เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 17 ตอนที่ 486 ข่าวลือ
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 17 ตอนที่ 486 ข่าวลือ
เล่มที่ 17 ตอนที่ 486 ข่าวลือ
“ฉินรั่วเฉิน เจ้าต้องไม่ได้ตายดี!”
“วางใจเถิด ข้าจะเบิกตาให้กว้างเพื่อมองดูท่านตายอย่างดี!”
ไม่สนใจเสียงตะโกนของฉินอวี้เหิง ฉินรั่วเฉินโบกมือพาทุกคนเดินไป “ภายในหนึ่งเดือนมีองค์ชายตายถึงสององค์ เสด็จพ่อประชวรเช่นนี้เกรงว่าคงไม่หายดีง่ายๆ!”
เห็นองค์ชายหกออกไปจากห้องขัง ฉินอวี้เหิงที่คว้าโซ่เหล็กไว้ก็รู้สึกเพียงราวกับท้องฟ้าจะถล่มลงมา
“ฉินรั่วเฉิน ต่อให้ข้าตายก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ต่อให้เป็นผีข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้!”
เสียงคำรามของเขาดังไปทั่วทุกมุมของคุก แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่มีการตอบสนอง
ไม่ เขาไม่อาจนั่งรอความตายเช่นนี้ได้ จะต้องหาทางบอกความจริงเรื่องของฉินรั่วเฉินให้เสด็จพี่รองรู้
ฉินอวี้เหิงตัดสินใจแน่วแน่พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและตะโกนออกไปนอกคุก “ใครก็ได้ เปิ่นหวางต้องการส่งสาส์น เตรียมพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึกให้ข้า ใครก็ได้!”
“เปิ่นหวางเป็นผู้บริสุทธิ์ เปิ่นหวางได้รับคำสั่งให้ไปสืบหาฆาตกร เปิ่นหวางมิได้สังหารหมิ่นกุ้ยเฟย พวกเจ้าปล่อยข้าออกไป ใครก็ได้!”
ไม่รู้ว่าตะโกนอยู่นานเพียงใด รู้สึกเพียงว่าเรี่ยวแรงทั้งร่างล้วนถูกใช้หมดไปแล้ว บาดแผลบนหน้าผากยังคงปริแตกไม่หยุด แส้ที่ถูกฟาดมาทั้งสองคราอย่างเต็มแรงของฉินรั่วเฉินทำให้หน้าอกของเขาราวกับกำลังจะระเบิดออก
“ให้โอกาสข้าได้ร้องทุกข์สักครา ต่อให้ข้าจะตายก็ให้ข้าได้ทิ้งจดหมายลาตายไว้ก่อนเถิด เปิ่นหวาง…ขอร้องพวกเจ้า”
เขารู้ว่าหากยังตะโกนเช่นนี้ต่อไปเขาคงทนต่อไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ
แต่เขาไม่อาจปล่อยโอกาสสุดท้ายไปได้
“ขอร้องพวกเจ้า…”
“หวางเย่?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งดังเข้าหูมา ฉินอวี้เหิงสติเลือนรางคิดว่าหลอนไปเอง เขาออกแรงลืมตาขึ้นก็ราวกับเห็นเงาร่างหนึ่ง
“ฝันไปหรือ? ไม่ คงเป็นนรกเป็นแน่ ข้าตายแล้วใช่หรือไม่?”
เขาพึมพำเสียงแผ่วเบาจนแม้แต่ตนเองก็ล้วนได้ยินไม่ชัดเจน แต่คนกลับฟังออก
“หวางเย่ท่านยังไหวหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
คนผู้นั้นมองสำรวจรอบด้านอย่างระมัดระวัง ยามที่ยืนยันแล้วว่าไม่พบผู้ใดเขาก็รีบพุ่งไปเปิดคุก
เห็นบาดแผลทั่วทั้งร่างของฉินอวี้เหิง เขาที่เป็นบุรุษที่โตแล้วคนหนึ่งยังล้วนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา “วิธีการขององค์ชายหกโหดเหี้ยมเกินไปจริงๆ หวางเย่ ท่านต้องทนไว้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ร้อน? หรือว่าข้ายังไม่ตาย?” ฉินอวี้เหิงลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากอีกครา เงาร่างนั้นอยู่ใกล้มากเขาจึงมองเห็นอย่างชัดเจน
“เป็นเจ้า?”
