เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 17 ตอนที่ 490 จบสิ้นแล้ว
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 17 ตอนที่ 490 จบสิ้นแล้ว
เล่มที่ 17 ตอนที่ 490 จบสิ้นแล้ว
ในตำหนักเฉียนชิง สี่กงกงเห็นฮ่องเต้บรรทมแล้วก็ถอยออกมาอย่างระมัดระวัง และออกคำสั่งองครักษ์รวมถึงเหล่าบ่าวรับใช้นอกประตู “ฝ่าบาททรงบรรทมแล้วไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้รบกวน ทุกคนจงจับตาดูให้ดี”
“ขอรับสี่กงกง”
เหล่าบ่าวรับใช้รับคำสั่งโดยที่แต่ละคนยืนอยู่ในตำแหน่งของตนเอง ซึ่งไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าเกียจคร้าน
“ท่านอาจารย์ เหตุท่านอาจารย์จึงถอนหายใจหรือขอรับ?” ขันทีน้อยผู้หนึ่งเดินตามหลังไปช่วยพยุงแขนอย่างระมัดระวังราวกับประคองบรรพชน ก่อนจะให้เขานั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง
“ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็ย่อมทรงบรรทมเป็นชั่วยาม ท่านอาจารย์พักผ่อนเสียหน่อยเถิดขอรับ ศิษย์จะคลายเส้นให้นะขอรับ” ขันทีน้อยกล่าวก่อนจะเดินไปข้างหลังและนวดไหล่ทุบหลังให้เขาอย่างชำนาญ
สี่กงกงเดิมคิดจะปฏิเสธแต่การนวดกดจุดของลูกศิษย์ทำให้รู้สึกสบายมากจริงๆ เขาหลับตาลงอย่างพึงพอใจ “เจ้าเด็กคนนี้ช่างกตัญญูเสียจริง ไม่เสียแรงที่ข้าเก็บเจ้าเข้าวังมาเลี้ยง เจ้าวางใจเถิด หลังจากข้าได้สิ้นอายุขัยกลับขึ้นสวรรค์ ตำแหน่งหัวหน้าขันทีย่อมเป็นของเจ้า”
ขันทีน้อยมีสีหน้ายินดียิ่งแต่กลับส่ายศีรษะราวกับกลองป๋องแป๋ง “ท่านอาจารย์พูดอันใดขอรับ ท่านอาจารย์มีบุญบารมีสูงเสียดฟ้าย่อมอายุยืนยาวนับร้อยปีขอรับ”
“ชู่!” สี่กงกงรีบเอานิ้วชี้ไว้กลางริมฝีปาก “คำว่าบุญบารมีสูงเสียดฟ้าเจ้าเอามาพูดได้อย่างไร?”
มองลูกศิษย์ที่ก้มศีรษะอย่างรู้ตัวว่าผิด เขาก็เขกศีรษะอีกฝ่าย “เป็นบ่าวในวังหลวงเจ้าต้องระวังปากไว้ว่าสิ่งใดควรพูดหรือสิ่งใดไม่ควรพูด ตนเองต้องไตร่ตรองให้ชัดเจนระวังปากพาซวย”
“ที่ท่านอาจารย์สั่งสอนถูกต้องแล้วขอรับ!” ขันทีน้อยก้มศีรษะ การเคลื่อนไหวของมือขยันขันแข็งมากขึ้น “ศิษย์รู้ตัวว่าผิดแล้วขอรับ แต่ท่านอาจารย์เป็นผู้ที่อยู่ข้างกายฝ่าบาทเป็นธรรมดาที่จะได้รับบารมีไปด้วย ศิษย์ก็พูดไม่ผิดกระมังขอรับ”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่…” สี่กงกงกลอกตาทั้งสองข้างอย่างโกรธเคืองจนแทบจะเป็นลม “ช่างเถิดๆ เจ้าอายุยังน้อย หากไม่เข้าใจอาจารย์ย่อมไม่ตำหนิ ดีที่ปกติยามเจ้าปรนนิบัติรับใช้มิได้ทำผิดพลาด แต่อย่าโทษว่าอาจารย์ไม่เตือนเจ้าเล่า ระยะนี้สถานการณ์ในวังหลวงซับซ้อน ทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในชั่วพริบตาจะทำอันใดก็ล้วนต้องระวังเสียหน่อย หากมีอันใดตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น อย่าว่าแต่ข้าที่เป็นอาจารย์เลยแม้แต่เจ้าก็จะไม่รอด!”
