เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 17 ตอนที่ 499 ติดสินบน
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 17 ตอนที่ 499 ติดสินบน
เล่มที่ 17 ตอนที่ 499 ติดสินบน
“คุณหนูเป็นเจิ้งเฟยขององค์ชายรองทั้งยังกำลังจะได้เป็นไท่จื่อเฟย และยังเป็นหวางโฮ่วเหนียงเหนียงในอนาคต จะมาซื้อร้านค้าเหล่านี้เพื่ออันใดหรือเจ้าคะ?”
หงยวนมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างพิจารณา หากไม่รู้ก็ยังคิดว่าคนผู้นี้หาใช่เจิ้งเฟยขององค์ชายที่ได้รับความโปรดปราน แต่เป็นผีจอมโลภที่ในสายตามีเพียงเงินตรา
“เจ้าเป็นคนฉลาดทั้งยังมีคนส่งให้มาเข้าใกล้ข้า เช่นนั้นข้าจะไม่ปิดบังเจ้า เจ้าก็รู้ว่าร่างกายของข้าค่อนข้างพิเศษ ไม่แน่วันหนึ่งอาจหมดสติไปและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยก็ได้ ในครอบครัวข้ามีทั้งคนเฒ่าคนแก่และลูกเด็กเล็กแดงย่อมต้องเตรียมการไว้ให้พวกเขาอย่างเหมาะสมจึงจะถูก”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย นับเงินในมือไปพลางพิจารณาข้อมูลตรงหน้าอย่างละเอียด เมื่อยืนยันแล้วว่าไม่ผิดพลาดจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกทั้งกายใจ
“คุณหนูท่าน…” หงยวนคาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่านางจะพูดเช่นนี้จึงอยากพูดไปตามสัญชาตญาณว่าท่านจะไม่ตาย แต่เพราะกลัวเสียหน้าจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
“ในเมื่อท่านรู้ว่าข้าถูกคนส่งมาให้เข้าใกล้ท่าน ไม่กลัวว่าข้าจะเอาการเคลื่อนไหวทั้งหมดของท่านไปรายงานหรือ?” นางขมวดคิ้วแน่น แปลก เป็นครั้งแรกที่มองคนผู้หนึ่งไม่ออกเช่นนี้
นางคิดว่าตนเองอยู่ข้างกายนายท่านมาหลายปีจึงเคยชินกับการอ่านทิศทางของกระแสลมแล้ว แม้จะไม่ได้พบเจอผู้คนมากมายนัก แม้จะมีบางครั้งที่ไม่เข้าใจนายท่าน แต่สตรีอ่อนแอผู้หนึ่งเหตุใดนางจึงมองไม่ออกเลยเล่า?
“ข้าเพียงแค่มาซื้อร้านค้าส่วนหนึ่งหาได้ทำเรื่องผิดกฎหมาย เจ้าอยากรายงานก็ทำเถิด” หลิงมู่เอ๋อร์มีสีหน้าผ่อนคลายอีกทั้งรอยยิ้มยังอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง “แต่เงื่อนไขแรกคือพิราบสื่อสารของเจ้าต้องบินออกไปให้ได้เสียก่อน”
“ท่าน…” ได้ยินคำข่มขู่ หงยวนก็มีโทสะก่อนจะแค่นเสียงเย็นและหันหน้าหนีไม่มองนางอีก
เช้าวันนี้นางถูกหลิงมู่เอ๋อร์พาออกมา หนึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้พวกนางไปเดินเที่ยวในตลาดทุกแห่งของเมืองหลวง หลิงมู่เอ๋อร์ดูเพียงร้านค้าโดยมิได้ถามราคาราวกับจดจำทุกสถานที่เอาไว้ในใจหมดแล้ว
ชั่วยามที่สองนางเริ่มทำการเปรียบเทียบรวมถึงไตร่ตรอง ชั่วยามที่สามนางจึงทำการหารือกับเจ้าของร้านที่ถูกใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่หงยวนเห็นภาพที่เจ้าของร้านหลายร้านมาเจรจาพูดคุยพร้อมกัน ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่รู้ว่าที่แท้การซื้อร้านสามารถทำการต่อรองราคา และสามารถทำการกดดันรวมถึงหลอกล่อเพื่อผลประโยชน์ได้อีกด้วย ภายในช่วงเวลาอันสั้นแค่ครึ่งชั่วยามก็สามารถทำการซื้อร้านค้าทั้งห้าร้านมาได้พร้อมกัน
