เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 17 ตอนที่ 505 ยุแยง
เล่มที่ 17 ตอนที่ 505 ยุแยง
เล่มที่ 17 ตอนที่ 505 ยุแยง
“อ๊าก!” เสียงร้องของฉินรั่วเฉินดังขึ้นมาจากในห้อง อาจเพราะเจ็บปวดมากจริงๆ มือข้างหนึ่งของเขาจึงจับศีรษะของหมออย่างแรงและบีบคอของเขา “หากยังกล้าจงใจแตะต้องบาดแผลของเปิ่นหวางจื่ออีก ข้าจะตัดศีรษะเจ้าเสีย!”
หมอผู้นั้นถูกทำให้ตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง “องค์ชายหกโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายหกโปรดไว้ชีวิตด้วย ความจริงเป็นเพราะพิษนี้…แมลงพิษนี้ต่างจากปกติเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่เกิดมากระหม่อมไม่เคยพบเจอมาก่อนจึงทำได้เพียงบรรเทาความเจ็บปวดอย่างง่ายๆ ไม่อาจแก้พิษได้สำเร็จ ขอองค์ชายหกโปรดไว้ชีวิตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ยามที่ได้รับรู้ว่าความเจ็บปวดทรมานหนึ่งชั่วยามที่ผ่านมาล้วนมิใช่การรักษา และทำได้เพียงบรรเทาความเจ็บปวด ฉินรั่วเฉินก็โกรธเกรี้ยว “ทหาร ลากตัวเขาออกไปประหาร!”
“องค์ชายหก…” หมอผู้นั้นหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ยามที่กำลังคิดจะร้องขอชีวิตก็มีองครักษ์สองคนเดินเข้ามาลากตัวเขาออกไปแล้ว
“ยังมัวงงอันใด ยังไม่รีบเข้าวังไปเรียกหมอหลวงมาอีก!” ฉินรั่วเฉินออกคำสั่งองครักษ์ประจำตัวซึ่งอยู่ข้างกาย
“เรียนเหยีย ไปเรียกนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่เหล่าหมอหลวงล้วนกำลังรักษาฝ่าบาท เมื่อวานฝ่าบาททรงได้รับพิษวันนี้พระวรกายเพิ่งจะดีขึ้น เหล่าหมอหลวงทุกคนของสำนักหมอหลวงจึงล้วนอยู่ในตำหนักเฉียนชิง เกรงว่าคงยังไม่อาจมาที่ตำหนักองค์ชายหกของพวกเราได้อีกสักระยะพ่ะย่ะค่ะ”
“สารเลว!”
ฉินรั่วเฉินได้ยินก็โกรธเกรี้ยวพลางกำหมัดฟาดเข้าที่กำแพงฝั่งตรงข้ามอย่างแรงแต่กลับเจ็บมือ
สิ่งที่เรียกว่าย้ายหินมาทับเท้าตนเองคงเป็นเช่นนี้
“เมืองหลวงกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ จะไม่มีคนที่มีความสามารถเลยหรือ?” ฉินรั่วเฉินไม่เชื่อก่อนจะชี้ไปทางองครักษ์ผู้หนึ่ง “เจ้าจงไปจับหมอทั้งหมดในเมืองหลวงมาให้เปิ่นหวางจื่อ หากผู้ใดปฏิเสธให้สังหารได้ทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ผู้นั้นเดินจากไป
องครักษ์ข้างกายก้าวมาข้างหน้า “เหยีย ได้ยินว่าเจิ้งเฟยขององค์ชายรองมีทักษะแพทย์ล้ำเลิศไม่สู้พวกเรา…”
“ไสหัวไป!”
ฉินรั่วเฉินหยิบเก้าอี้มาโยนใส่องครักษ์ข้างกายผู้นั้น “เมื่อวานข้าเพิ่งต้องการจะจับนางเข้าคุกหลวง ยามนี้เจ้ากลับจะให้ข้าทำตัวต่ำต้อยไปขอร้องให้นางมารักษาข้า เจ้ายังรู้สึกว่าเปิ่นหวางจื่อเสียหน้าไม่พอหรือ ยังอยากจะให้ข้าไปเสียศักดิ์ศรีอีกคราหรือไร?”
