเพียงตัวหมากของเจ้า ชีวิตข้าควรถูกเจ้าเอามาใช่ประโยชน์เช่นนี้หรือ? เจ้าหลอกใช้และเอาเปรียบข้าแต่กลับอยากให้ข้าทำตัวให้ดีขึ้นหรือ? เจ้าจะไม่แตะต้องข้า ไม่พบหน้าข้า หรือจะปฏิบัติกับข้าเหมือนเป็นอากาศก็ย่อมได้ แต่ความเคารพขั้นพื้นฐานเล่า เจ้าจะอ่อนโยนกับข้าบ้างไม่ได้เลยหรือ?”
น้ำตาร่วงแหมะลงมา มั่วจวินเหยาปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างดื้อรั้น ยามที่หยัดกายขึ้นนางก็ราวกับสตรีที่ถูกสามีทอดทิ้งซึ่งเสียสติไปแล้ว
“ข้าเป็นองค์หญิงที่ได้รับความรักมากที่สุดของแคว้นซีอวี้ แต่เจ้ากลับปฏิบัติกับข้ามิได้ดีเท่าสาวใช้ต่ำต้อยเสียด้วยซ้ำ ซูเช่อ จิตใจเจ้าโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว”
มั่วจวินเหยาพูดไปพลางเดินเข้าไปใกล้เขา ทันใดนั้นก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบสนองออกมา นางก็หยิบมีดออกมาจากแขนเสื้อโดยพลันและแทงเข้าที่คอของเขา
“ในเมื่อข้าไม่ได้เจ้า เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”
ในสายตาเห็นมีดพุ่งเข้ามาแทงที่คอของเขา ซูเช่อที่การตอบสนองฉับไวหยิบถ้วยชามาขวางกั้น พลิกตัวกลางอากาศคราหนึ่งก็ไปอยู่ข้างหลังของมั่วจวินเหยาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“นายท่าน!” จื่อถงก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งก่อนจะรีบเข้าไปควบคุมตัวมั่วจวินเหยาที่คลุ้มคลั่งด้วยมือเดียว “เสียนหวางเฟยรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังทำอันใดอยู่!”
“ปล่อยข้า ข้าจะฆ่าเขา ข้าจะฆ่าเจ้าคนไร้ใจผู้นั้น ในเมื่อข้าไม่ได้เขาไม่ว่าผู้ใดก็อย่าคิดจะได้ไป!”
มั่วจวินเหยาดิ้นรนขัดขืนพลางตะโกนเสียงดัง
เหล่าสาวใช้และเหล่าองครักษ์ที่ผ่านทางมาข้างนอกพากันเข้ามาล้อมดูเรื่องสนุกอย่างระมัดระวัง
เสียนหวางเฟยคลุ้มคลั่งต้องการลอบสังหารเสียนหวาง เกรงว่าไม่ถึงสามชั่วยามข่าวจะต้องแพร่กระจายไปทั่วทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวงเป็นแน่
ซูเช่อข่มกลั้นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล ถ้วยชาในมือถูกโยนลงบนพื้นอย่างแรง
เสียง ‘เพล้ง’ ดังขึ้นมาคราหนึ่ง
“พอแล้ว!” เขาตะคอก
ยามที่สายตาโกรธเกรี้ยวมองมาก็ราวกับมองสัตว์ประหลาด “มั่วจวินเหยา เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ! ที่นี่คือเมืองหลวงหาใช่แคว้นซีอวี้ของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าการลอบสังหารหวางเย่จะมีจุดจบอย่างไร? วันนี้เจ้ามาเอะอะโวยวายอย่างไร้เหตุผลที่นี่ อีกไม่นานข่าวลือก็จะแพร่กระจายออกไป นี่เจ้าอยากรนหาที่ตายด้วยตนเองหรือ?”
“แล้วอย่างไรเล่า!”
มั่วจวินเหยาตวาดเสียงดังไม่น้อยไปกว่าเขา “เจ้ามิได้รักข้าเลยทั้งยังไม่เคยชอบข้าเลยด้วยซ้ำ จะให้ข้าให้ชีวิตอยู่อย่างกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมทั้งน้ำตาสู้ให้ข้าตายไปเสียยังจะดีกว่า! แต่ถึงตายข้าก็จะดึงเจ้าไปด้วย เจ้าเป็นผู้ชายของข้า หากจะตายพวกเราก็ต้องตายด้วยกัน!”
กล่าวจบมั่วจวินเหยาก็ยกมีดพุ่งเข้ามา ในสายตาเห็นนางต้องการแทงเข้าที่หน้าอกของซูเช่อ ก่อนจะเห็นเพียงซูเช่อคว้าเข้าที่ข้อมือของนางอย่างแม่นยำ และพลิกตัวกดนางเข้ากับกำแพงอย่างแรง
“สตรีเสียสติ เจ้ามันเสียสติไปแล้วจริงๆ!”
ซูเช่อกัดฟัน “ในเมื่อรู้ว่าในใจข้าไม่มีเจ้า หากเจ้าสงบเสงี่ยมเสียหน่อยอย่างน้อยข้าก็คงรู้สึกผิดในใจ แต่เจ้าก่อเรื่องวุ่นวายอย่างไร้เหตุผลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนจวนเสียนหวางวุ่นวายไม่เป็นสุข เจ้าเป็นเช่นนี้ทั้งชีวิตนี้ข้าย่อมไม่ชอบเจ้า!”
คำพูดของเขาทั้งเย็นชาและไร้ปรานี มั่วจวินเหยาที่ได้ยินหัวใจก็ราวกับถูกมีดกรีด
“เช่นนั้นไม่ว่าข้าจะทำอันใด เจ้าก็จะไม่มีทางรักข้าใช่หรือไม่!”
