เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 16 ตอนที่ 475 ถ่ายเลือด
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 16 ตอนที่ 475 ถ่ายเลือด
เล่มที่ 16 ตอนที่ 475 ถ่ายเลือด
ถูกต้อง
เมื่อครู่มิใช่ว่าเท้าชา เป็นเพราะไม่อยากทำให้ซูเช่อกังวลเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงว่าจะหลอกเขาไม่ได้
ถังยาพิษนับหมื่นชนิดนี้แม้จะสามารถปลุกนางให้ฟื้นขึ้นมาได้แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น อีกทั้งทุกสิ่งล้วนมีข้อดีและข้อเสีย ต่อให้นางฟื้นขึ้นมาแล้วก็จำต้องยอมรับความท้าทายใหม่
นั่นคือนางถูกพิษ
พิษนี้จะต้องใช้ยาแก้พิษหลายชนิดจึงจะแก้ได้ มิได้สามารถใช้เข็มเงินธรรมดาขับพิษได้อย่างง่ายดาย
พูดให้ง่ายหน่อยคือสามารถใช้พิษข่มพิษก็สามารถรักษาได้
แต่คนท้องจะกินยาง่ายๆ ได้อย่างไร?
“ไม่มีหนทางแก้ไขจริงหรือ?” ซูเช่อมองหลิงมู่เอ๋อร์ที่สีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกันก็ตระหนักได้ว่าตงฟางเชวี่ยมิได้โกหกเขา หัวใจก็ตึงเครียดขึ้นมาโดยพลัน
ยามที่ตงฟางเชวี่ยยังมิทันได้ตอบสนอง กระบี่คมในมือก็ไปจ่อบนคอของเขาแล้ว ทั้งยังบังคับให้ตัวของเขาถอยไปอยู่ในมุม “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะใช้วิธีใด แต่ต้องรักษานางให้ได้ หรืออยากให้ข้าเอาชีวิตเจ้า!”
“พี่ใหญ่ นางมิใช่สตรีของท่าน เหตุใดท่านต้องเคร่งเครียดถึงเพียงนี้ด้วย?”
ตงฟางเชวี่ยกลอกตาขาวราวกับสิ่งที่จ่ออยู่บนคอหาใช่กระบี่คม แต่เป็นท่อนไม้ที่ไร้ซึ่งพลังโจมตี อีกทั้งใบหน้ายังมีรอยยิ้มหยอกล้อซูเช่ออยู่ด้วย
“รนหาที่ตาย!” ซูเช่อกัดฟันในขณะที่ลงมือออกแรงหมายจะเฉือนเส้นเลือดใหญ่ของเขา
หลิงมู่เอ๋อร์ตะโกนอย่างร้อนรน “ช้าก่อน!”
ตงฟางเชวี่ยเห็นซูเช่อผละตัวออกไปก็รีบผลักเขาแล้ววิ่งไปข้างหลังหลิงมู่เอ๋อร์ มือข้างหนึ่งคว้าชายเสื้อของหลิงมู่เอ๋อร์ ในขณะที่มืออีกข้างชี้ใบหน้าของซูเช่อโดยที่ทั่วทั้งร่างสั่นเทาอย่างรุนแรงไม่หยุด “ท่าน เมื่อครู่ท่านหมายจะฆ่าข้าจริงหรือ?”
“ในเมื่อรักษานางไม่ได้ เจ้ามีชีวิตอยู่บนโลกไปจะยังมีประโยคอันใด?” ซูเช่อเผยไอสังหารของตนเองอย่างไม่ละอายใจแม้แต่น้อย
“ท่าน…” ตงฟางเชวี่ยโกรธเกรี้ยว เขามองหลิงมู่เอ๋อร์ก่อนจะมีท่าทีอ่อนลงโดยพลัน ทั้งยังเริ่มร่ำไห้ร้องทุกข์อย่างน่าสงสาร “แม่นางเซียนแพทย์โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย ข้าที่เป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สามสิบแปดของหุบเขาเย่าหวาง ยังมิทันได้ร่ำเรียนกับท่านอาจารย์จบก็ประสบเคราะห์ร้ายถูกคนข่มขู่หมายเอาชีวิตแล้ว ข้ายังมิได้เห็นโลกภายนอกในใต้หล้าอันกว้างใหญ่ ยังมิได้ตบแต่งกับสตรีอันเป็นที่รักทั้งยังไม่มีลูก วันนี้อาจต้องตายด้วยกระบี่ของคุณชายท่านนี้ ชีวิตของข้าเหตุใดจึงน่าเวทนาถึงเพียงนี้ แม่นางผู้มีเมตตาราวกับพระโพธิสัตว์กลับมาจุติบนโลก ท่านช่วยข้าด้วยเถิด ฮือๆๆ…”
“หุบปาก!”