ขันทีน้อยรีบพยักหน้า “ขอรับๆๆ ศิษย์จะระมัดระวังรอบคอบและไม่ลืมคำเตือนของท่านอาจารย์ขอรับ แต่ระยะนี้มีเรื่องเกิดขึ้นในวังหลวงมากมายเกินไปจริงๆ ไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะทรงประชวร อ้อ ท่านอาจารย์ขอรับเมื่อครู่มีคนให้ศิษย์เอาสิ่งนี้มามอบให้ท่านอาจารย์ขอรับ”
รับกระดาษที่ขันทีน้อยส่งมา หลังจากสี่กงกงอ่านดูสีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อไม่พบสิ่งใดผิดปกติจึงดึงขันทีน้อยไปในมุมหนึ่ง “ของสิ่งนี้ผู้ใดให้เจ้ามา ยังมีผู้ใดเห็นอีก?”
“ของที่ส่งให้ท่านอาจารย์ ศิษย์ย่อมไม่กล้าดูขอรับ” ลูกศิษย์น้อยมีสีหน้าเต็มไปด้วยความเลื่อมใส “เป็น เป็นองครักษ์ผู้หนึ่งส่งมาอย่างมีลับลมคมในขอรับ ยังไม่รอให้ข้าถามว่าเป็นผู้ใดในวังหลวงก็เดินจากไปแล้ว ท่านอาจารย์มีสิ่งใดไม่ถูกต้องหรือขอรับ?”
“เจ้าอยู่เฝ้าที่นี่เสีย ข้าจะรีบกลับมา จำไว้หากฝ่าบาททรงตื่นจากบรรทมให้ส่งคนไปตามข้าทันที”
สี่กงกงทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะรีบเดินจากไป
ขันทีน้อยสับสนอยู่บ้างเอามือลูบหลังศีรษะและเอ่ยไล่หลังเสียงเบา “ขอรับท่านอาจารย์ แต่ท่านรีบหน่อยนะขอรับ”
…ข้างหลังภูเขาจำลองของตำหนักเฉียนชิง
ตัวอักษรเพียงบรรทัดเดียวแต่ลายมือที่ราวกับมังกรทะยานหงส์เริงระบำดูเย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก ทำให้สี่กงกงที่เห็นรู้สึกเพียงสังหรณ์ใจไม่ดี
หัวใจของเขาราวกับถูกแขวนอยู่ในลำคอ เห็นเงาร่างที่มีท่าทีลับๆ ล่อๆ อยู่หลังภูเขาจำลอง เขาก็รีบเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังยิ่ง
เงาร่างนี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างเหมือนคนผู้นั้นที่มาข่มขู่เขาที่นี่ในวันนั้น เขากำลังจะคุกเข่าทำความเคารพใครจะรู้ว่ายามที่คนหันมากลับเป็นใบหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“เจ้า เจ้าคือใคร?”
ในเมื่อไม่เคยพบก็มิได้เกรงกลัวถึงเพียงนั้นแล้ว สี่กงกงเก็บมาดกลับมาทั้งยังมีท่าทีหยิ่งยโสมากขึ้น “บังอาจ กล้ามาทำตัวมีลับลมคมในเช่นนี้ในวังหลวง บอกมาว่าเจ้ามีเรื่องสำคัญอันใด?”
