เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ? - เล่มที่ 15 ตอนที่ 438 ผ่าท้องคลอด
- Home
- เกิดใหม่ทั้งทีขอเป็นผู้ดูแลฟาร์มผู้มั่งคั่งบ้างได้ไหมคะ?
- เล่มที่ 15 ตอนที่ 438 ผ่าท้องคลอด
เล่มที่ 15 ตอนที่ 438 ผ่าท้องคลอด
“แว้ แว้!”
เสียงร้องไห้ของทารกดังกังวานออกมาจากในห้อง
ทุกคนที่รออยู่นอกห้องตกตะลึงก่อนความเคร่งเครียดบนใบหน้าจะสลายหายไปโดยพลัน
“คลอดแล้ว? เจาหยางคลอดแล้วหรือ?” หยางซื่อไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
“เป็นไปได้อย่างไร? จากประสบการณ์ของข้าเด็กน่าจะหมดสติไปพร้อมกับจวิ้นจู่นานแล้ว…” ป้าหวังไม่กล้าพูดตามตรงว่าตายในท้อง ถึงอย่างไรผู้ที่นั่งอยู่ก็ล้วนหาใช่คนที่นางจะไปทำให้ขุ่นเคืองได้
“ถูกต้องพี่ใหญ่หวัง จวิ้นจู่อยู่ในสถานการณ์ที่คลอดยาก อย่าว่าแต่เด็กเลยแม้แต่ชีวิตของจวิ้นจู่ก็ยากจะรักษาไว้ได้ เรื่องนี้ท่านกับข้าก็ล้วนมองออกอย่างชัดเจน เจิ้งเฟยขององค์ชายรองมีความสามารถเช่นไรกัน?” หมอตำแยที่ทำคลอดเจาหยางก่อนหน้านี้ก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน
“เป็นไปไม่ได้ สตรีผู้หนึ่งที่ไม่เคยคลอดลูกจะเข้าใจเรื่องการทำคลอดได้อย่างไร ทั้งยังในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ ข้าแน่ใจแปดในสิบส่วนว่านางตัดสินใจช่วยชีวิตเด็กไว้โดยพลการ!” ป้าหวังครุ่นคิดอยู่นานก็หาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้ นี่เป็นคำตอบเดียวที่นางยอมรับได้
“ช่วยชีวิตเด็กไว้หรือ?” องค์หญิงใหญ่ทวนประโยคนี้ซ้ำก่อนดวงตาจะกลิ้งกลอกเกือบจะหมดสติไป
“ท่านแม่!” ซูเช่อที่ตาไวมือไวรีบเข้าไปพยุงร่างของนางไว้
องค์หญิงใหญ่รีบเงยศีรษะขึ้นมาอย่างตกตะลึง นางจ้องมองซูเช่ออย่างจริงจัง หลังจากเรื่องคราก่อนเด็กคนนี้เคยเรียกนางว่าแม่เสียที่ไหน?
นางกำลังจะเข้าไปใกล้ซูเช่ออีกเล็กน้อย แต่กลับเห็นว่าเขาเบนสายตาออกไปแล้ว
“คนยังไม่ออกมาจะมาพูดจาส่งเดชได้อย่างไร?” เสียงของซูเช่อเย็นชายิ่ง สายตาจ้องมองไปรอบบริเวณ “หมอตำแยพูดจาเหลวไหลเช่นนี้คงไม่กลัวเสียลิ้นกระมัง?”
ป้าหวังได้ยินก็ตกใจกลัวจนรีบสูดหายใจ ทั่วทั้งร่างอดไม่ได้ที่จะยืดตรง
“ไม่มีทาง ข้าเชื่อใจมู่เอ๋อร์!” น้ำเสียงสั่นเทาของหลิงจือเซวียนดังขึ้นมาทำลายความตึงเครียด หลังสิ้นคำพูดเขาก็โผเข้าไปที่ประตูใช้หูแนบประตูพยายามฟังเสียงการเคลื่อนไหวข้างในให้ชัดเจน
ยามนั้นเองที่ประตูถูกเปิดออก
“ขอแสดงความยินดีกับท่านราชบุตรเขย เป็นจวิ้นจู่น้อยเจ้าค่ะ” ซางจืออุ้มทารกยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มโดยไม่อาจเก็บอาการได้
ทุกคนรีบโผเข้าไปโดยพลัน
“เจาหยางเล่า?” หยางซื่อถามด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
มิใช่ว่านางไม่เชื่อใจลูกสาว แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการคลอดลูก ลูกสาวยังมิเคยมีประสบการณ์ใดแล้วจะกล้าร้องขอมากเกินไปโดยการให้นางปกป้องทั้งผู้ใหญ่ และเด็กได้อย่างไร
ทว่านางไม่กล้าคิดว่าหากลูกสาวเลือกปกป้องเด็กไว้ เช่นนั้นหลิงจือเซวียนจะทำอย่างไรเล่า ตำหนักจวิ้นอ๋องจะปล่อยจวนตระกูลหลิงไปได้อย่างไร? ที่สำคัญคือนางก็ปฏิบัติต่อเจาหยางเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ ผู้หนึ่งเช่นกัน!