เห็นองครักษ์ไม่กล้าพูดอีก ฉินรั่วเฉินก็คลายโทสะลงไปหลายส่วน นึกถึงในห้องที่เต็มไปด้วยแมลงพิษเมื่อครู่เขาก็อดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง “ยิ่งไปกว่านั้นแมลงพิษมากมายนั่นต้องเกี่ยวข้องกับนางเป็นแน่เพราะนางอยากแก้แค้นข้า อย่าให้ข้าหาหลักฐานได้เชียว ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเด็กในท้องของนางจากนั้นก็จะสังหารนางเสีย!”
ได้ยินเสียงกัดฟันของฉินรั่วเฉินจากระยะไกล แต่อามู่เต๋อก็ยังสาวเท้ายาวก้าวเข้ามา
“องค์ชายหกโปรดระงับโทสะก่อน”
เมื่อเห็นอามู่เต๋อที่ทิ้งเขาไว้และวิ่งหนีไป โทสะเมื่อครู่ที่คลายลงของฉินรั่วเฉินก็ปะทุขึ้นมาในใจอีกครา เขาข่มกลั้นความเจ็บปวดของร่างกาย ใช้มือชักดาบขององครักษ์ผู้หนึ่งออกมาหมายจะแทงอามู่เต๋อ
คาดไม่ถึงว่าอามู่เต๋อจะไม่หลบเลี่ยง ทั้งยังมองท่าทางที่เต็มไปด้วยไอสังหารของเขาตรงๆ ก่อนจะกล่าวอย่างเชื่องช้า “ข้ามาช่วยองค์ชายหก”
ปลายดาบหยุดจ่ออยู่ที่ลำคอของเขาโดยพลัน
ฉินรั่วเฉินหรี่ดวงตาทั้งสองข้าง “เจ้าสามารถถอนพิษนี้ได้หรือ?”
“เกรงว่าองค์ชายหกคงลืมไปแล้ว ก่อนที่ข้าจะกลับสู่ฐานะองค์ชายแคว้นซีอวี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับพิษมาเกือบยี่สิบปี แม้ใบหน้านี้จะเป็นเพราะไม่ทันระวังจึงถูกพิษจนทิ้งรอยแผลเป็นไว้มาโดยตลอด แต่ก็หาได้เหลือพิษร้ายของแมลงไว้แล้ว”
เห็นแววตาที่เชื่อครึ่งสงสัยครึ่งของฉินรั่วเฉิน เขาก็พ่นลมหายใจออกมาจากจมูก “แน่นอนว่าหากองค์ชายหกไม่เชื่อคำพูดของข้าก็ถือเสียว่าเมื่อครู่ข้ามิได้พูดอันใดเถิด”
เห็นอามู่เต๋อที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันหมุนกายหมายจะเดินจากไป ฉินรั่วเฉินจะปล่อยให้เขาเดินออกไปได้อย่างไร ดาบถูกขว้างทิ้งไปปักอยู่บนเสาหินด้านหลังของเขาก่อนเขาจะกางฝ่ามือ “ข้าจะเชื่อเจ้าสักครา แต่เหตุใดเมื่อครู่จึงทิ้งเปิ่นหวางจื่อและหนีไปกับตาเฒ่าหลันซือเฮ่อ?”
“แน่นอนว่าเป็นหลันซือเฮ่อที่รักตัวกลัวตายลากข้าออกไป คนผู้นั้นไม่เป็นวรยุทธ์ทั้งยังร้องห่มร้องไห้ตะโกนขอร้องให้ข้าพาเขาออกไป ข้าเห็นแก่ที่เขากับข้าเป็นพันธมิตรขององค์ชายหกเช่นเดียวกันจึงช่วยชีวิตเขาไว้สักครั้ง มิใช่ว่าหลังพาเขาออกไปข้าก็กลับมาหรือ?”