ชายผู้นั้นหมุนกายโดยมิได้มองพิจารณาสี่กงกงราวกับรู้จักเขาเป็นอย่างดี “สามหาว! หัวหน้าขันทีสี่อย่าคิดว่าเจ้าช่วยเหนียงเหนียงจัดการธุระแล้วจะเหนือกว่า ทุกคนล้วนเป็นคนของเหนียงเหนียง ไม่มีผู้ใดสูงกว่าผู้ใด! ระวังท่าทีการพูดของเจ้าหน่อย”
“เหนียงเหนียง?” สี่กงกงยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ในชั่วพริบตาก็ราวกับคิดอันใดได้ สีหน้าจึงแปรเปลี่ยนไปเป็นขาวซีด เขารีบร้อนขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจน “เหนียงเหนียงอันใด ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอันใด ในเมื่อเจ้ามาหาผิดคนเช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ!”บราวนี่ออนไลน์
“หยุด!” ชายผู้นั้นก้าวไล่ตามมา
สี่กงกงหันกลับไปด้วยใบหน้าหยิ่งยโส “ทำไม เจ้าที่เป็นเพียงองครักษ์ตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งกล้ามาขวางข้าหรือ! หากข้ากลับไปรับใช้ฝ่าบาทช้า เจ้าจะรับผิดชอบได้หรือ?”
“เป็นขันทีก็ช่างเถิดมีอันใดให้มาทำตัวเย่อหยิ่งกัน สี่กงกง ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับเจ้า ข้าเองก็เรียกเจ้าว่าสี่กงกงด้วยความเคารพ แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็ล้วนเป็นผู้ที่จัดการธุระให้เหนียงเหนียง เรื่องที่อี้กุ้ยเฟยเสียชีวิตทุกคนล้วนมีส่วนลงมือ เจ้ากับข้ามีอันใดแตกต่างกันเล่า”
องครักษ์เย้ยหยันด้วยความเหยียดหยาม
“สังหารอี้กุ้ยเฟยอันใด ของอาจกินมั่วได้แต่คำพูดไม่อาจกล่าวซี้ซั้วได้!” สี่กงกงร้อนรนจนเสียงแหบและแหลมเป็นอย่างมาก
“นี่ ทำก็ล้วนทำมาหมดแล้ว มายามนี้จะแสร้งยึดมั่นในคุณธรรมและไม่ยอมรับหรือ? ถึงอย่างไรคนผู้นั้นก็ตายไปแล้วไม่อาจเป็นผีมาหาเจ้าได้ เจ้าจะกลัวอันใด! หมิ่นกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงให้ข้าสังหารสาวใช้ข้างกายอี้กุ้ยเฟย และเจ้าก็ช่วยหมิ่นกุ้ยเฟยสังหารอี้กุ้ยเฟยมิใช่หรือ? ข้าล้วนยอมรับแล้วแต่เจ้าก็ยังกลัวอีกหรือ?” องครักษ์ยิ้มมองพิจารณาสี่กงกงขึ้นลง สุดท้ายก็ส่ายศีรษะอย่างเหยียดหยาม “จิ๊ๆ ขันทีก็คือขันที หาได้มีนิสัยกล้าหาญเช่นบุรุษ ช่างเถิด ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจก็ได้”
ถูกคนดูหมิ่นเช่นนี้ สี่กงกงก็มีโทสะขึ้นมาและชี้ไปที่ใบหน้าของเขาพลางต่อว่า “เจ้า เจ้ามันสารเลว! เจ้าอย่าคิดว่าเป็นคนข้างกายหมิ่นกุ้ยเฟยแล้วจะมาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ได้! ข้าขอเตือนเจ้า เรื่องที่อี้กุ้ยเฟยถูกสังหารข้ามิได้ทำอันใด ไม่เหมือนเจ้าที่สังหารคนปิดปากแล้วยังมีท่าทีจองหองเช่นนี้!”
“มิได้ทำอันใด? เช่นนั้นเหตุใดอี้กุ้ยเฟยจึงตายเล่า อยู่ดีๆ ก็เสียชีวิตในอุทยานหลวงเองหรือ?” องครักษ์เหลือบมองเขาคราหนึ่ง “ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับเช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เดิมหมิ่นกุ้ยเฟยยังคิดจะปล่อยคนที่เจ้าเป็นห่วงไป แต่ยามนี้ดูท่าแล้ว…”
“พวกเจ้าจะทำอันใด!” สี่กงกงร้อนรนขึ้นมาโดยพลัน มององครักษ์ที่มีสายตามุ่งร้าย ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้ออีกฝ่าย “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้ลงมือกับพวกนาง!”