“ฮูหยินวางใจได้เจ้าค่ะ ผู้เป็นมารดาปลอดภัยดี เจาหยางจวิ้นจู่ปลอดภัยดีเจ้าค่ะ!”
หลังสิ้นคำพูดนี้ในใจของทุกคนก็มีความอบอุ่นแล่นผ่าน ขนทั่วทั้งร่างล้วนลุกชันขึ้นมา
แม้แต่ป้าหวังก็ยังอดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้าไปข้างหน้าสุด “เจ้าว่าอย่างไรนะ จวิ้นจู่ไม่เป็นอันใดหรือ?”
“ข้าบอกพวกท่านแล้วว่าคุณหนูของพวกเราเก่งกาจยิ่งมิใช่หรือเจ้าคะ?” ซางจือเชิดหน้าอย่างภูมิใจไม่มองพวกที่ดูถูกคุณหนูของพวกนาง
“คุณหนูมีหัตถ์เทพคืนวสันต์ มีคุณหนูอยู่แน่นอนว่าจวิ้นจู่ย่อมไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ!” ซางจือกล่าวจบก็ส่งจวิ้นจู่น้อยให้หยางซื่อ “ฮูหยินอุ้มไว้ให้มั่นคงนะเจ้าคะ ข้างในคุณหนูยังต้องการความช่วยเหลืออยู่เจ้าค่ะ”
ทิ้งคำพูดไว้ก่อนซางจือจะกลับเข้าไป แต่ใจของทุกคนก็ผ่อนคลายลงตามประตูที่ปิดลงไปแล้ว
“ไม่เป็นอันใดหรือ? พวกนางบอกว่าเจาหยางไม่เป็นอันใดหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งตอบสนองออกมา ก่อนน้ำตาจะไหลออกมาจากหางตาโดยพลัน
“ท่านย่า?” ซูเช่อปลอบใจและส่งผ้าเช็ดหน้าไป
“อมิตาพุทธ ขอบคุณพระพุทธองค์ที่ทรงคุ้มครอง ขอบคุณพระพุทธองค์เป็นอย่างยิ่งที่ทรงคุ้มครอง!” ถังซื่อรีบคุกเข่าลงบนพื้นเริ่มโขกศีรษะทั่วสารทิศ
หยางซื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบทำตาม แม้แต่องค์หญิงใหญ่ซึ่งที่ผ่านมาไม่เชื่อก็ยังคุกเข่าตามลงไป ปากพึมพำว่าลูกสาวนางรอดตายจากเหตุการณ์ยากลำบากมาได้ต่อไปจะต้องมีชีวิตอันแสนสุขเป็นแน่
“ดูสิ คล้ายเจาหยางของพวกเรามากทีเดียว แต่จมูกกับปากเล็กๆ คล้ายจือเซวียนเป็นอย่างยิ่ง ช่างงดงามเสียจริง” ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เห็นพวกหยางซื่อลุกขึ้นมานางก็รีบเรียก “เร็วเข้า รีบมาดูเร็วว่าคล้ายผู้ใดมากกว่ากัน?”