“ครอบครัวของท่านช่างมีวาสนามากทีเดียว” นางกล่าว
“แน่นอน!” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่หลบเลี่ยงคำชื่นชมแม้แต่น้อย “พวกเขาล้วนมาจากหมู่บ้านตระกูลหลิงที่แสนยากจนข้นแค้นและใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงมาทั้งชีวิต หากไม่มีพวกเขาบางทีข้าอาจตายไปแปดร้อยคราได้แล้ว ดังนั้นทุกสิ่งที่ข้ามีก็ล้วนเป็นของพวกเขา หากไปถึงขั้นนั้นจริงอย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีความคิดอยู่บ้าง และไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด นี่เป็นสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำให้พวกเขาได้”
หลิงมู่เอ๋อร์ล้วนวางแผนไว้ในใจแล้ว เหลาอาหารให้ท่านลุงจัดการอยู่นานแล้ว ส่วนฮวาห่าวเยว่หยวนก็เป็นท่านพ่อที่ดูแลมาโดยตลอด นอกจากสิ่งเหล่านี้ก็จะมอบร้านค้าให้ท่านพ่อท่านแม่คนละหนึ่งร้าน ท่านลุงและท่านย่าร่วมกันดูแลหนึ่งร้าน พี่หลิงจือเซวียนต้องไม่ยอมรับของจากนางเป็นแน่ เช่นนั้นร้านค้าอีกสองแห่งนางก็จะมอบให้หลิงจื่ออวี้
หากในอนาคตเขาไม่ปรารถนาเส้นทางชีวิตในการเป็นขุนนาง อย่างน้อยก็ยังสามารถทำการค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องเผชิญกับอุปสรรคเพื่ออนาคตที่ยากลำบาก
“หงยวน เรื่องนี้เจ้าต้องรักษาความลับแทนข้าด้วย”
“รักษาความลับ?” หงยวนสับสนมึนงง มีผู้ใดทำเรื่องยิ่งใหญ่เช่นนี้แต่กลับไม่อยากให้คนรู้กันเล่า?
“ข้า ข้าเป็นศัตรูของท่านมิใช่หรือ?”
“ประการแรกเจ้าไม่ได้หมายจะฆ่าข้า หากใช่เจ้าคงลงมือไปนานแล้ว ประการที่สองเจ้าก็ได้รับคำสั่งมาเช่นกัน เรื่องที่เจ้านายของเจ้าจะทำหาใช่ความคิดของเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะตอบรับข้า”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ว่ามีความมั่นใจมาจากที่ใด นางมองหงยวนที่มีสีหน้าดึงดันทั้งยังจงใจแสร้งแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา ยิ่งมองในใจก็ยิ่งรู้สึกชอบพอ
สตรีผู้นี้ดูเหมือนกับนางครั้นยังเยาว์วัยนัก
“ท่านอย่าคิดว่าจะสามารถซื้อตัวข้าได้ หากมิใช่เพราะคำสั่งของนายท่านข้าย่อมไม่มีทางมาปรนนิบัติท่านเด็ดขาด!”
หงยวนสะบัดแขนเสื้อก่อนจะวิ่งออกไปจากโรงน้ำชา ไม่รู้เพราะเหตุใดยิ่งมองดวงตาของหลิงมู่เอ๋อร์ก็ยิ่งจริงใจ ภายในใจของนางจึงยิ่งอ่อนยวบลง
เห็นได้ชัดว่านางเป็นสาวใช้ที่เลือดเย็นที่สุดของจวนเสียนหวาง เห็นได้ชัดว่าแต่ไหนแต่ไรในใจนางก็หาได้เคยผ่อนปรนหรือมีความเห็นใจ แต่หลิงมู่เอ๋อร์มีเวทมนตร์อันใดกัน ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งวันที่ได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยคจึงทำให้นางค่อยๆ ใจอ่อนลงได้?