สิ่งที่ซูเช่อทนไม่ได้มากที่สุดคือบุรุษที่มีท่าทางเสแสร้ง
แม้เขาจะเข้าใจนิสัยของตงฟางเชวี่ยผู้นี้อยู่หลายส่วน แต่อีกฝ่ายที่ไปอาศัยหลบหลังหลิงมู่เอ๋อร์ ทั้งยังทำท่าทีน่าสงสารก็ทำให้คนรู้สึกรังเกียจเสียจริง
“ข้าจะถามเจ้าอีกคราเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าไม่มีวิธีจริงหรือ?”
“มี!”
ตงฟางเชวี่ยยืนตัวตรงโดยพลัน ก่อนจะกระแอมคอและเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังราวกับนกยูงรำแพนหางอย่างเย่อหยิ่ง
“เมื่อครู่ที่เปิ่นกงจื่อบอกว่าถึงอย่างไรข้าก็เป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สามสิบแปดของหุบเขาเย่าหวาง หาได้เป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม!”
เขาส่ายศีรษะหันกลับไปมองซูเช่อทั้งยังหันไปพิจารณาหลิงมู่เอ๋อร์อีกครา “หากเป็นคนธรรมดาพิษนี้คงไม่นับเป็นอันใดได้ แค่กินยาถอนพิษในมือข้าลงไปก็เรียบร้อยแล้ว” เขาสั่นขวดยาที่เพิ่งหยิบออกมาจากชั้นเมื่อครู่ “น่าเสียดาย ในท้องเจ้ามีทารกที่ยังไม่ถึงสามเดือนจึงไม่อาจกินยาได้ง่ายๆ เด็กล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์จะให้สุขภาพของผู้ใหญ่มาช่วงชิงโอกาสในการเกิดมาสู่โลกของเขาได้อย่างไร?”
ตงฟางเชวี่ยเดาะลิ้น “ยามนี้มีวิธีหนึ่ง แม้ข้ากับท่านอาจารย์ล้วนไม่เคยลองแต่ในใจพวกเราเคยลองมานับพันหมื่นครั้ง หากทุกคนเชื่อใจข้าก็ลองดูสักคราเถิด!”
“วิธีอันใด?” หลิงมู่เอ๋อร์และซูเช่อแทบจะพูดออกมาเป็นเสียงเดียว
ใบหน้าของหลิงมู่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจทั้งยังมีความอยากรู้อยากเห็นและสงสัยบราวนี่ออนไลน์
แต่ซูเช่อกลับมีสีหน้าเป็นห่วง
“เจ้ามั่นใจกี่มากน้อย?”
น้ำเสียงของเขาเย็นชา ก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาสีดำขลับราวกับหินเฮยเย่าแฝงความคุกคามถึงชีวิตไว้อยู่ “นางมิใช่หนูที่เจ้าจะมาทดลองได้ตามอำเภอใจ หากไม่แน่ใจ ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าลงมือตามใจชอบ!”
“จุ๊ๆๆ พี่ใหญ่ ข้าว่าท่านไม่เข้าใจสถานการณ์เลยกระมัง? หรือคำพูดเมื่อครู่ของข้ายังไม่ชัดเจน?” ตงฟางเชวี่ยเดาะลิ้น “ยามนี้นี่เป็นเพียงหนทางเดียว เพียงหนึ่งเดียว ท่านเข้าใจหรือไม่?”