“ไม่ลงมือก็ย่อมได้ เช่นนั้นยามนี้เจ้ายอมรับแล้วหรือว่าเจ้ากับข้าล้วนเป็นคนของหมิ่นกุ้ยเฟย?” องครักษ์ซักไซ้
“ข้า ข้า…” สี่กงกงหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้น ทั่วทั้งร่างราวกับล้วนชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ สุดท้ายเขาก็ดิ้นไม่หลุด “ข้าเพียงแค่ช่วยพวกเขาพาอี้กุ้ยเฟยออกไป ข้ามิได้ฆ่าคน เรื่องที่อี้กุ้ยเฟยถูกสังหารไม่ได้เกี่ยวกับข้า…”
“สี่เต๋อเซิ่ง!”
เสียงทุ้มต่ำอันน่าเกรงขามดังขึ้นมาจากข้างหลัง
สี่กงกงตกใจก่อนจะรีบหันกลับไปโดยพลัน ก่อนจะเห็นเพียงฮ่องเต้ที่ถูกพยุงอยู่ซึ่งไม่ทราบว่าปรากฏตัวอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อใด
องค์ชายรอง เจิ้งเฟยขององค์ชายรอง องค์ชายหก รวมถึงหมิ่นกุ้ยเฟยที่ถูกจับกุมก็ล้วนอยู่ด้วย
เปรี้ยง
เขารู้สึกเพียงว่ามีเสียงฟ้าผ่าดังอยู่เหนือศีรษะ
เมื่อครู่เขาล้วนพูดอันใดไปบ้าง?
จบแล้ว ครั้งนี้จบสิ้นแล้ว!
“ฝ่า ฝ่าบาท!”
สี่กงกงคุกเข่าลงไปบนพื้นโดยพลันก่อนจะโขกศีรษะให้ฮ่องเต้ไม่หยุด “ฝ่าบาทโปรดทรงเมตตาด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาททรงไว้ชีวิตกระหม่อมสักคราเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ายังกล้ามาร้องขอชีวิตจากข้าอีกหรือ?”
ฮ่องเต้ที่ถูกฉินรั่วเฉินพยุงอยู่ยื่นมือที่สั่นเทาออกไป มองขันทีเฒ่าที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายมาหลายปีอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจิ้น เจิ้นส่งต่อทุกเรื่องให้เจ้าจัดการ เจิ้นเชื่อใจเจ้ามากที่สุด แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสังหารกุ้ยเฟยของเจิ้น!”
มองท่าทางเดือดดาลของฮ่องเต้ หัวใจของสี่กงกงก็ราวกับแขวนอยู่ในลำคอ มององครักษ์ข้างกายอีกคราซึ่งไม่ทราบว่าเปลี่ยนชุดเครื่องแบบองครักษ์ออกตั้งแต่เมื่อใด ทั้งยังไปยืนอยู่ข้างหลังซั่งกวนเซ่าเฉินอีกด้วย
เขาหาใช่คนโง่เขลาย่อมรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแผนการของพวกองค์ชายรอง ดังนั้นฮ่องเต้จึงแสร้งทำเป็นบรรทม และองครักษ์เมื่อครู่ก็หลอกล่อให้เขายอมรับเรื่องชั่วช้าที่เคยทำจากปากตนเอง!
เขาถูกเปิดโปงตั้งแต่เมื่อใด?
เป็นไปดังคาด ชีวิตของคนไม่อาจทำเรื่องผิดบาปอันใดได้
“ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ขอฝ่าบาทโปรดทรงเห็นแก่ที่กระหม่อมคอยปรนนิบัติรับใช้พระองค์ด้วยแรงกายแรงใจมาหลายปี ไว้ชีวิตกระหม่อมสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…”
หัวหน้าขันทีวางแผนสังหารกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง จบแล้ว ชีวิตเขาเกรงว่าคงจบสิ้นแล้ว
“สี่กงกงบอกความจริงมาเถิด เจ้ายังช่วยหมิ่นกุ้ยเฟยทำอันใดอีก?” หลิงมู่เอ๋อร์ถามเสียงเย็น “หมิ่นกุ้ยเฟยสังหารอี้กุ้ยเฟยนางล้วนยอมรับหมดแล้ว แต่หากไม่มีความช่วยเหลือของเจ้า แผนของนางจะสำเร็จได้อย่างไร และอี้กุ้ยเฟยคงไม่ถึงขั้นต้องเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา เจ้ายังจะกล้าร้องขอชีวิตอีกหรือ?”