อามู่เต๋อกล่าวพลางหยิบขวดยาออกมาจากอกและเทลงไปบริเวณที่ฉินรั่วเฉินถูกหนอนพิษกัด
ตรวจสอบอย่างละเอียดพลางพยักหน้าอย่างมั่นใจในตนเอง “ยังดีที่หนอนพิษกัดไม่ลึกอีกทั้งพิษก็หาได้รุนแรงเท่าที่คิดไว้ แม้เจ้าจะต้องทรมานไปอีกสองวันแต่ดีที่ไม่ทำร้ายไปถึงตับและร่างกาย”
เขาพูดจบก็หยิบเข็มเงินออกมา หลังจากฝังไปที่จุดสำคัญก็โยนขวดยาให้อีกฝ่าย
“ขวดสีขาวใช้ช่วงกลางวัน ส่วนขวดสีดำให้ใช้ช่วงกลางคืน วันหนึ่งใช้สองครั้ง เทลงบริเวณที่ถูกกัดประมาณ…ประมาณเจ็ดวันกระมังน่าจะหายดี”
“ง่ายถึงเพียงนี้เชียว?” เห็นอีกฝ่ายเพียงแค่มองซ้ายขวาไม่กี่คราก็ยืนยันคำตอบได้ แล้วเมื่อครู่ที่เขาทนรับความทรมานจากหมอผู้นั้นมาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ เล่า
“ดูท่าองค์ชายหกจะยังไม่เชื่อข้า”
เห็นอามู่เต๋อยื่นมือต้องการจะหยิบขวดยาที่โยนมาเมื่อครู่กลับไป ฉินรั่วเฉินก็รีบหัวเราะขึ้นมา “มีเหตุผลอันใดที่จะไม่เชื่อองค์ชายอามู่เล่า เจ้ากับข้าลงเรือลำเดียวกันแล้วจึงเป็นพันธมิตรกัน เจ้าช่วยชีวิตข้าคราหนึ่งข้าย่อมไม่ลืม วางใจเถิด เปิ่นหวางจื่อจะช่วยให้เจ้าได้ตัวหลิงมู่เอ๋อร์ ไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังแน่นอน”
“รอให้เจ้าหายดีก่อนค่อยว่ากันเถิด”
อามู่เต๋อชี้ไปที่คอของเขาและมองไปทางหนอนพิษที่ตายแล้วตัวหนึ่งซึ่งอยู่บนโต๊ะ “เป็นมันที่กัดเจ้าเมื่อครู่หรือ?”
“เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือ?” ฉินรั่วเฉินมองเขาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะซักถาม
“แม้เปิ่นหวางจื่อจะศึกษาเรื่องพิษมาหลายปี แต่ก็หาได้รู้จักกับแมลงพิษทุกชนิด ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่อยู่ในเมืองหลวง ที่แคว้นซีอวี้ของข้าก็หาใช่ว่าจะมี”
เขากันตนเองออกโดยสิ้นเชิง และทิ้งหนอนพิษไว้ด้านหนึ่งอย่างไม่สนใจอันใด
“แต่สิ่งนี้ทำร้ายองค์ชายหกจนเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ องค์ชายหกคิดจะจัดการกับผู้ที่วางแผนร้ายเช่นไรหรือ?”
“เจ้ารู้ว่าผู้ใดวางแผนร้ายต่อเปิ่นหวางจื่อหรือ?” เห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นใจตนเองของอามู่เต๋อ ฉินรั่วเฉินก็ตระหนักได้ว่าเขาพบบางสิ่งแล้ว
อามู่เต๋อมองไปรอบด้านด้วยสายตาชั่วร้าย
“องครักษ์ประจำตัวเป็นคนของข้าเอง องค์ชายอามู่พูดมาได้ไม่ต้องกังวล”
ได้ยินคำพูดของฉินรั่วเฉิน อามู่เต๋อก็พยักหน้าอย่างวางใจ “พูดไปแล้วก็ต้องขอบใจที่หลันซือเฮ่อบังคับพาข้าออกไป ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่พบผู้ที่กำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างนอกตำหนัก หากข้าจำไม่ผิดคนผู้นั้นคือคนของจวนเสียนหวาง”
“เจ้าพูดอันใด?”
ฉินรั่วเฉินไม่เชื่อข่าวที่ได้รับรู้
เขามองดวงตาของอามู่เต๋ออย่างพิจารณาเกรงว่าอีกฝ่ายจะหลอกตน แต่เมื่อหวนนึกกลับไป ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันยามที่เขาและหลันซือเฮ่อคิดจะสังหารซูเช่อ อีกฝ่ายก็ยืนกรานไม่เห็นด้วย ยามนี้ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไปใส่ร้ายซูเช่อ
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเสียนหวางต้องการทำร้ายข้า?”
ดวงตาอันเฉียบแหลมของฉินรั่วเฉินหรี่ลง “ช่างดีนักซูเช่อ ข้ายังไม่ทันได้ลงมือกับเขา เขากลับต้องการชีวิตของเปิ่นหวางจื่อ ข้ากับเขาหาได้เป็นศัตรูคู่แค้นกันคาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นฝ่ายลงมือก่อน!”