สตรีทั้งสามคนรีบลุกขึ้นมาเข้าไปล้อมรอบ ไม่กล้ามองแต่กลับอยากมอง เมื่อเห็นเด็กตัวน้อยถูกเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วเห็นคิ้วเข้มตาโตของเด็กคนนั้น ทุกคนก็ต่างมีความสุขยิ่ง
“เด็กโง่ผู้นี้ยังมัวทำอันใด ยังไม่มาดูลูกสาวเจ้าอีก?” องค์หญิงใหญ่พบว่าหลิงจือเซวียนยังยืนทำอันใดไม่ถูกอยู่ด้านข้าง ก็กวักมือแสดงท่าทีให้เขาเข้ามา
หลิงจือเซวียนกลับไม่แม้แต่จะขยับ “กระหม่อมอยากให้ภรรยาของกระหม่อมออกมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
เพียงประโยคเดียวก็ราวกับทำให้ก้นบึ้งในใจของทุกคนขึงตึงขึ้นมา
แต่ก่อนองค์หญิงใหญ่ไม่พอใจในตัวของหลิงจือเซวียนมากนัก ทว่าหลังจากเห็นการตัดสินใจและการตอบสนองของเขา นับแต่นี้ไปนางตัดสินใจว่าในอนาคตคนตรงหน้าจะนับเป็นลูกชายของนาง นางจะไม่ดูแคลนเขาอีกเด็ดขาด
“เจาหยางตัดสินใจถูกต้องตั้งแต่แรก!”
นางเช็ดน้ำตามองหลิงจือเซวียนอย่างเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ ในใจรู้สึกภูมิใจแทนลูกสาว
“เจาหยางไม่เป็นอันใดแล้ว เมื่อครู่เจ้าก็ได้ยิน มู่เอ๋อร์นางเก่งกาจยิ่ง!” หยางซื่อเห็นลูกชายเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกภูมิใจเช่นกัน นางโอบแขนของเขาพามารออย่างเงียบๆ ด้วยกัน ในขณะที่สายตาจ้องมองไปทางประตูห้องตาไม่กะพริบ
“แต่เหตุใดเจิ้งเฟยขององค์ชายรองจนถึงยามนี้จึงยังไม่ออกมาเล่า?”
เสียงอันไม่เป็นเดือดเป็นร้อนของซูเช่อทำลายความตื่นเต้นของทุกคน
ใช่ เด็กก็คลอดแล้ว เหตุใดหลิงมู่เอ๋อร์จึงยังไม่ออกมาเล่า? หรือว่าเจาหยางยังมีอาการอื่นใดอีก?
“ผ่าท้องคลอด เอาเด็กออกมา และเย็บแผลเข้าไปใหม่เช่นนั้น จะออกมาง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ?” เสียงของป้าหวังดังขึ้นมาข้างหลังทุกคนในเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ
“เจ้าพูดอันใด?” สิ้นคำพูดนี้ก็ทำให้ทุกคนตกใจอย่างแท้จริง
องค์หญิงใหญ่ดึงแขนของป้าหวังอย่างดุดัน “เจ้าพูดอันใดอีก? ผ่าท้องคลอดอันใด?”
“หม่อมฉันได้ยินกับหูเพคะ เจิ้งเฟยขององค์ชายรองบอกว่าจะผ่าท้องคลอดเอาเด็กออกมา แม้หญิงเฒ่าเช่นหม่อมฉันจะไม่รู้ว่ามีวิธีเช่นนี้จริงหรือไม่ แต่ยามนี้มาคิดดูแล้วหากไม่ใช่วิธีนี้ เด็กคนนี้ก็ไม่มีทางรอดชีวิต ดูท่าเจิ้งเฟยขององค์ชายรองจะหาใช่คนโกหก ทว่าท้องคนเป็นถูกผ่าเปิดจะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือเพคะ?”
เสียงท้ายประโยคของนางแผ่วเบาราวกับเสียงยุง แต่ก็พอที่จะทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
ผ่าเปิดท้องคนเอาเด็กออกมาก่อนจะทำการเย็บแผล?
ยังมิต้องพูดถึงปัญหาว่าจะสามารถเย็บแผลได้หรือไม่ คนผู้นี้ยังจะสามารถมีชีวิตรอดได้อีกหรือ?
ใช่ ยังจะรอดได้อย่างไร?
“ท่านแม่!”
เห็นว่าองค์หญิงใหญ่กำลังจะพุ่งเข้าไปในห้อง ซูเช่อก็ขวางนางไว้ได้ทันเวลา
เรียกนางอีกคราก็ทำให้องค์หญิงใหญ่แสดงความรู้สึกออกมาอีกครั้ง แต่นางยิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของเจาหยางมากขึ้น “เจ้าไม่ได้ยินหรือ พวกนางบอกว่าหลิงมู่เอ๋อร์กำลังผ่าเปิดท้องเจาหยาง นั่นมันคน คนที่ยังมีชีวิตอยู่หาใช่สัตว์เลี้ยงมิใช่หรือ? จะเย็บอันใด นางคิดว่ากำลังเย็บผ้าอยู่หรือ?”