“พ่ะย่ะค่ะ เป็นกระหม่อม” ผู้คุมนักโทษพยักหน้าพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ภรรยาส่งมาให้ตนออกมาเพื่อเช็ดบาดแผลบนหน้าผากของเขา “หวางเย่ลำบากมากแล้ว แม้กระหม่อมจะรู้ว่าหวางเย่ถูกใส่ความ แต่กระหม่อมก็เป็นเพียงผู้คุมนักโทษต่ำต้อยไร้ซึ่งหนทางจะปล่อยท่านออกไป ทำได้เพียงทายาให้ท่านเท่านั้น ท่านโปรดอดทนหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบผู้คุมนักโทษก็หยิบผงยารักษาแผลออกมาโรยลงบนบาดแผลของฉินอวี้เหิง
ผงยาที่โรยลงบนบาดแผลทำให้ฉินอวี้เหิงรู้สึกเจ็บจนแทบขาดใจ เขาอ้าปากอยากตะโกนออกมาสุดเสียง แต่เขารู้ว่าหากร้องออกมาไม่เพียงแต่ตนเองต้องตาย ทว่าแม้แต่ผู้คุมนักโทษตรงหน้าก็ต้องเข้ามาเกี่ยวพันด้วย
เขากัดฟันแน่นพยายามอดทนต่อความเจ็บ
“ขอบ ขอบใจมาก!”
“หวางเย่ไม่จำเป็นต้องขอบคุณกระหม่อมหรอกพ่ะย่ะค่ะ” ผู้คุมนักโทษเก็บยารักษาแผลกลับมา “กระหม่อมเป็นผู้คุมนักโทษ ยาในมือก็มีไม่มาก ทำได้เพียงเลือกรักษาแผลที่สาหัสก่อน แต่หวางเย่โปรดวางใจหากท่านมีอันใดจะมอบหมายให้กระหม่อมก็บอกมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงอย่างไรก็ไม่คิดว่าจะมีคนตอบรับเสียงเรียกของตนเองจริงๆบราวนี่ออนไลน์
เกรงว่าผู้คุมนักโทษผู้นี้จะเสี่ยงอันตรายไปด้วยเมื่อเข้ามาข้องเกี่ยวกับเขา
“ในคุกหลวงมีคนของฉินรั่วเฉินอยู่ทุกหนทุกแห่ง เจ้าไม่กลัวถูกพบเข้าหรือ?” ฉินอวี้เหิงลังเลอยู่บ้าง
ถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ตน
ความกังวลในใจของเขาแทบจะระเบิดออกมา
“หวางเย่โปรดวางใจพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้เป็นช่วงเปลี่ยนเวร เมื่อครู่ก่อนออกไปองค์ชายหกมอบเงินรางวัลให้เป็นจำนวนมาก หัวหน้าผู้คุมนักโทษและพวกสหายจึงล้วนพากันไปดื่มเหล้าคงไม่กลับมาอีกสักพักหนึ่ง แต่กระหม่อมไม่อาจรั้งอยู่นานได้ หากท่านมีอันใดจะมอบหมายก็คว้าโอกาสนี้ไว้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้คุมนักโทษมองเขาอย่างเคร่งเครียด คิดจะหันกลับไปหยิบพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นฝนหมึก แต่คิดไปคิดมาก็ลูบหลังศีรษะอย่างกระดากอาย “หวางเย่โปรดอภัย กระหม่อมไม่รู้หนังสือจึงจนปัญญาจะเอาของเหล่านั้นมาให้ท่านจริงๆ แต่ท่านโปรดวางใจ กระหม่อมความจำดียิ่ง ท่านอยากพูดอันใดกระหม่อมจะพยายามนำไปถ่ายทอดให้หมด แต่ แต่ทางที่ดีอย่ากล่าวมากเกินไปจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินอวี้เหิงถูกคำพูดนี้ทำให้ขบขันจนรู้สึกเจ็บยิ่ง เขาเบิกตากว้างมองพิจารณาใบหน้าของผู้คุมนักโทษ เขาสาบานว่าหากสามารถออกไปได้จะแต่งตั้งตำแหน่งให้แน่นอน
“เจ้าไปส่งต่อคำพูดให้เสด็จพี่รองว่าฉินรั่วเฉินมีความเกี่ยวข้องกับการสังหารเสด็จแม่ และข้างกายเสด็จพ่อมีไส้ศึกอยู่”
“เท่านี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ผู้คุมนักโทษประหลาดใจ แม้แต่เขาก็ยังแปลกใจมากกับคำพูดนี้ แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดมากกว่านี้
“เหตุใดเจ้าจึงช่วยข้า?” ราวกับได้ยินเสียงอันใด ฉินอวี้เหิงจึงขมวดคิ้วแน่น “ไม่ดีแล้ว มีคนมา เจ้ารีบออกไปเสีย จำไว้ว่าต้องนำคำพูดนี้ไปบอกให้ถึงหูของเสด็จพี่รองให้ได้”