“ใช่เสียนหวางหรือไม่ข้าก็ยังไม่แน่ใจ แต่หลันซือเฮ่อก็เห็นคนผู้นั้นด้วย หากองค์ชายหกไม่เชื่อก็ส่งคนไปถามเขาได้”
อามู่เต๋อพูดอย่างสงบแม้น้ำเสียงจะไม่แน่ใจแต่กลับหนักแน่นเป็นอย่างยิ่ง
คาดว่าอามู่เต๋อย่อมไม่กล้าร่วมมือกับหลันซือเฮ่อเพื่อมาหลอกลวงเขา ในใจฉินรั่วเฉินจึงโกรธแค้นซูเช่อเข้ากระดูกดำ
“ไม่ถูก หากซูเช่อต้องการจัดการข้าก็แค่ส่งมือสังหารจำนวนหนึ่งมาก็พอ เหตุใดต้องใช้แมลงพิษจนทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงเพียงนี้ด้วย? ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขาชอบแมลงพิษ”
ฉินรั่วเฉินพบว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง
อามูเต๋อชะงักไปโดยพลันแต่ไม่นานก็กลับมาสู่สภาพปกติ “เช่นนั้นดูท่าเบื้องหลังซูเช่อจะมีผู้มีฝีมือช่วยเหลืออยู่! ดูเหมือนองค์ชายหกคงต้องลงแรงตรวจสอบเสียหน่อยแล้วว่าในเมืองหลวงผู้ใดมีความสามารถมากถึงเพียงนี้ ทั้งมีความรู้เกี่ยวกับแมลงพิษและต้องการชีวิตของเจ้า บางทีคนผู้นั้นอาจเป็นคนที่ช่วยเหลือซูเช่อ”
“เป็นเจิ้งเฟยขององค์ชายรอง ต้องเป็นนางแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
องครักษ์ประจำตัวได้ยินก็เปิดปากพูดคำนี้ออกมาโดยไม่สนใจสถานะแม้แต่น้อย
กล่าวจบแม้จะได้รับสายตาเย็นชาของฉินรั่วเฉินเป็นการตักเตือน แต่เขาก็ยังใจกล้าคุกเข่าข้างหนึ่งลงไปบนพื้น “องค์ชายหกโปรดระงับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมหาได้พูดจาไม่มีมูลอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าองค์ชายหกทรงจำเรื่องขององค์หญิงเหลียนเอ๋อร์เมื่อสองปีก่อนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“เหลียนเอ๋อร์?”
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ในครานั้นถูกแมลงพิษทำให้ตกใจกลัวจนเสียสติถึงขั้นที่ซูกุ้ยเฟยออกจากตำแหน่งกุ้ยเฟยเพื่อไปดูแลนาง เรื่องครานี้แม้จะมิได้เหมือนกันเสียทีเดียวแต่ก็มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินข่าวลือมาว่ายามนั้นเป็นเจิ้งเฟยขององค์ชายรองที่ลอบทำร้ายองค์หญิงเหลียนเอ๋อร์ เมื่อคืนเหยียเกือบจับเจิ้งเฟยขององค์ชายรองไปขังไว้ในคุกหลวง คาดว่านางคงวางแผนทำร้ายเหยียเพื่อล้างแค้นพ่ะย่ะค่ะ”
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดขององครักษ์ประจำตัวมีเหตุผลเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าสับสนของฉินรั่วเฉินแปรเปลี่ยนไปเป็นดุร้ายโดยพลัน เขาคว้าหนอนแมลงที่ตายแล้วตัวนั้นราวกับกำลังบีบคอหลิงมู่เอ๋อร์ ในขณะที่บีบมันแน่นทันใดนั้นก็คิดอันใดขึ้นมาได้ สายตาของเขามองไปทางอามู่เต๋อ
“เจ้าก็คิดว่าเป็นหลิงมู่เอ๋อร์หรือ?”
“ซูเช่อและหลิงมู่เอ๋อร์มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ไม่แน่นางอาจจะช่วยเหลือเขา! แต่ข้ารู้ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นการเคลื่อนไหวของจวนเสียนหวางแน่นอน ไม่ทราบว่าองค์ชายหกวางแผนจะทำอย่างไร?”