เห็นซูเช่อยังอยากพูดอันใด หลิงมู่เอ๋อร์ก็ใช้สายตาห้ามไว้เสียก่อน
นางเอาผ้าพันโดยรอบก่อนจะมองตงฟางเชวี่ยอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย “หากเมื่อครู่เสียมารยาทไปมู่เอ๋อร์ก็ยินดีแสดงความขอโทษ แต่ไม่ทราบว่าวิธีของผู้นำหุบเขาคืออันใด มู่เอ๋อร์ยินดีที่จะรับฟังอย่างละเอียด”
ตงฟางเชวี่ยราวกับร้อนใจขึ้นมา รีบกระโดดหันกลับมาด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “เจ้าเต็มใจจะลองทดสอบวิธีของข้าหรือ?”
เอ่อ
คำพูดนี้ค่อนข้างตรงไปตรงมาทีเดียว
“ข้ามิเต็มใจแต่เจ้าก็บอกแล้วว่านี่เป็นเพียงวิธีเดียวมิใช่หรือ? เจ้ายังมิบอก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าเต็มใจหรือไม่เต็มใจ?”
ตงฟางเชวี่ยพยักหน้า “กล้าหาญนัก!”
เขายกนิ้วโป้งขึ้นมา “เจ้าเป็นผู้ที่เข้าใจทักษะแพทย์เช่นนั้นก็ควรรู้ว่าวิธีเพียงหนึ่งเดียวนี้คนทั่วไปมิกล้าลองโดยง่าย แต่เจ้ากลับมีท่าทีสบายใจเช่นนี้ทั้งยังมีความไม่ยี่หระก็เห็นได้แล้วว่าเจ้ามีความกล้าที่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
เขาพยักหน้า “มิน่าเล่าเสียนหวางและองค์ชายรองจึงล้วนทุ่มเทความรักให้เจ้า”
“หากเจ้ายังพูดจาเหลวไหล คืนนี้ข้าจะทำให้ปากเจ้าขยับไม่ได้อีก!” ซูเช่อกัดฟันข่มขู่
ตงฟางเชวี่ยยื่นฝ่ามือออกมาโดยพลันราวกับจะบอกอีกคราว่า ‘กลับเข้าเรื่องดีกว่า’
ยามที่เงยหน้าอีกคราเขากลับละทิ้งท่าทีไม่เป็นโล้เป็นพายแปรเปลี่ยนไปมีท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง
หากมิใช่เพราะเขายืนอยู่ตรงหน้ามาตลอดมิได้เข้าออกจากห้อง ซูเช่อและหลิงมู่เอ๋อร์ก็คงคิดว่าคนตรงหน้าเป็นพี่น้องฝาแฝดของตงฟางเชวี่ย ซึ่งสองพี่น้องก็มีบุคลิกตรงข้ามกันพอดิบพอดีซึ่งต่างกันอย่างสุดขั้ว
“วิธีนี้เป็นวิธีลับที่สืบทอดกันมาของหุบเขาเย่าหวางจนถึงทุกวันนี้ ได้ยินว่าท่านปรมาจารย์เคยลองอยู่สองคราซึ่งล้วนสำเร็จทั้งหมด ต่อมาในยุคหลังเพราะไม่มีโอกาสที่แน่นอนทั้งยังไม่อาจใช้สิ่งมีชีวิตเป็นๆ มาทดลองจริงได้ ในรุ่นของท่านอาจารย์และข้าจึงยังไม่เคยทดลอง และชื่อของวิธีนี้ก็คือ…การถ่ายเลือด”
“ไม่ได้!”
แทบจะทันทีที่สิ้นคำพูดของตงฟางเชวี่ย ซูเช่อก็ปฏิเสธโดยพลัน
เขารีบพุ่งเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิงมู่เอ๋อร์ ราวกับเช่นนี้จะสามารถขวางกั้นนางจากภายนอกไม่ให้ถูกตงฟางเชวี่ยข่มเหง
“การถ่ายเลือดอันใด นั่นล้วนเป็นเพียงข่าวลือไม่มีมูล เป็นวิธีจอมปลอมที่ทำให้เลือดในร่างกายคนไหลออกมาจนถึงแก่ชีวิต ตงฟางเชวี่ย หากเจ้าไม่มีวิธีก็พูดว่าไม่มีวิธีก็พอ เหตุใดต้องมาหลอกลวงให้พวกเราเสียเวลาด้วย!”