“ในเมื่อนางสามารถปกป้องเด็กที่แม้แต่หมอตำแยยังปกป้องไม่ได้เอาไว้ได้ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่านางไม่มีปัญหาอันใด พวกเราควรรู้สึกขอบคุณคนขอรับ” มิใช่มาสงสัย
ซั่งกวนเซ่าเฉินส่งสายตาขอบคุณไปให้ซูเช่อ มององค์หญิงใหญ่อีกครา สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึม “มู่เอ๋อร์บอกว่าสามารถทำได้ก็หมายความว่าทำได้ แต่ข้าเป็นห่วงสุขภาพของมู่เอ๋อร์ยิ่ง”
“กรี๊ด!”
ภายในห้องมีเสียงกรีดร้องเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน!
แม้แต่ซั่งกวนเซ่าเฉินที่สงบเยือกเย็น ครานี้ก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้จึงรีบพุ่งเข้าไปที่ประตู
“เกิดอันใดขึ้น?” หยางซื่อและองค์หญิงใหญ่ตบประตูห้อง
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู!”
ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของหยางซื่อและองค์หญิงใหญ่ แต่เสียงกรีดร้องของซางจือก็ดังออกมา
ซั่งกวนเซ่าเฉินและหลิงจือเซวียนสบตากัน ก่อนทั้งสองคนจะถีบประตูห้องเข้าไป หาได้สนใจเรื่องลางร้ายอันใดอีก
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” ซั่งกวนเซ่าเฉินแม้จะบุกเข้าไปเป็นคนแรก แต่ถึงอย่างไรสตรีก็กำลังคลอดลูก เขามีฐานะแตกต่างจึงเอาผ้ามาปิดตาทั้งสองข้างไว้
หลิงจือเซวียนมองเห็นทุกสิ่งเบื้องหน้า เขาเห็นเจาหยางที่นอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง เบ้าตาของเขาก็รู้สึกถึงความอุ่นร้อนสายหนึ่งก่อนน้ำตาจะไหลออกมา
“ลำบากหรือไม่เจาหยาง?”
“ข้า ข้าไม่เป็นอันใด รีบไปดูมู่เอ๋อร์…”
ได้ยินน้ำเสียงอ่อนแรงของเจาหยางก็ตระหนักได้ว่านางปกป้องตัวเองได้ ซั่งกวนเซ่าเฉินรีบเอาผ้าออกและพุ่งเข้าไป
เพิ่งเข้ามาก็เห็นหลิงมู่เอ๋อร์นอนอยู่ในอ้อมแขนของเจี้ยงเซียง
สีหน้าของนางหาได้ดีไปกว่าเจาหยางเลย!
“มู่เอ๋อร์!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินรับหลิงมู่เอ๋อร์มา แต่นางที่อยู่ในอ้อมแขนเข้าสู่สภาวะหมดสติไปแล้ว อาการเช่นนี้เหมือนกับเมื่อคืนไม่ผิดเพี้ยน
“เกิดอันใดขึ้น? เหตุใดมู่เอ๋อร์จึงหมดสติไป?” พวกหยางซื่อที่เร่งรุดเข้ามาต่างพากันตกใจ
พูดกับตามหลักแล้ว ผู้ที่หมดสติควรเป็นเจาหยางที่เพิ่งคลอดลูก เหตุใดจึงกลายเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนที่หมดสติเล่า?
ดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างของซั่งกวนเซ่าเฉินมองไปนอกประตู “ไปตามหมอหลวง รีบไปตามหมอหลวงมา!”