หลิงมู่เอ๋อร์หาได้รีบร้อนเรียกนาง และเอาโฉนดที่ดินของร้านค้าใส่ไว้ในแขนเสื้อซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นการเก็บไว้ในมิติ แต่คิดไปคิดมาหากวันหนึ่งจู่ๆ นางไม่ฟื้นขึ้นมาอีกจริงๆ เช่นนั้นมิใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดเข้าไปในมิติได้หรือ? ใช้ความคิดก่อนจะเอาโฉนดที่ดินไปวางไว้ในสำเนาพื้นที่มิติของซั่งกวนเซ่าเฉินบราวนี่ออนไลน์
มือทั้งสองข้างลูบหน้าท้องราบ ระยะนี้ราวกับนางรู้สึกได้ถึงการขยับตัวเล็กน้อยของทารกในครรภ์ เป็นความรู้สึกอันแสนมหัศจรรย์ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนซึ่งทำให้ทั้งใจของนางยิ่งรู้สึกอ่อนยวบ
“ลูกรัก พวกเรามาพยายามไปด้วยกันดีหรือไม่? อย่างน้อยลูกต้องปกป้องแม่ให้คลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยก่อนจะจากไป!”
ลูบอย่างแผ่วเบาแต่กลับไม่กล้าออกแรงมากนัก ไม่รู้พูดคุยกับเขาไปกี่มากน้อยรู้สึกเพียงว่าราวกับเขาเล่นจนเหนื่อยจึงไม่เตะนางอีก ก่อนนางจะลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง
ที่ใต้หน้าต่างหงยวนในชุดแดงส่องประกายเป็นอย่างยิ่ง ในยามนี้นางกำลังนั่งยองลงไปตรงหน้าขอทานที่เนื้อตัวสกปรกผู้หนึ่ง
“พี่สาว ข้ามิได้ตั้งใจ ท่านโปรดยกโทษให้ข้าสักคราเถิดขอรับ ขอร้องท่านอย่าได้พาข้าไปส่งทางการเลยขอรับ ข้าขอร้อง”
ขอทานน้อยขอร้องอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา กล่าวจบก็กลัวจนหลับตาร้องไห้โฮเสียงดัง
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นอย่างชัดเจนว่าหมัดของหงยวนที่เดิมกำแน่นค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ ก่อนจะลูบใบหน้าของขอทานน้อยอย่างนุ่มนวล ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นชาแต่ก็ฟังออกถึงความห่วงใย
“ได้ ข้าบอกเมื่อใดว่าจะพาเจ้าไปส่งทางการ ในเมื่อเจ้ารู้ตัวว่าทำผิดครั้งหน้าก็อย่าได้ทำอีก เอาถุงเงินของข้าคืนมาแล้วข้าจะยกโทษให้เจ้า”
“ขอบคุณพี่สาว ขอบคุณพี่สาวขอรับ” ขอทานน้อยรีบหยิบถุงเงินออกมาก่อนจะส่งให้หงยวนด้วยมือทั้งสองข้าง
“จำไว้ว่าหากคนขโมยครั้งหนึ่งแล้วจะเป็นขโมยไปทั้งชีวิต เจ้าเป็นบุรุษต้องเชิดหน้าชูตาทำงานที่ถูกต้อง ใช้วิธีที่ถูกต้องในการหาเงินที่ขาวสะอาดเข้าใจหรือไม่? ไม่เช่นนั้นหากพบกันอีกครั้งข้าจะไม่พูดดีเช่นนี้แน่!” หงยวนสั่งสอนแต่กลับแอบใส่ก้อนเงินลงไปในกระเป๋าของขอทานน้อยในมุมที่เขามองไม่เห็น
“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าขโมยของ ข้าก็ไม่มีทางเลือกจึงทำเช่นนี้ แต่พี่สาวโปรดวางใจข้าไม่กล้าทำแล้วขอรับ!”
ขอทานน้อยพยักหน้าหลายครา หลังจากได้รับสายตาเห็นด้วยของนางก็รีบวิ่งหนีไปไกลจนหายวับไปกับตา
“ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนเลือดเย็นไร้เมตตา คาดไม่ถึงว่าเจ้าก็คงหาได้มีนิสัยเย็นชาอย่างที่เห็นภายนอกกระมัง?”