ซูเช่อกล่าวและจับข้อมือของหลิงมู่เอ๋อร์ “ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือซั่งกวนเซ่าเฉินก็ล้วนไม่อนุญาตให้เจ้าเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยงอันตราย ในเมื่อที่นี่ไม่มีวิธีเช่นนั้นพวกเราไปหาวิธีที่อื่นเถิด”
เห็นเขาคว้าตัวหลิงมู่เอ๋อร์เดินไป ตงฟางเชวี่ยก็กอดอกด้วยมือทั้งสองข้างในขณะที่มีสีหน้านิ่งสงบ “ในเมื่อไม่เชื่อใจหุบเขาเย่าหวางเหตุใดจะต้องทำเรื่องวุ่นวายมากมายด้วย ไปเถิดๆ อยากไปที่ไหนก็ไป แต่หากเดินออกจากประตูนี้ไปแล้วอย่าได้คิดจะกลับมาอีก กฎของหุบเขาเย่าหวางคือหากไม่เชื่อใจก็ไม่รักษา! ถ้าไม่เชื่อจะไปก็ได้แต่หากกลับมาอีก จะ-ไม่-รับ-แล้ว!”
ตงฟางเชวี่ยนั่งไขว่ห้างแม้จะมองเล็บของตนเองด้วยท่าทีสบายใจ แต่ก้นบึ้งในดวงตาของเขากลับมีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม
“ซูเช่อ!”
หลิงมู่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่เดิม สายตามองมือของเขาที่จับแขนนาง
ซูเช่อตระหนักได้ว่าการกระทำของตนเสียมารยาทเป็นอย่างยิ่งจึงรีบปล่อยนาง แต่ด้วยเกรงว่านางจะตอบรับข้อเสนอของคนข้างหลังจึงรีบออกคำสั่ง “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตอบรับเขา! หลิงมู่เอ๋อร์ เจ้าก็เป็นหมอก็น่าจะรู้ว่าหากคนเสียเลือดอย่างต่อเนื่องจะเสียชีวิต ถึงเจ้าไม่คิดเพื่อคนอื่น แต่จะไม่คิดเพื่อซั่งกวนเซ่าเฉินเลยหรือ?”
คำพูดนี้ฟังดูต่ำต้อยอยู่บ้าง
เพื่อไม่ให้นางตัดสินใจอย่างบุ่มบ่าม
หลิงมู่เอ๋อร์มองพิจารณาซูเช่อ เห็นความเคร่งเครียดและความเป็นห่วงในก้นบึ้งดวงตาของเขา นางรู้ว่าชีวิตนี้เป็นหนี้ซูเช่ออยู่ ต่อให้มอบชีวิตให้เขาก็ยังไม่อาจชดใช้ได้
“ข้าเชื่อเขา!”
หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวก่อนจะหมุนกายกลับไปตรงหน้าตงฟางเชวี่ยอีกครา
ซูเช่อตะลึงงันรีบไล่ตามไป “หลิง…”
“คุณชายซู ข้าคิดว่าแม่นางหลิงอยากคุยกับข้าตามลำพัง ไม่สู้คุณชายซูออกไปดื่มชาข้างนอกก่อนจะดีกว่ากระมัง?”
ตงฟางเชวี่ยไม่หันกลับไป ยิ้มและมองไปทางหลิงมู่เอ๋อร์แต่กลับพูดไล่ซูเช่อ
“ข้า…”
“เขาพูดไม่ผิด ข้าอยากพูดคุยกับเขาตามลำพังได้หรือไม่?”
ยามที่หลิงมู่เอ๋อร์หันกลับไปในแววตาก็มีความเว้าวอนอยู่
ซูเช่ออดทนทำใจแข็งกับท่าทีเช่นนี้ไม่ได้ แม่นางผู้เป็นที่รักมองเขาอย่างน่าสงสาร แม้จะให้เขามอบชีวิตให้เขาก็เต็มใจทำ
“ข้าจะไปอยู่ข้างนอก”
ซูเช่อถอนหายใจอย่างแผ่วเบาและรีบออกจากห้องไป
ในห้องเหลือเพียงหลิงมู่เอ๋อร์และตงฟางเชวี่ยสองคน เดิมคิดว่าตงฟางเชวี่ยจะยังฉุนเฉียวและพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างไม่รู้ไม่ชี้ต่อ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดอย่างจริงจังเป็นพิเศษ
“แม้ว่าข้าจะชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าแต่พูดตามตรง วิธีนี้ข้าเพียงแค่เคยได้ยินมามิเคยลงมือทำจริง เจ้าคิดให้ดีเถิด” ตงฟางเชวี่ยกล่าวด้วยท่าทีเฉียบขาด “หากล้มเหลวเจ้าและทารกในครรภ์ย่อมล้วนตายตกไปตามกัน และแน่นอนว่าข้าจะไม่ยอมถูกฝังไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วยเพราะนี่คือสิ่งที่เจ้าเลือกเอง!”
หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้า “เจ้าเป็นหมอ ข้าเป็นคนป่วย หากเจ้าช่วยข้าไม่ทันจะไปตำหนิเจ้าได้อย่างไร? แต่ก่อนที่ข้าจะตกลง ไม่ทราบว่าเจ้าอธิบายอย่างละเอียดเสียหน่อยได้หรือไม่ว่าเจ้าคิดจะลงมืออย่างไร?”
“ลงมือ?”
ตงฟางเชวี่ยกลิ้งกลอกดวงตาก่อนจะมาอยู่ตรงหน้าหลิงมู่เอ๋อร์โดยพลัน “เหอะ ทำไม นี่คือต้องการขโมยวิชาหรือ? เจ้ามิใช่แม่นางเซียนแพทย์ที่มีทักษะแพทย์สูงส่งหรือ ยังจะต้องการขโมยวิชาของที่นี่ไปอีก จิ๊ๆๆ ช่างทำให้คนรู้สึกรังเกียจเสียจริง!”
หากเป็นคนทั่วไป หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดเหยียดหยามเช่นนี้คงเย็บปากเขาไปแล้วเป็นแน่ แต่นางพอจะเข้าใจนิสัยและอารมณ์ของตงฟางเชวี่ยผู้นี้
ชอบพูดล้อเล่นไม่จริงจังแต่ความจริงคือแสร้งทำเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือ เป็นเพียงคนหน้าเนื้อใจเสือเท่านั้น
“ใช้เข็มฝังสกัดกั้นเส้นเลือดของผู้ป่วย จากนั้นให้กินยาพิเศษที่ช่วยเร่งการไหลเวียนของเลือด ใช้ท่อที่ทำจากหนังพิเศษเข้าไปเชื่อมต่อกับเส้นเลือดของคนที่ถ่ายเลือด ขั้นตอนนี้ต้องทำอย่างรวดเร็วไม่อาจหยุดกลางคันได้ หลังเสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายที่ถ่ายเลือดต้องกินยาพิเศษเพื่อรับรองว่าในร่างกายจะมีเลือดใหม่ไหลเวียนไม่ติดขัด แต่หากถูกขัดขวางกลางคันทั้งสองฝ่ายที่ถ่ายเลือดจะล้วนร่างระเบิดจนตายตกไป” หลิงมู่เอ๋อร์โค้งริมฝีปาก “ไม่ทราบว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
“เจ้ารู้ขั้นตอนวิธีการได้อย่างไร?”
ตงฟางเชวี่ยตะลึงงัน “ไม่เพียงแต่รู้เทียบยาของยาถอนพิษ ทั้งยังรู้ขั้นตอนวิธีการถ่ายเลือดซึ่งเป็นความลับเช่นนี้ บอกมา เจ้ามิใช่ลูกนอกสมรสของท่านอาจารย์ที่ออกไปร่อนเร่พเนจรข้างนอกใช่หรือไม่!”
หลิงมู่เอ๋อร์มึนงงถูกทำให้ขบขันขึ้นมาโดยพลัน “ในโลกนี้ผู้ใดจะคาดเดาความลี้ลับได้ ผู้สืบทอดหุบเขาเย่าหวางผู้มีทักษะแพทย์สูงส่งยิ่งคาดไม่ถึงว่าจะมีนิสัยนอกกรอบเช่นนี้ มิน่าเล่าจึงไม่มีคนเชื่อใจหุบเขาเย่าหวางอีก”
ตงฟางเชวี่ยราวกับถูกจุดไฟโทสะขึ้นมาโดยพลัน “พูดเช่นนี้หากเจ้ามิใช่ลูกนอกสมรสของท่านอาจารย์ หรือว่าเจ้าจะเป็นคนรักที่อยู่ภายนอกของท่านอาจารย์เล่า?”