ผู้คุมนักโทษก็ได้ยินเสียงเช่นกัน เขาออกไปจากห้องขังอย่างร้อนรน แต่เพราะกินปูนร้อนท้องยามที่ลงกลอนร่างของเขาจึงสั่นเทา แม้แต่แม่กุญแจก็ยังหล่นลงไปอยู่หลายครา
“เรียน เรียนหวางเย่ เงินที่ท่านให้คนส่งให้กระหม่อมคราก่อนหลังจากที่ออกไปได้ แม้ผู้ที่มาจะไม่ได้บอกว่าเป็นท่านแต่กระหม่อมรู้ว่าเป็นท่านพ่ะย่ะค่ะ หวางเย่เป็นคนรักษาคำพูด หลังจากท่านออกไปก็ยังจำได้และส่งคนมามอบรางวัลให้กระหม่อม นับเป็นวาสนาของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็ควรตอบแทนท่าน ท่านวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระหม่อมจะไปจัดการให้อย่างแน่นอน”
กล่าวจบผู้คุมนักโทษก็หมุนกายวิ่งไป แต่เพิ่งก้าวออกไปไม่กี่ก้าวก็ปะทะเข้ากับกำแพงเนื้อ
ผู้คุมนักโทษตกใจจนทั่วทั้งร่างเกร็งขึ้นมา มองไปทางอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังก็พบกับใบหน้าเดือดดาลตรงหน้า
“บ่าวเช่นเจ้าเมื่อครู่พูดว่าจะจัดการอันใด?”
เสียงอันน่าเกรงขามเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ผู้คุมนักโทษกดดันจนไม่กล้าเงยหน้า เขาตัวสั่นเทิ้มไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร “เรียน เรียนท่านหัวหน้าผู้คุมนักโทษ เมื่อครู่ข้าน้อยมิได้พูดอันใดขอรับ!”
“สารเลว!” ชายอาวุโสเดือดดาลขึ้นมา “อย่าคิดว่าเมื่อครู่ข้าไม่ได้ยินอันใด บอกมาว่าเจ้าตกลงอันใดกับคนผู้นั้น!”
หัวหน้าผู้คุมนักโทษใช้มือทั้งสองข้างออกแรงคว้าคอเสื้อของเขาดึงขึ้นมาอย่างแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเดือดดาลราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
จากมุมของฉินอวี้เหิงทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่เกิดฝั่งตรงข้าม แต่จากที่ได้ยินเสียงเขาก็พอรู้ว่าผู้คุมนักโทษกำลังตกที่นั่งลำบาก
หากคนบริสุทธิ์ผู้หนึ่งต้องเข้ามาพัวพันไปด้วยเพราะตน เขาคงตายตาไม่หลับ
ใช่ หลังเข้าคุกมาสองคราเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเมื่อก่อนตนเองช่างสารเลวนัก หากมีโอกาสอีกคราเขาสาบานว่าจะไม่ทำตัวสารเลวเช่นนั้นอีก และจะรักษาตำแหน่งไท่จื่อของเขาไว้ให้ดี
“พวกเจ้ามันก็แค่ไอ้ลูกสุนัข เปิ่นหวางให้พวกเจ้าไปจัดการธุระให้นิดหน่อยกลับมาเหยียดหยามกันเช่นนี้! เปิ่นหวางยังไม่ตาย ต่อให้เปิ่นหวางจะมิใช่เซียวเหยาหวางแต่ก็ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ พวกเจ้ากล้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้หากเก่งนักก็มาให้ข้าดูเสียว่าเป็นผู้ใด ข้าสาบานว่ารอให้ข้าออกไปได้จะสับเจ้าเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นแน่นอน!”
ฉินอวี้เหิงตะโกนจนลำคอของเขาแทบแตก ตะโกนออกมาจนสุดเสียง
หัวหน้าผู้คุมนักโทษที่ดื่มเหล้าจนสติไม่แจ่มชัดได้ยินว่ามีคนด่ากราดเขาเช่นนี้ ก็ลืมการกระทำลับๆ ล่อๆ ของผู้คุมนักโทษเมื่อครู่ไป เขาผลักผู้คุมนักโทษออกไปอย่างแรงก่อนจะสาวเท้ายาวไปที่กรงขัง เห็นฉินอวี้เหิงที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด เขาก็ยิ้มเยาะออกมา “เหอะ เป็นแค่องค์ชายใกล้ตายผู้หนึ่งยังกล้ามาจองหองต่อหน้าข้า! ฉินอวี้เหิง เจ้าคิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตได้เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้จริงหรือ?”