หลิงมู่เอ๋อร์ปรากฏตัวที่ด้านหลังในเวลาที่เหมาะเจาะ
สิ้นคำพูดนี้ใบหน้าของหงยวนก็แดงเรื่อไปถึงลำคอ
ยามทำงานที่จวนเสียนหวางเพราะนางฟังเพียงคำสั่งของนายท่านคนเดียว ซึ่งนายท่านเป็นคนพูดน้อยทำให้ชื่นชมนางน้อยครั้งมาก
ในจวนก็ไม่มีผู้ใดมีตำแหน่งสูงกว่านางดังนั้นทั้งชีวิตนี้ของนางจึงล้วนได้ยินคำชมเพียงไม่กี่คราเท่านั้น
หลิงมู่เอ๋อร์ชื่นชมนางอย่างคาดไม่ถึงทำให้นางเขินอายเป็นอย่างมาก
“ท่าน เหตุใดท่านจึงมาแอบฟังบทสนทนาของผู้อื่น!”
“ที่นี่เป็นบนถนนใหญ่ คำพูดของเจ้าดังถึงเพียงนั้นผู้ใดจะไม่ได้ยินเล่า?” หลิงมู่เอ๋อร์ผายมือทั้งสองข้างไปทางซ้ายและขวา “แต่ข้าคิดจริงๆ ว่าเจ้าจะพาเด็กคนนั้นไปส่งให้ทางการ ถึงอย่างไรก็ไม่คิดว่าจะทิ้งเงินไว้ในกระเป๋าของเขาด้วย ในเมื่อเจ้าคิดจะทำดีเหตุใดจึงต้องแสร้งทำท่าทีดุร้ายให้เด็กตกใจกลัวด้วย”
“หากข้าให้เงินเขาต่อหน้าก็จะยิ่งเป็นการสอนให้เขาทำเรื่องไม่ดี!”
หงยวนแค่นเสียงก่อนจะหันหลังให้นางตั้งแต่ต้นจนจบล้วนก้มศีรษะไม่มองตานาง แต่หลิงมู่เอ๋อร์ก็สังเกตเห็นว่ามุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย
แม้อายุของเด็กสาวจะไม่น้อยแล้วแต่ดูท่ายี่สิบปีที่ผ่านมาจะได้รับความใส่ใจจากคนน้อยมาก
“วันนี้เรื่องที่ต้องจัดการข้าก็จัดการหมดแล้ว ยามนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วไม่สู้พาเจ้าไปโรงหมอของข้าจะดีกว่ากระมัง จะได้ไปรักษาร่างกายของเจ้าด้วยดีหรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์ถาม
“นี่ท่านพยายามจะติดสินบนข้าหรือ?”
หงยวนขมวดคิ้วแน่นมองไม่ออกว่าไม่พอใจหรือว่ากำลังรู้สึกกระดากอายอยู่
“ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ก็คงใช่กระมัง”
หลิงมู่เอ๋อร์ไม่อธิบายทั้งยังไม่ปฏิเสธก่อนจะเริ่มออกเดินนำไป
ยามที่มาถึงโรงหมอ ที่นั่งจำนวนมากข้างในก็ล้วนเต็มไปด้วยผู้คน
เห็นหลิงมู่เอ๋อร์ปรากฏตัว ซางจือและเจี้ยงเซียงก็รีบลุกขึ้นมาทักทายนาง เหล่าผู้คนรอบข้างเห็นแม่นางเซียนแพทย์กลับมากพากันเปิดทางให้สายหนึ่ง การจัดแถวเช่นนี้ทำให้นางตกตะลึงอยู่บ้าง
“ทุกคนไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนั้น ยามนี้ร่างกายของข้าไม่สู้ดีจึงไม่อาจทำการตรวจโรคได้ วันนี้ก็มาในฐานะผู้ป่วยเช่นกัน พวกเจ้าถือเสียว่าข้าไม่อยู่ก็ได้”
หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวก่อนจะหาที่นั่งและไปรับป้ายลำดับที่สาวใช้
แม้จะเป็นเจ้าของโรงหมอแต่ก็ไม่ควรทำให้ลำดับวุ่นวายและควรต่อแถว