เหล่าบุรุษนอกประตูที่มิได้เข้ามาซึ่งกำลังคิดจะพุ่งเข้ามา แต่ถูกเหล่าหมอตำแยขวางทางไว้เสียก่อน
พวกนางล้วนอยากดูว่าในห้องเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทั้งยังอยากรู้เรื่องการผ่าท้องคลอดอีกด้วย
เห็นหลิงต้าจื้อออกไปไม่ได้ หลังจากซูเช่อพยักหน้าให้ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ทะยานร่างออกไป ใช้ปลายเท้าแตะที่ไหล่ของหมอตำแยเบาๆ ก่อนจะออกไปจากลานได้อย่างราบรื่น
“ให้คุณหนูใช้สิ่งนี้ก่อนเถอะเพคะ?” ซางจือเอายาสำหรับดมสูตรพิเศษออกมาจากอกอีกครา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาเมื่อคืน
ซั่งกวนเซ่าเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอนุญาต
แต่ครานี้หลิงมู่เอ๋อร์มิได้ฟื้นขึ้นมา
“เกิดอันใดขึ้น?” เจี้ยงเซียงเอาของที่ต่างออกไปวางไว้ที่ใต้จมูกของหลิงมู่เอ๋อร์ แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่มีการตอบสนองอันใด
“ตกลงเมื่อครู่มันเกิดอันใดขึ้น?” ซั่งกวนเซ่าเฉินถามทั้งสองคนอย่างโกรธเกรี้ยว
ซางจือและเจี้ยงเซียงคุกเข่าลงบนพื้นโดนพลัน “เรียนองค์ชายรอง เมื่อครู่คุณหนูได้ทำการผ่าคลอดให้จวิ้นจู่เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ แต่ทันใดนั้นจวิ้นจู่ก็เลือดออกกะทันหัน คุณหนูไร้หนทางจึงกรีดแขนตัวเองให้เลือดจวิ้นจู่ บอกว่าทำเช่นนี้จะฟื้นฟูพลังชี่ให้จวิ้นจู่ได้เพคะ แต่ผลคือ ผลคือ…”
“สารเลว!”
ซั่งกวนเซ่าเฉินระเบิดโทสะออกมา ดวงตาแดงก่ำราวกับต้องการฆ่าคน “คนอื่นไม่รู้แต่เจ้าสองคนหาใช่จะไม่รู้ว่านางกำลังตั้งครรภ์มิใช่หรือ? เหตุใดจึงยังให้นางเอาเลือดให้คนอื่น?”
“ตั้งครรภ์หรือ?” หยางซื่ออ้าปากค้าง
ฮูหยินผู้เฒ่าและองค์หญิงใหญ่ตกตะลึงยิ่ง คาดไม่ถึงว่าในสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังตั้งครรภ์หลิงมู่เอ๋อร์กลับเอาเลือดให้เด็กสาวของครอบครัวพวกนาง
นี่มันอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
“องค์ชายรองโปรดไว้ชีวิตด้วยเพคะ พวกหม่อมฉันโน้มน้าวคุณหนูแล้ว แต่คุณหนูบอกว่าการที่มีเลือดออกยามผ่าคลอดอันตรายเป็นอย่างยิ่ง และดีไม่ดีอาจอันตรายถึงชีวิต นางไม่อาจมองดูจวิ้นจู่น้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกไม่มีมารดาได้ เพราะเหตุนี้ เพราะเหตุนี้จึงไม่อาจขวางได้เพคะ” ซางจือรู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด นางไม่กล้ามองสายตาอันโหดเหี้ยมขององค์ชายรองแม้แต่น้อย
ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ขึ้นมาจากก้นบึ้งในใจ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นยะเยือก ซั่งกวนเซ่าเฉินในยามนี้ราวกับเสือที่หิวโหยมาสามวันสามคืน หากไปยั่วยุเขายามนี้ย่อมเป็นการเอาตัวไปเสี่ยงตายโดยแท้
“ช้าก่อน ทักษะแพทย์ของเจ้าสองคนเป็นมู่เอ๋อร์ที่สอนด้วยตัวเองย่อมต้องเหนือกว่าบรรดาหมอหลวง แม้แต่เจ้าสองคนก็ยังไม่อาจคาดเดาได้หรือว่าหมดสติไปเพราะเหตุใด?”
ซางจือและเจี้ยงเซียงได้ยิน สีหน้าที่เดิมทีซีดเซียวก็ยิ่งซีดลงกว่าเดิม “ทูล ทูลองค์ชายรอง ยามที่คุณหนูหมดสติพวกเราได้ทำการตรวจอาการดูแล้ว แต่ร่างกายของคุณหนู…”
“หมอหลวงเยี่ยนพั่นพูดไว้ไม่ผิดเพคะ ร่างกายของคุณหนูมีความผิดปกติและแตกต่างจากคนทั่วไปกอปรกับตั้งครรภ์อยู่ ชีพจรเช่นนี้พวกหม่อมฉันไม่เคยพบเจอมาก่อน หลังจากคุณหนูหมดสติไปก็ตรวจไม่พบชีพจรนี้อีก ทั้งยังไม่ทราบว่าคุณหนูหมดสติไปเพราะเหตุใด และจะฟื้นขึ้นมาเมื่อใดเพคะ”