เห็นหัวหน้าผู้คุมนักโทษวิ่งไปทางฉินอวี้เหิง ผู้คุมนักโทษก็รู้ว่าองค์ชายสามจงใจแยกพวกเขาออกจากกัน ผู้คุมนักโทษรีบหมุนกายวิ่งหนีไปทำหน้าที่ของเขาให้ลุล่วง
“เห็นแล้วอย่างไร ไม่เห็นแล้วอย่างไร? เปิ่นหวางรู้เพียงว่าเจ้าก็เป็นเพียงสุนัขรับใช้ของฉินรั่วเฉิน ย่อมมีจุดจบที่ต้องตายโดยไร้ดินฝังกลบเช่นเดียวกับเขา!” ฉินอวี้เหิงกัดฟันมองหัวหน้าผู้คุมนักโทษอย่างเหยียดหยาม หางตาเห็นผู้คุมนักโทษหนีไปแล้ว ก้นบึ้งในใจของเขาก็ทอดถอนใจอย่างโล่งอก
เสด็จพี่รอง น้องจะรอท่าน
“คนใกล้ตายเช่นเจ้ากล้ามาแช่งข้าหรือ ดูให้ดีว่าวันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร!”
หัวหน้าผู้คุมนักโทษกล่าวก่อนจะหยิบกุญแจมาเปิดประตูห้องขัง “ข้ายังไม่เคยสั่งสอนองค์ชายมาก่อน วันนี้จะได้ลองดูพอดีว่าจะรู้สึกเช่นไร!”
กล่าวจบหมัดก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะของฉินอวี้เหิง
ฉินอวี้เหิงไม่อาจหลบเลี่ยงจึงรู้สึกเพียงความมึนงง เดิมชีวิตก็ใกล้ถึงวาระสุดท้ายอยู่แล้วจึงยิ่งหายใจแผ่วเบายิ่งขึ้น
“เหนียงเหนียง เหตุใดท่านจึงลุกขึ้นมาเพคะ หมอบอกว่าท่านต้องพักฟื้น รีบนอนลงเถิดเพคะ”
สาวใช้ส่วนตัวรีบวิ่งเข้ามาพยุงหมิ่นกุ้ยเฟยให้นอนลงไปบนเตียงอีกคราอย่างรวดเร็ว “หากเหนียงเหนียงกระหายน้ำหรือหิว หม่อมฉันจะสั่งให้คนไปนำอาหารมาเพคะ”
เห็นสาวใช้กำลังจะเดินไป หมิ่นกุ้ยเฟยก็รีบห้ามนางไว้ “หยุดก่อน เปิ่นกงมิได้กระหายหรือหิว ข้าอยากถามเจ้าว่ายามนี้สถานการณ์ข้างนอกเป็นเช่นไร?”
“สถานการณ์หรือเพคะ?” สาวใช้ตกตะลึงแต่ไม่นานก็ตอบสนองออกมา “เหนียงเหนียงถามเกี่ยวกับเซียวเหยาหวางหรือเพคะ?”
นางมองไปรอบด้านอย่างระแวดระวัง หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีผู้ใดแอบฟังจึงเพิ่งตอบอย่างระมัดระวัง “ทูลเหนียงเหนียง แผนทรมานกายของท่านได้ผลอย่างยอดเยี่ยมเพคะ หลังจากฝ่าบาททรงทราบว่าท่านบาดเจ็บหนักก็นำเซียวเหยาหวางไปขังไว้ในคุกหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังปลดเขาออกจากตำแหน่งหวางเย่ด้วยเพคะ ผู้ที่ทำหน้าที่ไต่สวนเรื่องนี้คือองค์ชายหก ได้ยินว่าเซียวเหยาหวาง ไม่สิ ยามนี้เป็นองค์ชายสามแล้ว เขาถูกทรมานอยู่ในคุกและถูกองค์ชายหกสั่งสอนอยู่เพคะ”
ได้รับคำตอบอันน่าพอใจ มุมปากของหมิ่นกุ้ยเฟยก็ยกขึ้นราวกับบาดแผลบนร่างไม่รู้สึกเจ็บปวดอันใด
“เหอะ อยากฆ่าข้าแต่น่าเสียดายที่เขายังอ่อนหัด”
ลูบไหล่ที่บาดเจ็บ ตรงนี้เจ็บมากทีเดียว หากมิใช่เพราะหมอหลวงมาทันเวลาเกรงว่านางคงคายไปแล้วจริงๆ ฉินอวี้เหิงหนอฉินอวี้เหิง เจ้าถูกทรมานก็นับว่าสมน้ำหน้าเจ้าแล้ว
“หลิงมู่เอ๋อร์และซั่งกวนเซ่าเฉินเล่า พวกเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปเป็นแน่ ทางฝั่งฝ่าบาทตอบว่าอย่างไร?”