“นี่ ก่อนหน้าเจ้าน่าจะยังมีอีกสิบสองคนจะว่าเร็วก็เร็วแต่จะว่าช้าก็ช้า หากเจ้าเหนื่อยก็ไปนั่งทางด้านนั้นสักประเดี๋ยวเถิด แต่เจ้าอย่าได้คิดหนีเชียว ร่างกายของเจ้าอ่อนแออย่างรุนแรง หากข้าเดาไม่ผิดวันที่ฝนตกฟ้าครึ้มรวมถึงมีฟ้าร้องเจ้าล้วนจะรู้สึกปวดหัวใช่หรือไม่ หากอยากรักษาก็รออยู่ที่นี่”
หลิงมู่เอ๋อร์มองความคิดในใจของหงยวนออกจึงคุกคามครึ่งหนึ่งข่มขู่ให้กลัวครึ่งหนึ่งเพื่อให้นางสงบลง ก่อนที่ตนเองจะไปที่ห้องพักส่วนตัวชั้นสอง
ห้องพักส่วนตัวเป็นสถานที่ที่ปกตินางมาพักผ่อนระหว่างตรวจโรค แม้นางจะไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้วแต่ที่นี่ก็ยังคงสะอาดเรียบร้อย เห็นได้ชัดยิ่งว่าซางจือและเจี้ยงเซียงคอยมาทำความสะอาดอยู่เสมอ
นางปิดประตูห้องสนิทก่อนจะหยิบโฉนดที่ดินของโรงหมอออกมาจากมิติ ถูกต้อง แม้ในคราแรกโรงหมอนี้จะเป็นซูเช่อช่วยหาคนมาให้เช่า แต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อนนางได้ซื้อมาทั้งยังเปลี่ยนให้กลายเป็นชื่อของซางจือและเจี้ยงเซียงโดยตรงแล้ว
แม้พวกนางสองคนจะเคารพว่านางเป็นอาจารย์ แต่ระยะนี้ที่โรงหมอก็เป็นพวกนางที่ดูแลมาโดยตลอด การทำงานหนักย่อมได้รับความสำเร็จที่ดี การตกรางวัลให้พวกนางด้วยของมีค่าก็นับว่าสมควรแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นหากในภายภาคหน้านางไม่อยู่แล้วจริงๆ นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่นางสามารถเหลือทิ้งไว้ให้ลูกศิษย์ได้
หลิงมู่เอ๋อร์วางโฉนดที่ดินไว้ในลิ้นชัก เมื่อยืนยันแล้วว่าเป็นตำแหน่งที่ซางจือและเจี้ยงเซียงสามารถมองเห็นได้จึงเพิ่งลงมาชั้นล่าง
เดิมคิดว่าหงยวนจะยืนรออยู่ด้านข้างอย่างหมดความอดทน แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้นางตะลึงงัน
เห็นเพียงทั่วทั้งใบหน้าของหงยวนเต็มไปด้วยเลือดของผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง นางกำลังกดไหล่ของคนผู้นั้นไว้แน่น แต่เพราะความเจ็บปวดทรมานจากบาดแผลทำให้คนผู้นั้นต่อสู้ดิ้นรนพยายามต่อต้านไม่หยุด ในยามนั้นเองที่กริชในมือกรีดโดนหงยวน แต่หงยวนไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือทว่ายังถึงขั้นข่มกลั้นความเจ็บปวดและกดเขาไว้แน่น ก่อนจะตะโกนเสียงดังใส่ซางจือ “เร็ว เจ้ายังมัวงงอันใดอยู่ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสรีบมาช่วยเขาเร็ว”
ซางจือคาดไม่ถึงว่าร่างของหงยวนถูกกรีดถึงสองแผลจนเลือดไหลรินลงมาแต่นางก็ยังจะมาช่วยตน “แต่บาดแผลของเจ้า…”
“บาดแผลของข้าเล็กน้อยเช่นนี้จะนับว่าเป็นอันใดได้ หากเขาตายชีวิตนี้ทั้งชีวิตย่อมไม่อาจมองเห็นความงดงามของโลกใบนี้ได้อีก และไม่อาจรับรู้ได้ถึงความเย็นชาหรือความอบอุ่นของมนุษย์ได้ เจ้ารีบช่วยเขาเถิด!”