สี่กงกงเงยหน้าอยากจะแก้ต่างอันใดแต่สุดท้ายก็กลืนทุกคำพูดกลับลงไปในลำคอ ดวงตาทั้งสองข้างมองไปทางฮ่องเต้ “ฝ่าบาท เรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่อาจโทษกระหม่อมได้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ! ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทำเรื่องที่ไม่สมควร ไม่ควรเลียนแบบผู้อื่นคิดตบแต่งอันใดกับสตรีข้างนอก กระหม่อมถูกหมิ่นกุ้ยเฟยจับจุดอ่อนได้ทั้งยังข่มขู่ให้กระหม่อมแยกตัวอี้กุ้ยเฟยออกไป! แต่กระหม่อมคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าอี้กุ้ยเฟยจะเสียชีวิตด้วยน้ำมือของหมิ่นกุ้ยเฟย! ฝ่าบาท!”
สี่กงกงโขกศีรษะไม่หยุด ผ่านไปไม่นานที่หน้าผากก็มีเลือดไหลออกมา “ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดทรงไว้ชีวิตด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมรู้ว่าวันนั้นอี้กุ้ยเฟยจะต้องจบชีวิตลงย่อมไม่แยกตัวนางออกไปเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาททรงให้โอกาสกระหม่อมอีกสักครั้ง ไว้ชีวิตกระหม่อมสักคราเถิดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่แยกตัวอี้กุ้ยเฟยออกไปจริงๆ!”
เมื่อได้รับคำตอบยืนยัน ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงมู่เอ๋อร์ก็แดงก่ำ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่ฉินอวี้เหิงส่งคนมาบอกต่อ ดวงตาของนางก็มองไปทางฉินรั่วเฉินโดยพลัน แต่คำพูดกลับพูดกับสี่เต๋อเซิ่ง “สี่กงกง เมื่อครู่เจ้าบอกว่าหมิ่นกุ้ยเฟยกุมจุดอ่อนของเจ้าไว้และข่มขู่ให้ไปลงมือให้นาง แต่หมิ่นกุ้ยเฟยอยู่ที่วังหลังจะรู้เรื่องการตบแต่งกับสามัญชนของเจ้าได้อย่างไร หากเจ้าอยากรอดชีวิตก็บอกความจริงมาจะดีกว่า!”
เห็นสายตาอาฆาตของหลิงมู่เอ๋อร์ที่มองไปทางฉินรั่วเฉิน สี่เต๋อเซิ่งก็รู้ว่าเจิ้งเฟยขององค์ชายรองคงคาดเดาบางสิ่งได้แล้ว
สายตาของเขามองไปทางฉินรั่วเฉินโดยพลัน เห็นความคุกคามในแววตาของเขา เขาก็ยิ้มอย่างจนใจ “ทูลฝ่าบาท ทูลเจิ้งเฟยขององค์ชายรอง กระหม่อมถูกคนข่มขู่จริงพ่ะย่ะค่ะ แต่คนผู้นั้น…”
“เสด็จพ่อ! เขาในฐานะหัวหน้าขันทีกลับสังหารกุ้ยเฟยของวังหลังสมควรถูกลงโทษ อย่างไรขอให้เสด็จพ่อส่งต่อเรื่องนี้ให้ลูกจัดการเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ฉินรั่วเฉินก้าวออกมาอย่างกะทันหัน ไม่รอให้ฮ่องเต้มีรับสั่ง เขาก็เดินไปข้างหน้าสี่เต๋อเซิ่งแล้ว “สี่กงกงเห็นแก่ที่เจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลเสด็จพ่อมาหลายปี เปิ่นหวางจื่อจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง เจ้าคิดให้รอบคอบว่าตกลงแล้วแยกตัวอี้กุ้ยเฟยออกจากตำหนักเฉียนชิงไปหาหมิ่นกุ้ยเฟยได้อย่างไร หากเจ้าพูดตามจริงเปิ่นหวางจื่อก็สามารถไว้ชีวิตครอบครัวที่บริสุทธิ์ของเจ้าได้ ไม่เช่นนั้น…”