“ทูลเหนียงเหนียงมีข่าวลือว่าฝ่าบาททรงประชวรหนักจึงมิได้พบพวกเขาเพคะ หม่อมฉันคาดว่าบางทีฝ่าบาทอาจทรงรู้สึกว่าเรื่องนี้จัดการได้ยากจึงไม่อยากออกหน้า และมอบอำนาจทั้งหมดให้องค์ชายหกเพคะ”
“ฉินรั่วเฉิน?” หมิ่นกุ้ยเฟยหรี่ตาครึ่งหนึ่ง “แม้เปิ่นกงจะยังไม่แน่ใจว่าเขาเป็นผู้ที่สังหารถิงเอ๋อร์ของข้าใช่หรือไม่ แต่อย่างน้อยเรื่องนี้เขากับข้าก็มีเป้าหมายเดียวกัน มีเขาอยู่ ครานี้ฉินอวี้เหิงจะต้องตายอยู่ในคุกหลวงเป็นแน่!”
นึกได้เช่นนี้ในใจนางก็รู้สึกอารมณ์ดียิ่ง
ในช่วงสายนางได้รู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์กำลังหากระดุมที่ชุดของนาง นางจึงส่งสาวใช้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งไปเอาชุดมา คาดไม่ถึงว่าเวลาจะพอเหมาะพอเจาะ
แม้ว่าหลังจากนางเพิ่งได้ชุดมาอยู่ในมือคนของหลิงมู่เอ๋อร์จะบุกเข้ามาแต่ก็ไม่เป็นอันใด ถึงอย่างไรนางก็คิดแผนไว้แล้ว
ขอเพียงเอาร่างเข้าไปในกระถางไฟ แม้ตัวนางเองจะต้องได้รับความเจ็บปวดที่ไม่ควรได้รับแต่หลักฐานก็ถูกทำลาย แม้ว่าพวกหลิงมู่เอ๋อร์จะแน่ใจว่านางเป็นฆาตกรที่สังหารอี้กุ้ยเฟยแล้วอย่างไรเล่า? เมื่อฝ่าบาทเห็นนางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ขอเพียงทะนุถนอมนางและสงสารนางก็พอ สุดท้ายแล้วมิใช่ว่าฉินอวี้เหิงที่ถูกนางยั่วโทสะย่อมได้รับโทษหรือ
เขาอยู่ในตำแหน่งไท่จื่อมาหลายปีก็ช่างไร้ประโยชน์ ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้เช่นนี้ก็ไม่แปลกใจที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งไท่จื่อ
ฉินอวี้เหิงหนอฉินอวี้เหิง ต่อให้ตายเจ้าก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ส่งคนไปจับตาดูหลิงมู่เอ๋อร์และซั่งกวนเซ่าเฉิน ครานี้พวกเขาพลาดไปย่อมไม่ยอมรามือเป็นแน่ หากพวกเขาพบสิ่งใดก็จงมาบอกให้ข้ารู้ก่อน!” หมิ่นกุ้ยเฟยออกคำสั่ง
สาวใช้ไม่เพียงแค่ไม่ไปแต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มภูมิใจ “เหนียงเหนียงวางใจเถิดเพคะ ยามที่เหนียงเหนียงหมดสติอยู่หม่อมฉันได้สั่งให้คนไปจับตาดูไว้แล้ว ไม่เพียงเท่านั้นหม่อมฉันยังส่งคนให้ไปทูลแก่ฝ่าบาทว่าเหนียงเหนียงป่วยหนัก หากในใจฝ่าบาทมีเหนียงเหนียงอยู่ย่อมมาเยี่ยมท่านก่อนเป็นแน่ เหนียงเหนียงต้องคว้าโอกาสนี้ไว้นะเพคะ”