“เดิมเปิ่นหวางจื่อยังคิดจะไว้ชีวิตซูเช่อไปอีกหลายวัน ยามนี้ดูท่าจะเป็นเขารนหาที่ตายเอง!”
ฉินรั่วเฉินกัดฟัน ในขณะที่ดวงตาเฉียบแหลมทั้งสองข้างเต็มไปด้วยไอสังหาร มองไปทางดวงตาที่แสดงความสงสัยของอามู่เต๋อก่อนที่จะพิจารณาอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน “เหตุใดวันนี้เจ้าจึงรีบร้อนจะให้ข้าจัดการกับซูเช่อถึงเพียงนี้ ทำไม เขาหมดประโยชน์กับเจ้าแล้วหรือ? สามารถฆ่าได้แล้วหรือ?”
อามู่เต๋อยิ้มพลางส่ายศีรษะ “วันนั้นที่ข้าปกป้องซูเช่อก็เพื่อน้องสาวเท่านั้น เมื่อวานน้องสาวส่งข่าวมาว่าทนการปฏิบัติอย่างเย็นชาเสียนหวางที่มีต่อนางไม่ไหวอีกแล้วถึงขั้นอยากจะแยกจากเขา องค์ชายหกก็รู้ว่าสตรีที่ถูกหย่าไม่สู้เอาชีวิตนางไปเสียจะดีกว่า แล้วน้องสาวของข้าจะหย่ากับซูเช่อได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นซูเช่อยังกล้าลงมือกับองค์ชายหก พวกเราถูกคนขี่คอมารังแกเช่นนี้จะให้นั่งรอความตายได้อย่างไร!”
“ถูกต้อง ซูเช่อกล้ามาลงมือกับข้า ข้าจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่!”
ฉินรั่วเฉินตัดสินใจอย่างแน่วแน่ “ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหลิงมู่เอ๋อร์หรือไม่ ยามนี้ก็ถึงเวลาที่ควรลงมือแล้ว”
เขาเงยหน้ามองไปทางอามู่เต๋อ “เจ้ามิใช่ว่าอยากพาหลิงมู่เอ๋อร์ไปที่แคว้นซีอวี้มาโดยตลอดหรือ โอกาสของเจ้ามาถึงแล้ว แต่หากซูเช่อทนแผนการของข้าไม่ไหวและต้องการทำร้ายคนที่เจ้าคะนึงหาจริงๆ เจ้าก็อย่าได้มาโทษข้าเล่า”
ไม่รู้ว่าแผนการของฉินรั่วเฉินคืออันใด แต่อามู่เต๋อมองเห็นการพิจารณาใคร่ครวญในก้นบึ้งดวงตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
อามู่เต๋อหัวเราะเยาะอย่างไม่ใส่ใจ “เกรงว่าองค์ชายหกคงเข้าใจผิดแล้ว สิ่งที่ข้าต้องการหาใช่ร่างกายของหลิงมู่เอ๋อร์ดังนั้นแผนการของเจ้าจะเป็นแบบใด หรือซูเช่อจะทรมานนางอย่างไรก็ล้วนไม่เกี่ยวกับข้า ยิ่งไปกว่านั้นองค์ชายหกก็ทำเพื่อล้างแค้นเรื่องในวันนี้ เช่นนั้นข้าก็ขออวยพรล่วงหน้าขอให้องค์ชายหกประสบความสำเร็จ”
เห็นได้ชัดว่าเป็นเขาที่มาบอกข่าวอย่างกะทันหัน เป็นซูเช่อที่มาลงมือกับเขา แต่คำพูดห้วนสั้นของคนผู้นี้ที่ตรงไปตรงมาก็ทำให้ก้นบึ้งในใจของฉินรั่วเฉินไม่มีความสุขนัก แต่ตราบใดที่เขาลงมือได้สำเร็จ ซูเช่อย่อมต้องสูญสิ้นชีวิตและย่อมต้องเกิดเรื่องกับหลิงมู่เอ๋อร์ซึ่งซั่งกวนเซ่าเฉินจะต้องคลุ้มคลั่งเสียสติเป็นแน่ แล้วเหตุใดเขาจะต้องถือสาเรื่องเหล่านี้ด้วย?
“ทหาร ไปลงมือตามแผนการเดี๋ยวนี้”