“เจ้าทั้งวางยาข้าทั้งแทงข้าถึงขั้นสมรู้ร่วมคิดกับอามู่เต๋อหมายจะจัดการผู้ที่ข้าห่วงใย ความผิดทุกรูปแบบนี้ข้ายังล้วนไม่ถือสาเจ้าได้ นั่นเพราะเจ้าเป็นเสียนหวางเฟยของข้า ข้าไม่รักเจ้า ไม่แตะต้องเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้!”
เสียงของซูเช่อทั้งชั่วร้ายและโหดเหี้ยม มองมั่วจวินเหยาที่มีน้ำตา ก้นบึ้งในใจก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง “มั่วจวินเหยา ขอเพียงเจ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เจ้าจะยังคงเป็นเสียนหวางเฟยของข้า แต่หากเจ้าไม่ยอมเช่นนั้นก็กลับแคว้นซีอวี้ไปเสีย”
“เหตุใดจึงไล่ข้าไป?” มั่วจวินเหยาเสียสติไปโดยสิ้นเชิงแล้ว “ข้าเพิ่งเป็นเสียนหวางเฟย ข้าเพิ่งจะเป็นฮูหยินของจวนเสียนหวาง เจ้าไม่รักข้านั่นก็เป็นปัญหาของเจ้า เหตุใดคนที่ไปต้องเป็นข้า! เรื่องเหล่านี้ที่ข้าทำก็ล้วนเป็นเพราะข้ารักเจ้า! ข้าไม่ผิด เจ้าไม่มีสิทธิ์มาหย่ากับข้า!”
มั่วจวินเหยาต่อต้าน คว้าสิ่งใดได้ก็ล้วนโยนใส่ร่างของซูเช่อ ทำให้ซูเช่อที่เดิมควบคุมตัวนางไว้ไม่มีใจจะจับตัวนางไว้อีก
“สตรีเสียสติ”
ซูเช่อสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะใช้สายตาส่งสัญญาณให้จื่อถง “พวกเราไป!”
มั่วจวินเหยาเห็นเขาต้องการจากไปจริงๆ ก็ยังไล่ตามไปอย่างอาลัยอาวรณ์ “เจ้าจะไปที่ใด ซูเช่อ เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ถึงข้าจะเปลี่ยนแปลงตนเองก็ไม่ได้หรือ หลังจากนี้ข้าจะเชื่อฟังเจ้าก็ยังไม่ได้หรือ? เจ้าจะไปที่เรือนพักตากอากาศนั่นอีกใช่หรือไม่? เหตุใดเจ้าต้องทิ้งข้าไว้ที่เรือนคนเดียวทุกครั้ง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าที่นี่เป็นบ้านของเจ้า!”
นางตวาดก่อนจะมีท่าทีราวกับตระหนักบางสิ่งได้ “บอกมาเจ้าซ่อนสตรีไว้ที่เรือนพักตากอากาศใช่หรือไม่ เจ้าแอบมีสตรีอื่นลับหลังข้าใช่หรือไม่ หรือจะบอกว่านั่นคือสถานที่ที่เจ้าแอบนัดพบกับหลิงมู่เอ๋อร์?”
ได้ยินนางกล่าวว่า ‘แอบนัดพบ’ สามพยางค์นี้ทั้งยังเกี่ยวข้องกับหลิงมู่เอ๋อร์ ความรู้สึกผิดในก้นบึ้งจิตใจของซูเช่อก็สลายหายไปโดยพลัน
เดิมเขาเพียงแค่อยากออกไปเดินเล่นและจะกลับมาก่อนฟ้ามืด แต่ในเมื่อนางยกเรื่องเรือนพักตากอากาศขึ้นมาเช่นนั้นก็ดี เขาจะไปอยู่ที่เรือนพักตากอากาศ
“ในเมื่อเจ้าชอบจวนเสียนหวางถึงเพียงนั้น เช่นนั้นเจ้าก็เป็นเสียนหวางเฟนของเจ้าไปคนเดียวเถิด” สะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรงก่อนซูเช่อจะเดินไปข้างหน้า เมื่อเห็นมั่วจวินเหยาไม่คิดจะไล่ตามมาเขาก็หันกลับไปมองด้วยสายตาเย็นชา “มั่วจวินเหยา เปิ่นหวางขอเตือนเจ้าว่าจะทำให้เปิ่นหวางอับอายก็ย่อมได้ แต่หากเจ้าทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ต้องอับอายเปิ่นหวางจะเอาชีวิตเจ้าไปเสีย!”
“จื่อถง เตรียมรถม้าไปเรือนพักตากอากาศ!”
ในสายตาเห็นซูเช่อจากไปแล้ว มั่วจวินเหยาที่เดิมเสียสติก็เก็บความเดือดดาลทั้งหมดกลับมาโดยพลัน
นางราวกับถูกรักษาอาการเสียสติอย่างกะทันหัน ในสายตาว่างเปล่าขณะยืนอยู่ที่เดิม
“เขาไปแล้วจริงหรือ?”
คำพูดนี้ไม่รู้ว่าถามตนเองหรือถามสาวใช้ข้างกาย
“เรียนหวางเฟย รถม้าของหวางเย่กำลังตรงไปยังทิศทางของเรือนพักตากอากาศ แต่เหตุใดท่านต้องลำบากถึงเพียงนี้เพื่อจงใจล่อให้หวางเย่ออกไปเรือนพักตากอากาศหรือเจ้าคะ ท่าน…”
“หากไม่ได้มาก็ต้องทำลาย เจ้าคงลืมไปแล้วว่านี่คือหลักการที่เสด็จพ่อสอนข้า”